เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 115 เข้าสู่เส้นทางของเด็กเทพ 129 รับสมัครสมาชิกใหม่
- Home
- เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ
- ตอนที่ 115 เข้าสู่เส้นทางของเด็กเทพ 129 รับสมัครสมาชิกใหม่
หลินซือหรานมองเธอ เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นยื่นมือไปบีบนวดไหล่ของเธอ “เธอ…พยายามเข้านะ”
จากนั้นหันกลับไปทำการบ้านต่อ เพียงแต่ว่ายังเหลียวมองฉินหร่านอยู่บ่อยครั้ง ท่าทางกระอึกกระอัก
มีกระดาษถูกส่งมาจากข้างหลังอย่างรวดเร็ว เฉียวเซิงถามหลินซือหรานว่าฉินหร่านเป็นอะไร
หลินซือหรานมองกระดาษแผ่นนั้นอยู่นาน หยิบปากกาขึ้น เขียนประโยคหนึ่งลงไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ตอนที่กระดาษถูกส่งกลับไปถึงมือเฉียวเซิง ก็เป็นสองนาทีให้หลังแล้ว
“พวก เมื่อกี้พวกเราสุดยอดไปเลย!” นักเรียนหลังห้องหลายคนกำลังยกหางตัวเอง “หลี่อ้ายหรง ฉันอยากเหยียบเธอตั้งนานแล้ว!”
ห้องหนึ่งเป็นนักเรียนที่อยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกของโรงเรียนเกือบจะทุกคน แยกตัวออกจากห้องอื่น มีความรู้สึกเหนือกว่าไม่มากก็น้อย แม้แต่อาจารย์หลี่อ้ายหรงที่คุมห้องหนึ่งก็รังเกียจห้องอื่น เอะอะก็พูดว่า ‘ห้องหนึ่งของเราอย่างนั้นอย่างนี้’
นักเรียนห้องเก้าครหาเธอตั้งนานแล้ว
ตอนนี้ย้ายเธอไปแล้ว ทุกคนต่างก็ดีใจ!
เฉียวเซิงวางปากกาลง ขายาวเหยียดออกไปตรงทางเดินแล้วเปิดกระดาษดู
หลินซือหรานเขียนแค่สองประโยคสั้นๆ ลงในกระดาษว่า ‘เธอบอกว่าเธอจะเรียน เธออยากคว้าที่หนึ่งด้วย’
“เป็นอะไรหรือเปล่า” เพื่อนร่วมโต๊ะเฉียวเซิงหันมามอง
เฉียวเซิงส่ายหน้า จะไม่เป็นอะไรได้อย่างไร ถูกอาจารย์หลี่อ้ายหรงกระตุ้นจนเกิดเรื่องแล้ว…
…
อาจารย์เฉินสอนแค่ห้องเก้ากับห้องสายภาษาห้องหนึ่งของมัธยมปลายปีสอง ตอนนี้มีห้องเก้าเพิ่มมา ห้องทำงานของเธอต้องย้ายจากตึกมัธยมปลายปีสองไปที่ตึกเรียนมัธยมปลายปีสาม
วันต่อมา วันอังคาร
เป็นวันแรกที่อาจารย์เฉินเข้าสอนห้องเก้า เธอถือแผนการสอน ละล้าละลัง กระวนกระวายอย่างยิ่ง
อาจารย์คนอื่นในห้องพักครูต่างก็ถามไถ่ไม่กี่คำ
“พวกเด็กห้องเก้าหัวดี” อาจารย์ฟิสิกส์ประคองแก้วเก็บความร้อน พูดเสียงเนิบนาบ “เวลาเรียนก็ตั้งใจฟัง หลินซือหรานคนนั้นตรรกะความคิดดีเยี่ยม ก้าวหน้าไวมาก”
ช่วงนี้อาจารย์ฟิสิกส์สอนอย่างสบายใจ ถ่ายทอดประสบการณ์กับอาจารย์เฉินอย่างเชื่องช้า ระยะนี้ฟิสิกส์ของห้องเก้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อาจารย์เฉินกำลังตั้งใจฟัง
อาจารย์หลี่ที่ปฏิเสธอาจารย์เกาหยางเมื่อวานยิ้ม เขาถือปากกา พูดปลอบใจว่า “อาจารย์เฉิน อย่ากังวลไปเลย ชั้นเรียนของคุณ มีคนดังของโรงเรียนตั้งสามคน ดูดีเลยละ”
พูดแบบนี้ก็จริง แต่ก็เป็นแค่คำพูดบังหน้าเท่านั้น ในใจอาจารย์หลี่ไม่ได้คิดแบบนี้
ไม่ใช่แค่เฉียวเซิงคนเดียวที่อบรมสั่งสอนได้ยาก แม้แต่หลี่อ้ายหรงยังถูกนักเรียนห้องนี้ทำให้โกรธจนถอนตัว อายุน้อยอย่างอาจารย์เฉินคิดอยากจะคุมนักเรียนพวกนี้…
บอกเลยว่ายาก
อาจารย์เฉินมาถึงห้องเก้าด้วยความว้าวุ่นใจ
กลับพบว่าห้องเก้าเงียบสงบ ก่อนที่เธอจะไปถึงห้องเก้า ดูเหมือนว่าคนในห้องจะก้มหน้าทำการบ้านกันอยู่แล้ว
อาจารย์เฉินเผลอเบนสายตามองฉินหร่านอย่างไม่รู้ตัว
มาอยู่อีจงได้ไม่นาน แต่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฉินหร่านมาไม่น้อยเลย
สิ่งที่ได้ยินมากที่สุดก็คือ เด็กคนนี้นิสัยไม่ดี
อีกอย่างก็คือมัธยมปลายปีสามห้องเก้า เป็นสนามรบแห่งอสุรกาย
คนดังของโรงเรียนรวมตัวกันอยู่ถึงสามคน
ฉินหร่านนั่งริมหน้าต่าง เธอพิงผนังก้มหน้าก้มตา เห็นแค่เค้าโครงคร่าวๆ แต่ก็น่ามองมากเป็นพิเศษ
มือซ้ายถือปากกา บนโต๊ะมีหนังสือภาษาอังกฤษที่เป็นที่นิยมในท้องตลาดช่วงนี้กางอยู่
ใส่ยูนิฟอร์มโรงเรียนที่นักเรียนคนอื่นไม่ค่อยอยากใส่นัก ใบหน้าที่ก้มอยู่ดูน่ารักเป็นอย่างมาก
เพราะแม้แต่หลี่อ้ายหรงที่เป็นอาจารย์คนสำคัญ ยังคุมห้องเก้าไม่ได้ ตอนแรกอาจารย์เฉินลนลานมาก
แต่ทว่าเหนือความคาดหมายของอาจารย์เฉิน ตอนที่เธอสอนห้องเก้าไม่ได้รังแกหรือต่อต้านอย่างที่เธอจินตนาการไว้ เกือบจะทุกคนที่เงยหน้าฟัง ตั้งใจและใฝ่รู้
แม้แต่บิ๊กบอสที่มีข่าวลือในโรงเรียนมาตลอดอย่างฉินหร่านก็เงยหน้าเหมือนกัน
ในห้องเรียน นอกจากสวีเหยากวงแล้ว เธอพบว่าหลินซือหรานมีตรรกะความคิดด้านภาษาอังกฤษดีเยี่ยม
หลังหมดคาบ อาจารย์เฉินยังถูกนักเรียนหลายคนขวางไว้ เพื่อถามคำถาม
อาจารย์เฉินกระแอมไอ เริ่มอธิบายให้พวกเขาทีละข้อ
กระทั่งใกล้จะเข้าเรียน เธอถึงได้หยิบแผนการสอน กลับห้องพักครูประหนึ่งวิญญาณที่ล่องลอย
ห้องเก้าไม่เชื่อฟัง ฉินหร่านเป็นตัวตั้งตัวตีอ่านหนังสือนอกเวลาแถมนอนหลับที่ว่ากันล่ะ
นี่มัน…
ไม่เหมือนที่อาจารย์คนอื่นพูดเลยสักนิดนี่นา
…
ในห้องพักครูมีอาจารย์ที่ไม่ได้เข้าสอนกำลังว่างเว้น พอเห็นเธอกลับมา ก็เผลอถามเธอหลายประโยค
อาจารย์ผู้ชายแซ่หลี่คนนั้นกำลังตรวจควิซภาษาอังกฤษ เห็นอาจารย์เฉินมีอาการงุนงง ในใจก็รู้สึกดีใจกับการตัดสินใจของตัวเอง แต่ปากกลับปลอบโยนว่า “ห้องเก้าคุมยากอยู่แล้ว อาจารย์เฉินอย่าไปใส่ใจพวกเขาเลย”
วันนี้อุณหภูมิลดลง ข้างนอกหนาวนิดหน่อย
อาจารย์เฉินได้สติกลับมา รินน้ำร้อนให้ตัวเองแก้วหนึ่งแล้วประคองไว้ พูดเสียงเบาว่า “เปล่าเลย นักเรียนห้องเก้าเป็นเด็กดีมาก ตั้งใจฟังเวลาเรียน เลิกเรียนก็ยังถามคำถามฉันอีก”
คาบต่อไปของหลี่อ้ายหรงคือภาษาอังกฤษของห้องหนึ่ง เธอรออยู่ในห้องพักครูนานขนาดนี้ ก็เพราะอยากรอดูปฏิกิริยาของอาจารย์เฉิน
พอได้ยินอาจารย์เฉินพูดแบบนี้ หลี่อ้ายหรงก็ถือควิซปึกหนึ่งไปที่ห้องหนึ่ง ตอนหันหลังออกไป รอยยิ้มตรงมุมปากดูเย้ยหยัน “ปากแข็ง”
นักเรียนห้องเก้าพวกนั้น เวลาเรียนจะมีเฉียวเซิงเป็นหัวโจก พากันเล่นเกม พวกที่หลับก็มีอยู่กลุ่มหนึ่ง ยังจะบอกว่าตั้งใจเรียนอีก หลอกใครกันน่ะ
ส่วนฉินหร่าน เอาแต่ใจตัวเองยิ่งกว่าเฉียวเซิงเสียอีก
หลี่อ้ายหรงไม่ค่อยพอใจที่ตำแหน่งอาจารย์ดีเด่นปีหน้าของตัวเองจะมีห้องเก้ามาเป็นภาระ ดูได้จากตอนที่ไม่อยากรับฉินหร่านมาอยู่ห้องตัวเองตั้งแต่เปิดเทอม
อาจารย์คนอื่นในห้องพักครูก็รู้สึกว่าอาจารย์เฉินกลัวอับอายขายหน้า แต่ละคนยิ้มแย้ม แต่ในใจกลับไม่สนใจ
อาจารย์เฉินเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ ก็กลืนคำพูดอื่นๆ ของตัวเองลงไป
ดูเหมือนว่าจะพูดอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อ
…
พักกลางวัน
ฉินหร่านตามพวกหลินซือหรานไปที่โรงอาหารอีกครั้ง พอตกเย็น เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เมื่อเย็นวานจนถึงตอนนี้ เธอลืมห้องพยาบาลกับเฉิงเจวี้ยนไปเสียสนิท
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน เธอบอกกับหลินซือหรานแล้วตรงไปที่ห้องพยาบาลทันที
ตอนที่เธอมาถึงห้องพยาบาล ลู่จ้าวอิ่งกำลังตรวจฟันให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่
“เธอเคยมาเอายาแก้ปวดไปตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว แบบนี้ไม่ได้ เธอต้องรีบไปหาหมอฟัน” ลู่จ้าวอิ่งหยิบยาแก้ปวดสองเม็ดให้ผู้หญิงที่ปิดหน้าเกือบครึ่งหน้า และให้ใบลาป่วยกับเธออีกด้วย ให้เธอหาเวลาไปหาหมอฟันตัวจริง
ผู้หญิงคนนั้นปิดหน้าพูดขอบคุณ
พอผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว ลู่จ้าวอิ่งก็ถอดเสื้อกาวน์บนตัวออก วางไว้มุมหนึ่ง “ฉินเสี่ยวหร่าน ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”
พอได้ยินเสียง เฉิงเจวี้ยนที่นั่งอยู่ข้างในก็เงยหน้าขึ้น
ฉินหร่านลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาแล้วนั่งลงอย่างเอื่อยเฉื่อย “อ้อ เปล่า วันเสาร์นี้จะเริ่มสอบกลางภาคแล้ว ฉันกำลังทบทวนอยู่”
มือถือในกระเป๋าดังขึ้น
ฉินหร่านเหลือบมองอยู่ไม่กี่ที เป็นข้อความที่ฉางหนิงส่งมา
ตั้งแต่ที่แลกเบอร์จริงกันเมื่อวาน ฉางหนิงก็โทรหาเธอโดยตรง ไม่ใช้หมายเลขเสมือนจริงติดต่อเธออีก
เธอเดาว่าฉางหนิงถามเรื่องเมื่อวาน จึงไม่ได้ดู
ค่อยกลับไปดูที่ห้องเรียน
ลู่จ้าวอิ่งกำลังก้มตัวเปิดลิ้นชักหยิบมือถือของตัวออกมา พอได้ยินประโยคนี้ มือถือแทบจะร่วงลงจากมือ
เพราะได้ยินคนที่มักจะสอบได้ยี่สิบสามสิบคะแนนคนหนึ่งบอกว่าจะตั้งใจเรียน ก็ตกใจมากทีเดียว
ประตูกระจกไม่ได้ปิด เฉิงเจวี้ยนที่อยู่ข้างในเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เชยตาขึ้น ให้กำลังใจว่า “สู้ๆ อย่ากดดันมากเกินไป”
“ฉันรู้น่า” ฉินหร่านพยักหน้า
ลู่จ้าวอิ่ง “…”
เธอจะมีเรื่องอะไรให้กดดัน…
สองคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ…
ทั้งสามคนกำลังคุยกัน ก็มีเสียงสนทนาของคนสองคนดังมาจากนอกห้องพยาบาล
สามารถฟังออกว่าหนึ่งในนั้นเป็นเสียงของเฉิงมู่
เขากับผู้บัญชาการห่าวเดินเข้ามา ผู้บัญชาการห่าวมีใบหน้ามาดแมน เสียงดังกังวาน
เฉิงมู่กำลังหันหน้า มองผู้บัญชาการด้วยความดีใจ “จริงเหรอ”
ปกติเฉิงมู่ไม่ใช่คนพูดมาก ที่ผ่านมาเวลาพูดจะทำหน้าตายด้าน น้อยนักที่จะแสดงอารมณ์ให้เห็น
ลู่จ้าวอิ่งเปิดมือถือ ถามยิ้มๆ ว่า “มีข่าวดีอะไร ตื่นเต้นขนาดนี้”
“ก็…” ผู้บัญชาการห่าวกระแอม กำลังจะพูด ก็เหลือบมองทางฉินหร่านแวบหนึ่ง ความหมายชัดเจนมาก
ฉินหร่านถือแก้วน้ำ กำลังดื่มช้าๆ หรี่ตาลงคิดว่าตัวเองปลีกตัวไปก่อนดีกว่า
แต่เฉิงมู่กลับโพล่งขึ้นมาทันทีว่า “เทพธิดาของผมสมัครแล้วจริงๆ! คุณชายลู่ ครั้งนี้สมาชิกใหม่ที่ 129 รับต้องเป็นเธอแน่นอน!”
พอได้ยินคำว่า 129 ฉินหร่านก็เงียบไปครู่หนึ่ง
มือข้างหนึ่งเคาะโต๊ะเบาๆ กำลังก้มหน้า ยกแก้วชาขึ้นดื่มคำหนึ่ง
พอเห็นเฉิงมู่พูดออกมาโดยที่ไม่แม้แต่จะคิด ผู้บัญชาการห่าวก็อดมองไปทางฉินหร่านไม่ได้ ไม่เจอกันไม่กี่วัน ทำไมเฉิงมู่กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วล่ะ
ไม่เลี่ยงฉินหร่านเลยสักนิดแล้ว
ฉินหร่านกำลังดื่มน้ำอย่างเชื่องช้า แม้แต่คิ้วก็ไม่ขยับ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับคำพูดของเฉิงมู่เลยสักนิด
ผู้บัญชาการชะงัก แปลกใจกับท่าทางนิ่งสงบของเธอก่อน จากนั้นก็ได้สติ ฉินหร่านเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายปีสามทั่วไป จะรู้ได้อย่างไรว่าหน่วยสืบสวน 129 คืออะไร