เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 261
กลิ่นของจิ้งจอกวิญญาณสามหางนั้นง่ายต่อการจดจำ แม้ว่ามันจะไม่ได้ปลดปล่อยวิชาอสูรและกลิ่นรัญจวนของจิ้งจอก ร่างของมันก็ยังคงปล่อยกลิ่นหอมจางๆออกมาอยู่ดี มันค่อนข้างเป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากเหมือนกลิ่นหอมของดอกไม้ที่เมื่อได้กลิ่นแล้วจะรู้สึกสดชื่นมาก
กลิ่นของมันฝ้าฟางเกินไป หากเจียงอี้ไม่ได้ใช้เม็ดยาที่จูเก๋อชิงหยุนเตรียมไว้ให้และใช้แก่นแท้พลังสีดำเสริมประสาทการดมกลิ่นของเขา เขาก็คงจะไม่ได้กลิ่นเป็นแน่
นงยูงห้าสีพุ่งไปยังทิศเหนือราวลูกธนูแหลมคมและเจียงอี้ก็ได้กลิ่นของจิ้งจอกน้อยเข้มข้นขึ้นในขณะที่ดวงตาของเขาสว่างขึ้น ตอนนี้เขาสามารถพูดออกมาอย่างมั่นใจ “มันคือจิ้งจอกน้อย! นี่เป็นกลิ่นของจิ้งจอกน้อยแน่นอน! ข้าจำมันได้ดี!”
“เอาล่ะ!”
รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆเริ่มใจพองขึ้น ตราบใดที่พวกเขาเจอตัวจิ้งจอกน้อยและช่วยมันได้ กองทัพสัตว์อสูรก็จะถอนทัพกลับไป และพวกเขาก็จะเป็นเหล่าผู้ยอดเยี่ยมที่สามารถช่วยเหล่ามวลมนุษยชาติไว้ได้และถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์
“กรู้ว! กรู้ว!”
นงยูงห้าสีกระพือปีกอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เกิดกระแสลมรุนแรงและกลายเป็นเพียงภาพติดตา เมื่อพวกเขาข้ามภูเขาสูงลูกหนึ่งมาแล้ว เมืองมหึมาที่ตระหง่านอย่างสวยงามก็ปรากฏขึ้น จมูกของเจียงอี้กระตุกอีกครั้งขณะที่ตะโกนออกมา “กลิ่นโชยมาจากในเมือง ลงไปแล้วเข้าไปในเมืองกันเถอะ!”
“ฟึ่บ!”
นกยูงห้าสีเร่งความเร็วขึ้นด้วยความคิดที่รองเจ้าสำนักฉีสั่งภายในใจ
นกยูงห้าสีตัวนี้มีขนาดมหึมาและกลิ่นอายของมันก็ค่อนข้างหนาแน่นซึ่งมันได้แจ้งเตือนเหล่าองครักษ์บนกำแพงเมืองทันที ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนบุกเข้าไปหาพวกเขาและมองไปที่เจียงอี้และคนอื่นๆที่อยู่บนนกยูงห้าสี แม่ทัพที่สวมชุดเกราะสีน้ำเงินตะโกนออกมาว่า “พวกเจ้าคือใคร? เมืองกุ่ยเหยี่ยนได้ปิดเมืองไปแล้ว ไม่ว่าหน้าไหนก็ห้ามเข้าหรือออกไปเด็ดขาด! โปรดกลับไปเสียเถอะ! ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บุกรุกและจะถูกโจมตีโดยไม่มีความปราณี!”
“เมืองกุ่ยเหยี่ยน? นี่เป็นหนึ่งในสิบเมืองหลักของอาณาจักรเซิ่งหลิง!”
รองเจ้าสำนักฉีควบคุมนงยูงห้าสีให้ลดความเร็วอย่างรวดเร็วและลอยอยู่เหนือเมือง ขณะที่นางกำลังจะอธิบาย จู่ๆเจียงอี้ก็พุ่งพรวดลงจากนกยูงห้าสีในขณะที่หันกลับมาหารองเจ้าสำนักฉีและตะโกนออกมา “รีบตามหาซะ! กลิ่นของจิ้งจอกน้อยกำลังจะจางหายไป ศัตรูรู้ตัวแล้วและมันพยายามจะหลบหนีไปพร้อมกับจิ้งจอกน้อย!”
“เจ้าคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับไม่ถ้วนต่างพากันโกรธเกรี้ยว กระบี่เล่มใหญ่ของแม่ทัพเปล่งประกายออกมาขณะที่เขาตะโกนออกมาว่า “ศัตรูจู่โจม เตรียมโจมตี!”
“ศัตรูจู่โจม? ไอพวกเศษสวะ!”
เมื่อเจียงอี้กำลังตกลงไป เขารู้สึกโกรธขึ้นมาเมื่อเห็นอาวุธมากมายที่ส่องแสงออกมาและกำลังจะปลดปล่อยแก่นแท้พลัง จากนั้นเขาก็คำรามว่า “ข้าคือเจียงอี้ ผู้ตรวจการของจักรพรรดิ พวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า? ผู้ตรวจการผู้นี้กำลังปฏิบัติหน้าที่และหากพวกเจ้ากล้าขวางทางข้า หัวของพวกเจ้าคงไม่เพียงพอที่จะต้องถูกตัดออกด้วยซ้ำ พวกเจ้าทุกคน ไสหัวไปซะ!”
“เจียงอี้?”
ชื่อนี้ดูเหมือนจะมีพลังเวทย์มนตร์ที่ทำให้คนทุกคนด้านล่างพากันประหลาดใจ ชื่อของเจียงอี้เป็นหัวข้อการพูดถึงที่ร้อนแรงที่สุดไปทั่วทั้งทวีปและพลังของเขาก็ได้แผ่ขยายไปทั่วเมืองกุ่ยเหยี่ยน ในที่สุดดาวโชคร้ายก็มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่?
“ทุกคน โปรดอย่าลงมือ พวกเราคือรองเจ้าสำนักจิตอสูรและไม่ได้มีเจตนาร้าย!”
รองเจ้าสำนักฉีก็ตะโกนออกมาเช่นกันและโยนป้ายตราไปที่แม่ทัพด้านล่าง “นี่คือป้ายตรารองเจ้าสำนักของพวกเรา!”
เมื่อแม่ทัพหยิบป้ายตรานั้นและมองดูมัน เขาก็โล่งใจขึ้นมาทันทีเนื่องจากป้ายตรานี้สลักคำว่า จูเก๋อ ซึ่งมีอำนาจลึกลับ มันทำให้เกิดความกลัวขึ้นในใจของพวกเขา แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของจูเก๋อชิงหยุนอย่างแน่นอน! นอกจากนี้ รองเจ้าสำนักฉียังเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดและค่อนข้างเป็นที่เลื่องลือในหกอาณาจักร แม่ทัพผู้นี้จำนางได้ลางๆ เขาจึงไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป
“ฟึ่บ!”
เมื่อเจียงอี้ลงมาถึงพื้นแล้วเขาก็พุ่งตรงไปตามทิศทางที่เขาได้กลิ่นขณะที่รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆไม่กล้าล่าช้า นางเก็บนงยูงห้าสีกลับไปและกระโดดลงมาพร้อมกับคนอื่นๆ
รองเจ้าสำนักฉีออกคำสั่งด้วยท่าทางให้คนอื่นๆตามเจียงอี้ไปในขณะที่นางส่งข้อความถึงแม่ทัพ “ท่านแม่ทัพ เราอยู่ระหว่างการทำภารกิจลับและไม่สามารถอธิบายรายละเอียดให้ฟังได้ ข้าสามารถปฏิญาณด้วยคำสัตย์สาบานของข้าว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหล่ามวลมนุษยชาติ และยังเกี่ยวพันกับพลเมืองของอาณาจักรเซิ่งหลิงกว่าล้านชีวิต ข้าขอร้องท่านโปรดอย่าขวางทางพวกเรา”
รองเจ้าสำนักฉีไม่กล้าอธิบายว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อตามหาจิ้งจอกน้อย เพราะทั่วทั้งทวีปกำลังตามหาตัวผู้ลักพาตัวจิ้งจอกน้อยไปแต่ไม่มีผู้ใดมีข้อมูลเลย รองเจ้าสำนักฉีนั้นสงสัยว่ามีผู้บงการที่มีอำนาจอยู่เบื้องหลังการกระทำนี้และพวกเขาต้องเก็บเรื่องที่เจียงอี้สามารถตามกลิ่นจิ้งจอกน้อยได้เป็นความลับ หากข้อมูลนี้รั่วไหลออกไปและศัตรูรู้เรื่องนี้ คงเกิดสิ่งต่างๆมากมายมากขึ้น
แม่ทัพของเมืองกุ่ยเหยี่ยนไม่ได้ถามอะไรต่อ เนื่องจากรองเจ้าสำนักฉีมีจูเก๋อชิงหยุนเป็นนายของนาง เขาจึงไม่มีข้อสงสัยใดๆ ยังไงเสียจูเก๋อชิงหยุนก็เป็นหนึ่งในสิบนักสู้ของทวีป ดวงตาของเขาสั่นไหวก่อนที่จะถามว่า “แม่นางฉี ท่านต้องการความช่วยเหลือของข้าหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น เพียงการทำภารกิจของเราไม่ถูกขัดขวางก็พอ หากข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะขอความช่วยเหลือแน่นอน”
จากนั้นรองเจ้าสำนักฉีก็เหาะเหินไล่ไปตามทิศทางที่เจีบงอี้และคนอื่นๆไป แม่ทัพจึงรีบสั่งการลงมา “กุ่ยอู้ ส่งคนตามพวกเขาไป ตราบใดที่พวกนั้นไม่ได้ทำอะไรที่บ้าบิ่น อย่าเข้าไปยุ่งกับพวกเขา”
“ฟึ่บ!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนำคนประมาณร้อยคนติดตามพวกเจียงอี้ไปทันที รองเจ้าสำนักฉีและคนของนางแข็งแกร่งเกินไป พวกเขาคงไม่สามารถวางใจได้หากไม่ตามไปเพื่อดูว่าพวกเขากำลังทำสิ่งใดกัน
“ทางนี้!”
ด้านในเมือง รองเจ้าสำนักฉีก็ตามเจียงอี้ทันแล้วและรองเจ้าสำนักหลิ่วกำลังอุ้มเจียงอี้ไปขณะที่พวกเขากำลังวิ่งไปทำให้ในเมืองเกิดความวุ่นวาย
เพียงไม่กี่อึดใจ….!
เจียงอี้และคนอื่นๆก็มาถึงด้านนอกโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของเมือง โรงเตี๊ยมนี้หรูหรามากและยามเฝ้าระวังอยู่ด้านนอกหลายจุด เมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้และกลุ่มคนของเขากำลังจะพรวดพราดเข้าไป พวกเขากันทางเข้าด้วยอาวุธราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู
“ไสหัวไป!”
ด้วยเสียงตวาดอันรุนแรง รองเจ้าสำนักหลิ่วได้ใช้ฝ่ามือของเขาส่งยามทั้งหมดปลิวกระเด็นออกไป พวกเขามุ่งตรงไปยังลานเล็กๆด้านในโรงเตี๊ยมภายใต้คำแนะนำของเจียงอี้ทันที
“ที่นี่แหละ!”
ดาบมังกรเพลิงปรากฏขึ้นในมือของเจียงอี้ขณะที่เขาผละตัวออกจากแขนของรองเจ้าสำนักหลิ่วและพุ่งตรงไปในตำหนัก รองเจ้าสำนักทุกคนพากันแผ่กระจายและวิ่งเข้าไปโดยใช้ดวงตาอันเฉียบแหลมสำรวจทุกซอกทุกมุม
“ไม่มีใครอยู่ที่นี่?”
ภายในนั้นเงียบสงัด เมื่อรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆตามเข้ามา พวกเขาก็ไม่เจอคนแม้แต่คนเดียว!
“ตรงนี้!”
เจียงอี้เข้ามาในห้องและใช้มือเดียวกระแทกลงไปที่เตียงขนาดใหญ่!
“บูม!”
เตียงนั้นระเบิดและแตกออกเป็นเสี่ยงๆซึ่งใต้นั้นมีรูที่ถูกขุดหลุมไว้ จมูกของเจียงอี้กระตุกขึ้นขณะที่อุทานออกมาว่า “พวกมันหนีไปใต้ดิน นอกจากจิ้งจอกน้อยแล้ว ยังมีคนอีกประมาณเจ็ดถึงแปดคน ส่วนความแข็งแกร่ง….ไม่สามารถระบุได้!”
“ไปกันเถอะ!”
เนื่องจากพวกเขามาถึงนี่แล้ว พวกเขาคงจะไม่ทิ้งสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จ แม้ว่าทั้งเจ็ดหรือแปดคนนั้นจะอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว รองเจ้าสำนักหลิ่ว รองเจ้าสำนักฉี และคนอื่นๆนอกจากจะต้องกำจัดพวกนั้นให้สิ้นซาก
“เดี๋ยวก่อน!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาขณะที่เครื่องรางสัตว์วิญญาณปรากฏขึ้นในมือของเขาและเปล่งแสงออกมา สัตว์อสูรขนาดมหึมาปรากฏออกมาซึ่งทำลายห้องทั้งห้อง เจียงอี้กระโดดขึ้นไปบนสัตว์อสูรและตะโกนว่า “พวกท่านทุกคนขึ้นมาเลย สัตว์วิญญาณตนนี้ว่องไวกว่าพวกท่านทั้งหมดเมื่อมันอยู่ใต้ดิน”
“สัตว์สายพันธุ์โบราณ เถาอู้!”
ดวงตาของรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆเบิกกว้าง พวกเขาอาจขุดใต้ดินได้อย่างรวดเร็วโดยใช้สิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์ อย่างไรก็ตามมันแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยหากมีเถาอู้
เถาอู้นั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก และการที่จะบรรทุกรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆไปด้วยนั้นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด พวกเขารีบกระโดดขึ้นไปบนเถาอู้แล้วเกาะหนามแหลมของมันขณะที่เจียงอี้ออกคำสั่ง “เจ้าเหลืองใหญ่ ตามพวกมันไป!”
“มอ มออ!”
เจ้าเหลืองใหญ่เปล่งเสียงคำรามออกมาก่อนที่จะขยับเท้าและมุดลงไปใต้ดินในขณะที่เขาบนหัวของมันส่องแสงสีเหลือง
“บูม!”
พื้นผิวดินสั่นสะเทือนและห้องนั้นได้เสียหายไปหมดแล้วเพราะเจ้าเถาอู้ มันถล่มลงมาอย่างสมบูรณ์ เมื่อสมาชิกของเมืองกุ่ยเหยี่ยนตามมาถึงที่นั่นเพื่อคอยสังเกตการณ์ เจียงอี้ก็ได้หายไปใต้ดินโดยไม่เหลือร่องรอยแล้ว