เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 227 ความแข็งแกร่งถูกบดขยี้ เอาคืนอย่างสาสม
เจอร์รี่นิ่งไปสักพัก
จากนั้นก็ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว แม้เมื่อสักครู่นี้เขาจะแขวะแรงไปหน่อย แต่ก็ยังทักทายด้วยความสุภาพ “คุณหนูฉิน”
ยังไม่ต้องพูดถึงเฉิงเจวี้ยน เพราะท่าทีของคนที่มีความสามารถอันน่าทึ่งอย่างเฉิงสุ่ย เฉิงหั่ว และหัวหน้าคนอื่นๆ ที่มีต่อฉินหร่านต่างก็ส่งผลทำให้พวกลูกน้องเหล่านี้ยำเกรงบารมีเช่นกัน
ถังชิงหันข้างมองไปทางฉินหร่าน
ฉินหร่านดึงหมวกเสื้อขนเป็ดลงพร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้ฉันไม่ใช่ตัวหลัก”
ขณะนี้ซือลี่หมิงสวมหมวกและผ้าปิดปากอยู่ข้างหลังเธอ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คุ้นเคยกับเขาถึงจะจำรูปร่างของเขาได้
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มของฉินหร่านบุกมาหาพวกเขาที่นี่ เจอร์รี่เม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “คุณหนูฉินมาหาพวกเรามีธุระอะไร?”
คนในคฤหาสน์ต่างก็เคยได้ยินมาว่าฉินหร่านชอบเที่ยวเล่น
คงไม่ได้มาเดินเล่นที่สนามฝึกหรอกนะ?
ซือลี่หมิงเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างเงียบๆ
ไม่ไกลมากนัก มีชายหนุ่มคนหนึ่งรีบวิ่งมาที่นี่
เขาวิ่งมาหาถังชิงโดยเฉพาะด้วยท่าทางตื่นเต้น “คุณถัง คุณเฉิงหั่วให้ผมมาตามคุณ โค้ดบนตัวเสี่ยวเฮยมีความคืบหน้าแล้ว!”
พูดยังไม่ทันจบประโยค ชายหนุ่มก็หันมาเจอฉินหร่านเข้าพอดี เขารีบถอยออกไปหนึ่งก้าวแล้วทักทายฉินหร่านอย่างสุภาพ “คุณหนูฉิน”
เมื่อฉินหร่านที่กำลังเอามือสอดกระเป๋ากางเกงได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วมองไปทางชายหนุ่ม “พวกคุณกำลังค้นคว้าโค้ดบนตัวเสี่ยวเฮย?”
ชายหนุ่มพยักหน้าและกำลังจะพูดอีกประโยค
แต่ถังชิงที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอดเอ่ยขึ้นมาในที่สุด “กลับไปหารุ่นพี่เฉิงหั่วก่อน โค้ดยังไม่ได้ทำการค้นคว้าออกมาเลย”
เธอพูดตัดหน้าชายหนุ่มไปตรงๆ โดยไม่มองคนอื่น น้ำเสียงเรียบๆ “คุณเองก็อธิบายไม่ได้หรอกว่าตอนนี้เราไปกันถึงขั้นตอนไหนแล้ว”
แน่นอนว่าเธอพูดกับชายหนุ่มคนนั้น
คนในฝ่ายเทคนิคของคฤหาสน์ล้วนอยู่หน่วยข่าวกรอง ดังนั้นการที่จะถกปัญหาการแกะโค้ดกับคนที่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้จึงเป็นไปไม่ได้
ชายหนุ่มเกาหัวพลางอ้าปากพะงาบ เขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายให้ฉินหร่านฟังจากตรงไหน
เพราะถึงอย่างไรฉินหร่านก็คงไม่เข้าใจแน่ๆ อีกอย่างเขายังต้องรีบกลับไปดูผลโปรแกรมจำลองให้เฉิงหั่ว
ถังชิงยืนอยู่ข้างๆ เธอมองชายหนุ่มและยกมุมปากอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปทางหน่วยข่าวกรอง ผมบลอนด์ของเธอปลิวสยายเล็กน้อย
“เอาละ คุณไปเถอะ” ฉินหร่านหันกลับมา
ชายหนุ่มเหมือนได้รับการอภัยโทษ เขารีบวิ่งตามหลังถังชิงไป “คุณหนูฉิน งั้นผมขอตัวกลับไปที่หน่วยข่าวกรองก่อนนะครับ”
“ไอ้นี่หนิ…” เดิมทีเฉิงมู่ยังคิดเรื่องท้าดวล แต่เมื่อได้ยินบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันก็ขมวดคิ้วพูดด้วยความหงุดหงิด
ฉินหร่านก้มหน้าหัวเราะพลางเลิกคิ้ว “ไม่เป็นไร พวกเขาแกะไม่ได้หรอก”
“งั้นก็ดี” ทันทีที่เฉิงมู่ได้ยินก็รู้สึกสบายใจขึ้นมามาก เนื่องจากเขารู้ว่าฉินหร่านมีฝีมือทางด้านคอมพิวเตอร์
แต่ซือลี่หมิงที่อยู่ข้างหลังกลับไม่รู้ เขาเดินมากระซิบถาม “ทำไมพวกเขาถึงจะแกะไม่ได้ล่ะ? คุณเฉิงหั่วเก่งมากเลยนะ แล้วยังมีคุณถังนั่นอีก ได้ยินมาว่าเธอก็เก่งไม่เบา เป็นรองคุณเฉิงหั่วเท่านั้น…”
ฉินหร่านไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงมองไปรอบๆ ก็เห็นคานที่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว เธอใช้แขนทั้งสองหนุนท้ายทอยแล้วเดินไปทางนั้น “เพราะยังอ่อนหัด”
หลังจากนั่งบนคาน ฉินหร่านก็เหลือบมองเฉิงมู่
เฉิงมู่กำหมัดแน่น ดวงตาดำขลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เขาก้าวไปข้างหน้าและมองไปที่เจอร์รี่ “วันนี้ฉันจะท้าดวลกับนาย”
เมื่อเจอร์รี่เห็นว่าฉินหร่านไม่ได้พูดอะไรกับเขามากนัก เขาจึงไปเอาอาวุธที่ชั้นวางอาวุธ
พอได้ยินประโยคนี้ เขาก็ถึงกับผงะเพราะคิดว่าตัวเองฟังผิด “นายว่าอะไรนะ?”
“ท้าดวลนาย” การแสดงออกทางสีหน้าของเฉิงมู่เป็นไปอย่างไร้ขีดจำกัด พูดเพียงสามคำง่ายๆ ได้ใจความ
หลายคนที่อยู่ข้างๆ เจอร์รี่ต่างมองหน้ากันพร้อมกับพูดเบาๆ “เฉิงมู่อยากโดนทารุณหรือยังไง ถึงได้กล้าท้าดวล?”
ไม่ต้องพูดถึงว่าเดือนนี้เฉิงมู่ไม่ได้มาซ้อมที่สนามฝึกเลย ถึงจะซ้อมมาแล้วก็ยังห่างชั้นกับเจอร์รี่อยู่มาก
เจอร์รี่หรี่ตาลง ที่เขาคิดไม่ใช่แบบนี้ แต่สายมองลึกไปที่ฉินหร่าน
การที่เฉิงมู่ท้าดวลเขาและการที่ฉินหร่านมาที่นี่ มันหมายความว่าอย่างไร?
หรือไม่อยากให้เขาลงไม้ลงมือรุนแรง?
เจอร์รี่หน้าเริ่มดำคล้ำ
เวลานี้ฉินหร่านกำลังนั่งอยู่บนคานโดยเหยียดมือไปด้านข้าง แกว่งเท้าทั้งสองข้างเล็กน้อย สายตาเห็นได้ชัดว่าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเอาแต่ใจ
ราวกับเธอรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนึกคิดของเจอร์รี่ เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้ม “นายสู้ให้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจฉัน ฉันไม่สนเรื่องพวกนี้”
เจอร์รี่หน้ากระตุก “คุณหนูฉิน คุณ…แน่ใจ?”
“แน่นอน ฉันแค่มาดูความครื้นเครงเท่านั้นเอง” ฉินหร่านยิ้มอย่างเฉื่อยชา ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้มาหนุนหลังเฉิงมู่ เจอร์รี่ก็ถึงจะโล่งอกได้ เนื่องจากวันนี้เขาสวมเสื้อโค้ต เขาจึงบอกกับทุกคนว่าจะไปเปลี่ยนชุดที่ห้องพักรับรองด้านหลัง
ซือลี่หมิงยืนอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างสงบและเฝ้าดูความตื่นเต้นกับคนอื่นๆ
คนของฝ่ายจัดซื้อก็อยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเห็นซือลี่หมิงดูตื่นเต้นก็อดกระซิบถามไม่ได้ “ทำไมจู่ๆ เฉิงมู่ถึงท้าดวลเจอร์รี่ได้ล่ะ? ไม่ฉลาดเอาซะเลย”
คนที่ต่อยกับเฉิงมู่ไม่ได้มีแค่เจอร์รี่แค่คนเดียว แต่เจอร์รี่เป็นคนที่ต่อยเขาหนักที่สุดและดูถูกเขาที่สุด คนของหน่วยข่าวกรองล้วนมีนิสัยแบบนั้น
เฉิงมู่กลับมาท้าดวลเจอร์รี่อีกครั้งต่อหน้าสาธารณชน บวกกับฉินหร่านเองก็ออกปากบอกมาแบบนั้น ตามนิสัยของเจอร์รี่แล้ว เขาไม่เพียงแค่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมแต่ยังจะลงมือหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ถึงอย่างไรคราวนี้เขาไม่ได้เป็นคนท้าดวล เฉิงมู่เป็นคนหาเรื่องเอง
“นายก็อีกคน ไม่มาซ้อมตั้งครึ่งเดือนแล้วนะ” คนของหน่วยจัดซื้อเห็นหน้าซือลี่หมิงไม่ค่อยชัด เขาแอบกระซิบพูด “หัวหน้าโจวเปลี่ยนตัวผู้สืบทอดแล้วนะ”
ถึงซือลี่หมิงจะเข้าฝ่ายยุติธรรมไม่ได้ แต่ความสามารถเขาในหน่วยจัดซื้อก็ถือว่าไม่เลว ก่อนหน้านี้หัวหน้าโจวได้คัดเลือกเขามาอบรมบ่มเพาะมาโดยตลอด แต่เนื่องจากตอนนี้เขาด้อยลง จึงเปลี่ยนเป้าหมาย
“ฉันไม่ได้ไม่ลงมาซ้อมเสียหน่อย” ซือลี่หมิงยิ้ม ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมการฝึกซ้อม แต่เขาก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมายเมื่อดูฉินหร่านต่อสู้กับเฉิงมู่อยู่ทุกๆ วัน เวลาพักฉินหร่านยังแนะนำพวกเขาเกี่ยวกับการออกแรงรวมถึงทักษะการต่อสู้อีกด้วย “อันที่จริงแล้วเรามีคุณหนูฉินคอยอยู่เบื้องหลังในการฝึกซ้อมมาตลอด”
เขาลดเสียงลงพลางเลิกคิ้ว
น้ำเสียงของซือลี่หมิงราวกับได้ของล้ำค่า พูดอย่างได้ใจ ทำให้คนข้างๆ อดไม่ได้ที่จะยกมุมปาก “ดูนายพูดเข้าสิ ฉันยังนึกว่านายท่านอยู่เบื้องหลังการฝึกซ้อมของนายเสียอีก? เพราะแบบนี้ใช่ไหมเฉิงมู่ถึงกล้าท้าดวลกับเจอร์รี่?”
**
สมัยนี้ไม่สามารถปกปิดข่าวกอสซิปได้
ซือลี่หมิงพูดโดยใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ได้ยินว่าเจอร์รี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
เจอร์รี่สวมชุดฝึกซ้อมสีดำออกมาพบเฉิงมู่ เขาขมวดคิ้ว “เฉิงมู่ การที่นายแพ้ฉันยังไม่นับว่าขายหน้า อย่าคิดว่าเรียนกับคุณหนูฉินมาไม่กี่กระบวนท่าแล้วจะสู้กับฉันได้ พวกเราต่างก็เคยผ่านสังเวียนมวยเถื่อนมาแล้วทั้งนั้น ถือโอกาสตอนที่ยังไม่เริ่มมาคุยกันก่อนก็ได้ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันจะไม่ออมมือให้เด็ดขาด พอถึงตอนนั้นจะไม่ใช่แค่นายที่ขายหน้า แต่คุณหนูฉินก็จะขายหน้าไปด้วย”
ตอนนี้คนในคฤหาสน์ยังเคารพฉินหร่าน แต่ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป ต่อจากนี้ไปทุกคนก็จะเคารพฉินหร่านแค่เพียงฉากหน้า ทว่าในใจคิดอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้
เฉิงมู่เหลือบมองเขา น้ำเสียงยังคงเย็นชา “ไม่จำเป็น”
ทั้งสองออกไปพร้อมกัน ฉินหร่านยังคงนั่งอยู่บนคานโดยที่มือหนึ่งยันไว้ข้างๆ อีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์กำลังเล่นเกม
เมื่อเห็นทั้งสองคนออกมา เธอก็รีบจบเกมและเลิกคิ้วขึ้น
ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มดูเบื่อหน่ายเล็กน้อย ทำเหมือนไม่ได้เป็นการต่อสู้ที่หนักหนาอะไร คนรอบข้างไม่คิดว่าเธอจะสอนอะไรให้เฉิงมู่ได้จริงๆ
คนโดยรอบเปิดทางโล่ง
เจอร์รี่หยิบอาวุธที่ตัวเองใช้ประจำออกมา นั่นก็คือไม้ตะบองยาว
เฉิงมู่ไม่ได้หยิบอะไร เขายืนรอเจอร์รี่อยู่นิ่งๆ ขณะนี้พอมีคนได้ยินเสียงก็เข้ามามุงดูกันอีกไม่น้อย พอเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ทำไมเขาไม่หยิบอาวุธล่ะ?”
“อาจจะเป็นเพราะเก่งเกินไปหรือเปล่า ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธก็สู้ได้สบายๆ! แบบคุณเฉิงสุ่ยอะไรอย่างนั้น!” ในคฤหาสน์ ตอนที่เฉิงสุ่ยต่อสู้ก็ไม่เคยใช้อาวุธเลย
เฉิงสุ่ยมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธมาช่วย
คนคนนี้เหมือนจะพูดแทนเฉิงมู่ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นประโยคเหน็บแนม คนที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ดูถูกเฉิงมู่กันทั้งนั้น เห็นๆ อยู่ว่าไม่ได้มีความสามารถอะไร แต่กลับครองตำแหน่งสำคัญในคฤหาสน์และยังพักอยู่ในปราสาทเก่าแก่หลังนั้น
เฉิงมู่เคยอยู่ในสนามฝึกมาก่อน คนส่วนใหญ่จึงรู้ดีว่าเขาอ่อนแอขนาดไหน
“ก็ไม่แน่ ถ้าคุณหนูฉินเป็นคนสอนเขาจริงๆ”
“แค่ครึ่งเดือนจะสอนอะไรได้?”
“พวกเรามาพนันกันไหมว่าเขาจะถูกเจอร์รี่จัดการภายในกี่นาที? สองนาที?”
“คราวที่แล้วแค่นาทีเดียวก็ล้มแล้ว ถ้าฝืนหน่อยก็นาทีครึ่งมั้ง…”
เฉิงมู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้อยู่ในหู ทั้งตัวไม่ขยับเขยื้อน เขามองตรงไปที่เจอร์รี่ “นายพร้อมหรือยัง?”
ผู้ตัดสินเป็นคนของฝ่ายยุติธรรม ก่อนเขาจะประกาศเริ่มก็เหลือบมองเฉิงมู่แวบหนึ่งแล้วลดเสียงลง เป็นระดับเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “คุณเฉิงมู่ ในเรื่องความแข็งแกร่งไม่มีทางลัดอยู่แล้ว เจอร์รี่ฝึกซ้อมมาตั้งแต่อายุยังน้อย ระหว่างนั้นยังไปขึ้นสังเวียนเถื่อนมาด้วย อย่าว่าแต่คุณหนูฉินสอนคุณเลย คุณยอมแพ้ให้มันจบๆ ไปก็ถือว่าสิ้นสุดการท้าดวล จากนั้นก็บอกไปว่าแค่จะให้เจอร์รี่สอนคุณเท่านั้นเอง… ”
เฉิงมู่เหลือบมองเขาโดยไม่พูดอะไร ตอนที่เขากำลังจะประกาศเริ่มการต่อสู้ ก็ชกออกไปตรงๆ
หมัดของเฉิงมู่ค่อนข้างเร็วและดุดัน แตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง
เจอร์รี่ค่อนข้างประมาทในตอนแรก แต่สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นภาพนี้ เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว
การเคลื่อนไหวของเฉิงมู่เร็วกว่าที่เขาคิดไว้
“โครม”
เจอร์รี่ยังไม่ทันได้ตวัดไม้ตะบองยาวออกไป เฉิงมู่ก็สบช่องต่อยเขาล้มไปกองกับพื้น
รู้สึกเจ็บหลังเล็กน้อย เจอร์รี่ลุกขึ้นอีกครั้งอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที คราวนี้เขาคิดจะลงมือให้หนักๆ
เดิมทีคนที่อยู่รอบๆ ก็ยังยืนพูดคุยหัวเราะกันอยู่ ทว่าตอนนี้กลับเงียบสนิท
คนที่ชมการต่อสู้ทุกคนล้วนดูออกว่าเจอร์รี่ไม่เหลือทางหนีทีรอดไว้ให้เลย
แต่ถึงกระนั้น——
“โครม”
“แกร๊ก” ราวกับมีเสียงแตกเบาๆ เจอร์รี่ก้าวถอยหลังออกไปในทันที ซี่โครงหักไปหลายซี่ มีเลือดออกที่มุมปาก
เขาเดินเซไปอีกไม่กี่ก้าว แต่ก็ยังยืนไม่ได้ ทรุดตัวลงกับพื้น แม้จะมีไม้ตะบองค้ำ เขาก็ยังลุกขึ้นไม่ไหว
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
คราวนี้ผู้ชมโดยรอบต่างตกตะลึง แต่ละคนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว