เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 251
“ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!”
ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนต่างลุกขึ้นยืนในขณะที่พวกเขามองเจียงอี้ที่แผ่กลิ่นอายออกมา ในขณะนั้นก็มีคนผู้หนึ่งที่มีผมขาวที่ยาวถึงเอวปรากฏตัวออกมา เขาคือผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรต้าเซี่ย และหากเจียงอี้กล้าเคลื่อนไหวใดๆ เขาจะถูกสังหารในทันที
“ผู้ตรวจการเจียง ทำไมท่านจึงลุกขึ้นล่ะ? หรือท่านเตรียมของขวัญมาให้องค์หญิงผู้นี้กัน?”
เสียงใสๆดังขึ้นมาราวกับว่าพวกเขาทั้งสองเป็นปรปักษ์ที่สามารถเริ่มสงครามขึ้นมาได้ตลอดเวลา
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทำให้กลิ่นอายสังหารของเจียงอี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย จากสีหน้าที่มืดมนก็กลับกลายเป็นรอยยิ้มในทันใด เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “หากเป็นงานอภิเษกขององค์หญิงรั่วเสวี่ย ผู้ตรวจการคนนี้ก็ย่อมต้องแสดงน้ำใจอยู่แล้ว”
“ฮู่วว ฮู่”
ผู้คนมากมายในงานเลี้ยงต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเหล่าขุนนางของอาณาจักรต้าเซี่ย หากเจียงอี้เคลื่อนไหวใดๆ พวกเขาก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฆ่าเจียงอี้ และเมื่อเป็นเช่นนั้น อาณาจักรต้าเซี่ยจะถือว่าล่วงเกินจักรวรรดิมังกรเวหาโดยสมบูรณ์ มันเป็นการดีที่สุดแล้วที่ซูรั่วเสวี่ยสามารถห้ามเจียงอี้ไว้ได้ แต่ก็มีหลายคนที่สงสัยว่าทำไมเจียงอี้ถึงฟังซูรั่วเสวี่ยเช่นนี้?
ผู้พิทักษ์ขอบเขตจินกังมองไปที่เจียงอี้ก่อนที่เขาจะกลับไปซ่อนตัวอย่างเงียบๆที่ด้านหลังโถงพระราชวัง หากเจียงอี้ตุกติก เขาก็จะฆ่าเจียงอี้อย่างไร้ความปราณี
หลิงเชียงและหลิงเจี้ยนเปียกโชกไปด้วยเหงื่ออีกครา พวกเขาภาวนาในใจและหวังว่าเจียงอี้จะไม่บุ่มบ่าม เพราะหากเจียงอี้ถูกฆ่าไป พวกเขาคงมีชะตากรรมที่ไม่ต่างกัน
เจียงอี้หยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ไข่มุกวิญญาณเพลิงจะประกายแสงออกมาในขณะที่กล่องหยกสองกล่องปรากฏขึ้น เขามองไปที่ใบหน้าของผู้คนในงานรวมถึงเซี่ยอู๋หุ่ยและหยุดสายตาลงที่ซูรั่วเสวี่ย จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างหม่นหมองและพูดว่า “อาณาจักรเสินหวู่ไม่น่าสมเพชไปหน่อยหรอ? บรรณาการเป็นเพียงก้อนหินชิ้นเดียวถึงกับขออภิเษกกับองค์หญิงได้? ผู้ตรวจการคนนี้ขอมอบให้สองชิ้น! ด้วยพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมขององค์หญิงรั่วเสวี่ยแล้ว ในภายภาคหน้านางจะต้องกลายเป็นยอดฝีมือแน่นอน”
“ฟึ่บ!”
เจียงอี้โยนกล่องออกไปทางซูรั่วเสวี่ย และนางก็รับมันด้วยมือเดียวพร้อมเผยความประหลาดใจออกมา นางดูเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่างแต่ในที่สุดนางก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาเลย
“ฮะ…”
เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง เจียงอี้ช่างใจดียิ่งนัก? ศิลาสวรรค์นั้นหายากมาก เพียงก้อนเดียวก็เท่ากับเห็ดหลินจืออัคคีหลายชิ้น ของสิ่งนี้ไม่มีราคา และถึงแม้ว่ามันจะมีราคามันก็ไม่สามารถประเมินค่าได้
มีหลายคนที่ไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างเจียงอี้และซูรั่วเสวี่ย ในตอนนี้พวกเขาต่างพากันสับสนมากขึ้นแต่พวกเขาก็ค่อนข้างฉลาดและเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ซูรั่วเสวี่ยเคยอยู่ที่สำนักจิตอสูรมาก่อนและเจียงอี้เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักจิตอสูร ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ว่าศิษย์อันดับหนึ่งกับอาจารย์ผู้เลอโฉมต่างพัฒนาความรู้สึกที่มีต่อกันเมื่ออยู่ด้วยกันไประยะหนึ่ง แต่อย่างไรเสีย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันไม่น่าสงสัยไปหน่อยหรือ? และของกำนัลนี้ มันไม่ดูมีน้ำใจมากเกินไปไหม?
เซี่ยอู๋หุ่ยกลืนความโกรธแค้นไว้ทั่วท้อง ในหลายวันมานี้เขาแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว และในตอนนี้ เจียงอี้ก็กลับมาตบหน้าเขาอีกครั้ง? ให้ของขวัญที่มีค่ามากมายเช่นนั้นแก่ซูรั่วเสวี่ยต่อหน้าทุกๆคน? หากเป็นคนอื่น คนผู้นั้นก็คงไม่สามารถทนกับความอัปยศนี้ได้เช่นกัน เซี่ยอู๋หุ่ยมองเจียงอี้อย่างขุ่นเคืองและพูดว่า “ผู้ตรวจการเจียงช่างใจกว้างยิ่งนัก ทำไมไม่ให้ดาบมังกรเพลิงของท่านด้วยเลยล่ะ?”
“ฮ่าๆๆๆ!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาและล้อเลียนว่า “เจ้าเป็นคนอภิเษกกับองค์หญิงหรือเป็นข้ากันแน่? เช่นนั้น ทำไม่ไม่ยกเจ้าสาวให้ข้าเสียเลยล่ะ? อย่าว่าแต่ดาบมังกรเพลิงเลย ข้าสามารถมอบสิ่งประดิษฐ์ทั้งหมดของข้าให้กับอาณาจักรต้าเซี่ยได้เสียด้วยซ้ำ!”
ชั่วช้า ขี้โกง…เลวทราม!
ขุนนางนับไม่ถ้วนแทบจะเป็นลมในขณะที่เซี่ยอู๋หุ่ยโกรธจนตัวสั่นและเดือดดาลยิ่ง
ที่นี่มันที่ไหนกัน? ใครบ้างที่เข้าร่วมงานเลี้ยงนี้? เจียงอี้แสดงตัวเป็นคนชั่วช้าและมีความต่ำทราม เขาคิดว่าที่นี่คืออะไร? ตลาดสด?
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียด ซูตี๋หวังเกรงว่าเจียงอี้และเซี่ยอู๋หุ่ยจะเกิดความขัดแย้งกันอีก เขาจึงก้าวเข้ามาเป็นคนกลางอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ เอาล่ะ ศิลาสวรรค์จากผู้ตรวจการเจียงนั้นช่างเอื้อเฟื้อยิ่งนักและมันเป็นหนี้บุญคุณอย่างสูงแก่บุตรสาวของข้าอย่างหาที่เปรียบมิได้ ราชาองค์นี้ไม่สามารถหาคำขอบคุณใดๆมาทดแทนได้เลยจริงๆ เราจะมอบของกำนัลคืนให้แก่ท่านในอนาคตอย่างแน่นอน และเราหวังว่าผู้ตรวจการเจียงจะไม่รังเกียจของขวัญของเรา”
“มอบของกำนัลคืน?”
นัยน์ตาของเจียงอี้สว่างขึ้นและไม่คิดทะเลาะกับเซี่ยอู๋หุ่ยอีกต่อไป “ฮ่าๆ นี่เป็นเพียงคำอวยพรของผู้ตรวจการคนนี้ ทางราชสำนักมีบรรณาการมากมายที่จะนำมามอบให้”
เจียงอี้ส่งสายตาให้หลิงเชียงขณะที่เขาออกจากโถงพระราชวังอย่างสุภาพและขอให้คนบางส่วนยกกล่องของขวัญมาหลายสิบกล่อง จากนั้นเจียงอี้ก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ราชาซู องค์จัรพรรดิทรงนับถือท่านอย่างแท้จริง ดูของบรรณาการเหล่านั้นสิ อาณาจักรอื่นๆยังไม่เคยได้รับเช่นนี้เลย”
“แน่นอน แน่นอน! ขอบพระทัยองค์จักรพรรดิที่ทรงเมตตา ตี๋หวังปลื้มปีติยิ่งนัก”
เป็นเรื่องจริงที่จักรวรรดิมังกรเวหาไม่เคยให้ของบรรณาการใดๆเลย แม้ว่าอาณาจักรต่างๆจะมีราชาขึ้นครองบัลลังก์มาตั้งแต่หมื่นปีก่อน อย่างมากพวกเขาจะทำเพียงแค่ส่งบุคคลมาร่วมยินดี แต่ในครั้งนี้จักรวรรดิได้เตรียมของมามากมายจริงๆซึ่งทำให้ซูตี๋หวังรู้สึกผ่อนคลายและแปลกใจ ราวกับว่าเขาได้รับชื่อเสียงมากมายต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติทุกคน ใบหน้าของเขายิ้มออกมาราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน
ผู้คนหลายร้อยคนในโถงพระราชวังต่างมองกันและกันและคิดว่า จักรวรรดิมังกรเวหาต้องการอะไร? พวกเขาปกครองเพียงในนาม ฉะนั้นแค่ให้คนมาร่วมยินดีมันก็เพียงพอแล้ว นี่พวกเขาส่งบรรณาการมามากมายเช่นนี้จริงๆหรือ? บรรณาการเหล่านี้มันมากมายเสียกว่าของกำนัลสำหรับหมั้นหมายของอาณาจักรเสินหวู่เสียอีก
หลิงเชียงและหลิงเจี้ยนรู้สึกหดหู่เล็กน้อยเช่นกัน ของบรรณาการเหล่านี้ถูกจัดขึ้นตามคำสั่งของเจียงอี้และทั้งหมดมันเป็นสิ่งของธรรมดา ซึ่งไม่มีสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ในตอนแรก พวกเขาคิดว่าเจียงอี้ต้องการมอบสิ่งของเหล่านี้ในนามของเขาเอง แต่เขากลับใช้นามของจักรวรรดิมังกรเวหา ซึ่งหลิงเชียงและหลิงเจี้ยนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเจียงอี้วางแผนอะไรอยู่?
ในไม่ช้า เจียงอี้ก็เผยแผนการของเขา เขาโน้มตัวไปกระซิบกับซูตี๋หวังอย่างเงียบๆและกระซิบว่า “ราชาซู ผู้ตรวจการคนนี้ไม่ต้องการให้ท่านหาของกำนัลมาคืนข้าหรอก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ท่านก็ยังต้องคืนให้แก่จักรวรรดิมังกรเวหาบ้างใช่ไหม? ไม่ว่าอย่างไร ทางจักรวรรดิเองก็ไม่เคยส่งบรรณาการมามากมายเช่นนี้ หากท่านไม่มอบของเล็กๆน้อยๆติดมือกลับไป..จักรวรรดิจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้?”
“แน่นอน แน่นอน!”
องค์ราชาซูพยักหน้า “ผู้ตรวจการเจียงอย่ากังวล ราชาองค์นี้จะทำให้จักรวรรดิ..และท่านพึงพอใจเป็นแน่ หวังว่าผู้ตรวจการเจียงผู้นี้จะเสนอคำสรรเสริญในความภักดีขององค์ราชาองค์นี้ที่มีต่อจักรวรรดิ”
“ราชาซูช่างฉลาดและหลักแหลมยิ่งนัก อาณาจักรต้าเซี่ยจะเจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของท่านและชื่อของท่านจะถูกจารึกไว้ในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ในฐานะผู้ปกครองที่หลักแหลมตลอดกาล”
เจียงอี้พูดประจบสอพลอก่อนที่จะยื่นกระดาษให้ราชาซูอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะกล่าวว่า “ราชาซู สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิและองค์หญิงหลิงเสวี่ยชื่นชอบ หากท่านสามารถตอบแทนด้วยสิ่งของเหล่านี้ได้ ข้าคิดว่าองค์จักรพรรดิและองค์หญิงคงชื่นพระทัย”
“เอ๊ะ..”
เมื่อซูตี๋หวังและคนที่ได้ยินสิ่งบ้าๆพวกนี้ ที่เกี่ยวกับข้อเสนอ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันทีและต่างพากันมองหน้ากัน
ปกติแล้วการมอบของกำนัลคืนกันและกันถือเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันเป็นปกติ แต่ปัญหาก็คือ…เขาเสนอของกำนัลที่ต้องการด้วยตัวเอง!
ปกติแล้ว ของกำนัลที่จะได้กลับคืนไปจะเป็นของที่อีกฝ่ายหนึ่งยินดีมอบให้เอง!
ใครกันที่เคยทำตัวเช่นเจียงอี้? สิ่งของที่เขาเสนอมานั้นเป็นความต้องการจากองค์จักรพรรดิ? นอกเหนือไปกว่านั้นคือมันมีมาเป็นรายการ? นี่เป็นของกำนัลที่จะส่งมอบให้กับจักรพรรดิหรือตัวเอง? ทุกคนรู้ได้อย่างชัดเจน
เจียงอี้กำลังปล้นด้วยอำนาจ
“สมุนไพรสยบวิญญาณ!”
ซูตี๋หวังเปิดมองกระดาษแผ่นนั้นและเปลี่ยนแปลงท่าทีที่แสดงออกมา หากเซี่ยอู๋หุ่ยได้ยินที่ซูตี๋หวังกล่าวออกมา มันจะทำให้ทุกสิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นว่านี่คือจุดประสงค์ที่เจียงอี้มาร่วมงานในวันนี้
เขามาเพื่อปล้นสมุนไพรสยบวิญญาณกลางวันแสกๆ!