เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่411ผู้รับlw
คนอื่นอีกสามคนตรงนั้น ต่างไม่มีใครคาดคิดว่าจั่วชิวหรงจะทำเช่นนี้ได้
บรรยากาศราวกับหยุดลงชั่วขณะ
คำพูดของรุ่นพี่เยี่ยก็ขาดลงไปครึ่งหนึ่ง เขามองจั่วชิวหรง เม้มปากลง ใบหน้าที่มักอ่อนโยนและสง่างามปรากฏความเดือดดาลขึ้น “รุ่นน้องจั่ว!”
ท่าทีบนใบหน้าของจั่วชิวหรงกลับดูเหมือนโกรธขึ้น เธอมองรุ่นพี่เยี่ย คำพูดเด็ดขาด “พวกเราศึกษามาหนึ่งเดือนแล้ว โครงการได้มีการวางแผนไว้หมดแล้ว เวลานี้จะให้เธอเข้ามางั้นเหรอ เป็นพวกชุบมือเปิบรึไง”
ตั้งแต่ไม่กี่วันก่อนที่นักวิจัยเลี่ยวเริ่มให้ฉินหร่านเข้าร่วมการวิจัย จั่วชิวหรงเจ็บปวดใจ เธอเห็นกับตามากขึ้นเรื่อยๆ ว่านักวิจัยเลี่ยวให้ความสำคัญกับฉินหร่าน
เป็นถึงนักเรียนของนักวิจัย อันที่จริงจั่วชิวหรงก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ตอนนั้นเธออดทนมากว่าหนึ่งเดือน คอยให้นักวิจัยเลี่ยวให้เธอเข้าไปช่วยงาน ค่อยๆ ได้รับความไว้วางใจจากนักวิจัยเลี่ยว แต่ตอนนี้นักวิจัยเลี่ยวมีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อฉินหร่านตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะริษยา
“เดือนนี้พวกเราก็ไม่มีเนื้อหาการวิจัยมาก ตรงจุดนี้เธอก็รู้” รุ่นพี่เยี่ยพูดอธิบายเหตุผลแก่จั่วชิวหรง “นักวิจัยเลี่ยวบอกแล้ว ตรงจุดนี้รุ่นน้องสามารถช่วยพวกเราได้…”
แม้ว่าจะไม่มีคำพูดของนักวิจัยเลี่ยว แค่อิงจากพรสวรรค์การคำนวณของฉินหร่านเมื่อวาน รุ่นพี่เยี่ยก็ยินยอมที่จะรับเธอมา
จั่วชิวหรงขยำกระดาษเป็นก้อนกลมช้าๆ เธอมองรุ่นพี่เยี่ย ยิ้มเยาะ “ให้ความช่วยเหลือ นักเรียนใหม่คนเดียวที่เพิ่งเข้ามาห้องปฏิบัติการอย่างเธอก็อยากเข้ามาร่วมทีมกับพวกเราเนี่ยนะ? รุ่นพี่เยี่ย คุณกลับไปบอกเธอ ให้เธอเข้ามาศึกษาห้องปฏิบัติการได้สามปี หรือห้าปีจริงๆ ก่อนค่อยมาเข้าร่วมการแข่งขันแบบนี้ แล้วค่อยมาบอกฉันว่าเธอสามารถให้ความช่วยเหลือพวกเราได้!”
เธอโยนกระดาษในมือลงบนโต๊ะ ไม่กินข้าว หยิบกุญแจและโทรศัพท์ของตนเดินออกไป
สถาบันวิจัยพิถีพิถันเรื่องประสบการณ์เป็นอย่างมาก ฉินหร่านที่เป็นนักเรียนใหม่เช่นนี้ ไม่ต่างไปจากเด็กฝึกงานที่เพิ่งเข้าร่วมบริษัทขนาดใหญ่
จั่วชิวหรงกับรุ่นพี่เยี่ยเข้าร่วมสถาบันวิจัยมาหลายปีแล้ว เพิ่งมาประสบความสำเร็จในตำแหน่งนี้ตอนนี้
ฉินหร่านที่แม้แต่สถาบันวิจัยยังไม่เคยเข้าไป ที่ห้องปฏิบัติการก็พบเจอกับนักวิจัยระดับชำนาญการที่กำลังทำการทดลองอยู่พอดี ซึ่งหาได้ยากยิ่ง
จั่วชิวหรงกับรุ่นพี่เยี่ยแตกหักกัน
เพื่อนร่วมทีมสองคนที่เหลือมองหน้ากัน สองคนนี้เป็นนักศึกษาปริญญาเอก รู้ว่าจั่วชิวหรงกับรุ่นพี่เยี่ยทำงานอยู่ที่สถาบันวิจัยของนักวิจัยระดับชำนาญการ ยิ่งอีกฝ่ายอยู่ห้องปฏิบัติการเดียวกันกับรุ่นพี่เยี่ย…
เพียงแต่…
สงครามของทั้งสองคนอย่างจั่วชิวหรงกับรุ่นพี่เยี่ย ทั้งสองคนก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
“รุ่นพี่เยี่ย…” ทั้งสองคนมองรุ่นพี่เยี่ย ทำการเกลี้ยกล่อม “อย่ามีเรื่องขัดแย้งกันกับรุ่นน้องจั่วเพียงเพราะต้องการเพิ่มรุ่นน้องเข้ามาใหม่เลย”
สองคนนี้ต้องการดับไฟสงคราม จั่วชิวหรงดูจะโกรธไม่น้อย ดูแล้วน่าจะไม่สามารถยุติปรองดองได้ จึงได้แต่หันมาจับมือกันกับรุ่นพี่เยี่ย
คนหนึ่งมีตำแหน่งผู้นำในโครงการเช่นเดียวกับรุ่นพี่เยี่ย อีกคนเป็นรุ่นน้องที่ไม่รู้ชื่อ อีกคนคือรุ่นพี่จั่วที่เป็นผู้นำ สมาชิกใหม่สองคนนี้พูดจาอย่างสันติ แต่อันที่จริงความสมดุลในใจเอนเอียงไปทางจั่วชิวหรง
ไม่สำคัญว่าจะมีรุ่นน้องอยู่หรือไม่ แต่รุ่นพี่เยี่ยกับจั่วชิวหรง ศูนย์กลางหลักสองคนนี้จะขาดใครไปไม่ได้
**
ตอนบ่าย
การทดลองของนักวิจัยเลี่ยวคืบหน้าไปถึงขั้นกลางแล้ว ช่วงนี้เขาประสงค์ให้ฉินหร่านคำนวณแต่ละข้อมูลกระแสไฟฟ้าสนามแม่เหล็ก
หลังจากรุ่นพี่เยี่ยกลับมาหลังกินข้าวเสร็จ ก็ยังคงรู้สึกกังวลใจอยู่
หลังจากรอฉินหร่านคำนวณข้อมูลล่าสุดเสร็จ เขาจึงไปหาฉินหร่านอย่างรู้สึกผิด พูดเสียงเบาว่า “รุ่นน้อง ขอโทษ แบบฟอร์มรายชื่อไม่สามารถอัพเดตได้แล้ว”
ไม่ได้จงใจบอกกับฉินหร่านว่าจั่วชิวหรงฉีกแบบฟอร์มใบรายชื่อ
ฉินหร่านวางคอมพิวเตอร์ลง ฟังคำพูดของรุ่นพี่เยี่ย เธอไม่ได้ผิดหวัง เพียงแค่ยิ้ม ใบหน้ายังคงผ่อนคลาย “ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบคุณความปรารถนาดีของรุ่นพี่”
นี่ยิ่งทำให้รุ่นพี่เยี่ยรู้สึกผิดมากขึ้น
เขากลับไปที่แท่นทำงานของตนด้วยความกังวล มองหาทีมของโครงการอื่นที่ยังไม่เต็มในแต่ละกลุ่มโครงการแข่งขัน
เพียงแต่หาดูรอบๆ แล้ว ล้วนไม่เจอทีมที่เหมาะสม
ไม่คิดเลยว่า ตอนนี้ฉินหร่านจะไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด
เธอนั่งอยู่ที่เก้าอี้ และเปิดเข้าหมายเลขวีแชท มองหาโปรไฟล์ของหนานฮุ่ยเหยา สิงไคและฉู่หัง ดึงเข้ากลุ่ม
หนานฮุ่ยเหยา: [ให้ตาย หร่านหร่านเธอถูกแฮกเหรอ]
สิงไคตื่นเต้นเป็นพิเศษ: [ลูกพี่ คุณจะพาพวกเราเล่นเกมแล้วใช่ไหม!]
ฉู่หังกลับดูเป็นปกติ ไม่ได้พูดอะไร เพียงถามฉินหร่านว่ามีปัญหาหรือไม่
ฉินหร่านใช้นิ้วเท้าคาง: [ไม่มี เป็นโครงการวิจัยฟิสิกส์อันหนึ่ง ยังขาดเพื่อนร่วมทีมอยู่นิดหน่อย พวกเธอสนใจไหม]
ฉู่หัง: [ช่วงนี้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัย A นิยมการวิจัยด้านหุ่นยนต์ภายในเมืองเหรอ]
เพราะอวิ๋นกวงกรุ๊ปปล่อยตัวหุ่นยนต์อัจฉริยะและพ่อบ้านอัจฉริยะ ทั้งในและต่างประเทศล้วนมีทั้งวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยจัดทำรูปแบบการวิจัยอันชาญฉลาดขึ้น ปีนี้แผนกฟิสิกส์กลายเป็นอุตสาหกรรมที่นิยม คาดว่าปีหน้าคะแนนการสอบเข้า แผนกฟิสิกส์จะสูงขึ้นนิดหน่อย
หนานฮุ่ยเหยา: [ฉันชอบสิ่งนี้!]
สิงไคที่ในใจยังคิดถึงเกมท่องยุทธภพจำได้ว่าตัวเองเป็นคนแรกจากลำดับสุดท้ายของชั้นเรียน: […ฉันได้ไหม]
ฉินหร่านจิ้มโทรศัพท์อย่างชะล่าใจ: [ถ้าไม่มีความเห็นอะไรฉันจะใส่รายชื่อแล้ว]
นอกจากสิงไคแล้ว อีกสามคนนี้ยังมีภาระ คนอื่นอีกสองคนต่างตอบรับอย่างไม่ลังเล
การตอบกลับการเสนอรายชื่อต้องใช้เวลาสองสามวัน ทั้งพรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์
ฉินหร่านนัดวันพูดคุยเรื่องโครงการวิจัยเพิ่มเติมในวันจันทร์หน้าแล้วเรียบร้อย ทั้งสามคนส่งมีม ‘OK’ กลับมา
ยืนยันแล้วว่าทั้งสามคนจะเข้าร่วม ฉินหร่านจึงแจ้งผู้คัดเลือกกับอาจารย์ใหญ่สวี
ส่งรายชื่อของทั้งสามคนไป
อาจารย์ใหญ่สวีตอบกลับมาก่อนด้วย “…” ค่อยตอบกลับอีกประโยค…
[ขาดอีกหนึ่งโควตา ยังมีใครต้องการสมัครอีกไหม]
ฉินหร่านมือเท้าคาง: [ไม่]
หลังจากยืนยันโควตากับอาจารย์ใหญ่สวี เธอจึงออกจากวีแชท
แน่นอนว่า ฉินหร่านกลับไม่รู้ว่าหลังจากที่เธอออกจากวีแชท สามคนนั้นได้พบหุ่นยนต์และทรัพยากรอัจฉริยะที่ฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโดยบังเอิญ
ปิดวีแชท ฉินหร่านเปิดโครงการวิจัยที่อาจารย์ใหญ่สวีให้เธอไว้ก่อนหน้านี้อีกครั้ง
การปะทะและดูดกลืนกันของรังสีแกมมาและรังสีแอลฟาระหว่างอิเล็กตรอน เกิดเป็นกัมมันตภาพรังสีชนิดใหม่…
รังสีแกมมาเป็นรังสีที่มีผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์มากที่สุดซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงพลังงานนิวเคลียร์ของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ กัดเซาะกรดนิวคลิอิก โปรตีนและเอนไซม์ ส่งผลให้แต่ละเซลล์ในร่างกายที่ทำงานอย่างเป็นปกติ สูญเสียการทำงานการไหลเวียนขับเคลื่อนของโปรตีน เป็นเหตุให้เซลล์เสื่อมสภาพและตายลง
ตรงจุดนี้ ในปัจจุบันมีเพียงรายงานการวิจัยทางการแพทย์ที่ออกโดยกู้ซีฉือและเฉิงเจวี้ยนที่พิชิตปัญหาการดูดซึมขับเคลื่อนโปรตีนได้ พวกเขาวิจัยออกมาได้ว่าเอนไซม์ตัวหนึ่งกระตุ้นการดูดซึมของขับเคลื่อนโปรตีน…
ทั้งชีวิตของสองคนนี้ได้ทำการต่อสู้กับงานวิจัยนี้ ล้วนแต่ไม่หนีออกจากชะตากรรมของกัมมันตรังสี
ฉินหร่านเม้มปาก เธอพลิกไปหน้าถัดไป
**
หกโมงเย็น
เฉิงเจวี้ยนถือกุญแจรถ กำลังออกไปรับฉินหร่าน
หลังจากเขาออกไป เหลือเพียงเฉิงมู่
ไม่นาน เฉิงเวินหรูก็เข้ามารอฉินหร่านเลิกเรียน
เธอต้องการพูดคุยเรื่องในวันอาทิตย์กับฉินหร่าน
ฉินหร่านยังไม่กลับมา เธอจึงนำกองจดหมายของบริษัทที่ต้องจัดการมาวางไว้บนตัก
หลังจากเฉิงมู่กับเฉิงเวินหรูทักทายกัน จึงนั่งลงที่โต๊ะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กำลังพูดคุยกันกับซือลี่หมิง
ซือลี่หมิง: [ฉันจะได้เจอคุณฉินตอนไหน]
เฉิงมู่: [วันมะรืน]
สั้นกระชับมาก ราวกับรู้เรื่องการไปมาของฉินหร่านดี
ซือลี่หมิงเคารพเป็นอย่างสูง: ขอบคุณ คุณเฉิงมู่
เฉิงมู่อยากบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ ยังไม่ทันได้พูดสักประโยค ด้านนอกประตูทางเข้าถูกเคาะดังขึ้น
ประตูถูกเปิดออก ใครบางคนสวมเสื้อสีดำ มองแวบแรกเหมือนผู้มีวิชาการต่อสู้ ในมือถือกล่องพัสดุ
แต่ว่ารูปลักษณ์ไม่เหมือนคนส่งของ
“สวัสดี ไม่ทราบว่าคุณฉินหร่านอาศัยอยู่ที่นี่ไหม” คนสวมเสื้อสีดำถามอย่างสุภาพ
เฉิงมู่พยักหน้านิ่ง
คนสวมชุดดำจึงยื่นพัสดุในมือให้เฉิงมู่ “นี่คือพัสดุของคุณฉินหร่าน”
พูดจบ ไม่แม้แต่จะให้เฉิงมู่ตอบกลับ ก็หันตัวตรงเข้าไปในลิฟต์
ท่าทางการกระทำไม่เหมือนคนส่งพัสดุคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉิงมู่รับของแทนฉินหร่าน จึงถือพัสดุของฉินหร่านกลับมาอย่างนิ่งเฉย จากนั้นวางลงบนโต๊ะข้างโซฟา รอฉินหร่านกลับมา
“พัสดุของหร่านหร่านเหรอ” เฉิงเวินหรูเหลือบตา
เฉิงมู่ตอบเพียง ‘อือ’ แล้วหันกลับไปที่เก้าอี้ฝั่งโต๊ะกินข้าว เปิดโทรศัพท์
เฉิงเวินหรูจับจ้องอยู่นาน ที่พัสดุมีเพียงลายมือชื่อและช่องทางการติดต่อของผู้รับ
ดูแล้วคนที่เขียนรายการคงใจร้อนมาก ถึงได้เขียนตัวหวัด
ชื่อผู้รับยุ่งเหยิงอะไรขนาดนี้
เฉิงเวินหรูสังเกตอยู่นาน…
“ตัวอักษรอี่(以)?”
“ตัวอักษรตี(的)?”
“lv?”
“vw?”
“lw?”