เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 303-304
บทที่ 303 เข้าตาจน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“เป็นไปไม่ได้!”
ผู้เชี่ยวชาญตระกูลราชวงศ์ที่อยู่ข้างกายเซี่ยอู๋หุ่ยมองหน้ากันขณะที่เว่ยกงกงปฏิเสธออกมาทันที“ตัวตนของเจียงอี้ ความเร็วในการเคลื่อนไหวและตอบสนองยังไม่ถึงขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว และเขานั้นยังมีพลังเทียบได้เพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว เขาอาจมีศิลาสวรรค์สามก้อน แต่ถึงเขาจะดูดซับพลังทั้งสามก้อนหมดแล้วก็แทบจะบรรลุขอบเขตเสินโหยวไม่ได้พะยะค่ะ”
“องค์รัชทายาท ท่านก็คงจะรู้สิ่งนี้เช่นกัน ทุกๆระดับขั้นของขอบเขตเสินโหยวนั้นต้องใช้แก่นแท้พลังมากมาย นอกจากนี้ ในระยะเวลาเพียงแค่นี้ แม้เจียงอี้จะมีศิลาสวรรค์มากมายนับไม่ถ้วน เขาก็ยังไม่สามารถก้าวหน้าได้มากนัก”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดที่เหลือต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อไปถึงขอบเขตเสินโหยวแล้วมันก็ค่อนข้างที่จะบ่มเพาะพลังยากมาก และแม้ว่าเจียงอี้จะมีศิลาสวรรค์นับไม่ถ้วนแต่มันก็จะไร้ประโยชน์หากไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งก็จะไม่สามารถทนต่อแก่นแท้พลังที่รุนแรงได้ และการเสริมสร้างร่างกายนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เวลา
หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของเว่ยกงกงแล้วเซี่ยอู๋หุ่ยก็สับสนมากยิ่งขึ้น “ในเมื่อมันไม่ได้อยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว แล้วทำไมมันถึงได้แสดงการโจมตีรูปแบบเต๋าได้ล่ะ?”
“ข้าก็ไม่ทราบพะยะค่ะหรือบางที…..เด็กนี่อาจจะมีพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิด?”
เว่ยกงกงและคนอื่นๆก็ไม่เข้าใจเจียงอี้บรรลุกระบวนท่าเพลงดาบเงาวายุมาเนิ่นนานแล้ว แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ได้ คนที่รู้นั้นล้วนแต่ตายไปแล้ว แน่นอนว่าในตอนนี้การรวมกันของดาบเงาวายุ เข้ากับมังกรเพลิงและเพลิงโลกานั้นทรงพลังเกินไป มันเลยดึงดูดให้ทุกคนเกิดความประหลาดใจมากมาย
ปัง!
ร่างของผู้บัญชาการทั้งสามถูกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆและแต่ละศพนั้นมีแผลไหม้เกรียมอยู่ทั่วทหารที่อยู่รอบๆก็พบเจอกับโศกนาฏกรรมเช่นกัน เมื่อเพลิงโลกากระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ก็มีคนกว่าร้อยคนที่สัมผัสกับเปลวเพลิง และยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้ผลกระทบของเจตจำนงสังหาร พวกเขาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้
“ตาย!”
เจียงอี้ไม่ได้มีท่าทีที่จะหยุดขณะที่เขาหันกลับมาและปล่อยการโจมตีที่รุนแรงอีกครั้งคราวนี้เป็นผู้บัญชาการสองคนที่กำลังจะโจมตีเขาจากทางซ้าย ซึ่งผู้บัญชาการสองคนนี้มีกำลังที่อ่อนแอกว่า พวกเขาจึงถูกฆ่าตายไปอย่างง่ายดาย
ฟึ่บ!
เจียงอี้ก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไปและวิ่งตรงไปยังเซี่ยอู๋หุ่ย
“ตอนนี้แหละ!”
แม้จะมีดวงตาสีแดงเลือดของเจียงอี้ที่ปล่อยความกลัวเข้าไปในใจของผู้คนรอยยิ้มของเซี่ยอู๋หุ่ยก็ยิ่งแรงกล้ามากขึ้น เขาสั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่อยู่ข้างๆเขา “พวกเจ้าสามคนจงไปเด็ดหัวเจียงอี้มาให้ข้า!”
“พะยะค่ะ!”
ในครั้งนี้หน่วยลับขอบเขตเสินโหยวไม่มีความลังเลใดๆเนื่องจากเซี่ยถิงเวยสั่งให้พวกเขาฟังคำสั่งของเซี่ยอู๋หุ่ย เมื่อได้รับคำสั่งจากองค์ราชา พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องลังเลใดๆ ในฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของตระกูลราชวงศ์ พวกเขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด และหากเกิดอะไรขึ้น เซี่ยถิงเวยจะเป็นผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้
ฟึ่บฟึ่บ!
หน่วยลับชั้นยอดทั้งสามของขอบเขตเสินโหยวได้ตามเหล่ากองทัพไปอย่างเงียบๆพวกเขาค่อนข้างเร็วมากและหายไปซ่อนตัวอยู่ในกองทัพเหล่านั้น ซึ่งเจียงอี้ที่กำลังวิ่งตรงมาที่นี่ไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้
“ตายตาย ตาย!”
ในขณะที่เจียงอี้กำลังพุ่งไปอย่างป่าเถื่อนทหารที่อยู่รอบๆต่างถูกแรงกดดันจากเจตจำนงสังหารทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ มีเพียงเหล่าแม่ทัพเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่เมื่ออยู่ภายใต้การโจมตีรูปแบบเต๋า พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานมันได้เลย บุคคลเพียงผู้เดียวกำลังบุกฝ่ากองทัพสองแสนคนแต่กลับรู้สึกราวกับว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถหยุดเขาได้
ปึง!ปึง! ปึง!
เสียงกลองรบของอาณาจักรเสินหวู่เริ่มเปลี่ยนการตีกลองเป็นหนักสลับเบาจู่ๆกองทัพที่วิ่งมาก็เปลี่ยนรูปแบบค่ายทัพของพวกเขาและไม่ได้รีบพุ่งไปที่เจียงอี้อีกต่อไป แต่พวกเขากลับตั้งเจียงอี้เป็นศูนย์กลางและร่นถอยกลับไปสร้างวงกลมล้อมเขาห่างไปหลายร้อยเมตรจากศูนย์กลาง และแน่นอนว่าทหารหลายร้อยนายที่ถูกตรึงไว้โดยเจตจำนงสังหารหมู่ของเจียงอี้ก็ยังคงอยู่ที่เดิม
ฟึ่บฟึบ!
แทบจะในเวลาเดียวกันผู้บัญชาการขอบเขตเสินโหยวหลายร้อยคนรวมตัวกันปล่อยแก่นแท้พลังไปยังเจียงอี้จากระยะไกลซึ่งมันจะเป็นการหยุดยั้งการโจมตีของเจียงอี้ พวกเขา….ไม่สนใจชีวิตของทหารอาณาจักรเสินหวู่ที่ถูกตรึงไว้รอบข้างเจียงอี้เลย
ฟึ่บฟั่บ!
ด้วยลำแสงของแก่นแท้พลังที่ปล่อยออกมาที่เขาอย่างไม่สิ้นสุดเจียงอี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดยั้งความรุนแรง เขาปล่อยเพลิงโลกาออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงอย่างต่อเนื่องเพื่อกันการโจมตีที่เข้ามานี้ ก่อนที่จะคิดพิจารณาเรื่องอื่นๆ
“อ๊ากก!อ๊ากกกกก!”
เมื่อเพลิงโลกาถูกปล่อยออกมาทหารที่ถูกตรึงไว้ก็ถูกเผาด้วยความร้อนทันทีและจะเปล่งเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชออกมา
ปังปัง! ปัง! ปัง!
แก่นแท้พลังหลายสายนับไม่ถ้วนที่เหินไปจุดนั้นเปลี่ยนทหารที่ไม่ได้ถูกไฟไหม้กลายเป็นคนตายที่ถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ ในที่สุด แก่นแท้พลังก็พุ่งเข้าไปยังเพลิงโลกาทำให้มันระเบิดและลดกำลังลงอย่างรวดเร็ว เจียงอี้อาจมีเพลิงโลกาเป็นเครื่องป้องกัน แต่การระเบิดที่เกิดจากการโจมตีจากแก่นแท้พลังสร้างคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ซึ่งทำให้เลือดของเขาเดือดพล่านและทำให้อวัยวะต่างๆต้องกระตุก
แม่ทัพแห่งอาณาจักรเสินหวู่นั้นเป็นบุคคลที่มีความสามารถและช่างเป็นคนที่ใจเหี้ยมนัก!
เจียงอี้ถอนหายใจด้วยความรวดร้าวกองทัพนั้นเปลี่ยนรูปแบบในทันทีและคำสั่งนี้ถูกส่งลงมาโดยตรง การไม่สนใจชีวิตของทหารไม่กี่ร้อยนายนั้น มันย่อมไม่ใช่ความเป็นผู้นำที่เซี่ยอู๋หุ่ยมีเป็นแน่
หลังจากการโจมตีระลอกแรกหยุดลงเขาก็รีบเดินไปข้างหน้าทันทีขณะที่มีมังกรเพลิงสองตัวพุ่งเข้าหากองทัพ เขาต้องรีบเข้าไปอยู่ท่ามกลางกองทัพ มิฉะนั้น เมื่อเพลิงโลกาของเขาหมดลง เขาจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆทันที
สามร้อยเมตรสองร้อยเมตร….อีกร้อยเมตร!
เมื่อเห็นทหารด้านหน้าถูกปกคลุมด้วยเจตจำนงสังหารหมู่และเคลื่อนที่ไม่ได้อีกครั้งเขาก็ปล่อยความโล่งใจออกมา อย่างน้อยในครั้งนี้ก็มีผู้บัญชาการขอบเขตเสินโหยวอยู่ใกล้ๆและพวกเขาคงจะไม่เปลี่ยนค่ายทัพและรวมตัวกันฆ่าผู้บัญชาการทั้งหมดเหล่านี้ไปด้วยหรอก ใช่ไหม?
“ย๊า!”
ดวงตาของเขาเพ่งเล็งไปยังผู้บัญชาการทั้งห้าขณะที่มังกรเพลิงกำลังรวมตัวกับดาบมังกรเพลิงในขณะที่อากาศรอบข้างค่อยๆเริ่มพัดเขากำลังเตรียมที่จะปล่อยวิชาการต่อสู้แบบผสมผสานเพื่อฆ่าเหล่าผู้บัญชาการเหล่านี้
“หืม?”
ในขณะนั้นเองก็มีเงาสามเงาเคลื่อนไหวอยู่ในกองทัพ หนึ่งในนั้นใช้ค้อนยักษ์ทุบลงที่พื้นพร้อมกับเกิดสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น
ผืนดินไม่ได้กลายเป็นรูขนาดใหญ่ในทางกลับกันราวกับว่ามีหินยักษ์ชนเข้ากับทะเลสาบ ผืนดินสั่นสะเทือนตลอดเวลาและค่อนข้างปล่อยคลื่นที่รุนแรงออกมา ทหารที่พลังด้อยกว่าต่างโซซัดโซเซและล้มลงไปนั่งที่พื้นและเจียงอี้ก็เสียสมดุลของเขาไปเช่นกัน
การโจมตีรูปแบบเต๋าสวรรค์!
คำพูดนั้นเปล่งอยู่ภายในใจของเจียงอี้ในขณะที่เขาตระหนักได้ทันทีว่าบุคคลนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดที่คอยซุ่มโจมตีอยู่หากผู้เชี่ยวชาญผู้นี้ยังไม่บรรลุไปถึงขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวแล้ว เขาจะไม่สามารถเข้าใจรูปแบบเต๋าสวรรค์ได้
เขาดึงสติของตัวเองกลับมาและพยายามควบคุมร่างกายเพื่อเตรียมที่จะกระโดดขึ้นไปแต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีบุคคลสองคนที่บินผ่านอากาศไปด้วยความเร็วสูง หนึ่งในนั้นกำลังจะยิงแสงสีม่วงออกมาจากนิ้วซึ่งไม่มีแม้แต่การโจมตีของแก่นแท้พลัง มันคือสายฟ้า!
ฟึ่บฟั่บ!
สายฟ้านั้นเร็วเกินไปมันโจมตีไปที่เจียงอี้และเขาก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าจริงๆ เส้นผมบนร่างกายทั้งหมดองเขานั้นตั้งเด่ออกมาในขณะที่เขารู้สึกว่ามันถูกเผาจนเกรียม ร่างของเขาเซไปมาขณะที่ตาขาวเกลือกกลิ้งเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ต่างจากผู้ที่ถูกฟ้าผ่าจริงๆเลย
นี่ก็เป็นอีกรูปแบบของเต๋าสวรรค์!
เจียงอี้ได้กลิ่นถ่านในร่างกายของเขาแล้วก็ตกใจของมองตรงไปที่ผู้เชี่ยวชาญคนสุดท้ายที่เหินมาและเห็นเขากวัดแกว่งดาบโค้งซึ่งส่องประกายด้วยแสง ซึ่งเห็นได้ชักว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยม
ทันใดนั้นใบมีดที่โค้งยาวก็แยกลงมาและปล่อยเงาของหัวสิงโตยักษ์ซึ่งคำรามออกมาพร้อมความปรารถนาที่จะฉีกเจียงอี้ออกเป็นชิ้นๆในขณะที่เจียงอี้รู้สึกได้กลิ่นความตาย
ข้าจะลองเสี่ยงดู!สวรรค์ อวยพรให้ข้าด้วย!
ความเร็วของเจียงอี้นั้นช้าเกินไปและร่างกายของเขาก็ยังมึนงงและเคลื่อนไหวไม่ได้เขายังคงมีเพลิงโลกาเหลืออยู่บ้างแต่บุคคลนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดซึ่งกำลังใช้สิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เขารู้ดีว่ายังไงเพลิงโลกาของเขาก็จะไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่ร้ายแรงนี้ได้
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้กระบวนท่าที่สิ้นหวังนี้ดวงจิตวิญญาณของเขามีเปลวไฟที่ลุกโชนและโชติช่วง ก่อนที่เงาของหัวสิงโตที่เกิดขึ้นโดยสิ่งประดิษฐ์ดาบโค้งจะสามารถเข้าถึงเขาได้ จู่ๆร่างของเขาก็จางหายไป
ศาสตร์แปรผันดวงจิต!
บทที่ 304 หลีกเลี่ยงวิกฤตในครั้งนี้
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนในตอนที่เจียงอี้กลับสู่สำนักจิตอสูร เจียงหยุนไฮ่ก็ได้ถ่ายทอดศาสตร์แปรผันดวงจิตให้กับเขา
หลังจากที่กลับไปฝึกวิชาบนยอดเขาเทพธิดา เจียงอี้ก็ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการฝึกฝนมันจนเข้าใจอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าที่จะลองใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิตสุ่มสี่สุ่มห้าเนื่องจากเงื่อนไขในการปลดปล่อยวิชานั้นอันตรายเกินไปเพราะเขาจำเป็นต้องแลกมาด้วยการสละเสี้ยวของดวงจิตออกไปบางส่วน
หากว่าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เขาจะไม่ยอมใช้มันเด็ดขาด
ผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยวทั้งสามเร้นกายอยู่ภายในกองทัพและลอบโจมตี ที่จริงแล้วการโจมตีก่อนหน้านี้ของพวกเขานั้นทรงพลังมาก ถ้าเจียงอี้ไม่ได้ใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิต เกรงว่าร่างของเขาคงจะแหลกสลายไปแล้ว
ฟิ้ววว!
ร่างของเขาสาดแสงก่อนที่จะหายไปจากตำแหน่งเดิม เห็นได้ชัดว่าการหลบหนีครั้งแรกประสบความสำเร็จ!
โฮกกก!
หัวสิงโตยักษ์แผดเสียงคำราม แต่เพราะจู่ๆร่างของเจียงอี้ก็แวบหายไปอย่างกะทันหัน มันจึงกระแทกใส่กองทัพที่อยู่เบื้องหลังและส่งผลให้พวกเขาลอยกระเด็นไปไกลก่อนที่ร่างจะระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด!
ตู้มมมมม!
เห็นได้ชัดเลยว่าทหารผู้น่าสงสารหลายร้อยคนเหล่านั้นเป็นเครื่องสังเวยที่อาณาจักรเสินหวู่ยอมจ่ายออกไปเพื่อสังหารเจียงอี้
เพียงเท่านี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าเมื่อสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยว มันจะสามารถรีดเค้นแสนยานุภาพขั้นสุดยอดออกมาซึ่งมีพลังทำลายล้างเทียบได้กับการโจมตีทั่วไปของยอดฝีมือขอบเขตจินกังเลยทีเดียว
เมื่อหัวสิงโตระเบิดออก พื้นดินก็แตกกระจาย เศษเลือดเนื้อบินว่อนอยู่รอบบริเวณนั้น มันช่างเป็นภาพที่ชวนให้อาเจียนยิ่งนัก
“หืม?!”
เมื่อฝุ่นควันเริ่มจางหายไป พวกเขาก็รีบกวาดตามองสิ่งที่น่าจะเป็นเศษซากของเจียงอี้อย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปราวกับเจอผีกลางวันแสกๆเพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจหาร่างของเขาพบ!
“มันอยู่นั่น!”
หนึ่งในผู้บัญชาการขอบเขตเสินโหยวตะโกนออกมาด้วยความหวาดผวาพร้อมกับชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
เมื่อพวกเขาหันไปก็พบว่าเจียงอี้ยืนอยู่ตรงนั้นและไร้ซึ่งรอยขีดข่วน เขาอยู่ห่างออกไปจากตำแหน่งเดิมหลายกิโลเมตร
ทันใดนั้นบรรยากาศทั้งหมดก็ตกอยู่ในความเงียบสนิทจนสามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตกลงบนพื้น
เขาทำได้ยังไง?
นี่มันท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว! หากเจียงอี้สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้เช่นนี้ ใครเล่าที่จะสังหารเขาได้!?
ในเวลานี้ ไม่ใช่แค่ฝ่ายกองทัพเท่านั้นที่ตกตะลึง เพราะแม้แต่ตัวเจียงอี้เองก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
สิ่งที่เขาประหลาดใจไม่ใช่เพราะตัวเองประสบความสำเร็จในการใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิตเป็นครั้งแรก
แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือ… หลังจากที่ปลดปล่อยมันออกไปแล้ว แทนที่ส่วนหนึ่งของดวงจิตของเขาจะสูญสลายไป มันกลับส่องแสงสีทองสว่างและยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์!
เป็นไปได้ยังไง?!
เจียงหยุนไฮ่กล่าวว่าศาสตร์แปรผันดวงจิตเป็นดาบสองคมที่ต้องแลกส่วนหนึ่งของดวงจิตเพื่อการหลบหนีในพริบตา แต่พอถึงคราวใช้จริงมันกลับไม่เป็นเหมือนที่เขาพูด
เป็นไปได้ไหมว่ามันจะเกี่ยวข้องกับ… ไข่มุกวิญญาณเพลิง?
เมื่อเจียงอี้เพ่งมองแสงสีทองที่ห่อหุ้มดวงจิตของเขาไว้และพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง
ทุกครั้งที่มีคนจ้องจะโจมตีดวงวิญญาณของเขา ไข่มุกวิญญาณเพลิงก็จะส่งพลังงานลึกลับออกมาและปกป้องมันไว้ แต่ครั้งนี้นั้นต่างออกไป เพราะเจียงอี้ตัดสินใจเผาผลาญดวงจิตดวงตนเอง แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าไข่มุกวิญญาณเพลิงจะยังปกป้องเขาไว้ได้!
สรุปแล้วไข่มุกวิญญาณเพลิงกับดาบมังกรเพลิงคือสมบัติระดับใดกันแน่? แต่ที่เขามั่นใจคือมันจะต้องไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน!
เจียงอี้ลอบกลืนน้ำลาย เขาหวนนึกถึงหินวิญญาณเพลิงที่อยู่ในไข่มุกวิญญาณเพลิง จักรพรรดินีอสูรกล่าวว่ามันไม่ใช่วัตถุภายในทวีปเทียนชิง
นอกจากนี้ยังมีดาบมังกรเพลิงซึ่งไม่สมบูรณ์ ถึงแม้ว่าเมื่อใช้รวมกับไข่มุกวิญญาณเพลิงแล้วจะสามารถแสดงศักยภาพที่เทียบได้กับสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าหากค่ายกลที่อยู่ภายในได้รับการซ่อมแซมล่ะ มันจะปลดปล่อยแสนยานุภาพสะท้านโลกระดับใดออกมากัน?
เจียงอี้ไม่กล้าที่จะจินตนาการและไม่มีเวลาที่จะทำเช่นนั้นด้วย เขายิ้มออกมาพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายเจิดจรัส จากนั้นก็คำราม
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ผู้ใดที่ต้องการชีวิตข้า—มันผู้นั้นจะต้องตาย!”
ฟิ้วว!
ดวงตาของเจียงอี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานพร้อมทั้งจิตสังหารอันท่วมท้นที่ปะทุออกมาจากร่างกายของเขา
เขาไม่ใช้เพลิงโลกาอีกต่อไป แต่เลือกที่จะใช้ดาบมังกรเพลิงเพื่อบุกเบิกเส้นทางตรงหน้า
“ปังงงง!”
“อ๊ากกก!”
มังกรวายุและมังกรเพลิงที่แหวกว่ายอยู่ในอากาศได้ผสานกันและสังหารผู้คนไปหลายร้อย ยิ่งเมื่อรวมกับอิทธิฤทธิ์ของเจตจำนงสังหาร พลังทำลายระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทหารระดับล่างจะต้านทานได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ฆ่า!”
เมื่อผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยวทั้งสามเห็นเจียงอี้เข่นฆ่าทหารของอาณาจักรเสินหวู่ไปมากมาย ดวงตาของพวกเขาก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะและพุ่งเข้าหาเจียงอี้พร้อมกัน
ในเวลาเดียวกันนั้น จังหวะกลองศึกก็เปลี่ยนไปพร้อมกับรูปแบบการประสานของพวกไท่สื่อเจินที่เปลี่ยนแบบแผน
บรรดาทหารขอบเขตจื่อฝู่ต่างก็ถูกสั่งให้ถอยไปอยู่แนวหลัง ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวต่างก็ล้อมวงเข้ามาเพื่อที่จะลงมือสังหารเจียงอี้
“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าคิดว่าจะสามารถสังหารนายน้อยผู้นี้ได้รึ?”
เจียงอี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเย้ยหยัน ก่อนที่ฝ่ายศัตรูจะทันได้เข้ามาประชิดตัว จู่ๆร่างของเขาก็เปล่งแสงสีขาวพร้อมกับหายวับไปจากตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
ฟึ่บ!
“โฮกกกก!”
ร่างของเขาไปปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรจากตำแหน่งเดิม ในเวลาเดียวกัน มังกรเพลิงทั้งสองตัวที่ไม่รู้ว่าถูกปลดปล่อยไปตั้งแต่เมื่อใดก็เริ่มทำการกวาดล้างทหารระดับล่างของอาณาจักรเสินหวู่อีกครั้ง
“นี่…”
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้สามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาได้เป็นครั้งที่สอง สีหน้าของบรรดาผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยวก็ย่ำแย่อย่างถึงที่สุด
หากมีความสามารถเช่นนี้ ใครจะสังหารเขาได้? นี่พวกเขาทำได้เพียงแค่มองดูทหารกล้าของอาณาจักรถูกสังหารไปเรื่อยๆจริงๆหรือ?
ทุกการลงมือของเจียงอี้ จะต้องมีทหารอย่างน้อยสองถึงสามร้อยคนที่ตายไป หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ต่อให้เป็นกองทัพที่มีกำลังพลถึงสองแสนนาย แต่เกรงว่าพวกเขาคงจะถูกกวาดล้างทั้งหมดภายในเวลาไม่เกินสี่ชั่วโมง!
ความสามารถเข้าขั้นบ้าบอเช่นนี้มีอยู่ในทวีปนี้ด้วยหรือ? เป็นไปได้ไหมว่ามันจะเป็นเต๋าแห่งกฎเกณฑ์มิติขั้นสูงสุด?
ผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรอื่นเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น พวกเขาเองก็ตะลึงพรึงเพริดเช่นกัน ทักษะวิชาของเจียงอี้อยู่เหนือกว่าความเข้าใจของพวกเขาทั้งหมด
ต่อให้ยอดฝีมือขอบเขตจินกังมาเห็นด้วยตัวเอง เกรงว่าก็คงจะมีปฏิกิริยาไม่ต่างกันมากนัก
สุ่ยโย่วหลานมีความสามารถในการฉายภาพเสมือนออกไปได้ไกลกว่าหลายหมื่นกิโลเมตรซึ่งนับว่าน่าเหลือเชื่อมากแล้วและมีข่าวลือว่ามันคือรูปแบบเต๋าระดับสูง
แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เจียงอี้แสดงออกมานั้นน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าความสามารถของสุ่ยโย่วหลานเสียอีก สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายมันได้คือ มันจะต้องเป็นรูปแบบเต๋าระดับสูงสุดในตำนาน!
แต่คำถามคือ… ไม่ใช่ว่าผู้ที่สามารถหยั่งถึงรูปแบบเต๋าระดับสูงสุดได้จะต้องเป็นชนชั้นราชันสวรรค์หรือเทียบเท่าไม่ใช่หรือ? หรือว่าเจียงอี้จะไปถึงขอบเขตนั้นแล้ว?
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ดวงตาของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเต็มไปด้วยความฉงนปนสงสัย แต่ไม่นานนักก็มีใครบางคนได้ข้อสรุปออกมา
พวกเขาคาดเดาว่าความสามารถท้าทายสวรรค์เช่นนี้จะต้องเป็นจักรพรรดินีอสูรหรือไม่ก็อีเพียวเพียวที่เป็นคนถ่ายถอดให้เป็นแน่
ในอดีต มารดาของเจียงอี้คือจอมยุทธหญิงผู้เลื่องชื่อที่โด่งดังไปทั่วทั้งทวีป ในเวลานั้นขั้วอำนาจมากมายต่างก็รวมรวบข้อมูลเกี่ยวกับนางจนในที่สุดก็ตกผลึกสองจุดที่น่าสนใจ
หนึ่งคือนางมีสิ่งประดิษฐ์ชั้นสูงจำนวนมากในครอบครอง ส่วนอีกข้อหนึ่ง นางครอบครองทักษะวิชาอันแปลกประหลาดซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของในทวีปนี้แน่นอน
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
อย่างไรก็ตามเจียงอี้หาได้สนใจสายตาของคนเหล่านั้นไม่ เขายังคงดำเนินการเข่นฆ่าทหารระดับล่างต่อไปเรื่อยๆและเลี่ยงที่จะเข้าปะทะกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่สูงกว่าขั้นที่ห้า
สิ่งนี้เองที่ทำให้พวกเขาโล่งใจไม่น้อย เพราะก่อนที่เขาจะกวาดล้างกองทัพของอาณาจักรเสินหวู่ได้สำเร็จ เกรงว่าเมืองเซี่ยยวี่คงจะถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ชนชั้นผู้บัญชาการทั้งหมดต่างก็เผยความดุร้ายออกมาทางสายตาและสั่งโจมตีสุดกำลัง ในเวลาเดียวกันผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่แต่เดิมไม่ได้เคลื่อนไหวก็เริ่มแห่กันเข้าไปในเมืองเซี่ยยวี่ทันที
แม้ว่าเจียงอี้จะเป็นตัวแปรที่ไม่อาจมองข้ามได้ แต่ถ้าพวกเขาสามารถทำลายเมืองได้ก่อน เช่นนั้นสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดก็จะไร้ประโยชน์ทันที
เซี่ยอู๋หุ่ยเองก็ไม่กล้ารอช้าและออกคำสั่งทันที
“แม่ทัพไท่สื่อ เจ้าไม่ต้องไปสนใจเจียงอี้แล้ว รีบนำทัพและเข้าไปทำลายเมืองเซี่ยยวี่เร็วเข้า เมื่อมันถูกทำลายจนสิ้น ข้าอยากจะรู้นักว่าไอ้สวะเจียงอี้จะเอาชนะกองทัพที่มีทหารนับล้านได้ยังไง!”
“วันนี้ ไม่ว่ามันจะมีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์มากแค่ไหน มันก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงวิกฤตในครั้งนี้ได้!”
……