เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 226
ผู้ที่รู้จักเจียงอี้ดีที่สุดไม่ใช่เจียงเสี่ยวนู๋ผู้ที่เติบโตมาพร้อมกับเขาและไม่ใช่ซูรั่วเสวี่ยที่มีความสัมพันธ์อันคลุมเครือกับเขา แต่เป็นเฉียนว่านก้วน!
ถึงแม้เฉียนว่านก้วนกับเจียงอี้จะอยู่ด้วยกันเป็นเวลาสั้นๆเพียงแค่หนึ่งปี แต่พวกเขาก็ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ที่รู้จักนิสัยใจคอของเจียงอี้ดีที่สุด
เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันแปลกประหลาดเมื่อเจียงอี้กลับมา แต่อีกฝ่ายก็ปกปิดความรู้สึกได้เป็นอย่างดีและกล่าวเพียงแค่ว่าจะกลับไปยังสำนักเพื่อที่จะทำการดูดซับศิลาสวรรค์
นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่คลาดสายตาไปไม่นาน ลูกพี่คนนี้กลับหายตัวไปและทิ้งไว้เพียงจดหมายฉบับหนึ่ง
เจียงอี้เติบโตมาในเมืองเทียนอวี่ด้วยความลำบากยากไร้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะกลับไปที่นั่นเพื่อทำให้จิตใจสงบ
ปัจจุบัน สถานการณ์ของเจียงหยุนไฮ่ก็แทบจะไม่เป็นที่รับรู้ ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าเขาตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ ในขณะเดียวกันร่างที่ไม่ได้สติของเจียงเสี่ยวนู๋ก็ยังคงหลับใหลอยู่ที่สำนักจิตอสูร
นอกจากนี้ หากให้พูดถึงสถานที่ที่เกี่ยวกับตัวเจียงอี้เป็นแห่งสุดท้าย มันก็คงหนีไม่พ้นเมืองเจียงอี แต่มันไม่มีทางเลยที่เขาจะไปเหยียบที่นั่นในตอนนี้
….สรุปแล้วเขาหายไปไหนกันแน่?
เจียงอี้ขอให้เฉียนว่านก้วนตรวจสอบว่าสามารถใช้สมุนไพรชนิดอื่นแทนสมุนไพรสยบวิญญาณได้หรือไม่ และเขาก็หายตัวไปทันทีที่ได้รับคำตอบ
นอกเหนือจากนี้ เขายังเอ่ยขอเครื่องรางสัตว์อสูรอีกสองสามชิ้น หลังจากที่ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดแล้ว มันก็แทบจะไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะคาดเดาสิ่งที่เขากำลังจะทำ
เขาต้องการที่จะปล้นสมุนไพรสยบวิญญาณ!
เจียงอี้กำลังวางแผนที่จะปล้นมันจากขบวนคุ้มกันเจ้าสาว หลังจากที่ได้มาแล้ว เขาก็จะหนีกลับไปที่สำนักจิตอสูรเพื่อใช้มันรักษาเจียงเสี่ยวนู๋… จะต้องเป็นแบบนี้แน่!
อาณาจักรเสินหวู่ส่งผู้คุ้มกันออกไปอย่างน้อยสองหมื่นคนเพื่อนำพาตัวเจ้าสาวกลับมายังอาณาจักรและพวกเขาทั้งหมดก็ยังสังกัดอยู่ในหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อราชสำนักอย่างค่ายเสินหวู่
คนเหล่านั้นประกอบไปด้วยนักสู้ขอบเขตเสินโหยวจำนวนมาก มันมากถึงขั้นที่ว่าแม้แต่เฉียนว่านก้วนก็ยังไม่รู้ถึงจำนวนที่แน่นอน แต่ที่เขามั่นใจก็คือกองกำลังนั้นถูกนำโดยแม่ทัพที่บรรลุจุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยวผู้หนึ่ง!
มีตัวคนเดียวแต่กลับต้องการที่จะปล้นสิ่งของจากกองทัพที่มีสมาชิกสองหมื่นคน?
สมมติว่าเจียงอี้ทำการปล้นครั้งนี้ได้สำเร็จ แต่อาณาจักรเสินหวู่จะยอมนิ่งเฉยหรือ? ด้วยบุคลิกอันเย่อหยิ่งของราชาเซี่ยถิงเวย เขาจะยอมปล่อยมันไปง่ายๆ?
แน่นอนว่าไม่มีทาง! การกระทำของเจียงอี้ในครั้งนี้เปรียบเสมือนการตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับเจียงเปี๋ยหลีและอาณาจักรเสินหวู่ เขาจะไม่มีที่ให้ยืนในแผ่นดินอีกต่อไป!
“บ้าเอ้ย! เขามันบ้าไปแล้ว!”
ร่างอันอวบอ้วนของเฉียนว่านก้วนสั่นสะท้านอย่างไม่อาจที่จะควบคุมได้ เขาไม่สนใจเรื่องที่เจียงอี้ทรยศต่ออาณาจักรและยังไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อตระกูลเฉียนหรือไม่
เพราะไม่ว่ายังไงตระกูลของเขาก็ฝังรากลึกลงไปในอาณาจักรนานแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เรื่องของคนผู้เดียวจะสั่นคลอนรากฐานของตระกูลอันเก่าแก่ได้
ที่เฉียนว่านก้วนกำลังตกตะลึงในตอนนี้ก็เป็นเพราะการกระทำที่บ้าคลั่งของเจียงอี้เท่านั้น!
คนผู้เดียวแต่คิดจะต่อต้านทั้งอาณาจักร!
ดูเหมือนว่าครั้งนี้อาณาจักรเสินหวู่จะข้ามเส้นเจียงอี้มากเกินไป ดังนั้นฟางเส้นสุดท้ายจึงขาดสะบั้น มันจึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องลงมือเช่นนี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นขั้วอำนาจไหน ต่างก็ไม่มีที่ยืนสำหรับผู้ทรยศทั้งสิ้น คาดว่าแม้แต่สำนักจิตอสูรก็ยังไม่กล้าที่จะรับรองความปลอดภัยของเจียงอี้ภายใต้แรงกดดันดังกล่าว
ณ ปัจจุบัน อาณาจักรเสินหวู่กำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์และแม้แต่ในบรรดาอาณาจักรบริวารทั้งหกเอง อาณาจักรเสินหวู่ก็นับว่ามีกำลังรบที่ทรงพลังที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะอยู่ในตระกูลที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์ เฉียนว่านก้วนเลยรับรู้ถึงความฝันสูงสุดของเซี่ยถิงเวย มันคือภารกิจหลักที่ราชาผู้นี้พยายามมาหลายต่อหลายปี
นั่นก็คือการรวบรวมโลกทั้งใบให้เป็นหนึ่งเดียว เจียงเปี๋ยหลีเองก็มีความฝันอันสูงส่ง ดังนั้นเขาจึงช่วยเหลือเซี่ยถิงเวยในการรวบรวมทุกสรรพสิ่งภายใต้สวรรค์
หากเจียงอี้ต้องการที่จะดักปล้นหรือก่อกวนขบวนคุ้มกันเจ้าสาวของอาณาจักรเสินหวู่ ไม่ต้องพูดถึงเซี่ยถิงเวย เพราะเจียงเปี๋ยหลีคงจะเป็นคนแรกที่จะลงมือขัดขวางเขาอย่างแน่นอน!
เอาเถอะ ยังไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงผลกระทบหลังจากนั้น เพราะที่สำคัญที่สุดคือยังไม่รู้เลยว่าเจียงอี้จะทำการปล้นสมุนไพรสยบวิญญาณสำเร็จหรือไม่?
แต่ดูเหมือนว่าเฉียนว่านก้วนจะมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว นั่นคือ ‘เป็นไปไม่ได้’ หากเขาดึงดันที่จะลงมือ มันก็เป็นเพียงแค่การเอาชีวิตไปทิ้งเท่านั้น!
“ข้าจะทำยังไงดี?”
เฉียนว่านก้วนกำลังใช้มันสมองทั้งหมดในการครุ่นคิดวิธีที่จะช่วยเหลือลูกพี่ของเขา หนึ่งในสิ่งที่เขาคิดได้คือส่งคนไปตามหาตัวเจียงอี้และใช้กำลังพาตัวเขากลับมา
แต่เมื่อคิดถึงนิสัยของเขาแล้ว เฉียนว่านก้วนก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายจะต้องสะบั้นความสัมพันธ์กับเขาอย่างแน่นอน
“เห้อออ… ลูกพี่ เรื่องนี้ข้าคงช่วยเหลือเจ้าไม่ได้มากนัก ข้าทำได้เพียงอวยพรขอให้เจ้านั้นโชคดี”
หลังจากที่ขบคิดอยู่เป็นเวลานาน เฉียนว่านก้วนก็ถอนหายใจด้วยความจนปัญญา ในเมื่อเจียงอี้ตัดสินใจไปแล้ว เขาก็ทำได้เพียงเคารพการตัดสินใจนั้นและช่วยเหลือสหายผู้นี้ทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้
อย่างน้อยการปกปิดที่อยู่ของเจียงอี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา นอกเหนือจากนั้น เฉียนว่านก้วนก็ไม่อาจที่จะเข้าไปแทรกแซงอะไรได้อีกแล้ว
เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงเป็นชาวเสินหวู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือเจียงอี้ยังจากไปโดยไม่เอ่ยคำอำลา เรื่องนี้ก็ทำให้เขาแอบโกรธเคืองอยู่ไม่น้อย
เฉียนว่านก้วนเริ่มลงมืออย่างรวดเร็ว เขาสั่งให้คนมาคอยคุ้มกันที่พักของเจียงอี้ไว้ จากนั้นก็ไปแจ้งรองเจ้าสำนักฉีว่าเจียงอี้กำลังเข้าสู่การบำเพ็ญตนเพื่อตีความเคล็ดวิชาที่เพิ่งจะได้รับมาใหม่
ดังนั้นมันจึงเป็นการดีกว่าหากให้คนอื่นเดินทางกลับไปก่อนและค่อยไปเจอกันที่สำนักภายหลัง
เป็นที่รู้กันดีว่าเจียงอี้มีศิลาสวรรค์อยู่ในครอบครอง ดังนั้นรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆจึงไม่มีข้อสงสัยใดๆ นางเพียงแค่กำชับให้ระวังตัวและพาลูกศิษย์ที่เหลือกลับไปก่อน
หลังจากที่ทุกคนออกเดินทางไปแล้ว เฉียนว่านก้วนก็รีบออกคำสั่งให้คนของตระกูลเฉียนทำการล้อมโรงเตี๊ยมไว้ แม้แต่คนที่อยู่ภายในก็ถูกแทนที่ด้วยคนของตระกูลเฉียนทั้งหมด เมื่อมั่นใจแล้วว่าแม้แต่ยุงตัวเดียวก็ไม่อาจที่จะรอดพ้นสายตาไปได้ เขาจึงวางใจ
มีเพียงเรื่องนี้ที่เฉียนว่านก้วนพอจะช่วยเหลือเจียงอี้ได้บ้าง การทำเช่นนี้ก็เหมือนกับการยืนยันตำแหน่งของเขา มันเป็นการเล่นละครตบตาให้หน่วยสอดแนมของตระกูลอื่นเห็นว่าพวกเขากำลังปกป้องเจียงอี้จากการถูกลอบสังหารระหว่างการบำเพ็ญตน
……
ในตอนนี้มีหลายขั้วอำนาจที่กำลังให้ความสนใจต่อเจียงอี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ่างซุนอู๋จี้, เซี่ยเถียน, เซี่ยอู๋หุ่ยและเจียงเหรินถู
เจียงเหรินถูกำลังอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลังจากที่เจียงเปี๋ยหลีกลับมาจากการพบปะกับเจียงอี้ เขาก็อยู่ในอารมณ์ที่เคร่งขรึมตลอดเวลา
ในตอนแรกเจียงเหรินถูต้องการที่จะปรึกษาเจียงเปี๋ยหลีเรื่องการเดินทางกลับสำนักจิตอสูรของเจียงอี้ เดิมทีเขาต้องการที่จะส่งผู้คุ้มกันไปคอยอารักขาใต้เท้าน้อยผู้นี้ในเงามืด แต่เมื่อเห็นอารมณ์ของผู้เป็นนาย เขาจึงกลืนความคิดเหล่านี้กลับลงไป
เจียงเหรินถูสันนิษฐานว่าเจียงอี้คงจะเดินทางกลับไปพร้อมกับคณะของรองเจ้าสำนักฉีซึ่งถือว่าปลอดภัยมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ส่งหน่วยคุ้มกันลับใดๆออกไปและให้หน่วยสอดแนมบางคนคอยตามจดบันทึกตำแหน่งของเจียงอี้แทน
แผนการของเฉียนว่านก้วนเป็นไปด้วยดี หลังจากที่ออกเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน เจียงอี้ก็มาถึงเมืองใหญ่ที่อยู่ถัดออกไป เขาเข้าเมืองไปพร้อมกับหน้ากากที่อยู่บนหน้า
ในตอนที่ออกจากเมือง เขาก็จากมาพร้อมกับม้าศึกสีดำที่สูงสง่า ในขณะเดียวกันเสื้อคลุมของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยเกราะสีดำ เมื่อผนวกกับหน้ากากปีศาจบนหน้า ต่อให้เป็นเฉียนว่านก้วนก็ไม่แน่ว่าจะจดจำเขาได้
ม้าศึกตัวนี้มีชื่อเสียงและยังถูกเรียกว่าย่างก้าวหิมะเมฆาทมิฬ มันมีลำตัวสีดำเงาแต่มีกีบเท้าสีขาวราวกับหิมะ ราคาของมันอยู่ที่ราวๆสองล้านตำลึงทอง ม้าศึกสายพันธุ์นี้สามารถเดินทางได้นับหมื่นกิโลเมตรในหนึ่งวันและมีความเร็วเทียบเท่าได้กับสัตว์อสูรที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับสอง
หลังจากที่เดินทางออกจากเมือง เจียงอี้ก็มุ่งตรงไปทางทิศใต้โดยใช้เส้นทางสายหลัก ด้วยความเข้มแข็งของกองทัพแห่งอาณาจักรเสินหวู่ทำให้ตลอดทางไม่พบกองโจรออกมาปล้นชิง
นอกจากนี้เขาคงอยู่บนหลังของม้าศึกและสวมชุดเกราะที่ดูราคาแพง ด้วยท่าทีอันองอาจราวกับขุนศึกเช่นนี้ กลุ่มโจรไหนกันที่จะกล้าปล้นชิงเขา?
เข้าวันที่แปด!
เพียงแปดวัน เจียงอี้ก็เดินทางมาถึงดินแดนทางตอนใต้ของอาณาจักรเสินหวู่ ก่อนหน้านี้แม้ว่าเขาจะอยู่บนหลังของหมาป่าจันทราสีเงิน แต่ก็ใช้เส้นทางอ้อมซึ่งทะลุไปสู่อาณาจักรต้าเซี่ยและอาณาจักรเซิ่งหลิง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะไปถึงเมืองหลวง
แต่คราวนี้เขาเดินทางเป็นเส้นตรงและทำให้มาถึงได้ในเวลาอันสั้น แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเขากำลังร้อนใจมากแค่ไหน
หากเจียงอี้มุ่งหน้าต่อไป เขาก็จะไปถึงหุบเขาสามหมื่นลี้และเมื่อพ้นหุบเขาสามหมื่นลี้ เขาก็จะเข้าสู่เขตแดนของอาณาจักรต้าเซี่ย จากนั้นก็ต้องใช้เวลาอีกสามวันถึงจะไปถึงเมืองหลวงของอาณาจักรต้าเซี่ยซึ่งมีชื่อว่าเมื่องเซี่ยยวี่
“ขบวนคุ้มกันเจ้าสาวน่าจะใช้เวลาอีกสามถึงสี่วันก่อนที่จะมาถึงสินะ?”
เจียงอี้นั่งอยู่บนหลังของม้าศึกและจ้องมองไปยังเทือกเขาเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย เขาไม่ได้ใช้เส้นทางอ้อมไปยังหุบเขาทลายวิญญาณซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ก่อนที่จะถึงอาณาจักรต้าเซี่ย แต่เขากลับเลือกที่จะมุ่งตรงไปยังหุบเขาสามหมื่นลี้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอันตรายแทน…