เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 224 บุคคลภายในอวิ๋นกวงกรุ๊ป เฉิงหั่วโง่ไปเลย
1321!
ในสนามฝึกซ้อม คนที่ล้อมอยู่หน้าเครื่องมือทดสอบพลังหมัดไร้ปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะ
แม้กระทั่งเจอร์รี่ที่กำลังพูดอยู่ก็ถึงกับผงะ คนที่ยืนอยู่หน้าเครื่องมือทดสอบพลังหมัดต่างก็ตกเข้าสู่ภวังค์ความเงียบอย่างน่าประหลาด
1321 สูงกว่าสถิติสูงสุดของเฉิงสุ่ยตั้งสี่ร้อยกว่า
สี่ร้อยแต้มขึ้นไปในอดีตต่างกับ 0 ถึง 400 มันเกินขีดจำกัดไปมากเพราะการที่ห่างกันแค่ 50 แต้มก็ถือว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน
ปกติพลังหมัดของเฉิงสุ่ยจะอยู่ระหว่าง 880 ถึง 910 พละกำลังของเขาเองก็ค่อนข้างน่ากลัวมากอยู่แล้ว หลายปีมานี้ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้เลย ตอนนี้ไม่เพียงมีคนแซงหน้าเขาเท่านั้นแต่ยังต่อยได้ถึง 1321 แต้ม ? !
ถังชิงที่เพิ่งต่อยเสร็จได้ 700 กว่าก็ยังไม่ได้สติ
เนื่องจากเมื่อสักครู่นี้เธอใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีต่อยออกไปเพื่อสร้างความประทับใจครั้งแรกให้คนในคฤหาสน์ได้เห็น จึงทำให้ข้อมือและแขนชาจนถึงตอนนี้
นี่คือสุดแรงเกิดของเธอแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ออกตัวต่อยอีกครั้ง
มีเฉพาะคนที่เคยทดสอบมาแล้วเท่านั้นถึงจะรู้ว่า 1321 เป็นตัวเลขที่น่าสะพรึง
“เจอร์…เจอร์รี่…” คนที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะดึงแขนของเจอร์รี่ เขากลืนน้ำลาย “นี่…นี่ใครเป็นคนต่อย…”
เจอร์รี่ถอนหายใจด้วยความอึดอัดโดยที่ยังไม่ละสายตา “สถิติแบบนี้ น่าจะเป็นนายท่านแหละมั้ง…”
นอกจากเฉิงเจวี้ยน เจอร์รี่ก็นึกไม่ออกว่าใครจะสามารถต่อยออกมาได้คะแนนแบบนี้
เมื่อได้ยินเจอร์รี่พูดถึงเฉิงเจวี้ยน คนอื่นในสนามฝึกต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย
ถ้าเฉิงเจวี้ยนเป็นคนต่อยก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม คะแนน 1321…ก็ยังทำให้คนอดที่จะชำเลืองมองไม่ได้
**
ห้องฝึกซ้อมชั้นหนึ่งของคฤหาสน์
พอฉินหร่านต่อยเสร็จก็ก้มหน้าเป่าหมัด
เฉิงเจวี้ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ เอามือสอดกระเป๋ากางเกงเดินเข้ามา เลิกคิ้วเล็กน้อย “1321 ก็พอไหว”
เฉิงมู่กับซือลี่หมิงที่ยืนอยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้นทันที “…”
พอ พอไหวงั้นเหรอ?
ทั้งสองเคยเห็นความดุดันของฉินหร่านมาก่อนแล้ว ตอนที่สู้กับกลุ่มทหารรับจ้างพวกนั้น เธอก็ไม่ได้ใช้ทักษะอะไรมาก การที่เธอต่อยได้ค่าพลังหมัด 1321 มันก็สมเหตุสมผลแล้ว ถึงแม้จะเกินความคาดหมายไปบ้าง
“1321 แม้กระทั่งไม้ท่อนก็ ก็ ก็ตบจนกลายเป็นเศษไม้ได้เลย…” ซือลี่หมิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเงียบๆ
เฉิงมู่ก้มหน้ามองสภาพร่างกายของตัวเอง แม้เขาจะโดนฉินหร่านเคี่ยวเข็ญ แต่ฉินหร่านก็เหมือนจะยังไม่ได้โหดร้ายกับเขามากนัก…
เขาเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “คุณหนูฉิน เอาอีก!”
ขณะนี้ซือลี่หมิงกำลังถือปากกาและสมุดอยู่ในมือเพื่อทำการจดบันทึกสภาพร่างกายของเฉิงมู่เป็นบรรทัดๆ
เขาไม่ใช่หมอและไม่เคยเรียนด้านการแพทย์มาก่อน แต่คนที่เรียนศิลปะการต่อสู้หรือการตีรันฟันแทงก็มักจะได้รับบาดเจ็บมากมายจนกลายเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว จึงได้ความรู้ด้านการแพทย์จากอาการบาดเจ็บของตัวเองมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินที่เฉิงมู่พูด เขาก็เลิกคิ้ว “เฉิงมู่ มันจะหนักไปไหม? ไม่พักสักหน่อยเหรอ ตอนบ่ายหรือพรุ่งนี้ค่อยซ้อมต่อดีไหม? ตอนนี้นายขยับมือได้หรือยัง?”
ฉินหร่านเพิ่งจะลงมือกับเขาอย่างรุนแรง ถึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บภายในมากนัก แต่เฉิงมู่ก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลภายนอก
ซือลี่หมิงดูออกถึงอาการบาดเจ็บของเฉิงมู่
“แน่นอน” เฉิงมู่ยกแขนขึ้น จากนั้นก็เดินเข้าไปสองก้าวพร้อมกับกำหมัด “ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้เป็นอะไร บนตัวก็ไม่ได้เจ็บมากมายขนาดนั้น”
ขณะที่พูดเขายังสาธิตให้ซือลี่หมิงดู
เห็นได้ชัดว่าเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เขายังขยับแขนไม่ได้ แต่ตอนนี้กลับเคลื่อนไหวได้ตามใจชอบ…
ซือลี่หมิงหันไปมองกองยาบนเก้าอี้โดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้
ยาพวกนี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาแน่ๆ…ด้วยยาวิเศษประเภทนี้บวกกับการฝึกฝนอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง และยังมีคนฝีมือดีมาฝึกให้กับมือ ตราบใดที่ไม่ใช่พวกอ่อนหัดก็สามารถกลายเป็นคนมีฝีมือระดับชั้นเซียนได้
ซือลี่หมิงคิดมาจนถึงจุดนี้ ขณะที่มือยังจดบันทึกก็มองไปทางเฉิงมู่ ตอนนี้เขานึกอิจฉาขึ้นมาจริงๆ แล้ว…
ฉินหร่านบอกเฉิงมู่ว่า “รอเดี๋ยว” จากนั้นก็ยื่นมือมาหยิบสมุดบันทึกของซือลี่หมิงไปอ่าน
“จริงสิ กู้ซีฉือให้ฉันมาถามคุณ” พอกวาดตาอ่านจบ ฉินหร่านก็นึกอะไรขึ้นได้พลางมองไปทางเฉิงเจวี้ยน “จะไปองค์กรการแพทย์เมื่อไหร่”
เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าคิดสักพักแล้วมองเธอ “เธอจะเที่ยวเล่นเสร็จเมื่อไหร่ล่ะ?”
“อย่างน้อยก็เดือนหน้ามั้ง?” ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงมู่ เฉิงมู่มีพื้นฐานอยู่แล้ว แต่แค่ศักยภาพของเขาไม่ได้รับการกระตุ้น หากฝึกฝนอย่างหนักหน่วงโดยไม่หยุดเป็นเวลาหนึ่งเดือน ก็น่าจะใช้ได้แล้ว
“งั้นก็รอไปก่อน ไม่รีบ” เฉิงเจวี้ยนตอบกลับอย่างสบายๆ “เธอไม่ต้องห่วง ฉันคุยกับเขาเอง”
ฉินหร่านพยักหน้าและไม่ได้สนใจอะไรอีก เธอไปสู้กับเฉิงมู่ต่อ
เฉิงเจวี้ยนยืนดูอยู่ข้างๆ ได้สักพักก็เห็นว่าฉินหร่านสู้กับเฉิงมู่อย่างสบายใจ เขาถึงจะเดินออกไป
**
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ถังชิงเป็นที่พูดถึงกันมากในคฤหาสน์
ถังชิงต่อยออกมาได้ถึง 700 กว่า ซึ่งหาได้ยากมากในหมู่เด็กผู้หญิง
เดิมทีมันควรจะเป็นประเด็นที่พูดถึงกันมากที่สุด แต่จู่ๆ ก็มี 1321 แย่งความสนใจไป ทุกคนในคฤหาสน์ที่ทราบข่าวก็มักจะไปที่สนามฝึกที่ใกล้ที่สุดเพื่อดูสถิติ 1321 บนเครื่องมือทดสอบพลังหมัด
บางคนยังถึงกับถ่ายรูปเก็บไว้แล้วโพสต์
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ในที่สุดหุ่นยนต์รุ่นEA3ที่ซือลี่หมิงประมูลมาจากงานประมูลก็ผ่านการทดสอบ มันถูกส่งไปยังหอประชุมเรียบร้อยแล้ว
ทันทีที่เฉิงหั่วทราบข่าวก็รีบมาด้วยความรวดเร็ว ในห่อบรรจุหุ่นยนต์รุ่นEA3อยู่หนึ่งตัว เขาพลิกดูข้างในอยู่ตั้งนานก็ยังหาคู่มือหรือของอะไรไม่เจอเลย
เขาเดินรอบหุ่นยนต์ตัวนั้นโดยไม่กล้าทำอะไรกับมัน
ถ้ามีใครทำไม่ดีกับของไฮเทคพวกนี้จะต้องโดนปิดตาย เฉิงหั่วเกาศีรษะ จากนั้นก็สั่งคนข้างๆ “ไปเรียกถังชิงมา”
เจอร์รี่และคนอื่นๆ ต่างก็เคยได้ยินเรื่องหุ่นยนต์มานานแล้ว จึงออกไปตามถังชิงมาดูระบบอัจฉริยะรุ่นแรกในตำนาน
“นี่คือEA3?” ถังชิงเดินไปข้างๆ เฉิงหั่ว เธอมองสำรวจหุ่นยนต์EA3อย่างระมัดระวัง
EA3ยังไม่ได้มีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการ แต่ทางสมาคมแฮ็กเกอร์มีข่าวว่าหุ่นยนต์รุ่นEAเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์(AI)ทั้งระบบ
เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้พัฒนาจนถึงขีดสุด ตราบใดที่เป็นนักเล่นคอมพิวเตอร์ ก็ไม่มีใครที่ไม่ต้องการนำหุ่นยนต์รุ่นEAมาศึกษา
คนจากหน่วยข่าวกรองได้ล้อมหุ่นยนต์EA3ไว้ตลอดทั้งบ่าย แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เฉิงหั่วส่งข่าวให้ประธานสมาคมแฮ็กเกอร์แล้ว เขายังพยายามติดต่อบุคคลภายในอวิ๋นกวงกรุ๊ปอีกด้วย
เฉิงหั่วต้องการจะถามพวกเขาว่าทำไมหุ่นยนต์อัจฉริยะถึงไม่มีคู่มือมาให้?
“นายมีช่องทางติดต่อกับบุคคลภายในอวิ๋นกวงกรุ๊ปไหม?” เฉิงหั่วหันไปถามเฉิงมู่
ตอนที่พูดประโยคนี้ เฉิงหั่วก็นึกถึงห่อพัสดุที่อวิ๋นกวงกรุ๊ปส่งมาให้ฉินหร่านในตอนเช้า เขายังคิดจะลองถามฉินหร่านตอนทานอาหารเย็น
เฉิงมู่ครุ่นคิดอยู่สักพักก็ส่ายหน้า “พวกเราไม่ได้ไปหามาสู่กับอวิ๋นกวงอยู่แล้ว”
ธุรกิจของอวิ๋นกวงกรุ๊ปจะกระจุกตัวอยู่ในเอเชียเป็นส่วนใหญ่ น้อยมากที่พวกเขาจะเข้าถึงที่นี่ ส่วนธุรกิจของพวกเขาส่วนใหญ่จะอยู่ต่างประเทศ
เมื่อถังชิงที่เอาแต่มองมาที่หุ่นยนต์ได้ยินดังนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย “อันที่จริงฉันรู้จักผู้จัดการของอวิ๋นกวงอยู่คนหนึ่ง เขาก็อยู่ที่รัฐ M เหมือนกัน…”
“เธอรู้จักบุคคลภายในอวิ๋นกวงกรุ๊ปด้วยเหรอ?” เฉิงหั่วเงยหน้ามองถังชิงด้วยความประหลาดใจที่ถูกซ่อนไว้ลึกๆ
แม้กระทั่งเฉิงสุ่ยและคนอื่นๆ ต่างก็มองมาทางถังชิงอย่างพร้อมเพรียง
“เขาเป็นคุณลุงของฉันเอง แต่เราไม่ค่อยได้เจอกัน เขาไม่เคยคุยกับฉันเกี่ยวกับเรื่องภายในอวิ๋นกวงกรุ๊ปมาก่อนเลย คุณลุงของฉันอยู่ในวงการไอทีด้วยนะคะ ถ้าพวกคุณอยากพบเขา ฉันจะลองเชิญเขามาคฤหาสน์ดูก็ได้ แต่พวกคุณอย่าตั้งความหวังไว้ล่ะ เพราะฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาได้หรือเปล่า” ถังชิงยิ้ม
**
ช่วงทานอาหารค่ำ
เฉิงมู่หน้าปูดหน้าบวมอยู่โต๊ะอาหาร
เขากินข้าวเร็วจนแทบจะไม่ได้คุยกับใครเลย
“วันนี้ถังชิงคนนั้นทดสอบพลังหมัดได้ 700 กว่า พละกำลังไม่เลวเลยทีเดียว” เฉิงสุ่ยรายงานให้เฉิงเจวี้ยนฟังเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปของหน่วยข่าวกรองว่าตราบใดที่ผ่านด่านทักษะทางด้านไอทีและข้อเรียกร้องทางความสามารถไม่ได้สูงมากนัก ก็จะส่งพนักงานของฝ่ายยุติธรรมตามไปดูแล แต่ว่าคนที่มีความสามารถและฝีมืออย่างถังชิงดูเหมือนจะมีเพียงไม่กี่คน
เมื่อเฉิงมู่ได้ยินว่าถังชิงได้ถึง 700 เขาก็ก้มหน้ากินเร็วขึ้น
เฉิงเจวี้ยนเองก็ก้มหน้ากินอย่างช้าๆ พลางตอบไปว่า “อืม”
ขณะที่เฉิงหั่วคีบเนื้อขึ้นมา เขาก็นึกอะไรขึ้นได้จึงหันไปถามฉินหร่าน “คุณหนูฉิน คุณรู้จักคนของอวิ๋นกวงไหม?”
เมื่อฉินหร่านที่กำลังถือตะเกียบอยู่ในมือและกินอย่างช้าๆ ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น “มีอะไร?”
“คนของหน่วยจัดซื้อประมูลหุ่นยนต์ที่ลานจอดเครื่องบินครั้งล่าสุดมาได้น่ะ หุ่นยนต์ตัวนี้ไม่มีคู่มือติดมาด้วย ผมอยากจะติดต่อคนของอวิ๋นกวงดูว่าหุ่นยนต์ตัวนี้ใช้การยังไง” เฉิงหั่วอธิบาย
เนื่องจากหุ่นยนต์ตัวนี้มีมูลค่ามากกว่าสิบล้านและมีเพียงตัวเดียว เฉิงหั่วจึงไม่กล้ากดสวิตช์อะไรซี้ซั้วและไม่กล้าถอดอะไหล่ไปเรื่อย ดังนั้นเขาจึงประคบประหงมราวกับสมบัติ
หลังจากที่ฉินหร่านได้ยินก็มองเฉิงหั่วด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
คิ้วบางไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกใดๆ แต่เฉิงหั่วกลับรู้สึกได้ถึงความมึนงงของดวงตาคู่นั้น
เฉิงหั่วนิ่งไปสักพัก กระแอมเสียง ใบหน้าอ่อนเยาว์ดูเกร็งๆ เล็กน้อย “คุณหนูฉิน?”
“ไม่มีอะไร คุณไปเอาหุ่นยนต์ตัวนั้นมานี่” ฉินหร่านก้มหน้ากินข้าวต่อ
แม้จะแปลกใจว่าฉินหร่านให้เขาไปเอาหุ่นยนต์มาทำไม แต่เฉิงหั่วก็ไม่ได้เอ่ยถาม เขาวางตะเกียบโดยที่ยังกินข้าวไม่เสร็จและกลับไปที่หน่วยข่าวกรองเพื่อสั่งให้คนยกหุ่นยนต์EA3มาที่นี่อย่างระมัดระวัง
“คุณหนูฉิน ย้ายมาแล้วครับ คุณจะดูมันไหม?” เฉิงหั่วมองฉินหร่าน
เขาคิดว่าฉินหร่านอยากจะดูหุ่นยนต์EA3ว่าหน้าตาเป็นแบบไหน
ฉินหร่านกินข้าวใกล้เสร็จแล้ว เธอยื่นมือหยิบผ้ามาเช็ดมุมปากแล้วเดินไปที่ข้างๆ หุ่นยนต์EA3
เฉิงสุ่ยที่นั่งอยู่โต๊ะอาหารส่งสายตามองไปทางนั้นโดยไม่รู้ว่าฉินหร่านคิดจะทำอะไรกันแน่
มีเพียงเฉิงเจวี้ยนเท่านั้นที่ใช้มือเท้าคางและมองอย่างเอื่อยเฉื่อย
“คุณหนูฉิน คุณดูแบบนี้ไปก่อนนะครับ รอพวกเราหาทางสตาร์ทหุ่นยนต์ได้แล้วค่อยส่งมา…” เฉิงหั่วแนะนำฉินหร่านไปได้สักพัก
ฉินหร่านเหลือบมองเฉิงหั่วอีกครั้งแล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆ “สตาร์ทระบบอัจฉริยะEA3”
เฉิงหั่ว “สตาร์ทไม่…”
เขายังไม่ทันพูดจบ ดวงตาของหุ่นยนต์EA3และส่วนต่างๆ ของร่างกายก็สว่างขึ้นด้วยแสงสีน้ำเงิน ขณะเดียวกันก็มีเสียงหุ่นยนต์ดังขึ้น “ระบบEA3กำลังโหลด…”