เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่415ไปพบคุณฉิน
“ไม่พบ” เฉิงเจวี้ยนหยุดลง หันไปมองทางเฉิงเวินหรู ดวงตาเหมือนเกล็ดหิมะที่ล่องลอยอยู่นอกทางเดิน น้ำเสียงหย่อนยาน
เฉิงเวินหรูหรี่ตา “คุณ…”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเฉิงเจวี้ยนพูดถึงขนาดนี้ เฉิงเวินหรูจ้องมองเขาอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงโบกมือ รวบเข้าเสื้อคลุมตัวเอง “เอาเถอะ ถึงคุณไปหาเขาจริง ก็ไม่แน่ว่าเขาจะสนใจคุณ พี่ใหญ่ไม่มีข่าวคราวมาหลายเดือนแล้ว”
“นายน้อยสาม นายท่านให้คุณกลับไป” ที่ทางเดินฝั่งตรงข้ามมีคนใช้ยืนอยู่พูดขึ้น
เฉิงเจวี้ยนส่งเสียง ‘อือ’ อย่างเชื่องช้า
เขาถอดปกคอเสื้อออก กลับมาแต่ละครั้งช่างลำบาก วันนี้คนรุ่นเก่าแก่ของตระกูลเฉิงล้วนกลับมา ตอนนี้เขาต้องกลับไปพบแต่ละคน
เฉิงเจวี้ยนละสายตากลับ มองที่เฉิงเวินหรู
เฉิงเวินหรูให้เขารีบไป “ฉันพาหร่านหร่านเดินไปตามทางปีกห้องของฉัน คุณมาหาพวกเราที่ปีกข้างภายหลัง”
หลังจากเฉิงเจวี้ยนเดินไป ฉินหร่านเงยหน้า มือสอดในเสื้อคลุม น้ำเสียงสบายๆ “คุณเพิ่งพูดถึงซือลี่หมิงคนนั้นเหรอ”
“ซือลี่หมิงน่ะเหรอ” เฉิงเวินหรูละสายตากลับ เรื่องนี้ไม่ได้ปกปิดฉินหร่าน มือสองข้างของเธอกอดอก “มือใหม่คนหนึ่งมีชื่อเสียงมากที่ฐานทัพของตระกูลเฉิงในเดือนสิงหาคม สร้างผลงานสำคัญขึ้นได้ภายในไม่กี่เดือน แข็งแกร่งทรงพลังอย่างน่ากลัว ทุกคนที่ฐานทัพนั้นล้วนเชื่อใจเขา ตอนนี้ไต่ขึ้นไปถึงตำแหน่งผู้ดูแลฐานทัพแล้ว ทั้งพื้นเพยังสะอาด ตระกูลเฉิงต่างดูแลเขาอย่างเหมาะสมตลอดมา ถ้าดึงเขาเข้ามาได้ ก็เท่ากับดึงหัวใจของคนในฐานทัพมาได้”
เรื่องนี้คนของตระกูลเฉิงต่างรู้ดี และไม่นับว่าเป็นความลับ
ความแข็งแกร่งของซือลี่หมิงไม่ได้ด้อยเลย ตอนที่เป็นคนใหม่ก็โดดเด่นมาก จากนั้นยังนำพาซึ่งกลุ่มพิเศษ ไม่กี่เดือนมานี้สร้างผลงานมาแล้วมากมาย ฐานทัพเชิดชูความแข็งแกร่งเสมอมา ดึงเขามาได้ก็ดึงหัวใจของคนในฐานทัพมาได้ ประโยคนี้ไม่ผิด
ตอนที่พูดถึงเขา เฉิงเวินหรูก็ถอนหายใจอย่างปกปิดไม่ได้
ฉินหร่านเงียบไปครู่หนึ่ง หันหน้ามองเฉิงเวินหรู ผมสีดำสยายอยู่บนเสื้อคลุม “ได้ยินมาว่าตอนนี้เขาเก่งกาจมาก”
“ได้รับชัยชนะตั้งแต่เขายังเยาว์วัย ความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา” เฉิงเวินหรูอุทาน “จากนี้ไปต้องเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของตระกูลเฉิงอย่างแน่นอน พี่ใหญ่ของฉันสายตาไม่เลว”
เริ่มชักชวนซือลี่หมิงมาได้เร็วขนาดนี้
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์” เฉิงเวินหรูส่ายหน้า เฉิงเหราฮั่นสูญเสียความรู้สึกไปมากขนาดนั้นยังดึงตัวซือลี่หมิงมาได้ไม่สำเร็จ “หร่านหร่าน พวกเราไปทางนั้นก่อน มีสวนดอกบ๊วยสีแดง เธอมาเวลากำลังดี เมื่อคืนหิมะตก แม้ว่าไม่หนัก แต่ยังมีหิมะขาวอยู่ตามกิ่ง”
หิมะสะท้อนบ๊วยแดง ความมหัศจรรย์ในทุกปีของบ้านเฉิง
สวนบ๊วยใหญ่มาก ส่วนมากยังเป็นดอกตูมสีแดง บนกิ่งก้านสีอ่อนถูกหิมะกดทับ
โต๊ะหินและเก้าอี้หินในสวนบ๊วยถูกคนทำความสะอาดแล้ว ทั้งยังวางกาน้ำชาและถ้วยชาศิลาดล[1]สี่ใบไว้
เฉิงเวินหรูพาฉินหร่านนั่งที่สวนบ๊วยพักหนึ่ง จากนั้นจึงขึ้นไปยังหอคอยที่อยู่ข้างสวนบ๊วย
ด้านหน้าเป็นสวนบ๊วย ด้านหลังเป็นสนามฝึก
สนามฝึกของตระกูลเฉิงตั้งอยู่สวนครึ่งหลังของตระกูลเฉิง วันนี้วันเกิดนายท่าน ในสนามฝึกวัยรุ่นหลายคนกำลังทำท่าทางต่อสู้ด้วยกัน
“นั่นน่าจะเป็นซือลี่หมิง” เฉิงเวินหรูพาฉินหร่านนั่งที่โต๊ะไม้ ชี้ไปที่กลุ่มคนที่รวมตัวกันเยอะที่สุดของสนาม แล้วพูดขึ้น
ฉินหร่านวางมือที่โต๊ะ วิสัยทัศน์ของเธอดีกว่าเฉิงเวินหรู มองเห็นกลุ่มของซือลี่หมิงทันที หลังจากซือลี่หมิงมาเมืองหลวงก็ถูกเฉิงเจวี้ยนส่งตัวมา ฉินหร่านเคยเจอเขาครั้งหนึ่งตอนเพิ่งเปิดเรียนการฝึกทหาร ตอนนี้เธอเห็นกลยุทธ์การต่อสู้ของซือลี่หมิง ต่อสู้อย่างไม่ยอมแพ้
เธอมองดูอยู่สักพัก จึงละสายตากลับ ระหว่างฟังเฉิงเวินหรูพูดคุย ก็เปิดโทรศัพท์ ในโทรศัพท์เป็นข่าวจากลู่จ้าวอิ่ง…
[หร่านหร่าน ฉันไม่บังคับถามเธอเรื่องไพ่เทพแล้ว มีอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ แม่ของฉันอยากพบเธอ]
ฉินหร่านหยุดมือ [?]
อีกฝั่งหนึ่งลู่จ้าวอิ่งตอบกลับเร็วมาก [หลังจากแม่เห็นเสี่ยวหลิงในโทรทัศน์ก็อยากเจอเธอ บอกเธอไปเมื่อเร็วๆ นี้แล้ว พวกเรามีโชคชะตาร่วมกัน!]
เห็นฉินหลิงแล้วอยากเจอเธองั้นเหรอ
ฉินหร่านหยิบถ้วยชา ค่อยๆ ครุ่นคิด นึกได้ถึงคำพูดหนึ่งที่เฉิงเจวี้ยนเคยบอกไว้กับเธอ
เธอคิด พลางคลิกเปิดรูปโปรไฟล์ของฉินซิวเฉิน ส่งประโยคหนึ่งไป [ตระกูลฉินมีญาตินามสกุลลู่ด้วยเหรอ]
ส่วนด้านของลู่จ้าวอิ่ง เธอพิจารณาตอบกลับประโยคหนึ่ง แล้วจึงปิดหน้าจอแชท
ปลายนิ้วขาวผ่องเคาะโต๊ะไม้ มืออีกข้างยันโต๊ะ คิดว่าจะกลับไปที่ 129 อีกครั้งตอนไหน เพื่อตรวจค้นข้อมูลตระกูลฉิน
**
ในสนามฝึก ซือลี่หมิงกำลังทำท่าทางต่อสู้กับคนอื่น
หนึ่งต่อสาม ด้วยท่าทางอันแน่วแน่ทำให้วัยรุ่นหลายคนล้มลง
ความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ นอกจากเฉิงมู่แล้ว ในตระกูลเฉิงก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
หัวหน้าหน่วยสองกับหัวหน้าสถานที่อีกหลายคนยืนอยู่ขอบสนามฝึก ด้วยใบหน้าตกตะลึง “ฐานทัพเมืองหลวง แตกต่างกันเสียจริง”
“ หัวหน้าหน่วยสอง ว่ายังไงนะ?” หัวหน้าสถานที่คนอื่นๆ มองหัวหน้าหน่วยสอง
หัวหน้าหน่วยสองส่ายหน้า สายตามองยังท่าทีของซือลี่หมิงอย่างจริงจัง อดที่จะอุทานในใจไม่ได้ คนหนึ่งคุณเฉิงมู่ อีกคนคุณซือลี่หมิงล้วนเก่งกาจขนาดนี้
ซือลี่หมิงจัดการหมดทั้งสนาม มองดูจากในกลุ่มคน กลับไม่เห็นเฉิงมู่
มีคนนัดหมายเขาอีก เขาจึงไม่ลงมือแล้ว เพียงมองไปทางถนนหลัก
หยิบโทรศัพท์ออกมาถามเฉิงมู่…
[คุณเฉิงมู่ พวกคุณกับคุณฉินถึงรึยัง]
เฉิงมู่ไม่ตอบ ซือลี่หมิงจึงใส่โทรศัพท์กลับเข้าไปที่กระเป๋าก่อน
“คุณซือนี่ยังหนุ่มแต่สุดยอดจริงๆ” ด้านข้าง เฉิงเหราฮั่นที่ดูอยู่สักพักหยุดลงเมื่อเห็นซือลี่หมิง แล้วจึงเดินเข้ามา เชิญซือลี่หมิงไปสวนบ๊วยด้านหน้า
ตอนที่อยู่รัฐ M ซือลี่หมิงได้รับคำชมจากเฉิงสุ่ยเพราะความฉลาด
เฉิงเหราฮั่นชักชวนเขาชัดเจนขนาดนี้เขาจึงรู้สึกได้
“นายน้อย ผมยังมีธุระอื่นอยู่ในมือ ต้องขอตัวก่อนแล้ว” ซือลี่หมิงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เฉิงเหราฮั่นไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดคุยหลายประโยคกับซือลี่หมิง ซือลี่หมิงก็ออกไปจากสนามฝึกแล้ว
“ซือลี่หมิงคนนี้รับมือยากจริงๆ” หลังจากซือลี่หมิงออกไป ลูกมือเฉิงเหราฮั่นที่อยู่ด้านข้างเสียงเบา ขมวดคิ้ว “ดื้อรั้น”
“แบบนี้ก็ดี” เฉิงเหราฮั่นมองตามหลังซือลี่หมิง คิ้วที่ขมวดอยู่คลายออก “จะได้ไม่กลัวว่าช่วงนี้เขาจะหันไปหาน้องสาวที่สองกับน้องชายสาม”
ซือลี่หมิงไม่อยู่ เฉิงเหราฮั่นลากสายตาไปที่ตัวเฉิงชิงอวี่
เฉิงชิงอวี่เป็นคนของตระกูลเฉิง ไม่เหมือนซือลี่หมิง เขานับถือเฉิงเหราฮั่นมาก
**
ซือลี่หมิงเดินมาถึงบนถนนสายหลัก
เปิดวีแชท เฉิงมู่ตอบที่อยู่กลับให้เขาในวีแชท
ตอนนี้สถานะที่ตระกูลเฉิงของซือลี่หมิงไม่ต่ำ ไม่เพียงแค่เฉิงเหราฮั่น หัวหน้าสถานที่แต่ละคนต่างอยากดึงเขามา เขาจึงเป็นที่รู้จักกันดีในตระกูลเฉิง ระหว่างทางสุ่มหาคนมาเพื่อถามทาง คนระหว่างทางคนนั้นก็ยินดีพาเขาไปยังที่อาศัยของเฉิงมู่
เฉิงมู่นั่งอยู่ลานฝั่งข้างห้องของเขา มือเท้าที่กล่องไม้ยาวเรียบง่าย มือข้างหนึ่งถือทัพพี มืออีกข้างประคองชามดื่มซุป
“คุณเฉิงมู่” ซือลี่หมิงเคารพเฉิงมู่มาก
เฉิงมู่เงยหน้า เขาวางชามลง มองซือลี่หมิง “อยากกินข้าวไหม”
ซือลี่หมิงส่ายหน้า หยุดลงครู่หนึ่ง ถามต่อ “คุณเฉิงมู่ ตอนไหนฉันจะได้พบคุณฉิน”
เฉิงมู่เหลือบมองเขา “ฉันลองถามดู”
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรถามฉินหร่าน “คุณหนูฉิน คุณอยู่ไหน”
ฉินหร่านที่อยู่อีกด้านกำลังเดินตามหลังเฉิงเวินหรูไปยังห้องปีกข้างของเธออย่างสบายใจ มือข้างหนึ่งสอดในเสื้อคลุม มืออีกข้างแนบโทรศัพท์ข้างหู สีหน้าแผ่วเบา “อยู่กับพี่สาวเฉิง ไปลานของเธอ”
เฉิงมู่มองซือลี่หมิง “เสี่ยวซืออยากพบคุณ”
ดูเหมือนฉินหร่านที่อยู่อีกฝั่งจะครุ่นคิดอยู่สองวินาที เธอไม่ได้ตอบกลับทันที เพียงหันไปถามเฉิงเวินหรู “พี่สาวเฉิง คุณสะดวกให้คนนอกเข้ามาตรงนี้ไหม”
เฉิงเวินหรูเท้าคาง เข้าไปทางลานบ้านก่อน “วางใจได้ ตรงนี้ไม่มีอะไรที่เข้ามาไม่ได้”
“โอเค คุณพาเขามาตรงนี้ ที่ของพี่สาวเฉิง” ฉินหร่านผูกเข็มขัดเสื้อคลุมเข้าด้วยกัน
เฉิงมู่เก็บโทรศัพท์ลง เขายกกล่องไม้ขึ้นมา มองซือลี่หมิง พูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ข้าวเที่ยงยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมง คุณฉินอยู่ที่ปีกห้องของคุณหนูใหญ่ ฉันพาคุณไปพบคุณฉินก่อน”
สายตาซือลี่หมิงเป็นประกาย เขายืนขึ้นจากเก้าอี้ทันที “ขอบคุณคุณเฉิงมู่”
เฉิงมู่นำชามไปส่งที่ห้องครัว ยกกล่องไม้อีกครั้ง จึงค่อยพาซือลี่หมิงไปหาฉินหร่าน
โทรศัพท์อีกด้าน ฉินหร่านเข้าไปยังลานกับเฉิงเวินหรูเรียบร้อย
ตอนนี้เกล็ดหิมะที่ลอยล่องอยู่บนฟ้าก็หยุดลงแล้ว ฉินหร่านกอดเตาอุ่นมือแล้วนั่งลงที่ลานงดงามราวภาพวาด
ประตูทางเข้า มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามา รายงานตำแหน่งของเฉิงเหราฮั่นทันที “คุณหนูใหญ่ นายน้อยกับคุณซือคุยกันไปแล้วสองประโยค ไม่มีบทสนทนาลับ และชักชวนไม่สำเร็จ”
เฉิงเวินหรูให้คนนำชาร้อนเข้ามา ได้ยิน จึงเลิกคิ้วยิ้ม “เพื่อที่จะชักชวนเขา แน่นอนว่าพี่ใหญ่ของฉันต้องใช้จ่ายค่าตอบแทนไปแล้วไม่น้อย ซือลี่หมิงคนนี้ยุ่งยากจริงๆ” เงียบไปครู่หนึ่ง จึงส่ายหน้า “ยังไม่ถูกพี่ใหญ่ลากตัวไปก็ดี แต่ก็ไม่แน่ว่าท้ายที่สุดนิสัยแบบนี้ของเขาตอนที่ได้รับเลือกให้ยืนฝั่งนั้นกับพี่ใหญ่จะ…”
เมื่ออิงตามความคิดอันคับแคบของเฉิงเหราฮั่น…
เธอพูดไปพลางนั่งลงตรงข้ามฉินหร่าน
ในมือของฉินหร่านถือถ้วยชา หลบสายตา ไม่พูดอะไร
เฉิงเวินหรูคิดว่าฉินหร่านไม่เต็มใจที่จะฟังเรื่องแบบนี้ เธอเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง ยิ้มถาม “เฉิงมู่ถึงแล้วรึเปล่า”
[1] ศิลาดล จัดเป็นเครื่องสังคโลกหรือเครื่องปั้นดินเผา มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่มีสีเขียวหยกใส พื้นผิวแตกลายงา