เนตรเซียนทะลุสมบัติ - ตอนที่ 885 สอบถาม
ตอนที่ 885 สอบถาม
หยางโปค่อนข้างประหลาดใจ เขามองไปที่คนขับรถ “ ศักดิ์สิทธิ์มากไหม ? ”
ไม่คาดคิดว่า จู่ๆคนขับรถจะเปลี่ยนคำพูดไปทันที ” ไม่ใช่ เป็นเพราะตอนเด็กผมอาศัยอยู่ที่นั้น
จึงคุ้นเคยมาก ! “
หยางโปแปลกใจมากเขาและลัวย่าวหัวหันมามองหน้ากัน ทั้งคู่รู้สึกแปลกใจมากทำไมคนขับถึงปฏิเสธขนาดนี้ ?
แต่พอมาถึงนอกวัดนันเซนจิจริงๆ หยางโปก็เห็นแถวทางเดินเป็นแนวยาวแถวหนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย นี่ถึงจะเป็นสถานที่จุดธูปบูชาสักการะ !
ทานิกาวะกล่าวว่าวัดนันเซนจิอยู่ตีนเขาภูเขาไฟฟูจิ แต่ในความเป็นจริงวัดนันเซนจิกลับอยู่ห่างจากภูเขาไฟฟูจิถึง 10 ไมล์
ที่นี่กลับกลายเป็นตลาดสดที่มีมีชีวิตชีวาไปแล้ว มีร้านขายของและของกระจุกกระจิกวางเรียงรายกันมากมายอยู่สองข้างทาง
หยางโปและลัวย่าวหัว เดินเข้าไปด้านในจนกระทั่งเดินออกไปอยู่นอกวัด หยางโปก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าวัดนันเซนจิดูเล็กมาก มีเพียงอารามขนาดใหญ่เพียงหลังเดียว ในพื้นที่แคบๆในลานวัด มีพื้นที่คดเคี้ยวล้วนมีการต่อคิวเข้าแถวเรียงรายกันเป็นแถว !
หยางโปมองเหตุการณ์ที่มีชีวิตชีวาในสถานที่และหันไปมองหน้าลัวย่าวหัว ” นายเคยเห็นลานอารามที่เล็กๆขนาดนี้ไหม ? “
ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “ วัดในจีนไม่มีลาน วัดในจีนส่วนใหญ่สร้างอยู่บนภูเขาต้องปีนขึ้นมาจากด้านล่าง ไม่มีทางเข้า เพราะอายเกินกว่าที่จะบอกว่าตัวเองเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน ! ”
หยางโปพยักหน้า “ ฉันก็ไม่เคยเห็นวัดเล็กๆแบบนี้มาก่อน แต่ดูจากสภาพตอนนี้ วัดนันเซนจิแห่งนี้น่าจะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ”
หยางโปหันไปเหลือบมองวัดนันเซนจิอีกครั้งและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว “ ถ้ามันเล็กขนาดนี้จริงๆ
ยาสมุนไพรพันปีจะไปซ่อนอยู่ที่ไหนกัน ? ”
” เราไปเดินดูรอบๆวัดนันเซนจิดูสักรอบกันเถอะ ” ลัวย่าวหัวแนะนำ
หยางโปพยักหน้า จากนั้นพวกเขาก็หันหลังให้ฝูงชนแล้วไปเดินดูรอบๆวัดนันเซนจิ
เมื่อเดินไปทางด้านหลังของวัดนันเซนจิ ที่นี่ก็ดูเงียบกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสองเดินไปรอบๆ วัด แสงก็สว่างวาบผ่านตาของหยางโปไป เขาจ้องไปที่ลานด้านในวัด และมองสำรวจดูอย่างละเอียด
วัดแห่งนี้มีขนาดเล็กมาก มีอารามเพียงหลังเดียว ฝูงชนที่มาต่อแถวเข้าคิว ทุกคนสักการะด้วยธูปได้แค่สามดอก จากนั้นก็ต้องเดินออกมา ดำเนินการกันอย่างรวดเร็ว ยังมีคนคอยชี้แนะอยู่ในสถานที่
หลังจากเดินดูไปได้รอบหนึ่ง ก็ไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย หยางโปเงยหน้าขึ้น ก็เห็นว่าพระอาทิตย์เคลื่อนมาอยู่ครึ่งค่อนฟ้าแล้ว เขาหันไปพูดกับลัวย่าวหัวว่า “ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ”
ลัวย่าวหัวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ นายมีเบาะแสบ้างไหม ? ”
หยางโปนึกถึงคนขับรถเมื่อสักครู่นี้ เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า ” มองหาคนในพื้นที่แล้วสอบถามเอาก็แล้วกัน “
ทั้งสองตั้งใจหาร้านเล็กๆสักร้านหนึ่ง หลังจากที่เดินเข้าไป ทั้งสองก็สั่งรอจนเถ้าแก่นำอาหารมาเสิร์ฟให้ หยางโปจึงดึงอีกฝ่ายไว้ ” เถ้าแก่คุณมีทางเข้าไปในวัดนันเซนจิโดยตรงไหม ? “
เถ้าแก่หลือบมองหยางโป “ พวกคุณเป็นใคร ? ”
หยางโปจึงเอ่ยปากตอบไปว่า “ พวกเราเป็นลูกศิษย์ที่มีความเคารพศรัทธา อยากจะเข้าไปจุดธูปบูชา แต่หลังจากมาถึงที่นี่วันนี้ พบว่ามีคนจำนวนมากเกินไป ต่อให้พวกเราต่อแถว วันนี้ก็คงไม่อาจเข้าไปได้ ดังนั้นจึงคิดที่จะหาช่องทางเข้าไปกัน ”
เถ้าแก่มองมาที่พวกเขาอย่างสงสัย ” ใครเป็นคนแนะนำพวกคุณมาที่นี่ ? “
หยางโปส่ายหน้า ” พวกเรามานี่ด้วยความเลื่อมใสในชื่อเสียง ! “
” มันไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ! ” เถ้าแก่จ้องมองไปที่พวกเขาตาเขม็ง ” มีใครแนะนำพวกคุณให้มาที่นี่อย่างงั้นเหรอ ! “
“ ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ ? ” หยางโปถาม
เถ้าแก่นิ่งอึ้งไปสักพัก ” เพราะหลังจากประกอบพิธีสักการะ ทุกคนจะถูกขอร้องไม่ให้แนะนำวัดนันเซนจิให้กับบุคคลภายนอก ! “
หยางโปตกใจมองหน้าเถ้าแก่ “ เป็นไปได้ยังไง วัดทุกแห่งไม่ใช่ต้องการให้คนมายิ่งมากยิ่งดีหรอกเหรอ ทำไมวัดนันเซนจิถึงต้องการทำแบบนี้กันล่ะ ? ”
เถ้าแก่ส่ายหน้า ” นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสามารถรู้ได้ บะหมี่ของพวกคุณทำเสร็จแล้ว เชิญทานกันให้อร่อย “
เถ้าแก่ดูเป็นคนค่อนข้างรอบคอบ อธิบายให้ฟังแค่ไม่กี่คำก่อนที่จะหันหลังและเดินจากไป
เมื่อนึกถึงสิ่งที่คนขับรถคนผู้นั้นพูด เขาคนนั้นคงได้รับการเตือนมาด้วยเช่นกันแน่ๆ ดังนั้นจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงวัดนันเซนจิ
หยางโปและลัวย่าวหัวมองหน้ากันในเมื่อมีเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าไม่สามารถได้รับความกระจ่างแจ้ง
ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงคาใจ
ไม่นานหยางโป ทั้งสองก็กินบะหมี่เสร็จ และจ่ายเงินให้ โดยที่หยางโปจงใจให้เงินมากหน่อย จากนั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะแสดงท่าทีให้เถ้าแก่รู้
ไม่นาน หยางโปทั้งสองคนก็เดินไปที่หัวมุมข้างร้าน
หลังจากรอมานานกว่า 20 นาที แต่ก็ยังไม่มีใครโผล่มาจู่ๆ ลัวย่าวหัวก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
“ ช่างมันเถอะ ไม่ต้องรอต่อไปแล้ว เขาไม่น่าจะมา ”
หยางโปส่ายหน้า ” ไม่เป็นไรรอต่ออีกสักครู่ “
ลัวย่าวหัวหันไปดูจากระยะไกลและแต่ไม่มีใครอยู่เลย เขาทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงแค่รอต่อไป
อีกประมาณสิบกว่านาที ในขณะที่ลัวย่าวหัวหยุดพูด และรีบร้อนที่จะจากไป เถ้าแก่ร้านบะหมี่ก็เดินเข้ามาหา
หยางโปรีบเข้าไปทักทายเขาและจับมือกับอีกฝ่าย ” ต้องขอโทษด้วยจริงๆรบกวนคุณแล้ว “
เถ้าแก่ยิ้มและส่ายหน้าว่า ” ไม่เป็นไร แต่ผมพูดได้สั้นๆ แค่บางส่วนเท่านั้น รายละเอียดของเนื้อหาพูดไม่ได้ “
หยางโปกล่าวอย่างรวดเร็วว่า ” คุณวางใจได้ พวกเราไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักพอ พวกเราแค่อยากรู้อยากเห็นก็เท่านั้น “
พอพูดจบ หยางโปก็กระซิบว่า ” คุณสามารถมั่นใจได้ว่าพวกเราจะไม่ปฏิบัติต่อคุณในทางที่ไม่ดี “
เถ้าแก่ยิ้ม ” ผมรู้ว่าพวกคุณรีบร้อนกันมาก แต่พวกคุณควรรู้ด้วยว่ามีเรื่องบางเรื่องที่พูดออกไปไม่ได้ “
หยางโปพยักหน้าและถามเขาอย่างสงสัยว่า ” ที่วัดนันเซนจิมีผู้คนจำนวนมากมาต่อแถวเข้าคิว พวกเขาบางคนบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ แต่ทำไมชื่อเสียงถึงไม่โด่งดังอย่างงั้นเหรอ ? “
เถ้าแก่เหลือบมองหยางโป “ ที่ชื่อเสียงไม่โด่งดัง ปัญหาส่วนใหญ่มาจากคนในพื้นที่ เพราะในช่วงเริ่มแรกของการสร้าง วัดนันเซนจิ หลังจากที่คนในท้องถิ่นมาสักการะแล้วหลายคนก็รู้สึกว่า
ศักดิสิทธิ์ ในเวลานั้นพวกเขาไม่ยอมที่จะให้เผยแพร่ออกไป แต่กลับหวงแหนปิดเป็นความลับ
เป็นแบบนี้มานานวันเข้า ถึงแม้จะมีผู้แสวงบุญมาที่วัดนันเซนจิมากมาย แต่มันเป็นการค่อยๆสะสมเรื่องราวในช่วงหลายพันปีมานี้ของพวกเขา ”
หยางโปตกใจนิ่งอึ้งไป ” ทำไมพวกเขาถึงมีความคิดแบบนี้ ? “
เถ้าแก่ส่ายหน้า ” นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะสามารถรู้ได้ “
หยางโปเกิดความสงสัยเล็กน้อย “ ผมเห็นว่าวัดนันเซนจิมีบริเวณโดยรอบไม่กว้างมากนัก ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับชื่อวัดพันปีที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ! ”
เถ้าแก่เกิดลังเลขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็เหลือบมองหน้าหยางโป และก้มศีรษะลงอีกครั้ง
ทันใดนั้นหยางโปก็รีบหยิบเงินที่เตรียมไว้ออกมา และยื่นให้อีกฝ่าย “ รบกวนคุณแล้วนะ ”
เถ้าแก่รับเงินมาแล้วบีบดูเล็กน้อย จากนั้นถึงจะเผยรอยยิ้มออกมา “ อันที่จริง ผมจะบอกพวกคุณนะ ที่นี่ไม่ใช่ทั้งหมดของวัดนันเซนจิ ถึงแม้ผมจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ผมได้ยินมาว่า
วัดนันเซนจิดูเหมือนจะมีสถานที่ซ่อนเร้นอยู่ที่หนึ่ง ที่นั้นมีพระพุทธรูปจำนวนมาก แต่แค่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อนก็เท่านั้น “
หยางโปรู้สึกตกใจมาก ” ยังมีที่อื่นอยู่อีก ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ “
เถ้าแก่กลับไม่เอ่ยปากอธิบาย
หยางโปหันไปมองหน้าเถ้าแก่อีกครั้ง ” ประมาณเมื่อไหร่ที่พูดกันแบบนี้ ว่าวัดนันเซนจิยังมีเรือนรับรองอื่นอยู่ในวัดนันเซนจิอยู่อีก ? “