เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก - ตอนที่ 137-138
เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก – ตอนที่ 137+138: คุณวางยา+ช้อนซื้อโรงงาน
ตอนที่ 137+138: คุณวางยา+ช้อนซื้อโรงงาน
โดย
Ink Stone_Romance
ตอนที่ 137: คุณวางยา
“นี่ นี่จบแล้วเหรอ?”
ฝั่งซินห้าวกำลังกระสับกระส่าย ฝั่งเฉินเยี่ยนก็ถามขึ้นมาอย่างไร้ความรู้สึก
ซินห้าวเลิกคิ้วฝั่งซ้ายขึ้นมา หมายความว่าเธอคิดจะทำอะไร?
เฉินเยี่ยนถามออกไปแล้วค่อยหน้าแดง เธอทำอะไรอยู่นะ หรือว่าเธอยังจะเชิญชวนให้ซินห้าวทำต่อ? หรือเธอยังจะบอกซินห้าวว่าจูบไม่ใช่แบบนี้?
โถ่! เฉินเยี่ยนเอ้ย ทำไมเธอถึงกลายเป็นผู้หญิงหื่นกามไปได้ ต้องเป็นเพราะซินห้าวหล่อเกินไปแน่เลย มายั่วเธอ ใช่ ใช่แล้ว ต้องเป็นแบบนี้
“เปล่า ไม่มีอะไร”
เฉินเยี่ยนพยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่ง
ซินห้าวอดไม่ได้ยื่นมือไปม้วมผมเฉินเยี่ยนเล่น ได้จูบเมื่อกี้แล้ว เขารู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเขาและเฉินเยี่ยนใกล้กันมากขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมเขาอยากจะกอดเฉินเยี่ยนไว้ในอ้อมกอดเหลือเกิน อยากจะใกล้ชิดเฉินเยี่ยนมากกว่านี้ เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้เลย เมื่อก่อนเขาไม่เคยมีความคิดแบบนี้ แต่ทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้? หรือว่าเขาโดนวางยาเข้าแล้ว?
ต้องเป็นเพราะเมื่อกี้เขาจูบเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนให้ยาพิษเขา แต่เขาก็ชอบแบบนี้
“บอกมา เมื่อกี้คุณเอาอะไรให้ผมกิน?”
ซินห้าวมือหนึ่งเล่นอยู่ใกล้รากผมเฉินเยี่ยน ถามเฉินเยี่ยนเสียงเบา
“อะไร? ฉันให้คุณกินอะไร?”
เฉินเยี่ยนรู้สึกตามเรื่องที่ซินห้าวคุยไม่ทัน แล้วตอนนี้พวกเขาก็ยังอยู่ใกล้กันเกินไปด้วย เธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจของซินห้าวข้างหูเธออย่างชัดเจน ความรู้สึกร้อนผ่าวนี้ แบบนี้ไม่ดี ไม่ดีมาก เธอต้องรักษาระยะห่างกับซินห้าวไว้ดีกว่า
“ถ้าคุณไม่ได้ให้ผมกินอะไร ทำไมผมคิดแต่อยากจะกอดคุณ อยากอยู่ใกล้คุณ อยากจูบคุณ”
ซินห้าวพูดออกมาตัวเองก็รู้สึกหน้าแดง แต่ตอนนี้ไม่มีคน เฉินเยี่ยนก็น่ารักแบบนี้ เขาอยากจะบอกความในใจของเขา ไม่อยากเก็บเอาไว้
“ผมต้องโดนวางยาแน่ๆ”
ซินห้าวพูดขึ้นมาอีกครั้ง โดนคุณวางยา
เห็นซินห้าวก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาเขาไม่เย็นชาแล้ว เขาจ้องมองตัวเองแบบนั้น ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ทำให้เฉินเยี่ยนหน้าแดงใจเต้นแรง เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เธอคิดว่าตัวเองผ่านเลยวัยนั้นมาแล้ว เธอคิดว่าเธอจะไม่ใจเต้นรัวเหมือนสาววัยรุ่นอีก แต่ตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงตึกตัก ที่แท้ ที่แท้อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ เธอก็อาย หน้าแดงเป็นเหมือนกัน
เธอชอบท่าทางของซินห้าวตอนนี้เหลือเกิน ทำยังไงดี?
เฉินเยี่ยนที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเธอลงมืออย่างกล้าหาญ เธอยื่นมือไปโอบคอซินห้าวไว้ แล้วจูบลงไป
ซินห้าวตะลึงงัน แต่เห็นรูม่านตาเขาขยายขึ้นมา ไม่รอให้เขาทันตั้งตัว เฉินเยี่ยนก็ใช้ลิ้นตวัดริมฝีปากซินห้าว ซินห้าวไม่โง่ เขาแค่ก่อนหน้านี้ทำไม่เป็น จนตอนที่เฉินเยี่ยนจะถอนออกซินห้าวก็เข้าครอบครองลิ้นของเฉินเยี่ยนแล้ว
ละริมฝีปากออกจากกันแล้ว ทั้งสองคนหอบ
“ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าฉันให้คุณกินอะไร วางยาพิษอะไรแล้วสินะ”
เฉินเยี่ยนพูดจบก็ยักคิ้วให้ซินห้าว แววตาเธอมีแสงแวววาว เห็นแล้วหวั่นไหว
“รู้แล้ว ที่แท้ลิ้นกับน้ำลายคุณมีพิษนี่เอง”
คำตอบซินห้าวทำเอาเฉินเยี่ยนเกือบจะลุกขึ้นมาตีเขา อะไรกับอะไรนะ หมายความว่ายังไงที่บอกว่าลิ้นกับน้ำลายตัวเองมีพิษ เมื่อกี้ตอนที่เขาจูบตัวเองริมฝีปากแค่แตะกันชัดๆ ไม่ได้มีน้ำลายเลย
แต่เธอจะพูดอะไรได้ เธอทำได้แค่ร้องเบาๆ เพื่อปิดบังความเขินของตัวเอง แล้วหันหลังกลับ เธออยู่กับเขาต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขายังไม่ได้คุยกันเรื่องแต่งงานเลยนะ ถึงแม้ว่าจูบเดียวจะไม่นับอะไร แต่ความใกล้ชิดกันยังต้องคงไว้ในอนาคต อย่างน้อยก็ต้องแต่งงาน
“อย่าเพิ่งไป”
มือซินห้าวดึงแขนเฉินเยี่ยนไว้อย่างรวดเร็ว นัยน์ตามีแววเว้าวอน อ่อนโยน เขาอดไม่ได้ที่จะให้เฉินเยี่ยนไป
“ไม่อย่างนั้นผมไปบ้านคุณแล้วกัน ผมจะไปคุยกับพ่อแม่คุณ รอเวลาสักระยะผมจะให้ที่บ้านมาสู่ขอ ไม่ต้องให้พวกเขาหาคู่ให้คุณแล้ว”
ซินห้าวตัดสินใจมานานแล้ว บ้านเขาก็แนะนำผู้หญิงให้เขาหลายคน มีทุกประเภท เขาไม่ยอมไปดูตัว ซูเหม่ยลี่นั่นแม่เขาชอบ แม่บอกว่าซูเหม่ยลี่สวย เก่ง ที่สำคัญคือฐานะทางบ้านดี
เธอหน้าตายังไง ฐานะที่บ้านดีหรือไม่ดี ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เขาไม่คิดจะชอบเธอเลย
ซูเหม่ยลี่มาบ้านเขาบ่อย มีครั้งหนึ่งแม่ไม่อยู่บ้าน เธอใจกล้ามาก เข้ามากอดเขาจากด้านหลัง เขาฝึกวิทยายุทธ์มาก่อน การตอบสนองเลยเร็วมาก คนที่เขาไม่ชอบจะให้เธอเข้ามาใกล้ได้ยังไง ดังนั้นยังไม่ทันที่ซูเหม่ยลี่กอดเขา เขาก็เหวี่ยงซูเหม่ยลี่ออกไปอีกฝั่ง
ตอนหลังแม่ยังด่าเขา บอกว่าเขาทำไม่ดีกับซูเหม่ยลี่ ทำซูเหม่ยลี่บาดเจ็บ ทำซูเหม่ยลี่ร้องไห้ ซูเหม่ยลี่ไม่ได้เป็นอะไรกับตัวเอง ทำไมเขาต้องทำไม่ดีกับซูเหม่ยลี่ด้วย? เธอจะกอดตัวเอง ทำไมตัวเองจะลงมือกับเธอไม่ได้?
แต่เฉินเยี่ยนไม่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงชอบความรู้สึกเวลาที่อยู่ด้วยกันกับเฉินเยี่ยน รู้สึกเป็นอิสระ สบาย ทำยังไงเขาก็ยอม เงาของเฉินเยี่ยนเติบโตในใจเขา เขาเป็นคนที่หนักแน่นมาก ในเมื่อยอมรับคนหนึ่งแล้ว ทั้งชีวิตก็จะไม่เปลี่ยนใจ
การได้สัมผัสกันวันนี้เขายิ่งแน่ใจ เขาชอบเฉินเยี่ยนจริงๆ เฉินเยี่ยนเข้าใกล้เขา เขาไม่รังเกียจเลยสักนิด กลับยิ่งรู้สึกชอบมาก
เขากล้าจูบเฉินเยี่ยน ใจเขาเต้นรัวดั่งกลอง เขาไม่เพียงไม่รังเกียจ แต่กลับอยากเข้าใกล้ขึ้นอีก
เมื่อก่อนเขาไม่ชอบคนอื่นมาแตะต้องตัวเขา แต่เมื่อกี้ริมฝีปากเขากับเฉินเยี่ยนแตะกัน เขายังดูดลิ้นเฉินเยี่ยนด้วย เขาไม่รู้สึกสกปรกเลยสักนิด กลับรู้สึกว่าหวานมาก จนเขาอยากจะกินอีก
นี่ไม่ใช่ชอบแล้วอะไร!
ในเมื่อชอบ ยอมรับเฉินเยี่ยนแล้ว เขาก็จะไม่คิดเรื่องอื่นอีก ไม่สนว่าที่บ้านจะเห็นด้วยหรือไม่ เขาจะแต่งงานกับเฉินเยี่ยน ถ้าแม่คัดค้าน เขาสามารถไปอยู่อย่างอิสระกับเฉินเยี่ยนได้ ยังไงแม่ก็ยังมีน้องชาย เขาเลี้ยงแค่เฉินเยี่ยนก็พอแล้ว
“ไม่ได้ ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งไปบ้านฉัน เรื่องบ้านฉันฉันจะจัดการให้เรียบร้อย ฉันจะบอกพ่อแม่ว่าอีกหน่อยจะไม่ดูตัวแล้ว รอจนคุณตัดสินใจแน่นอนแล้ว ตอนที่คิดว่าเวลาเหมาะสมแล้ว คุณก็ให้คนมาสู่ขอที่บ้าน”
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า เฉินเวยอยู่ที่นั่นนะ เธอไม่อยากให้เฉินเวยเห็นซินห้าว เธอแคร์ซินห้าว ถึงแม้ว่าเธอจะป้องกันเฉินเวยได้ แต่ก็ยังไม่อยากให้เฉินเวยรู้จักซินห้าวก่อน รอจนเธอและซินห้าวตกลงแล้วค่อยว่ากัน ถ้าถึงเวลานั้นเฉินเวยจะมีแผนอะไรอีก อย่าหาว่าเธอแล้งน้ำใจ โดยเฉพาะเฉินเวยที่ใช้ความเป็นน้องสาวเธอมาอ้าง เธอทำเกินไป ก็ยากที่จะจัดการกับฝั่งพ่อแม่
“ได้ ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่ง รอจนผมจัดการเสร็จ ผมจะให้คนไปสู่ขอที่บ้าน แต่คุณต้องรับปากผม จะไม่ไปดูตัวกับผู้ชายคนอื่นอีก”
ซินห้าวพยักหน้า เฉินเยี่ยนเป็นคนมีความคิด เขาก็ชื่นชมคนแบบนี้
“เผด็จการ”
เฉินเยี่ยนเลิกหางตา แต่ดวงตาเธอเหมือนหมอกในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนหวั่นไหว ดูมีความไม่พอใจ
“ผมนี่แหละเผด็จการ ยังไงคุณก็เป็นคนของผมแล้ว ไม่อนุญาตให้มองผู้ชายคนอื่น”
ซินห้าวดึงมือเฉินเยี่ยนไว้ พูดอย่างสั่งการ แต่น้ำเสียงกลับฟังดูมีเหตุผล
ฉันเป็นคนของคุณที่ไหน ก็แค่จูบเดียวไม่ใช่หรือ? แต่เฉินเยี่ยนไม่พูดคำพูดพวกนี้
“ใช่แล้ว ครั้งที่แล้วก็ไม่ได้ถามคุณ คุณกำลังยุ่งอะไรอยู่?”
เฉินเยี่ยนเปลี่ยนเรื่องคุย บรรยากาศตอนนี้ดีงามเป็นใจเกินไป เธอไม่สามารถทนต่อไปได้
ตอนที่ 138: ช้อนซื้อโรงงาน
“ปีก่อนผมทำธุรกิจหาเงินมาได้เล็กน้อย แม่ผมไม่ยอมให้ผมค้าขาย บอกว่าผมฉวยโอกาส หลังจากปีนั้นผมดูโรงงานหนึ่งไว้ โรงงานนั้นจะปิดตัวแล้ว ค่าแรงคนงานก็แทบจะไม่มีปัญญาจ่าย ผมเตรียมที่จะช้อนซื้อ แต่ตอนนี้เรื่องข้างในไม่น้อยเลย มีเรื่องลำบาก กำลังคุยกันอยู่”
ซินห้าวเล่าคร่าวๆ ไม่ได้ปิดบัง
เฉินเยี่ยนมองซินห้าวด้วยความตกใจ ซินห้าวคนนี้ไม่ได้กลับชาติมาเกิดใช่ไหม? อายุเขามากกว่าเจ้าของร่างเดิมไม่กี่ปีเอง ตอนนี้คิดจะซื้อกิจการโรงงานจะเป็นเจ้าของโรงงานแล้ว ในยุคนี้คนเป็นเจ้าของโรงงานนั่นเก่งกาจ รู้จักช้อนซื้อโรงงาน นี่มันยุคที่ทหารมีอำนาจ มีไม่กี่คนที่กล้าทำ ซินห้าวก็ยังเด็กเกินไป กล้าหาญเกินไปแล้ว
อีกอย่างการเข้าช้อนซื้อโรงงาน ต้องใช้เงินไม่น้อย ก่อนหน้านี้ซินห้าวทำอะไร? เขาถึงสามารถหาเงินได้มากขนาดนี้
แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้ถามมาก ทุกคนต่างมีเรื่องส่วนตัว มีความลับของตัวเอง ซินห้าวมีความสามารถแบบนี้เธอดีใจจะแย่
“เก่งมากเลย”
เฉินเยี่ยนยกนิ้วโป้งให้ ชมด้วยใจจริง เธอกลับชาติมาเกิด ตอนนี้ยังห่อบุหรี่อยู่เลย ซินห้าวกลับจะซื้อโรงงานแล้ว แต่เธอยังเก่งกว่าอวี๋เหวยหมินและเฉินเวย อวี๋เหวยหมินยังล่องลอยอยู่เลย เฉินเวยก็ยังคิดวิธีหาผู้ชายมาเลี้ยงเธออยู่เลยนะ อย่างน้อยเธอก็พึ่งพาตัวเอง ตอนนี้กินอยู่ก็ไม่ลำบาก
“แล้วคุณมีรางวัลให้หรือเปล่า?”
แววตาซินห้าวเป็นประกายมองไปที่เฉินเยี่ยน ตอนแรกเขาก็ไม่ได้มีความคิดแบบนี้ ตอนที่เพิ่งรู้จักเฉินเยี่ยนเขายังคิดอยู่เลยว่าจะไปเป็นคนงานหรือขัดแย้งกับคนที่บ้านดี เพราะแม่เขาและญาติอยากให้เขาเป็นคนงาน เขาไม่ต้องการ ต่อมาคำพูดเฉินเยี่ยนทำให้เขาเข้าใจชัดเจน คนสามารถมีความคิดของตัวเอง ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น และไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมากำหนดชีวิตเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจสายตาคนอื่น ชอบอะไรก็ทำอย่างนั้น
ดังนั้นเขาเลยปฏิเสธแม่เขาอย่างแน่วแน่ จากนั้นเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง เพราะเส้นสายเขาดีกว่าเฉินเยี่ยนมาก อีกทั้งเขายังคุ้นเคยในเมืองมาก เขาเลยหาเงินได้ ก่อนหน้านี้เขาทำธุรกิจที่อาจหาญมาก ได้เงินจากครั้งนั้นมาไม่น้อย แต่เขาไม่ได้บอกที่บ้าน แม่เขาคิดว่าเขาไม่เอาการเอางาน บอกว่าเขาทำเรื่องที่ผิดกฎหมาย บังคับให้เขาไม่ต้องทำแล้ว ไปเป็นคนงาน คนงานเขาก็ไม่ยอมทำ เขาไม่ยอมที่มีกรอบวางไว้มากมายขนาดนั้น เขาไม่ยอมทำตามขั้นตอนทีละก้าว เขาอยากจะทำตามความคิดตัวเองหาเลี้ยงเอง สุดท้ายเขาเลยไปดูโรงงานหนึ่ง เขาอยากจะซื้อต่อ ที่บ้านไม่ยอมให้เขาเรียน ที่บ้านอยากให้เขาทำงานไม่ใช่หรือ? ก็ได้ เขาก็จะทำงาน แต่ไม่ใช่คนงาน เป็นหัวหน้าคนงาน ถ้าเขาได้เป็นหัวหน้าคนงาน สุดท้ายถ้าโรงงานนี้ยังขาดทุน เงินเขาก็ลงไปแล้ว เขาอยากจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย แต่ต้องไม่ทำให้ขาดทุน เขามั่นใจ เขายังมีเฉินเยี่ยนที่ต้องเลี้ยงดูอีกนะ
“คุณต้องการรางวัลอะไร? ไม่อย่างนั้นวันนั้นฉันทำอาหารให้คุณกินดีไหม?”
เฉินเยี่ยนขำ อันที่จริงซินห้าวใสซื่อมาก เขาไม่ได้ระแวดระวังมากมายขนาดนั้น สำหรับเธอ เขาคิดยังไงก็พูดอย่างนั้น พวกเขาคบกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องมีข้อจำกัดมากมาย
“ผมไม่อยากกินข้าว ผมต้องการแบบนี้”
ซินห้าวพูดจบก็ก้มหน้าลงจูบเฉินเยี่ยนอีกครั้ง
เด็กคนนี้เรียนรู้เร็วจริง เฉินเยี่ยนพึมพำในใจ แต่ไม่ได้ผลักซินห้าวออก ความรักของคนหนุ่มสาวนั้นหวานชื่นเสมอ ในเมื่อชอบ ทำไมจะต้องเสแสร้งด้วย…
ถึงแม้เฉินเยี่ยนจะชอบความรู้สึกตอนที่อยู่กับซินห้าวมาก แต่เธอรู้ว่าถ้ายังไม่กลับที่บ้านน่าจะเป็นห่วงแล้ว ดังนั้นตอนที่ซินห้าวยังทำสายตาอาลัยอาวรณ์เฉินเยี่ยนต้องตัดใจกลับ
เฉินเยี่ยนและซินห้าวเดินตามกันออกจากสวนผลไม้ ถึงแม้ว่าครั้งนี้ในสวนผลไม้ความรู้สึกของทั้งสองคนใกล้ชินกันขึ้นเยอะ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะชอบกัน แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจ อย่างมากก็แค่จูงมือ จูจุ๊บกัน ไม่ทำอย่างอื่น
มาถึงบ้าน เฉินจงอยู่ในสนามเห็นลูกสาวก็แอบถอนหายใจ ถึงแม้ว่าเขาจะปล่อยให้ลูกสาวไป แต่ในใจเขาก็ยังกังวลอยู่ ตั้งแต่เฉินเยี่ยนออกไปกับเวยหลายชุนเขาก็อยู่ในลานบ้านตลอด หวางนิวก็เดินวนไปวนหน้าอยู่ที่ประตูหลายรอบ ปากก็บ่นว่าทำไมยังไม่กลับ
“เขาไม่ได้พูดอะไรใช่ไหม?”
เฉินจงถามเฉินเยี่ยน เห็นหน้าลูกสาว เหมือนหน้าแดง นัยน์ตามีแววเป็นประกาย ดูดีใจเบิกบาน ไม่เศร้าเลยสักนิด เหมือนมีเรื่องดีใจอะไรมา หรือว่าเธอกับเวยหลายชุนคืนดีกันแล้ว?
“เปล่าค่ะ พ่อ ต่อจากนี้หนูตะไม่ดูตัวแล้วนะ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผ่านไปสักพักค่อยว่ากันอีกทีนะ”
เฉินเยี่ยนพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาปกติ เธอไม่อยากให้เฉินเวยเห็นสีหน้าเธอ
เฉินจงมองเฉินเยี่ยนสองรอบ พยักหน้า ลูกสาวโตแล้ว มีความคิดของตัวเอง เขาแค่สนับสนุนลูกสาวก็พอแล้ว เรื่องอื่นให้เธอจัดการเอง
“งั้นพ่อไปที่ไร่แล้ว”
เฉินจงพูดแล้วไปหยิบพลั่วกับกระสอบวางลงบนชั้นวางของบนรถ ตอนนี้ข้าวโพดในไร่ออกต้นกล้าแล้ว หญ้าก็ขึ้นมาเหมือนกัน ต้องขุดออก ไม่อย่างนั้นมันจะแย่งอาหารข้าวโพดไป หญ้าที่ขุดออกก็เอากลับมาเลี้ยงเป็ดเลี้ยงหมู
“หนูไปด้วยนะ?”
เฉินเยี่ยนพูดแล้วไปหาพลั่ว
“ลูกไม่ต้องไปหรอก มีพ่อกับพี่ชายลูกอยู่น่ะ ถ้าไม่เหนื่อยลูกไปห่อบุหรี่กับจวนเอ๋อร์ ถ้าเหนื่อยก็ไปพัก”
เฉินจงส่ายหน้ากับเฉินเยี่ยน อันที่จริงเขาและหวางนิวถือว่าเป็นพ่อแม่ที่รักลูกมาก ลูกบ้านอื่นต้องทำงานตั้งแต่เด็กจนโต บางคนเพิ่งแปดเก้าขวบ ตอนที่ทำไร่ไม่เพียงแต่ต้องเลี้ยงน้องชายน้องสาว ยังต้องทำอาหารให้คนทั้งบ้าน โดนลวกอะไรมา ผู้ใหญ่ก็ไม่มีเวลามาดู
ครอบครัวพวกเขา ถ้าไม่ใช่ตอนที่ทำไร่ยุ่งมาก เฉินเยี่ยนและเฉินเวยจะอยู่บ้านทำอาหาร เฉินจงและหวางนิวจะไม่ใช่เธอสองคนมาที่ไร่
“ใช่แล้ว ลูกอยู่บ้านพักผ่อนเถอะ วันนี้ก็ไม่ต้องห่อบุหรี่ด้วย เรื่องกำจัดหญ้าแม่ไปเอง”
หวางนิวพูดแล้วก็สวมหมวกฟางเดินออกไป
เห็นเฉินเยี่ยน ลูกสาวไม่เสียใจ แต่เธอเสียใจ เธอรู้สึกว่าไม่ใช่ลูกสาวไม่เสียใจ แต่ต้องกลัวพ่อแม่เสียใจ เลยแกล้งทำแบบนี้ แต่เธอจะพูดอะไรได้? อีกอย่างเรื่องที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว ไม่มีประโยชน์ เธอทำได้แค่ปลอบไม่กี่ประโยค แล้วออกไปไร่กับเฉินจง
เฉินเยี่ยนเข้าไปในโถงบ้าน เมื่อกี้ยังมีเสียงร้องไห้สะอื้นของเฉินเวยดังออกมา เห็นเธอเข้ามา เฉินเวยเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเธอยังแดงอยู่ แต่พอเห็นเฉินเยี่ยนเธอกลับเผยรอยยิ้มสะใจ
“พี่สาวที่แสนดีของฉัน คิดไม่ถึงล่ะสิ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ต้องการเธอสินะ? ต่อให้เธอสวยแล้วจะทำไม ฉันแค่พูดไม่กี่ประโยค เขาก็ไม่ต้องการเธอแล้ว พี่สาวหนอ เธอบอกว่าเธอจะยังไปส่งเขา เธอก็ยังกล้าทำ”
เฉินเวยยังคงเป็นเฉินเวยที่อ่อนแอ แต่ในคำพูดเธอเต็มไปด้วยการประชดและเย้ยหยัน ถ้าพ่อแม่บ้านเฉินเห็น ต้องคิดว่าไม่ใช่ลูกสาวตัวเองแน่นอน
เฉินเยี่ยนมองเธอไม่ได้พูดอะไร
“ให้ฉันเดาพี่สาวที่แสนเย่อหยิ่งของฉันจะต้องลดตัวลงไปขอร้องให้เขาต้องการเธออยู่ใช่ไหม? ให้ฉันคิด พี่สาวที่แสนสวนจะต้องทำท่าน่าสงสารดูว่าพี่เวยจะหวั่นไหนหรือเปล่าใช่ไหม?”
เฉินเวยพูดไปก็เดินไปรอบๆ เฉินเยี่ยน ท่าทางแบบนั้นดูออกว่าเกลียดถึงขั้นสุด
————-