เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่424หินก้อนหนึ่งจุดประกายคลื่นพันชั้น
ประตูห้องรับรองไม่ใช่ประตูรักษาความปลอดภัย บอสวังก็ใจร้อนด้วย ใช้พลัง 300% ของตัวเอง เตะเข้าที่ประตูเปิดออกเพียงครั้งเดียว
เหยียนซีที่ทุ่มเททั้งใจให้ดนตรี โดยพื้นฐานจะนอนไม่ได้ถ้ามีแรงบันดาลใจมา จนกว่าจะเขียนเนื้อเพลงที่ตนอยากเขียนออกมาได้ค่อยหยุด
และด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างเหยียนซีจึงรู้จักนิสัยของเขา หลังจากเขาเขียนเนื้อเพลงเสร็จ ต่างก็รอให้เขาออกมาจากห้องรับรองเมื่อพักผ่อนเสร็จ โดยเฉพาะบอสวัง ที่ดูแลเหยียนซีอย่างทั่วถึง ปฏิบัติเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆ ของตน
โดยทั่วไปเขาใส่ใจการพักผ่อนของเหยียนซีมากกว่าใคร ทำไมครั้งนี้เหยียนซีเพิ่งนอนได้ไม่นานถึงได้เตะประตูล่ะ
เจ้าหน้าที่ที่ตามหลังผู้จัดการเข้ามากับผู้จัดการ สีหน้าเจ้าหน้าที่หลายคนที่ไม่เคยเห็นสภาวะแบบนี้ของผู้จัดการก็ตื่นตระหนกเช่นกัน “บอสวัง เกิดเรื่องใหญ่อะไร”
บอสวังไม่มีเวลาตอบ หลังจากเตะประตูจึงเดินเข้าไปยังห้องนอน ในห้องมีเพียงเตียงหนึ่งหลัง
บอสวังเตะประตูเสียงดังขนาดนั้น เหยียนซีที่แม้จะหลับเป็นตายก็ยังได้ยิน ขณะนี้เขานั่งอยู่บนเตียง ก้มหน้าเล็กน้อย
ได้ยินคนเข้ามา เขาเงยหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นนัยน์ตาดำมืดเล็กน้อย ทั้งยังมีผมชี้ยุ่งเหยิง “อะไรเหรอ”
เขาพิงด้านหลัง มองบอสวัง น้ำเสียงเกียจคร้าน ชัดเจนว่าสติอยู่ไม่ครบ
“คุณยังนอนได้เหรอ” บอสวังเดินไปด้านหน้าเขาอย่างรวดเร็ว “รีบดูเวยป๋อ!”
“เวยป๋อทำไมเหรอ” เหยียนซีค้นหาอยู่ที่เตียง ไม่เจอโทรศัพท์ตัวเอง “โทรศัพท์ฉันน่าจะอยู่ข้างนอก”
บอสวังมองเขาหน้านิ่ง “ถ้ายังไม่ดูเวยป๋ออีก ลูกพี่ของคุณจะถูกคนด่าตายอยู่แล้ว”
พูดจบ เหยียนซีหยุดทำท่าทางเกียจคร้าน
ทันใดนั้นเขาเงยหน้าขึ้น มองบอสวัง ใบหน้าเหนื่อยล้าตื่นทันที ผ้าห่มในมือถูกยกขึ้น ไม่สวมแม้แต่เสื้อคลุม วิ่งออกไปหาโทรศัพท์ที่ด้านนอกทันที
แต่จู่ๆ บอสวังที่รีบจนน่าใจหายกลับสงบลง เขาเอื้อมมือ จัดระเบียบทรงผมและเสื้อผ้าที่วิ่งอย่างสุดกำลังจนยุ่งเหยิงเข้าที่
“บอสวัง เกิดอะไรขึ้นอีก ทำไมจู่ๆ คุณถึงไม่รีบแล้วล่ะ” หลายคนจ้องที่บอสวัง
บอสวังหันหน้า เหลือบมองคนถาม ยิ้มออกมา เห็นได้ว่าอารมณ์ค่อนข้างดี “ตอนนี้คนที่รีบน่าจะไม่ใช่ฉัน เป็นเหยียนซีแล้ว วงการบันเทิง…กำลังจะมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่”
แผ่นดินไหวครั้งใหญ่?
ตอนนี้มีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อะไรกัน?
บอสวังนับเป็นผู้จัดการอันดับต้นในวงการบันเทิง แม้แต่แผ่นดินไหวที่เขาพูดก็ล้วนไม่เล็กทั้งนั้น…
เจ้าหน้าที่มองหน้ากัน จู่ๆ ก็นึกถึงเวยป๋อที่บอสวังพูดขึ้น ทุกคนหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดเวยป๋อดู
บอสวังกำลังพูดอยู่ โทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น เป็นหมายเลขในเมืองที่ไม่รู้จัก
เขาเดินออกไปด้านนอก พลางกดรับ
โทรศัพท์อีกฝั่งเป็นคนในสตูดิโอของฉินซิวเฉิน เห็นว่าโทรศัพท์ถูกรับอย่างรวดเร็ว คนในสตูดิโอที่โทรศัพท์มาส่งสัญญาณมือให้คนในสตูดิโอเงียบหน่อย แล้วจึงพูดขึ้นอย่างสุภาพ “สวัสดี ไม่ทราบว่าคุณใช่คุณวังไหม ฉันเป็นเจ้าหน้าที่สตูดิโอของซุปตาร์ฉิน อยากอธิบายเรื่องในเวยป๋อกับคุณสักหน่อย…”
ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นคนในสตูดิโอของซุปตาร์ฉิน บอสวังพูดขึ้นทันที “ขอโทษ ทำให้พวกคุณเดือดร้อนรึเปล่า ฉันหาเหยียนซีเจอแล้ว เรื่องนี้น่าจะแก้ไขได้ในเร็วๆ นี้”
บอสวังพูดอย่างมีเหตุผล พร้อมกับอธิบายว่าเหยียนซีดูเวยป๋อแล้ว ด้วยน้ำเสียงเร่งรีบและเกรงใจมาก
หลังจากอธิบายต่ออีกหลายประโยค ทั้งสองฝ่ายจึงค่อยวางสาย
สตูดิโอของซุปตาร์ฉิน คนที่ติดต่อบอสวังเปิดลำโพง ทุกคนที่นั่งอยู่รอบๆ จึงได้ยินหมดแล้ว
“ฉันโทร.ผิดแล้วรึเปล่า” คนถือโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นอย่างตะลึง บอสวังไม่โกรธเหมือนที่คิดแล้ว ยังทำให้พวกเขาไม่ต้องกังวลอย่างอ่อนโยนมาก เหยียนซีแก้ไขเรื่องนี้แล้วเหรอ
ทำไมยิ่งฟังยิ่งน่าแปลก
แต่สำหรับสตูดิโอของซุปตาร์ฉินแล้วก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง
ถึงอย่างไรคนในวงการบันเทิงต่างก็รู้ว่าเหยียนซีไม่ใช่คนที่เรียบง่าย ภูมิหลังสะอาดกว่าซุปตาร์ฉินในทุกด้าน ไม่มีใครสามารถขุดคุ้ยเบื้องหลังของเหยียนซีออกมาได้
ถ้าปะทะกันจริงๆ ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ฉินหร่านกับฉินซิวเฉินก็รั้งไว้ไม่ได้
“ฉันจะโทรศัพท์หาซุปตาร์ฉินเพื่อแจ้งเรื่องนี้กับเขาก่อน” เจ้าหน้าที่คิดไม่ตก จึงไม่คิดเสียเลย บอกเรื่องนี้กับผู้จัดการไปตรงๆ
ที่รัฐ M ผู้จัดการคุยโทรศัพท์เสร็จ จึงถอนหายใจโล่งอก เขามองฉินซิวเฉิน “ราชาเหยียนบอกว่าต้องแก้ไข…ความสัมพันธ์ของฉินหร่านกับราชาเหยีนดีมากอยู่แล้วนี่…”
จะเชื่อได้โดยไม่มีเงื่อนไขใช่ไหม
ผู้จัดการมองฉินซิวเฉิน คิดไตร่ตรองเล็กน้อย
**
ทางฝั่งเมืองเมืองหลวง เหยียนซีคลิกไปที่การค้นหายอดนิยมผ่านเวยป๋อของตน
ได้มีการอัปเดตบทความใหม่ในพื้นที่เทรนด์ฮิต
[เรื่องราวใหญ่โต เหยียนซีที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฉินหร่านกลับไม่แสดงออกในรายการ จะแสดงออกอยู่เบื้องหลังยังไง
ทุกคนดูกรุณาดูรูปภาพเหล่านี้ นี่คือตอนแรกหลังจากฉินหร่านเข้าร่วมการประเมินสมาคมเมืองหลวง และได้เกิดสงครามการลอกเลียนแบบขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งตอนนี้ยังใส่ร้ายหญิงสาวคนหนึ่งในสมาคมเมืองหลวง เรื่องนี้ฉันเชื่อว่าหลายคนไม่รู้ เพราะหลังจากเกิดขึ้นอย่างกะทันหันไม่กี่วัน วิดีโอกับรูปภาพทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับฉินหร่านในอินเทอร์เน็ตก็ถูกคนลบออกหมดเกลี้ยง ฉันไปหาช่างเทคนิคถึงพบภาพบางภาพในช่วงนั้น
ทำไมต้องลบวิดีโอการสอบประเมินในตอนนั้นกับรูปภาพของฉินหร่านออกด้วย บล็อกเกอร์เดาว่า เพราะกลัวความผิด เธอกลัวคนจะตรวจสอบได้ว่าคัดลอกเพลงและทำนองของท่านเจียงซานอี้
ทำไมราชาเหยียนไม่พูดออกมา ดูเหมือนว่าราชาเหยียนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับฉินหร่านในรายการ ในตอนนี้กลับไม่พูดอะไรสักคำ น่าจะขยะแขยงไปแล้ว ที่คนเป็นเพื่อนนำเอาเพลงของเพื่อนไปเข้าร่วมการแข่งขันอย่างหน้าซื่อๆ…]
[คัดลอกเองทั้งหมด แล้วยังเจตนาขับไล่คนอื่นออกจากสมาคมเมืองหลวงด้วยเพลงนี้อีกเหรอ]
[ทำไมทุกคนต้องกล่าวว่าเธอด้วย ฉันหวังว่าจะมีคนลุกขึ้นมาตีเธอ! ]
[…]
เหยียนซีดูเสร็จ ไม่พูดอะไร เปลี่ยนกลับไปที่หน้าแรก โพสต์เวยป๋อหนึ่งอัน…
V เหยียนซี: ไม่มีการลอกเลียนแบบ เดิมทีเพลงนั้น เป็นเพลงที่เธอแต่งขึ้นเอง
หลังจากโพสต์เสร็จ เขาสวมหูฟัง เปลี่ยนกลับไปฟัง ไวโอลินต้นฉบับของฉินหร่าน
จากนั้นจึงกลับไปที่สตูดิโอของตัวเองอีกครั้ง หยิบกระดาษสองแผ่นออกมาจากกองต้นฉบับที่วางตามช่วงเวลา นั่งลงที่พื้นไม่พูดอะไรอยู่สักพัก ดวงตาสีขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น” บอสวังถือโทรศัพท์เดินเข้ามา รู้สึกเหยียนซีแปลกไปเล็กน้อย อดที่จะหยุดลงไม่ได้
เหยียนซีเงยหน้าไปด้านหลัง เขายกมือขึ้นปิดตา “รู้ไหมว่าทำไม ‘Return to Silence’ ถึงไม่อยู่ในเพลย์ลิสท์ตั้งแต่แรก แล้วยังไม่ได้รวมอยู่ในอัลบั้มด้วย”
ไม่รอให้บอสวังตอบ ดวงตาของเหยียนซีเลื่อนลอย “เพราะเธอเคยแก้ไขเพลงนี้แล้วรอบหนึ่ง ส่งให้ฉันครั้งแรกเมื่อสี่ปี่ก่อนในวันที่แปดเดือนกรกฎาคม นั่นคือเพลงนั้นที่เธอเล่นไวโอลินในสมาคมเมืองหลวง เพลงนี้แหละ”
เขายื่นต้นฉบับเพลงให้ผู้จัดการดู
“สิบวันต่อมา ฉันเขียนเพลงเสร็จ เธอส่งเพลงฉบับแก้ไขมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็คือ ‘Return to Silence’” เหยียนซียื่นต้นฉบับอีกแผ่นให้ผู้จัดการ
บอสวังไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเหยียนซีกับเจียงซานอี้ เขามองต้นฉบับสองแผ่นในมือ ที่ล้วนคัดลอกออกมาด้วยมือของเหยียนซี “Return to Silence…น่าจะเป็นคลื่นลมอันเก่าแก่ของคุณสินะ”
“ตอนนั้นหลังจากที่เธอแก้ไข ก็ได้ส่งมาให้ฉัน ไม่ได้พูดอะไรสักคำ” สายตาของเหยียนซีหันไปนอกหน้าต่าง “ดนตรีหลอกคนไม่ได้ ฉันเดาว่าตอนนั้นเธอน่าจะเจอเรื่องบางอย่างมา เพราะหลังจากแก้ไข ‘Return to Silence’ ก็เหมือนกับ…”
“ความตาย” เหยียนซีละสายตากลับ ดวงตาสีเข้มจ้องมองบอสวัง
เพลงนี้เจียงซานอี้เขียนให้เขา ตั้งแต่นั้นมา เหยียนซีรู้สึกว่าเจียงซานอี้ไม่เหมือนกับก่อนหน้า เขาไม่ยินยอมให้ปล่อยเพลงนี้ออกนอกประเทศ น่าจะเหมือนเป็นคำมั่นสัญญาบางอย่างของเขากับเจียงซานอี้
บอสวังพยักหน้า เขานั่งข้างเหยียนซี “นึกไม่ออกจริงๆ ตอนนั้นท่านอายุเท่าไหร่ 16? 15?”
เขานึกไม่ออก ว่าอายุแบบนี้ไปพบเจออะไรมา
เหยียนซีไม่พูดอะไร เขาเปลี่ยนกลับไปหน้าหลักของโทรศัพท์ โทรออกหาฉินหร่าน
โทรศัพท์อีกฝั่ง เสียงฉินหร่านเย็นชาตามเคย “พูดมา”
“ฉันเห็นไวโอลินของเธอที่สมาคมเมืองหลวงนั่นแล้ว ยินดีด้วย” เหยียนซีพูดเบา
ฉินหร่านอีกฝั่งหนึ่งได้ยิน จึงหยุดมือลงสักพัก ประมาณสองสามวินาทีต่อมา เธอจึงพิงกำแพง “ขอบคุณ”
เพลงเล่นอยู่ในงานแข่งขันนิทรรศการได้ นำเพลงแรกเมื่อสี่ปีก่อนกลับมาได้ ก็เท่ากับว่าปล่อยวางอดีตนั้นไปแล้ว
ฉินหร่านยืนอยู่ข้างทางเดินอยู่สักพัก ดูโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง จึงยิ้ม เดินกลับห้องปฏิบัติการอีกครั้ง
จึงไม่รู้ว่า
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่ด้านนอกห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ รถของเฉิงเจวี้ยนหยุดอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้ลงรถ เพียงนั่งอยู่ที่คนขับ คิ้วขมวด ก้มมองหน้าจอโทรศัพท์
‘Return to Silence’
เนื้อร้อง: เหยียนซี
ทำนอง: เจียงซานอี้
เรียบเรียง: เจียงซานอี้