เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่380ความชั่วร้ายที่เผยออกมา
ทางฝั่งนั้นเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ ว่า “อ๋อ ที่เกินคาดก็คือเธอได้คะแนนเต็ม300เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์”
เฉิงเวินหรู “…”
เธอไร้การตอบสนองไปทั้งตัว
นายท่านเฉิงไม่ยอมละสายตาไปจากเฉิงเวินหรู เขากระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะ ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ผ่านไหม?”
การแสดงออกของเฉิงเวินหรูไม่เหมือนเป็นเรื่องที่น่ายินดี เหมือนกำลังตกใจไปหน่อย
นายท่านเฉิงหรี่ตาพูดเสียงเข้ม “ไม่ผ่านหรอ?”
เขาเลิกคิ้วโดยไม่รู้ตัว หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะโทรหาโจวซาน
เฉิงเวินหรูวางสายเสร็จก็ยื่นมือมากดมือนายท่านเฉิงที่กำลังจะต่อสายหาโจวซาน ขนตาสั่นไหว เธอพูดอย่างแผ่วเบาว่า “หร่านหร่านผ่านแล้ว”
หัวใจที่รัดแน่นผ่อนคลายลงชั่วขณะ
นายท่านเฉิงเหลือบมองเฉิงเวินหรู เขายกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม พอจิตใจสงบแล้วก็ยกคางขึ้นเล็กน้อย “ทำไมท่าทางเป็นแบบนี้? เอาซะฉันตกอกตกใจไปหมด ฉันก็บอกแล้วว่าหร่านหร่านจะไม่ผ่านได้อย่างไร อบรมสั่งสอนแกมาตั้งหลายครั้ง ในฐานะคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉิง อยู่ข้างนอกต้องมีกิริยาสำรวม”
ตอนนี้เฉิงเวินหรูที่รักษากิริยาท่าทางมาแต่ไหนแต่ไรสำรวมไม่ได้แล้วจริงๆ
“ไม่ใช่…” เธอส่ายหน้า เม้มริมฝีปาก ใช้สายตาแปลกๆ มองมาทางฉินหร่านโดยไม่สนใจนายท่านเฉิง พูดด้วยเสียงแหบพร่า “เธอบอกพี่มานะ ข้อสอบการประเมินห้องปฏิบัติการแผลงๆ พวกนั้น เธอทำคะแนนเต็ม 300 ได้ยังไง? ? !”
“แค่กแค่ก——”
พอเธอพูดจบ นายท่านเฉิงก็เกือบสำลักทั้งๆ ที่ยังดื่มชาไม่หมด
เฉิงเวินหรูเหลือบมองนายท่านเฉิง “พ่อ สำรวมด้วย”
ข้อสอบการประเมินของห้องปฏิบัติการ เฉิงเวินหรูก็เคยสอบมาแล้ว
แม้ว่าเธอจะมาจากภาควิชาแพทยศาสตร์ แต่ความยากก็พอๆ กับข้อสอบของสถาบันวิจัยใหญ่ๆ หลายแห่ง
เฉิงเวินหรูยังจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองสอบได้168คะแนน อยู่อันดับที่71 สอบไม่ผ่านแม้กระทั่งข้อเขียนเลยด้วยซ้ำ
เธอถึงได้รู้ตัวว่าเธอเข้าสถาบันวิจัยไม่ได้จริงๆ ถ้าเธอไม่พึ่งตระกูล…
ในขณะเดียวกันก็เข้าใจระดับความยากนี้ การสอบได้270คะแนนขึ้นไปล้วนเป็นเทพเซียนกันทั้งนั้น
ฉินหร่านได้300คะแนน นี่มันยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว…
ฉินหร่านยังเล่นเกมอยู่ เธอยังไม่ผ่านด่านนี้ แต่พอเฉิงเวินหรูถาม เธอก็เงยหน้าขึ้น คิดได้สักพักก็ตอบอย่างจริงจัง “ก็…ตั้งใจสอบมั้งคะ?”
เฉิงเวินหรู “…”
เธอมองหน้าฉินหร่านเพื่อพยายามมองหาท่าทีล้อเล่นจากใบหน้าเธอ
พี่ใหญ่ หรือว่าตอนสอบคุณไม่ตั้งใจ?
ถ้าเธอถามเฉิงมู่ เฉิงมู่จะต้องเล่าการสอบที่เหนือชั้นของฉินหร่านตอนที่อยู่อวิ๋นเฉิงให้เธอฟังแน่ๆ
ตอนนี้เฉิงเวินหรูรู้สึกเพียงแค่ว่าหลังจากที่รู้จักฉินหร่านมานาน เธอน่าจะเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นคนโง่ก็เป็นได้
**
พรุ่งนี้ฉินหร่านยังมีการทดลองฟิสิกส์ นายท่านเฉิงกับเฉิงเวินหรูต่างก็เร่งให้เธอขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อน
จนกระทั่งฉินหร่านขึ้นไปข้างบนแล้ว เฉิงเวินหรูก็ถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“หร่านหร่านเตรียมการทดลองเป็นยังไงบ้าง?” ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น นายท่านเฉิงให้เฉิงมู่รินชาจับเลี้ยงให้เขาถ้วยหนึ่ง ดื่มไปได้คำเดียวก็มองไปทางเฉิงเจวี้ยนที่เอนหลังพิงเก้าอี้สบายๆ
เฉิงเจวี้ยนปิดโทรศัพท์ นิ้วเรียวยาววางอยู่บนหมอน เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น “น่าจะได้มั้ง”
“นั่นก็คือเข้าได้” นายท่านเฉิงค่อนข้างเชื่อใจเฉิงเจวี้ยน
หลังจากได้รับข่าวว่าฉินหร่านสอบผ่านแล้ว นายท่านเฉิงกับเฉิงเวินหรูก็ไม่รั้งอยู่ที่นี่นาน
นายท่านเฉิงหยิบผ้าพันคอขนแคชเมียร์สีดำที่วางไว้บนชั้นมาแขวนไว้ที่คอ ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดที่เฉิงเจวี้ยนเคยถามเขาครั้งล่าสุด “คราวที่แล้วแกถามฉันว่าหัวใจฉันดีอยู่ไหม…ก็เพราะนี่น่ะเหรอ?”
หากเป็นเช่นนี้ เขาก็พอจะเข้าใจ มันก็น่าตกใจจริงๆ
ตอนแรกที่เห็นคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของฉินหร่านที่อวิ๋นเฉิง เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้
โทรศัพท์ที่อยู่ในมือสว่างขึ้นอีกครั้ง เฉิงเจวี้ยนเหลือบดูก็พบว่ายังเป็นฉินหลิง เขาปลดล็อกอย่างลวกๆ
ส่งนายท่านเฉิงออกไปพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “แน่นอนว่าไม่ใช่”
“ไม่ใช่?” นายท่านเฉิงมองเฉิงเจวี้ยน เขายังคิดไม่ตกว่ายังมีอะไรที่ทำให้เขาตกใจได้อีก
พอถามอีกครั้ง เฉิงเจวี้ยนก็ไม่ตอบ แค่พิงประตู ส่งสายตาส่งนายท่านเฉิงออกไป
จนกระทั่งทั้งสองขึ้นลิฟต์ไปแล้ว เฉิงเจวี้ยนก็ถึงจะกลับมา เปิดข้อความที่คุยกับฉินหลิง——
(พี่สาวผมสอบเสร็จแล้ว?)
หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวง ฉินหลิงก็ยังไม่พบครูที่เหมาะสม เขาจึงสบายกว่าฉินหร่านและไม่ได้โทรไปรบกวนเธอ เขาสอบถามสถานการณ์ของเธอผ่านเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนค่อยๆ ตอบกลับไปขณะเดินขึ้นไปชั้นบน——
(สอบเสร็จไปอย่างนึงแล้ว พรุ่งนี้ยังมีอีกสนาม)
เขตที่พักอวิ๋นจิ่น
ฉินหลิงได้รับข้อความนี้ก็เล่าให้ฉินฮั่นชิวที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟัง “พี่สอบได้ดีมาก”
พ่อบ้านฉินที่นั่งอยู่อีกด้านกำลังคุยโปรเจกต์กับอาไห่อยู่
เขาไม่ได้ถามอะไรมากกับเรื่องการสอบของฉินหร่านที่ฉินหลิงบอก
ฉินฮั่นชิวพยักหน้า ดวงตาดำขลับเป็นประกาย “วันนี้พ่อบ้านฉินให้บัตรธนาคารพ่อมาใบนึง บอกว่าเป็นส่วนแบ่งของพ่อในตลอดหลายปีมา พรุ่งนี้พ่อจะไปห้างซื้อของขวัญให้พี่สาวลูก”
พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็จำได้ว่าหลายปีมานี้เขามักจะซื้อของให้ฉินอวี่…
ฉินฮั่นชิวเสียใจเล็กน้อย
ตอนที่พ่อบ้านฉินให้บัตรเขามา เขาก็ไม่ได้อยากจะซื้ออะไร คิดถึงแต่ฉินหร่าน
“อื้อ” ฉินหลิงเปิดคอมพิวเตอร์เล่นเกมต่อ “พี่น่าจะชอบมาก”
พอฉินฮั่นชิวคิดได้ดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์เปิดอินเทอร์เน็ตเพื่อดูว่าเด็กผู้หญิงชอบของขวัญประเภทไหน
**
วันรุ่งขึ้น
การสอบทดลองในห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์
เมื่อวานนายท่านเฉิงกับเฉิงเวินหรูไม่รู้ว่าฉินหร่านมีสอบห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ ในเมื่อวันนี้รู้แล้ว แม้แต่เฉิงเวินหรูก็ยังวางงานที่บริษัทไว้ชั่วคราวและมาที่นี่ตั้งแต่เช้าเพื่อไปส่งฉินหร่านที่ห้องปฏิบัติการกับเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนเหลือบมองสองคนที่นั่งเบาะหลังผ่านกระจกมองหลัง
เหยียบคันเร่งนิ่งๆ และขับไปทางห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์
เมื่อเทียบกับเมื่อวาน การสอบของฉินหร่านวันนี้น่าตื่นเต้นกว่าเล็กน้อย
เฉิงเวินหรูกับนายท่านเฉิงล้อมซ้ายล้อมขวาฉินหร่าน คอยถามไถ่อย่างอบอุ่น
เฉิงเจวี้ยนเอามือกอดอก หลุบตาลง เดินตามหลังทั้งสองอย่างใจเย็นโดยที่มือข้างหนึ่งกำลังถือกระติกน้ำร้อน
ตอนที่ฉินหร่านกำลังจะเข้าไป เขาก็เดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วยื่นแก้วน้ำให้เธอ เสียงอ่อยๆ ฟังดูเฉื่อยชาแฝงไปด้วยความอบอุ่น “ตั้งใจสอบนะ”
ด้านหลัง เมื่อเฉิงเวินหรูเห็นฉินหร่านเดินเข้าไปแล้ว เธอก็รวบเสื้อเหยียดหลังตรง “ดูเหมือนการทดลองจะมีการแบ่งระดับด้วยใช่ไหม?”
ตอนนั้นเธอไม่ได้เข้าห้องทดลอง แต่ก็รู้กระบวนการสอบ
“อืม แบ่งเป็นหกระดับ” เฉิงเจวี้ยนเห็นฉินหร่านหายไปแล้วจึงละสายตากลับมา เขาถือกุญแจรถไว้ ไม่ได้เดินกลับไป แต่หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก
เฉิงเวินหรูที่อยู่ข้างๆ มองเขา “นายจะเข้าไปรอผลด้วยใช่ไหม?”
เฉิงเจวี้ยนหลุบตาลงและยิ้มเบาๆ “ใช่”
ห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์มีการเฝ้าระวังการเข้าออก แต่เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความหมายสำหรับเขา
**
การทดลองยังคงอยู่ในส่วนพื้นที่ภายในของห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์
แต่วันนี้ไม่ได้อยู่ที่ชั้นหนึ่ง
เป็นชั้นใต้ดินชั้นที่หนึ่ง
ฉินหร่านขึ้นลิฟต์ลงไป เสียงลิฟต์เปิด “ติ๊ง”
พรึ่บ——
ศาสตราจารย์ เจ้าหน้าที่ และนักศึกษาทั้งหมดที่ยืนอยู่ชั้นใต้ดินชั้นที่หนึ่งมองมาที่เธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
วันนี้คนน้อยกว่าเมื่อวานครึ่งหนึ่ง
คนทั้ง49คนมาถึงสถานที่ทดสอบกันหมดแล้ว ผู้ชาย 48 คน ขาดแค่ฉินหร่านที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว
ทุกคนรู้ว่าคนสุดท้ายที่มาถึงคือฉินหร่านที่คว้าอันดับหนึ่งมาได้เมื่อคืนนี้
คนในห้องโถงแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม มหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัยAแบ่งกันอย่างชัดเจน
บางส่วนที่อยู่กันกระจัดกระจายก็คือนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น พวกเขาไม่ได้อยู่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัยA แต่หลังจากเข้าห้องปฏิบัติการในอนาคต นักศึกษาที่กระจัดกระจายเหล่านี้ก็จะถูกหลอมรวมกับสี่ตระกูลหลักหรือมหาวิทยาลัยดังๆ สองสถาบันนี้
ไม่ว่าจะเป็นสถาบันไหน ขณะนี้ทุกคนต่างมองมาที่เธอพลางส่งเสียงซุบซิบ
ฉินหร่านดึงผ้าพันคอสีเบจมาปิดคางขาวราวกับหิมะ พอมองไปรอบๆ ก็หาคณบดีเจียงกับกลุ่มมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเจอในท่ามกลางผู้คน
คณบดีเจียงและพวกรุ่นพี่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงกำลังรอฉินหร่านอยู่ เมื่อเห็นเธอแล้วก็รีบโบกมือให้
เกิดความชุลมุนไม่น้อย
ฝั่งตรงข้ามเป็นเป็นกลุ่มของมหาวิทยาลัยA
สวีหว่านเฉินมองมาทางฉินหร่านด้วยสายตาที่เหมือนกำลังสำรวจ “เธอน่ะเหรอ?”
คณบดีเก๋อผงกหัว
ข้างหลังพวกเขา นักศึกษามหาวิทยาลัยAอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “การทดลองวันนี้สิถึงจะของจริง พวกเขากำลังตื่นเต้นอะไรกัน?”
ทันทีที่มีคนพูดขึ้นมา ทุกคนก็พากันพยักหน้าตาม
เมื่อวานฉินหร่านคว้าที่หนึ่งมาได้ กลุ่มมหาวิทยาลัยAจึงรู้สึกขายหน้าอย่างที่สุด ถ้าฉินหร่านได้รับการฝึกฝนอย่างซ่งลี่ว์ถิง พวกเขาก็พอรับได้ แต่ฉินหร่านไม่ใช่
ทุกคนในมหาวิทยาลัยA รวมทั้งสวีหว่านเฉินต่างก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องทำการทดลองวันนี้ให้ดี สู้ด้วยพลังเต็มร้อยเพื่อระบายอารมณ์ในส่วนของเมื่อวาน
เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยAแล้ว ครั้งนี้คณบดีเจียงและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มีใจอยากได้ชื่อเสียงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ตามความคิดของคณบดีเจียงและโจวอิ่ง ขอเพียงแค่ฉินหร่านสามารถผ่านการทดลองครั้งนี้ไปได้และได้รับคัดเลือกจากห้องปฏิบัติการ ก็เป็นความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาแล้ว ส่วนการแซงมหาวิทยาลัยAให้ได้อันดับหนึ่งในคะแนนรวมการทดลองเพื่อชิงทรัพยากรให้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงนั้น…
คณบดีเจียงแทบไม่คิดเลย เพราะมันยากเกินไป
แปดโมงตรง
เริ่มทำการทดลอง
นักศึกษากว่าห้าสิบคนแยกย้ายกันไปตามทางเดิน
คณบดีเจียงมองไปที่แผ่นหลังฉินหร่าน “ด็อกเตอร์โจว พวกคุณว่าฉินหร่านจะทำการทดลองระดับCออกมาได้ไหม?”