เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 187 สามปีก่อน QR
ชั้นบน
ทั้งสามคนไปที่ห้องทดลอง
ห้องทดลองชั้นสามกินเนื้อที่ไปกว่าครึ่ง
กู้ซีฉือผลักประตูให้ทั้งสองคนเดินเข้าไป คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ในห้องทดลองเปิดอยู่ ข้างในอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ทางการทดลอง
“มีไวรัสตัวหนึ่งที่ผมวิจัยมาครึ่งปีแล้ว” กู้ซีฉือหยิบหลอดทดลองกับเอกสารยื่นให้เฉิงเจวี้ยน “คุณลองดูสิ”
เฉิงเจวี้ยนไม่มุ่งเน้นเฉพาะการวิจัยไวรัสวิทยาเหมือนกู้ซีฉือ
แต่สมองของเขาเป็นเหมืองคลังข้อมูล จุดนี้กู้ซีฉือรู้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่สมาคมการแพทย์แล้ว
ฉะนั้นตอนที่ฉินหร่านบอกเขาว่าได้มาจากเฉิงเจวี้ยน เขาจึงเอาไปวิจัยทันที
เฉิงเจวี้ยนก้มหน้ามองครู่หนึ่ง
ฉินหร่านไม่มองว่าทั้งคู่กำลังดูอะไร เธอเดินเตร่อยู่ในห้องทดลองอยู่พักหนึ่ง
“เรื่องคุณยายเธอที่ฉันบอกเธอเมื่อคืน” กู้ซีฉือเห็นเฉิงเจวี้ยนกำลังดูของพวกนั้น จึงเดินมาทางฉินหร่าน “ละแวกบ้านเธอมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรืออย่างอื่นไหม”
ฉินหร่านยืนพิงโต๊ะอีกมุมหนึ่ง เมื่อได้ฟังก็หรี่ตาลง
กู้ซีฉือกินแอปเปิลจวนจะหมดแล้ว เขาโยนแอปเปิลลงถังขยะ “ยายของเธอโดนรังสียูเรเนียม เจ้านี่จะทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลง”
เขาพูดอย่างกระชับรอบหนึ่ง คิดๆ แล้วก็ขมวดคิ้ว
คนที่สัมผัสกับยูเรเนียมบ่อยๆ ล้วนไม่ค่อยธรรมดา
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ฉินหร่านไม่พูดอะไร เพียงแค่เม้มปาก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้พยักหน้า บ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว “ฉันรู้แล้ว”
ท่าทางของฉินหร่านแค่ดูก็รู้ว่าไม่ค่อยอยากพูดถึง กู้ซีฉือจึงไม่ได้ซักไซ้
เขาไปดูผลลัพธ์ที่ห้องทดลองอื่น
ทางฝั่งเฉิงเจวี้ยนดูเสร็จแล้ว สิ่งที่อยู่ในมือกู้ซีฉือคือไวรัสเร่งปฏิกิริยาที่จะซ่อมแซมอวัยวะให้เซลล์กำเนิดอีกครั้ง แต่ยังก้าวหน้าไม่มาก
เซลล์ทุกตัวมีความสามารถในการกำเนิดใหม่ แต่เซลล์ก็มีอายุขัยเช่นกัน เมื่อเปลี่ยนสภาพจนถึงขีดจำกัดแล้วก็จะไม่กำเนิดอีก
เขาวางหลอดทดลองลง ดึงเก้าอี้หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ออกมาแล้วนั่งลง
หน้าจอคอมพิวเตอร์มีภาพพื้นหลังสีดำ ด้านบนฉายภาพโครงสร้างสามมิติของไวรัสวนอยู่อย่างนั้น
“เป็นไงบ้าง” กู้ซีฉือเห็นเฉิงเจวี้ยนนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ จึงเขยิบเข้ามาถามเขา
“รอเดี๋ยว” เฉิงเจวี้ยนหรี่ตาลง
…
ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าสามคนที่อยู่ชั้นล่างจะได้สติ
“เอ่อ นายไม่ไปแล้วเหรอ” ลู่จ้าวอิ่งหันหน้ามองเจียงตงเย่ที่ยืนอยู่หน้าประตู
เจียงตงเย่ตื่นจากภวังค์แล้ว ใบหน้าเอื่อยเฉื่อยในยามปกติก็ฉายความคาดไม่ถึง ราวกับเห็นผี ตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “จะออกไปทำไมอีก”
คนที่เขาตามหามาหลายปี กับฉินหร่านยังพอว่า
แต่ท่านเจวี้ยนมันอย่างไรกันแน่
เจียงตงเย่มองชั้นบนแวบหนึ่ง
แม้จะอยากขึ้นไปมากเหลือเกิน แต่ข้างบนมีทั้งเฉิงเจวี้ยน ฉินหร่าน เขาไม่มีความกล้าจริงๆ
ชั้นหนึ่งของบ้านกู้ซีฉือไม่มีเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นเลย นอกจากสิ่งบันเทิง
ทั้งสามคนเป็นเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ถูกเสี่ยวเอ้อร์พาดูรอบๆ ทั้งหมด
สุดท้ายก็หยุดอยู่ตรงมุมที่มีคอมพิวเตอร์
เป็นคอมพิวเตอร์ AiO สีดำทั้งหมด
พวกเขารออยู่ชั้นล่างเป็นเวลานาน กว่าเฉิงเจวี้ยนจะเดินทอดน่องลงมาจากชั้นบน
ฉินหร่านกับกู้ซีฉืออยู่ชั้นสามยังไม่ลงมา
“ชั้นสองเป็นห้องนอนทั้งหมด เลือกเอาเอง เว้นสามห้องสุดท้าย” เฉิงเจวี้ยนหยิบขวดน้ำบนถาดของเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน เชยหน้าขึ้นมาทั้งสามคน “ไม่อยากอยู่ก็กลับโรงแรม”
“อยู่สิ! ต้องอยู่อยู่แล้ว!” ลู่จ้าวอิ่งลูบต่างหู มองบ้านของกู้ซีฉือแวบหนึ่งแล้วยิ้ม
เจียงตงเย่นั่งครุ่นคิดอยู่บนเก้าอี้ คราวนี้เมื่อเห็นเฉิงเจวี้ยน ก็ยันโต๊ะแล้วลุกขึ้นทันที “ท่านเจวี้ยน นาย…รู้จักกู้ซีฉือนานแล้วเหรอ”
เฉิงเจวี้ยนพูดจบตั้งใจจะขึ้นชั้นบน เมื่อได้ฟังก็พยักหน้า มองเจียงตงเย่อย่างใจเย็น “เหมือนจะใช่”
เจียงตงเย่ “…ทำไมนายไม่เคยบอกเลยล่ะ”
นิ่งดูดายมองเขาตามล่ากู้ซีฉือทั่วโลก
เฉิงเจวี้ยนได้ฟัง กลับเลิกคิ้วเล็กน้อย “นายก็ไม่เคยถามเลยนี่นา ถ้าไม่มีอะไรละก็ ฉันขึ้นไปละนะ” เขาเดินขึ้นชั้นบนอย่างเกียจคร้าน
…
กู้ซีฉืออยู่ในห้องทดลองทั้งวันไม่ออกมา
บ้านเขาไม่มีห้องครัว เฉิงมู่ค้นดูตู้เย็น มีแค่เบียร์ ตอนเที่ยงเขาโทรสั่งอาหารจากโรงแรม
ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนเดินลงมากินข้าว กู้ซีฉือไม่ได้ลงมาด้วย
เฉิงเจวี้ยนจึงให้เฉิงมู่ส่งข้าวไปให้เขาชุดหนึ่ง
เฉิงมู่ตัวสั่นระริก ทำใจอยู่หน้าห้องทดลองอยู่นานสองนาน กว่าจะกล้ายกมือขึ้นเคาะประตู
ชั้นล่าง เจียงตงเย่อยากไปส่งอาหารแทนเฉิงมู่เหลือเกิน ราวกับมีอุ้งมือแมวข่วนในอก แต่เฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านนั่งอยู่ข้างๆ เขาไม่กล้าขยับ
ผ่านไปครู่ใหญ่ ถึงพูดกับฉินหร่านอย่างจำใจ “คุณหนูฉิน เธอรู้จักกู้ซีฉือด้วยเหรอ” หยุดคิดครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมาอีกว่า “ครั้งก่อนกู้ซีฉือไปอวิ๋นเฉิงก็เพราะไปหาเธอใช่ไหม”
ฉินหร่านยื่นมือไปคีบเนื้อ ขานรับในลำคอไม่พูดอะไร
ลู่จ้าวอิ่งนั่งไขว่ห้างอยู่อีกมุม มองเจียงตงเย่แล้วยักคิ้วยิ้มๆ “งานไหว้ครูของฉินเสี่ยวหร่านครั้งก่อน กู้ซีฉือเกือบจะไปแล้ว แน่นอนว่า ถ้านายถามฉินเสี่ยวหร่าน ไม่แน่เธออาจจะพานายมาเจอกู้ซีฉือตั้งนานแล้วก็ได้”
เจียงตงเย่ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
เสียใจกว่าครั้งก่อนเสียอีก
เขาอยากย้อนกลับเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนให้รู้แล้วรู้รอด งานไหว้ครูของฉินหร่าน ต่อให้หมื่นคนมารั้งเขาก็จะไป
…
หลังกินข้าวเสร็จ ฉินหร่านกับเฉิงเจวี้ยนไม่ขึ้นไปรบกวนกู้ซีฉือที่ชั้นบนอีก
ให้เสี่ยวเอ้อร์ขึ้นไปเก็บจานชามของกู้ซีฉือลงมา
ลู่จ้าวอิ่งสำรวจที่พักของกู้ซีฉือตลอดทั้งเช้าจนทั่วแล้ว ตอนนี้ก็เบื่อหน่ายมากทีเดียว จึงโน้มหน้าเข้าไปอยากคุยกับฉินหร่าน
ก้มหน้าดูวีแชท โอวหยางเวยถามเขาว่าจะเล่นเกมไหม
การควบคุมเกมอันสุดยอดในการแข่งขันเมื่อวานของหยางเฟยและอี้จี้หมิง ติดอันดับฮอตเสิร์ชในเวยป๋ออยู่พักใหญ่
หลังวัยรุ่นมากมายได้เห็นก็เปิดคอมอย่างฮึกเหิม บังคับตัวละครเข้าอารีนา
“เฉิงมู่ เล่นเกมกับไอดอลนาย มาไหม” ลู่จ้าวอิ่งหันหน้ามองเฉิงมู่
ตาของเฉิงมู่เป็นประกาย นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ไม่ได้ ระดับของผมหาคนมาช่วยเล่นแทน ควบคุมได้ไม่ดี ไอดอลของผมต้องไต่ระดับจักรพรรดิ”
ลู่จ้าวอิ่งจึงมองฉินหร่าน “เธอเล่นของเฉิงมู่ไหม”
บัญชีเกมของเฉิงมู่ไม่ครบครันเท่าเฉิงเจวี้ยน แต่การ์ดที่ควรมีเขาก็มีครบ โดยเฉพาะการ์ดสายซัพพอร์ตระดับต่ำที่ฉินหร่านชอบใช้
ตอนแรกฉินหร่านกำลังคิดเรื่องเฉินซูหลานอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของลู่จ้าวอิ่งก็โยนมือถือลงบนโต๊ะแล้วพยักหน้า
ลู่จ้าวอิ่งนึกถึงเรื่องที่คุยกับเฉิงเจวี้ยนก่อนหน้านี้ “ท่านเจวี้ยน ฉินเสี่ยวหร่านใช้บัญชีของเฉิงมู่ นายจะเล่นด้วยกันไหม”
ตอนแรกเฉิงเจวี้ยนนอนอยู่บนโซฟา ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ท่าทางดูง่วงงุน เงียบอยู่พักใหญ่กว่าจะตอบมาว่า “ได้”
คอมพิวเตอร์ในบ้านกู้ซีฉือมีเยอะมากพอ
ทุกคนต่างก็ล็อกอินเข้าเกม
ทางด้านโอวหยางเหิงเมื่อเห็นว่าเป็นทีมสี่คน เธอจึงเปิดโหมดแชทด้วยเสียง “คุณชายลู่ อีกสองคนเป็นเพื่อนนายเหรอ ไม่เปิดไมค์เหรอ”
ลู่จ้าวอิ่งก็เปิดโหมดนี้เช่นกัน ยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้อง”
เฉิงมู่ลากเก้าอี้มานั่งข้างลู่จ้าวอิ่ง ดูการเล่นเกมรอบที่หนึ่ง
ฉินหร่านเลือกการ์ดสายซัพพอร์ตมาลวกๆ สามใบ เฉิงเจวี้ยนเองก็เลือกการ์ดสายซัพพอร์ตสามใบเหมือนเธอ
แต่การควบคุมของลู่จ้าวอิ่งกับโอวหยางเวยต่างก็ใช้ได้ จึงชนะไปอย่างง่ายดาย
เพียงแต่ว่าลู่จ้าวอิ่งตะโกนว่า ‘ท่านเจวี้ยน’ ระหว่างการเล่นเกม มือของโอวหยางเวยที่บังคับตัวละครทางนั้นชะงักเล็กน้อย
รอบที่สองเริ่มขึ้นแล้ว
ครั้งนี้โอวหยางเวยใช้การ์ดฝูซีโดยตรง
ลู่จ้าวอิ่งเกือบจะทำแก้วที่วางอยู่ข้างๆ ล้ม “คุณพระ การ์ดเทพ! โอวหยางเธอไปเอาการ์ดเทพมาจากไหน”
คนทั่วไปอยากได้การ์ดเทพนั้นยากเหลือเกิน
ลู่จ้าวอิ่งตั้งใจว่าจะลองคุยกับฉินหร่านว่า ไว้ว่างๆ ลองโน้มน้าวหยางเฟยหน่อยให้ว่าการ์ดเทพสักใบกับเขาได้หรือเปล่า
หรือลองเล่นบัญชีของหยางเฟย ให้ได้ลิ้มลองความสุดยอดของการ์ดเทพสักหน่อย
เสียงในสายของโอวหยางเวยราบเรียบ “รู้จักคนในทีมพอดี เลยได้การ์ดใบนี้มา”
สำหรับเกมเมอร์มืออาชีพ การ์ดเจ๋งๆ ใบหนึ่งนับว่าสำคัญมากทีเดียว คราวนี้ดาเมจของโอวหยางเวยเรียกได้ว่าทำลายล้าง
เมื่อหมดรอบที่สอง ฉินหร่านก็ไม่เล่นต่อแล้ว
เธอจะขึ้นไปดูว่ากู้ซีฉือวิจัยถึงขั้นไหนแล้ว
เฉิงเจวี้ยนเห็นเธอไม่เล่นแล้ว จึงวางเมาส์ในมือลง
ทั้งคู่ไม่เล่นแล้ว ลู่จ้าวอิ่งกับโอวหยางเวยก็น่าเบื่อ เขาจึงพูดกับโอวหยางเวยว่าไว้เล่นกันคราวหน้าอย่างไม่หายอยาก
จากนั้นก็ปิดเกมลง ตามเฉิงเจวี้ยนไปอย่างตื่นเต้น “ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีการ์ดเทพใบหนึ่งด้วย ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือเล่นเกมกับการ์ดเทพ!”
เฉิงเจวี้ยนเชยตาขึ้น กดปิดหน้าหลักของเกม ไม่พูดอะไร
“ท่นเจวี้ยน เปิดกล่องข้อความได้หรือเปล่า นายไม่ชอบย้ำคิดย้ำทำหรือไง” ลู่จ้าวอิ่งชี้กล่องข้อความตรงมุมขวาด้านบนของเกม
เฉิงเจวี้ยนไม่ได้สนใจมากนัก เขาไม่ได้ใช้บัญชีนี้มานานมากแล้ว แต่พอลู่จ้าวอิ่งพูดเขากับเลื่อนเมาส์ไปกดทีหนึ่ง
ส่วนใหญ่จะเป็นสิทธิ์ในการรับของรางวัลหรือไม่ก็สิทธิ์ในการเข้าร่วมกิจกรรม
มีเกือบสิบกว่าฉบับ
เฉิงเจวี้ยนไล่ดูทีละฉบับอย่างใจเย็น
จนกระทั่งฉบับสุดท้าย
อีเมลที่มาจากวันที่ 7 เดือนกันยายนของเมื่อสามปีก่อน
‘คุณได้รับการ์ดเทพสามใบที่ QR เป็นผู้มอบให้’