เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 1055 ถูกฆ่า
หยางโปทำอะไรไม่ถูกไปเลย ” ผมแค่อยากจะพูดคุยกับเขาเรื่องวิชากระบี่ แน่นอนผมรู้ดี
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสอนรูปแบบการใช้กระบี่ให้ผม ”
” คุณมาถามฉันก็ได้นะ ! ” เหยียนหรูหยูกล่าว
หยางโปอดที่จะมองเยียนหรูหยูด้วยใบหน้าที่อับอายไม่ได้ เขาถามอีกฝ่ายมาหลายครั้งแล้ว
แต่ทุกครั้งก็จบลงด้วยความล้มเหลวเรื่องราวที่น่าอับอายเช่นนี้สำหรับเขาแล้วมันทำให้รู้สึกยากที่จะเอ่ยปาก
เนื่องจากจิโร่ สึคาฮาระหายตัวไป หยางโปก็ไม่คิดที่จะออกตามหาตัวเช่นกัน
ตอนนี้ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว พวกเขาทั้งสามกลับไม่มีอะไรทำ ในอดีต หยางโปอาจจะไปนั่งที่ร้านของหลิวมีดเดียว นับตั้งแต่ร้านหยกของเขาเปิดกิจการ หลิวมีดเดียวก็ดูเหมือนจะมีความรักที่ผลิบาน ไปลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองหยางเฉิงเลย
ลัวย่าวหัวแนะนำ ” เราไปดูที่หลิวหลีฉ่างกันไหม ? ”
“ หลิวหลีฉ่าง ? ” หยางโปชะงักไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าและกล่าวว่า
“ ช่างเถอะ หลิวหลีฉ่างไม่ได้เจริญมาก ไปเดินดูมาหลายรอบแล้ว ไม่ได้มีอะไรน่าดูเลย ”
ลัวย่าวหัวค่อนข้างจะหมดทางเลือก “ ไม่มีที่ให้ไปแล้วนะ ? นายมีเงินมากเกินไป ตอนนี้เลยดูถูกสถานที่เหล่านั้นไปแล้ว ! ”
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย “ คิดไม่ออก ฉันยังมีอีกที่ที่อยากไป ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยมีเวลา แต่ตอนนี้
ดูเหมือนว่าจะพอไปได้แล้ว ! ”
ลัวย่าวหัวประหลาดใจมาก “ ที่ไหน ? ” “ เหลียงหรูซิง ! ”
หยางโปและเหลียงหรูซิงไม่ค่อยได้ติดต่อกัน ก่อนหน้าที่เสวียนจงได้เชิญเขาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนของชาวยุทธ์ที่นี่ เขาจึงได้รู้จักกับเหลียงหรูซิง แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเหลียงหรูซิง และโจวซินจะร่วมมือคบคิดกันทำร้ายเขาในภายหลัง ความแค้นนี้เขาลืมไปแล้ว แต่แก้แค้นเอาตอนนี้มันก็ไม่สาย !
เพียงแต่ว่าหยางโปไม่รู้ว่าเหลียงหรูซิงอาศัยอยู่ที่ไหน หลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย หยางโปก็โทรหาเสวียนจง และถามไปว่าเขาอยู่ที่ไหน
คิดไม่ถึงว่าเสวียนจงจะยังคงอยู่ในที่ตี้จิง หยางโปจึงได้ขับรถไปรับเสวียนจงที่โรงแรม
“ คุณน่าจะรู้ว่าเหลียงหรูซิงอยู่ที่ไหนใช่ไหม ? ” หยางโปถาม
เสวียนจงนิ่งอึ้งไป เขาเหลือบไปมองหยางโปและเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ราวกับว่ากำลังชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอยู่ เขาไม่ต้องการที่จะทำให้หยางโปขุ่นเคืองใจ และยิ่งไม่อยากทำให้เหลียงหรูซิงที่เป็นคนมีอำนาจบารมีในพื้นที่ขุ่นเคืองใจ !
หยางโปเข้าใจความคิดของเขาจึงพูดต่อไปว่า ” โจวซินไปแล้ว พ่อของเขามาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้และมาพบกับผมครั้งหนึ่ง เมื่อสองสามวันก่อนเขาได้พาโจวซินกลับไปแล้ว ”
หยางโปกลับไม่ได้พูดรายละเอียดลงลึกมาก แต่แค่คำพูดไม่กี่คำนี้ก็ทำให้เสวียนจงหน้าถอดสี เริ่มแรกเขาติดตามโจวซิน นั่นก็เพราะอยากเรียนรู้วรยุทธ และคิดที่จะฝ่าด่านปัจจุบันไปให้ได้
แต่พอคอยติดตามรับใช้ โจวซินกลับไม่ทำให้ได้รับประโยชน์มากเท่าที่ควร ตอนนี้ โจวซินจากไปแล้ว โดยที่ไม่ได้บอกกับเขาเลยด้วยซ้ำ คงทิ้งเขาไปอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว !
เสวียนจงลังเลใจเล็กน้อย เขาเหลือบมองหยางโป เขารู้ว่าหยางโปหมายถึงอะไร
หยางโปต้องการให้เขาเลือกข้าง เขาจะต้องตัดสินใจเลือก ! “ ผมรู้ที่อยู่ของเขา เดี๋ยวผมบอกคุณเอง ! ” เสวียนจงไม่ได้คิดนานนัก แต่ก็ตัดสินใจเลือกทันที เพราะเขาคิดว่าติดตามหยางโปจะมีความหวังมากกว่า !
“ ดี ! ” หยางโปพูด Aileen-novel
ไม่นาน รถก็เข้ามาจอดที่เรือนสี่ประสานหลังหนึ่ง ที่นี่เงียบสงบมาก หยางโปเหลือบมองเข้าไปข้างใน “ นี่คือบ้านของเหลียงหรูซิงงั้นเหรอ ? ”
เสวียนจงพยักหน้า ” เหลียงหรูซิงอยู่เป็นโสดมาตลอด ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าเขาจะอยู่ที่นี่หรือเปล่า
ปีก่อนผมกับเพื่อนๆที่ฝึกฝนวรยุทธเคยมากินข้าวที่บ้านของเขา ”
หยางโปพยักหน้า “ ตกลง ผมจะลองเข้าไปดูข้างในก่อน ”
หยางโปเปิดประตูรถและลงจากรถเพียงคนเดียว แสงสว่างวาบผ่านตาของเขาไป จากนั้นก็มองเห็นสภาพภายในลาน เขาเห็นเหลียงหรูซิงยืนอยู่ในสวนหลังบ้าน มือขวาถือดาบยันพื้น
ตัวเอนไปข้างหน้าเหมือนกับจุดศูนย์โน้มถ่วงของร่างกายเอนไปข้างหน้า
แต่ดวงตาของหยางโปกลับเบิกกว้าง เพราะเขาเห็นเลือดจำนวนมากไหลรินมาจากตัวของเหลียงหรูซิง !
หยางโปก้าวไปข้างหน้า ถีบประตูจนเปิดออก จากนั้นเขาก็ไปวิ่งไปที่สวนหลังบ้านทันที
ลัวย่าวหัวและคนอื่นๆที่กำลังนั่งอยู่ในรถ กำลังรอให้หยางโปมาเคาะประตู แต่กลับเห็นเขาใช้เท้าถีบเปิดประตู จากนั้นร่างก็หายวับเข้าไป พวกเขาจึงรีบลงจากรถและวิ่งตามเข้าไป
เหยียนหรูหยูเร็วที่สุด ไม่เห็นเท้าของเธอเคลื่อนไหวใดๆเลย ก็เข้ามาถึงในลานบ้านแล้ว
เธอเห็นหยางโปและเดินเข้าไปหา
ลัวย่าวหัวมองตามร่างเหยียนหรูหยู ก็อดที่จะพึมพำเบาๆไม่ได้ ” ช่างเหมือนปีศาจจริงๆ ! ”
เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นเหยียนหรูหยูหันหน้ากลับมามอง ฝีเท้าของเขาช้าลงเล็กน้อยราวกับถูกฟ้าผ่า เมื่อเห็นเสวียนจงเดินตามมาข้างหลัง เขาจึงรีบกวักมือเรียก ” พวกเราเข้าไปด้วยกันเถอะ ! ”
เสวียนจงรีบอธิบายทันที ” คุณไม่ต้องกังวล ต่อไปผมจะติดตามศิษย์พี่หยาง ไม่หนีไปไหนแน่
นอน ! ”
“ ไม่เป็นไร ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ผมไม่ได้คิดว่าคุณจะหนีไปไหน ! ” ลัวย่าวหัวกล่าว
ไม่นาน พวกเขาก็เข้ามาในสวนด้านหลัง ทุกคนต่างเห็นสภาพร่างกายของเหลียงหรูซิง
เห็นร่างกายที่ถูกแทงพรุนไปหมดของเขา แต่ยังไม่ล้มลง
หยางโปเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเหลียงหรูซิง มองไปที่ช่องเปิดด้านซ้ายตรงอก
เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
เหลียงหรูซิง ยังคงมีลมหายใจที่รวยริน หยางโปประคองให้เขานอนลงและยังคงรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะขัดขืนเล็กน้อย แต่เพราะมีเรี่ยวแรงที่น้อยมาก จึงไม่สามารถต่อต้านได้แล้ว
หยางโปมองหน้าเหลียงหรูซิงและถามไปว่า ” ใครเป็นคนลงมือ ? ”
เหลียงหรูซิงลืมตาขึ้นและชายตามองหยางโป ใบหน้าบิดเบี้ยว ราวกับว่าเขาได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีและพูดออกมาว่า ” ญี่ปุ่น… ”
พูดออกมาได้ครึ่งคำ เหลียงหรูซิงก็ตาเหลือกไร้ซึ่งลมหายใจ
หยางโปมองไปที่ศพของเหลียงหรูซิง ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าเขาอยากจะลงโทษเหลียงหรูซิงก็ตาม แต่ไม่ได้คิดที่จะฆ่าเขา แค่คิดไม่ถึงว่าจะมีใครชิงลงมือตัดหน้าเขาไปก่อนหนึ่งก้าว ที่สำคัญยังลงมือได้เหี้ยมโหดมาก !
เหลียงหรูซิงพูดแค่คำว่า ญี่ปุ่นสองคำ แต่ในหัวของหยางโปกลับผุดร่างของคนญี่ปุ่นที่อยู่บนเวทีนั้นขึ้นมาทันที เขาเคยเห็นแค่ความปราดเปรียวในการใช้กระบี่ของของจิโร่ สึคาฮาระ และมีเพียงทักษะกระบี่แบบนี้เท่านั้นที่จะเอาชนะเหลียงหรูซิงได้
เสวียนจงรีบไปที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นสภาพของเหลียงหรูซิง ก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที เขาก้าวเข้าไปช้าๆไปหยุดอยู่ด้านข้าง ” นี่… นี่มันเป็นไปได้ไง ? เหลียงหรูซิงเป็นประธานของชาวยุทธสันโดษทางภาคเหนือ ฝึกฝนอยู่ในขั้นหยินชี่จิงที่สมบูรณ์ ในโลกของผู้ฝึกหัดสันโดษแทบไม่มีคู่แข่งอยู่
มันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง… ”
เสวียนจงไม่ได้พูดอะไรต่อ ในสายตาของเขาเหลียงหรูซิงมีขั้นวรยุทธระดับสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังถูกฆ่าตายเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นคู่ต่อสู้ของเขาควรจะอยู่ในระดับไหนกัน ?
“ คุณจัดการเรื่องงานศพซะ ” หยางโปชี้ไปทางเสวียนจง
เสวียนจงพยักหน้าตอบรับ แต่กลับไม่พูดอะไร
หยางโปเหลือบไปด้านข้างแต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและถอนหายใจ
เขาไม่ค่อยจะคุ้นชินกับชีวิตของคนคนหนึ่งที่มลายหายไปแบบนี้
หยางโปจึงหันหลังและเดินออกไปด้านนอก ” คนญี่ปุ่นคนนั้นต้องการทำอะไรกันแน่ ? ”
“ นายหมายถึง คนญี่ปุ่นที่ร่ายรำกระบี่ทำอย่างนั้นเหรอ ? ” ลัวย่าวหัวตกใจมาก เพราะเขาไม่ได้ยินคำพูดสั่งลาสุดท้ายของเหลียงหรูซิง
หยางโปพยักหน้า “ ชายญี่ปุ่นคนนั้นร้ายกาจมาก ! ”