เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 260
“กรู้ว—!”
ณ ตอนเหนือของอาณาจักรต้าเซี่ย นกยูงห้าสีตนหนึ่งกำลังเหินบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง บนหลังของมันมีร่างเงาของมนุษย์ประมาณหกคนกำลังยืนอยู่
ที่ด้านหน้าสุดเป็นร่างชราของรองเจ้าสำนักฉี ตามมาด้วยเจียงอี้ที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง
“ระ…รองเจ้าสำนักฉี สัตว์วิญญาณของท่านเป็นสัตว์อสูรระดับสามขั้นสูงใช่หรือไม่? ความเร็วของมันช่างน่าประทับใจยิ่งนัก!”
เจียงอี้เอ่ยถามขณะที่ถูกกระแสลมพัดเข้าหน้าจนทำให้แทบจะลืมตาไม่ขึ้น
หากเทียบกันที่ความเร็วเพียงอย่างเดียว นกยูงห้าสีตัวนี้อาจจะช้ากว่าหมาป่าจันทราสีเงินอยู่หนึ่งขั้น แต่เนื่องจากบนท้องฟ้านั้นไม่มีสิ่งกีดขวาง จึงทำให้มันสามารถเดินทางได้เร็วกว่าหมาป่าจันทราสีเงินที่วิ่งบนพื้นดินเสียอีก
“เหอะ!”
ด้วยศักดิ์ฐานะ ‘รองเจ้าสำนัก’ เมื่อรองเจ้าสำนักฉีได้ยินคำถามของเจียงอี้ ความเย่อหยิ่งที่ถูกฝังอยู่ในสายเลือดของนางก็ปะทุออกมาอีกครั้ง
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว นกยูงห้าสีของข้าเป็นถึงสัตว์อสูรระดับสามขั้นสูงจึงเป็นธรรมดาที่มันสามารถบินได้รวดเร็วเช่นนี้”
“ในบรรดาสัตว์อสูรระดับเดียวกัน เกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะมันได้ในด้านความเร็ว!”
เจียงอี้พยักหน้าและเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “พวกเราจะไปค้นหาที่ไหนก่อน?”
“ในเมื่อกองทัพสัตว์อสูรกำลังมุ่งหน้าไปทางเมืองเซี่ยเฟิง เช่นนั้นเราก็ควรที่จะค้นหาในบริเวณนั้นก่อน… แต่ข้าเกรงว่าเมื่อพวกเราไปถึง เมืองแห่งนั้นอาจจะกลายเป็นขุมนรกไปแล้วก็ได้”
รองเจ้าสำนักฉีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาจากนั้นก็สั่งให้นกยูงห้าสีเพิ่มความเร็ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา!
วืดดด!
ในตอนนั้นเองจู่ๆป้ายหยกที่อยู่ใต้ชุดคลุมของรองเจ้าสำนักฉีก็เรืองแสง แต่เมื่อนางหยิบมันขึ้นมา สีหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนไปทันที
“ซูผิงผิงตายแล้ว… ทหารนับแสนและชาวเมืองเซี่ยเฟิงต่างก็ตายไปในสงครามแล้วเช่นกัน!”
“อะไรนะ?”
สีหน้าของรองเจ้าสำนักคนอื่นเริ่มซีดขาวลง แม้ว่าซูผิงผิงจะไม่ใช่ยอดฝีมือในสิบอันดับแรก แต่เขาก็มีชื่อเสียงมานานในฐานะผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรต้าเซี่ยและอยู่มานานกว่าสองร้อยปี
ในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา มีเพียงซูผิงผิงที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตจินกังคนแรกที่ตกตายพร้อมกับผู้คนนับล้านชีวิต แล้วอย่างนี้จะไม่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างเยี่ยงไร?
“เอ๊ะ? กองทัพสัตว์อสูรไม่ได้มุ่งหน้าไปยังเมืองเซี่ยยวี่ต่อและหันไปทางทิศตะวันตกแทน?”
ยังไม่ทันได้หายตกใจ ป้ายหยกของรองเจ้าสำนักฉีก็เปล่งแสงขึ้นอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามีข้อความใหม่ถูกส่งมา
“นกยูงห้าสี รีบมุ่งตรงไปยังทิศตะวันตกเร็วเข้า!”
“การที่กองทัพสัตว์อสูรเปลี่ยนทิศทางเช่นนี้ก็น่าจะเป็นเพราะว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะต้องสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของลูกสาวนางแล้วแน่ๆ!”
“เมืองเซี่ยยวี่รอดแล้วหรือ?”
เจียงอี้ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าซูรั่วเสวี่ยน่าจะยังปลอดภัยดีอยู่
“ไม่ใช่ว่าฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งของอาณาจักรเซิ่งหลิง? กองทัพสัตว์อสูรได้บดขยี้กองทัพส่วนใหญ่ของอาณาจักรต้าเซี่ยไปแล้ว หรือว่าผู้โชคร้ายลำดับต่อไปจะเป็นอาณาจักรเซิ่งหลิง?”
“นี่ใช่ฝีมือของจักรวรรดิมังกรเวหาหรือไม่ที่จับตัวจิ้งจอกน้อยไป? พวกเขาต้องการยืมมือของกองทัพสัตว์อสูรเพื่อกำจัดอาณาจักรทั้งหกและยอดฝีมือทั้งหลายในเวลาเดียวกัน?”
เจียงอี้พึมพำกับตัวเองพร้อมกับดวงตาของเขาที่ค่อยๆเผยความโกรธออกมา เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมีคนชั่วช้าถึงขั้นที่ไม่สนใจชีวิตของผู้บริสุทธิ์นับล้านและตอบสนองความต้องการของตัวเองด้วยความทุกข์ระทมของผู้อื่น!
ไม่สำคัญว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่ที่แน่ๆ คนผู้นั้นจะกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งทวีป!
ภายในใจของเจียงอี้ เขาอยากไปให้ถึงอาณาจักรเซิ่งหลิงเสียเดี๋ยวนี้และตามหาจิ้งจอกน้อยให้เร็วที่สุด
เพราะหากล่าช้าไปหนึ่งวัน มันก็อาจจะหมายถึงชีวิตอันบริสุทธิ์ของผู้คนจำนวนมหาศาลที่ต้องถูกสังเวยไประหว่างเส้นทางการเคลื่อนพลของกองทัพสัตว์อสูร
ในเวลานี้ นกยูงห้าสีกำลังบินตรงไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิงด้วยความเร็วสูงสุด เจียงอี้ที่อยู่บนหลังของมันก็หยิบขวดยาขึ้นมาหนึ่งขวดและกลืนยาเม็ดหนึ่งลงไป
นอกจากนั้น เขาก็ยังใช้แก่นแท้พลังสีดำเพื่อเพิ่มความสามารถในการดมกลิ่นและพยายามตรวจจับการคงอยู่ของจิ้งจอกน้อยตลอดทาง
……
ยอดฝีมืออย่างซูผิงผิงร่วงหล่นและชีวิตอีกนับล้านในเมืองเซี่ยเฟิงต้องสูญสิ้นไป แม้ว่ากองทัพสัตว์อสูรจะเปลี่ยนทิศทางการเดินทัพไปแล้ว แต่ผลลัพธ์มันก็ยังคงเลวร้ายอยู่ดี
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบพันปีที่มียอดฝีมือขอบเขตจินกังตกตายในการต่อสู้ อีกทั้งยังสิ้นชีพในกระบวนท่าเดียว
เห็นได้ชัดเลยว่าความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีสัตว์อสูรทำให้ทั่วทั้งทวีปต้องสั่นเทาด้วยความกลัว หากว่ายอดฝีมือในสิบอันดับแรกไม่ลงมือด้วยตัวเอง เกรงว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องจบสิ้นเป็นแน่
อาณาจักรต้าเซี่ยอาจจะรอดพ้นภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้ แต่พวกเขาหาได้มีความสุขไม่ ซูผิงผิงตายแล้วและกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดก็ถูกกลบฝังไปพร้อมกัน
เดิมทีกำลังรบของอาณาจักรต้าเซี่ยก็อยู่รั้งท้ายในบรรดาหกอาณาจักรอยู่แล้ว แต่บัดนี้ พวกเขาถูกผลักไสให้อยู่ในตำแหน่งที่น่าอนาถยิ่งกว่าเดิม
หากว่าอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งส่งกองทัพขนาดใหญ่เข้ามาประชิด เกรงว่ามันคงจะเป็นจุดจบของอาณาจักรต้าเซี่ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การปราศจากผู้พิทักษ์ขอบเขตจินกัง อาณาจักรต้าเซี่ยในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากสาวน้อยที่เปลือยกายอยู่บนถนน
ถึงแม้ว่าอาณาจักรอื่นจะไม่ใช้ช่วงเวลานี้ในการเข้ามารุกราน แต่พวกเขาจะแน่ใจได้ไงว่ากองทัพสัตว์อสูรจะไม่หวนกลับมา?
ต้องอย่าลืมว่าที่ตั้งของหุบเขาสามหมื่นลี้นั้นตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรต้าเซี่ย มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่ชาวต้าเซี่ยทั้งหลายจะสามารถวางใจกับสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ได้
หลังจากนั้นไม่นาน จักรวรรดิมังกรเวหาก็ออกประกาศอีกครั้งซึ่งก็ยังคงเป็นเรื่องไร้สาระเช่นเดิม พวกเขากล่าวว่าจะมอบรางวัลจำนวนมหาศาลให้กับนักสู้ทุกคนที่ออกมาต่อต้านกองทัพอสูร
แต่ถึงอย่างนั้นท่าทีของจักรวรรดิก็ยังคงเป็นเช่นเดิม พวกเขายังคงไม่ส่งทหารออกมาเลยแม้แต่คนเดียว
ในช่วงบ่าย!
จู่ๆ ข่าวอันน่าตกตะลึงก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีป นายหญิงแห่งเกาะดาวตก สุ่ยโย่วหลาน, นักบวชเฒ่าแห่งอารามเซน และเจ้าสำนักทั้งสามจากสำนักมังกรเวหา, สำนักฮวาเหลี่ยง, สำนักจิตอสูร ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าได้จับมือกันและส่งสารไปถึงจักรพรรดินีสัตว์อสูร
ภายในนั้นกล่าวว่าพวกเขาเองก็โกรธแค้นต่อกลุ่มมนุษย์ที่ลักพาตัวลูกสาวของนางไปเช่นกัน ในเวลานี้พวกเขาได้ส่งคนออกตามหาจิ้งจอกน้อยเพื่อยุติสงครามแล้ว
พวกเขาสัญญาว่าเมื่อพบกับตัวคนร้าย พวกเขาจะส่งคนผู้นั้นให้จักรพรรดินีสัตว์อสูรชำระแค้นอย่างแน่นอน
แต่ก็ใช่ว่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งห้าจะเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้แต่อย่างใด พวกเขาเองก็ใช้คำพูดที่รุนแรงเพื่อเตือนไม่ให้นางสังหารปุถุชนคนธรรมดาไปมากกว่านี้ มิฉะนั้นพวกเขาจะร่วมมือกันและกวาดล้างกองทัพสัตว์อสูรโดยไม่สนใจว่าจะสูญเสียมากแค่ไหน
คำเตือนนี้ถูกส่งมายังอาณาจักรเซิ่งหลิง จากนั้นก็ให้ราชทูตผู้หนึ่งก็ส่งข้อความไปจนถึงมือของจักรพรรดินีสัตว์อสูร
โชคดีนัก เมื่อได้รับคำเตือน จักรพรรดินีสัตว์อสูรผู้โหดเหี้ยมก็หยุดการเข่นฆ่าและทำเพียงแค่กล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าจะไม่สังหารคนธรรมดาก็ได้ แต่ตราบใดที่ยังหาตัวลูกสาวของข้าไม่พบ ข้าก็จะยังไม่ถอนทัพ ในทางเดียวกัน หากว่าลูกสาวของข้าเป็นอะไรไปล่ะก็… ข้าจะชำระล้างทวีปแห่งนี้ด้วยเลือดของพวกเจ้า!”
กองทัพสัตว์อสูรยังคงเดินหน้าต่อไปและข้ามผ่านหุบเขาหมื่นมังกรจนเข้าสู่อาณาจักรเซิ่งหลิงอย่างรวดเร็ว
พวกมันใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้นในการทะลวงแนวป้องกันชายแดน ในครั้งนี้จักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด เพราะเพียงแค่ราชันสัตว์อสูรตนหนึ่งก็เพียงพอที่จะฉีกกระชากร่างของแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรเซิ่งหลิงเป็นชิ้นๆแล้ว
กองทัพของอาณาจักรเซิ่งหลิงถูกบังคับให้ต้องถอยร่นอย่างต่อเนื่อง ตลอดเส้นทาง กองทัพสัตว์อสูรได้เข้ายึดเมืองมากมาย
ยังดีที่จักรพรรดินีสัตว์อสูรสั่งห้ามไม่ให้เหล่าสัตว์อสูรเข่นฆ่ามนุษย์ธรรมดาที่ยอมจำนน แต่ถึงอย่างนั้น ทุกเมืองที่กองทัพสัตว์อสูรเคลื่อนทัพผ่าน เมืองเหล่านั้นก็จะถูกทำลายจนไม่เหลือซาก
“เร็ว! เร็วกว่านี้อีก!”
ทางด้านของเจียงอี้และคนอื่นๆต่างก็ต้องใช้เส้นทางอ้อมและตรงไปยังดินแดนชั้นในของอาณาจักรเซิ่งหลิงให้เร็วที่สุด ตลอดทาง พวกเขาพยายามบินให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อที่จะค้นหาจิ้งจอกน้อยอย่างต่อเนื่อง
ตลอดสองสามวันที่ผ่านมา เจียงอี้ทำการค้นหาจนแทบจะไม่ได้พัก ร่างกายของเขาสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าและมีดวงตาที่แดงก่ำ
“เอ๊ะ?”
หลังจากที่เข้าสู่อาณาจักรเซิ่งหลิงเป็นคืนที่สอง จู่ๆจมูกของเจียงอี้ก็กระตุก จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด ทันใดนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางๆที่มีเอกลักษณ์มากสายหนึ่งซึ่งลอยมาตามกระแสลม
“มุ่งหน้าไปทางเหนือ! ข้าได้กลิ่นบางอย่างแล้ว มันมีความเป็นไปได้ว่านั่นจะเป็นกลิ่นของจิ้งจอกน้อย!”
“ประเสริฐ!”
รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆตื่นตัวในทันที ทันใดนั้นจิตสังหารจำนวนมากก็ปะทุออกมาจากร่างของพวกเขาราวกับราชสีห์ที่ตื่นจากการหลับใหล!