เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่ 471 แท้จริงแล้วเขาคือราชาผู้แข็งแกร่งที่สุด!
นักวิชาการเลี่ยวไม่รู้ว่าตัวเองมองฉินหร่านอย่างสนใจตั้งแต่ตอนไหน เป็นจั่วชิวหรงที่รู้มาตลอด แต่จั่วชิวหรงก็นึกไม่ถึงว่าแม้แต่พวกผู้อำนวยการฟังก็มองฉินหร่านอย่างสนใจเช่นกัน…
มีฉินหร่านอยู่ จั่วชิวหรงรู้อยู่แล้วว่านักวิชาการเลี่ยวจะไม่รับตนเองเป็นศิษย์ แต่เมื่อเทียบกับผู้อำนวยการฟัง จั่วชิวหรงรู้สึกว่าการที่นักวิชาการเลี่ยวรับฉินหร่านเป็นศิษย์คนโปรดก็ใช่ว่าเธอจะยอมรับไม่ได้
“ไม่ใช่” ฉินหร่านกำลังคิดเรื่องของฟังเจิ้นปั๋ว ไม่มีอารมณ์สนใจจั่วชิวหรงสักนิด ส่งเสียงตอบไปงั้นๆ แล้วมองรุ่นพี่เยี่ย “รุ่นพี่เยี่ย ผลการวิจัยของคุณล่ะ”
ทั้งสองคนไปที่แท่นทดลองของรุ่นพี่เยี่ย
รุ่นพี่เยี่ยรู้ว่าฉินหร่านมีอาจารย์ แต่ก็ยังเสียดายพวกผู้อำนวยการฟัง แต่เพียงเอ่ยถึงธุระ เขาก็ลืมเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็ว
“นี่คือการสะท้อนผ่านแสงของรังสีแกมมา…” รุ่นพี่เยี่ยหยิบข้อมูลที่แท่นทดลองขึ้นมา ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างละเอียด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา นักวิชาการเลี่ยวกลับมา
เขาไม่ได้ไปดูความคืบหน้าการทดลองของตนก่อน แต่ยืนฟังอยู่ข้างรุ่นพี่เยี่ยและฉินหร่านอยู่สักพัก
ทั้งสองคนดำดิ่งอยู่ในโปรเจกต์ จึงต่างไม่ได้สังเกตเห็นนักวิชาการเลี่ยว
จนกระทั่งพวกเขาพูดคุยเสร็จ
“นักวิชาการเลี่ยว?” ฉินหร่านถือโทรศัพท์ส่งรายงานฉบับหนึ่งไปยังผู้อำนวยการสวี ถึงเงยหน้ามาเห็นนักวิชาการเลี่ยว เธอถอยออกไปด้านข้างหนึ่งก้าว
นักวิชาการเลี่ยวค่อนข้างเก็บตัว สีหน้ามักจะไม่มีความซับซ้อน เขารู้กระทั่งเรื่องที่ฉินหร่านเข้าร่วมการแข่งขันนานาชาติ แต่ไม่เคยเข้าใจในเนื้อหารายละเอียด
วันนี้ได้ฟังการพูดคุยของทั้งสอง เขาประหลาดใจมาก
“ไม่มีอะไร พวกคุณต่อเลย” นักวิชาการเลี่ยวโบกมือ ส่งสัญญาณให้พวกเขาทำต่อ เขากลับไปยังแท่นทดลองของตน
ยืนอยู่สักพัก จึงเงยหน้ามองทางฉินหร่าน เดิมทีปีนี้เขาไม่ได้เตรียมที่จะรับชมการแข่งขัน ICNE ระดับนานาชาติ แต่วันนี้ได้ฟังการพูดคุยของฉินหร่านและรุ่นพี่เยี่ย เขาครุ่นคิดแล้วนั่งลงที่หน้าคอมพิวเตอร์ ส่งข้อความสอบถามผู้รับผิดชอบโปรเจกต์ถึงตั๋วเข้าร่วมการแข่งขันนานาชาติ
โปรเจกต์งานวิจัยประเภทนี้ นอกจากนักข่าวรายใหญ่และนักวิจัย มักไม่ค่อยมีผู้ชมโดยทั่วไป แต่ตั๋วก็ยังคงหายาก
เพราะเดิมทีตั๋วเหล่านี้ถูกผูกขาดโดยมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับสากลสิบอันดับแรก มหาวิทยาลัยเหล่านี้จะส่งนักเรียนชั้นยอดระดับต้นของตนไปรับชม
แต่ระดับนักวิชาการเลี่ยว หาตั๋วสักใบจากคนรู้จักได้ไม่ยาก
**
การแข่งขันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เวลาต่อมาฉินหร่านจึงต้องอยู่ที่ห้องปฏิบัติการตลอด
วันที่ 10 กุมภาพันธ์
และยังเป็นวันปีใหม่ด้วย
แม้จะเป็นวันปีใหม่ แต่ใกล้จะแข่งแล้ว ฉินหร่านกับรุ่นพี่เยี่ยและคนอื่นๆ ต่างไม่ได้หยุดพัก ช่วงเวลาวันหยุดของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงไม่มีใครเลย
ในช่วงสามวันที่ใจกลางเมืองเมืองหลวง สามารถจุดประทัดได้ตามเวลาที่กำหนด เริ่มบ่ายสี่โมง เสียงประทัดดังไม่ขาดสาย ที่ถนนสายหลักต่างแขวนโคมไฟสีแดง ตามถนนตรอกซอกซอยสามารถพบเห็นผู้คนเชิดสิงโต
รถบนถนนน้อยในวันนี้ โดยทั่วไปเป็นผู้คนเดินขวักไขว่
บ่ายสี่โมงครึ่ง เฉิงเจวี้ยนจอดรถฝั่งประตูทางเข้าห้องปฏิบัติการฟิสิกส์
เมื่อเทียบกับที่อื่น ที่ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์เงียบกว่ามาก
เขาลงรถ มองไปทางประตูทางเข้า พลางคุยโทรศัพท์กับเฉิงเวินหรู
ฝั่งของเฉิงเวินหรูวุ่นวายมาก เธอแนบโทรศัพท์ข้างหู ทั้งยังใช้มืออีกข้างปิดที่หูอีกข้างหนึ่ง กลัวเฉิงเจวี้ยนไม่ได้ยิน ตะโกนว่า “คืนนี้ไม่กลับมาจริงเหรอ”
“อือ ไปหาพวกเสี่ยวหลิง” ขนตาของเฉิงเจวี้ยนลู่ลง
โทรศัพท์อีกฝั่ง เฉิงเวินหรูหยุดอยู่ที่มุมสุดทางเดิน มองกลุ่มวัยรุ่นที่สนามแล้วเงียบไปพักหนึ่ง
ช่วงสิบปีนี้ นานๆ ทีเฉิงเจวี้ยนจะกลับมา ถ้าไม่ใช่เรื่องธุระก็เป็นการผ่าตัด
ปีนี้เขาอยู่เมืองหลวงพอดี เฉิงเวินหรูจึงคิดว่าปีนี้จะกลับมามีชีวิตชีวาสักหน่อย
ไม่ไกลนัก เด็กคนหนึ่งในสนามตะโกนมา “ถึงเวลาแล้ว ไปคำนับนายท่านเอาอั่งเปากัน!”
วัยรุ่นทุกคนร่าเริง
โดยทั่วไปเด็กเหล่านี้ของตระกูลเฉิงไม่ได้ขาดเรื่องเงิน แต่เพื่อความมีชีวิตชีวา นอกจากช่วงปีใหม่ น้อยมากที่ตระกูลเฉิงจะรวมตัวกันโดยรวม
เฉิงเวินหรูจำได้ว่าตอนเช้าพ่อบ้านตระกูลเฉิงยังบอกเธอด้วยว่านายท่านเตรียมอั่งเปาอันใหญ่ไว้ให้ฉินหร่านด้วย…
**
ชุมชนอวิ๋นจิ่น
ไม่กี่วันก่อนฉินฮั่นชิวหยุดพักมาศึกษาเมนูอาหาร บ่ายวันนี้ยุ่งอยู่ที่ครัวทั้งวัน
พ่อบ้านตระกูลฉิน อาเหวิน อาไห่และอาจารย์คุคต่างก็อยู่กันครบ
พวกพ่อบ้านตระกูลฉินและอาเหวินกำลังติดชุนเหลียน[1] ที่ประตูหน้าต่างแต่ละบานของห้องอยู่
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น
ฉินฮั่นชิวที่ถือไม้พายอยู่ยื่นหน้าออกมาจากห้องครัว ยิ้มออกกว้าง “หร่านหร่านมาแล้วแน่เลย!”
พ่อบ้านตระกูลฉินรีบวางชุนเหลียนในมือไปเปิดประตู ยิ้มหน้าบาน “คุณหนู…”
สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าคือเงาสะท้อนของร่างสูงโปร่งตระหง่าน อีกฝ่ายเอียงศีรษะเล็กน้อยพูดคุยกับผู้หญิงด้านข้าง เห็นมีคนเปิดประตู เขาจึงมองที่ประตูควันฟุ้งกระจาย ยิ้มเล็กน้อย “พ่อบ้านตระกูลฉิน สวัสดี”
คำว่า ‘คุณหนูใหญ่’ ของพ่อบ้านตระกูลฉินกลับเข้าไปในปากเสียอย่างนั้น
เขารีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว รู้สึกได้ว่าห้องรับแขกเดิมที่กว้างขวางค่อนข้างคับแคบลง “น..นายน้อยเฉิง!”
ในใจค่อนข้างสับสน ฉินฮั่นชิวพูดแค่ว่าวันนี้ฉินหร่านจะมา…
แต่ได้บอกว่าเจ้าชายของตระกูลเฉิงจะมาด้วยน่ะ
เฉิงเจวี้ยนทักทายพ่อบ้านตระกูลฉินอย่างเป็นมิตรและสุภาพให้เกียรติมาก
พ่อบ้านตระกูลฉินไม่กล้ารับเอาความสุภาพ เขาจึงถอยไปด้านข้าง
อาเหวินและอาไห่ที่ติดกลอนคู่อยู่ในตอนแรกก็กุลีกุจอรีบกระโดดลงมาจากเก้าอี้ มือไม้พัลวันกัน
ขณะที่พวกเขากำลังรับมือไม่ถูก ฉินฮั่นชิวโผล่หัวออกมาจากห้องครัวอีกครั้ง เห็นเฉิงเจวี้ยน ชัดเจนว่าเขามีความสุขมาก ยกไม้พาย “เสี่ยวเฉิง คุณมาพอดีเลย มาช่วยเป็นลูกน้องฉันหน่อย พวกเขาช่วยไม่ได้เลย!”
เห็นได้ชัดว่าเฉิงเจวี้ยนคุ้นเคยดี เขาถอดแจ็กเกต แล้วพับแขนเสื้อเชิ้ตอย่างไม่รีบร้อน
ห้องครัวไม่ไกลจากห้องโถง
พ่อบ้านตระกูลฉินยังคงได้ยินเสียงของฉินฮั่นชิว…
“เสี่ยวเฉิง ส่งจานนั้นมา”
“เสี่ยวเฉิง คิดว่าเครื่องเคียงนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เสี่ยวเฉิง นายคว่ำหม้อ…”
“…”
พวกพ่อบ้านตระกูลฉิน ทั้งสามคนที่อยู่ด้านนอกตัวแข็งเป็นหิน
ที่เมืองหลวง นอกจากนายท่านเฉิงแล้ว ยังมีใครอื่นกล้าใช้งานเจ้าชายตระกูลเฉิงขนาดนี้อีกไหม
เกรงว่านายท่านเฉิงน่าจะไม่ใช้งานรึเปล่า
ทั้งสามคนมองหน้ากัน จู่ๆ ก็นึกได้ว่า…
อันที่จริงแล้วตระกูลฉิน นายน้อยสองคือราชาที่แท้จริง!
ประตูของฉินหลิงเปิดอยู่ ที่ศีรษะของเขาสวมหมวก กำลังนั่งเล่นมินิเกมหน้าคอมพิวเตอร์ คุคกำลังมองมินิเกมของเขา
หน้าจอคอมพิวเตอร์กำลังแสดงตัวอักษร ‘ผ่านด่าน’
คุคนั่งลงดูอยู่ข้างเขา พูดคุยกับฉินหลิง สายตามองที่ผ่านด่านคร่าวๆ
มองเห็นที่มุมล่างขวาของหน้าจอผ่านด่านพอดี เครื่องหมายโลโก้ขนาดเล็กอันหนึ่ง…
ดอกป๊อปปีสีแดงขนาดเล็ก
“เดี๋ยวนะ!”
[1] ชุนเหลียน หมายถึง กลอนคู่ที่เขียนใส่กระดาษสีแดงติดไว้หน้าประตูในเทศกาลตรุษจีน