เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 329 จุดซุ่ม
บทที่ 329 จุดซุ่ม
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ป่าอเวจีนั้นกว้างใหญ่มาก
ป่าทั้งผืนมีอาณาเขตประมาณสิบเท่าของอาณาเขตของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนมันเริ่มจากทางใต้ของเมืองเทียนหมิงและยาวไปจนถึงตอนใต้ของทวีป นี่เป็นหนึ่งในผืนป่าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปและเป็นหนึ่งในสิบอันดับผืนป่าที่อันตรายที่สุด มีข่าวลือว่าส่วนลึกของป่านั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามซึ่งเป็นที่ที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญจินกังก็ยังไม่กล้าเข้าไป
เมืองหลวงของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนเมืองเซวี่ยนเทียนนั้นอยู่ทางทิศใต้ หากพวกเขาจะกลับจากเมืองเซี่ยยวี่ พวกเขาจะต้องผ่านป่าอเวจีหรืออ้อมป่าก่อนที่จะลงใต้
แน่นอน….หากเพื่อความปลอดภัยพวกเขาสามารถเดินทางไปทางตะวันตกฉียงใต้จากเมืองเทียนหมิงและกลับไปทางใต้ซึ่งจะเป็นการเดินทางที่ยาวนานกว่านัก
หากหยุนลู่เดินทางผ่านป่าอเวจีเจียงอี้และคนของเขาจะสามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายโดยซ่อนตัวอยู่ในป่าอเวจีและรอหยุนลู่มาและฆ่าเขาเมื่อเขาผ่านมา จากนั้นพวกเขาก็สามารถถอยกลับเข้าไปในป่าและหลบหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย
ทุกอย่างนั้นไม่แน่นอนไม่มีประโยชน์ที่จะหารือเพิ่มเติมอีก เจียงอี้และกลุ่มของเขาเพิ่งจะขุดหลุมและรีบรุดหน้าไปโดยไม่ได้พักผ่อนเลย วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วสำหรับเจียงอี้และจ้านอู๋ซวงเพราะพวกเขาฝึกฝนไปตลอดทางและเวลาก็ได้ผ่านพ้นไป
แต่สำหรับเฉียนว่านก้วนนั้นเขารู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ขมขื่นมาก เถาอู้นี้เดินทางได้อย่างมั่นคงมากแต่ก็มีบางอย่างที่กระแทกมันบ้างบางที นอกจากนี้ฉียนว่านก้วนนั้นคุ้ยเคยกับชีวิตที่อยู่เยี่ยงราชา แต่ตอนนี้เขาจะกินได้ก็ต่อเมื่อเขาหิวและทำได้เพียงกอดหนามแหลมๆเมื่อเขานอน ในหลายวันที่ผ่านมานี้น้ำหนักของเฉียนว่านก้วนก็ลดลงไปหลายกิโลกรัม แต่เขาก็ค่อนข้างแข็งแกร่งและไม่ได้ตระโกนหรือบ่นอะไรออกมาเลย
ในวันที่หกในที่สุดพวกเขาก็มาถึงชายแดนของทั้งสองอาณาจักร หยุนลู่ยังคงอยู่ระหว่างการเดินทางในขณะที่สมาชิกของพวกเขาเตรียมพร้อมในการซุ่มโจมตีอยู่ใกล้ๆแล้วพร้อมที่จะฆ่าได้ในทุกช่วง
จ้านอู๋ซวงเริ่มยุ่งขึ้นขณะที่เขาส่งคนของเขาไปสอดแนมพื้นที่ทั้งหมดจากนั้นเขาก็ส่งผู้เชี่ยวชาญลับไม่กี่คนออกไปสอดแนมสถานการณ์ในดินแดนอาณาจักรเทียนเซวี่ยน ส่วนเฉียนว่านก้วนไม่ได้ทำสิ่งใดเลยนอกจากย้ายร่างไปนอนในถ้ำ
เครื่องรางสื่อสารของเจียงอี้สว่างขึ้นทุกๆวันซึ่งทำให้เขารับรู้ตำแหน่งของหยุนลู่ได้อย่างเต็มที่และทำให้เขาคาดการณ์ได้ว่าเส้นทางไหนที่พวกเขากำลังจะไปตามที่คาดไว้ หยุนลู่มุ่งตรงไปยังเมืองเทียนหมิงก่อนที่จะกลับไปยังเมืองเซวี่ยนเทียน
สามวันต่อมาเส้นทางของหยุนลู่ก็เป็นไปตามที่เจียงอี้และคนอื่นๆคาดไว้ และพวกเขาทั้งหมดนั้นก็เริ่มเข้าไปซ่อนตัวในป่าเวจีเพื่อจัดเตรียมแผนต่างๆ
การฆ่าหยุนลู่และคนของเขานั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ปัญหาก็คือเส้นทางการล่าถอย เมืองเทียนหมิงนั้นเป็นหนึ่งในเมืองหลักทางตะวันออกของอาณาจักรเทียนเซวี่ยน มันมีทหารราวๆแสนกว่านายและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอย่างน้อยก็ราวๆพันคน ซึ่งป่าอเวจีนั้นอยู่ห่างจากเมืองเทียนหมิงเพียงพันกิโลเมตร หากกองทัพเดินขบวนจากเมืองด้วยความเร็วเต็มกำลัง มันจะใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการยกทัพมาถึงป่าแห่งนี้
ทั้งสามคนเริ่มเดินทางใต้ดินอีกครั้งในขณะที่ทหารสามพันนายหายลับไปในอาณาจักรเทียนเซวี่ยนอย่างเงียบๆเจียงอี้ไม่เห็นใครสักคนเลย แต่หากพวกเขาถูกส่งไปทำภารกิจที่อันตรายเช่นนี้ พวกเขาจะต้องเป็นหัวกะทิในหมู่อัจฉริยะ หากสองตระกูลวางแผนกันอย่างรอบคอบแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกหน่วยลับของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนจับได้ลย
วันต่อมาเจียงอี้และกลุ่มของเขามาถึงป่าอเวจีในขณะที่กองทัพของพวกเขามาถึงทีหลัง จากนั้นจ้านอู๋ซวงก็เริ่มวางแผนการ ส่วนเจียงอี้นั่นก็ช่วยไม่ได้นอกจากมองดูเขาด้วยความชื่นชมในเรื่องการวางกองกำลังทหารอย่างสงบนิ่งได้อย่างไร ประมุขน้อยเหล่านี้นั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง พวกเขาอาจไม่ได้นำทัพไปรบ แต่ประสบการณ์ด้านกองทัพของพวกเขานั้นช่างยอดเยี่ยม แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปสู่กองทัพโดยไม่พึ่งพาตระกูลของพวกเขา พวกเขาก็จะไต่เต้าและโดดเด่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากคนอื่นๆแน่นอน
เฉียนว่านก้วนก็ยุ่งเช่นกันดังนั้นเจียงอี้จึงไม่เข้าไปรบกวนพวกเขา เขาเป็นเพียงผู้ดูแลในเรื่องข้อมูลและสังหารศัตรูในช่วงเวลาสุดท้าย
ซูรั่วเสวี่ยส่งข้อมูลบางอย่างมาโดยระบุว่าหยุนลู่นั้นเป็นผู้นำกองทัพและมุ่งตรงไปยังเมืองเซวี่ยนเทียนหากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น พวกเขาจะผ่านที่นี่ในอีกสองวัน จ้านอู๋ซวงและคนของเขาได้เตรียมเส้นทางเพื่อล่าถอยแล้ว ขณะที่เขาขอให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนขุดอุโมงค์ไว้หลายแห่ง เมื่อพวกเขากำจัดหยุนลู่แล้ว คนของพวกเขาก็จะพากันหนีไปทางอุโมงค์
แม้ว่ากองทัพจากอาณาจักรเทียนเซวี่ยนจะนำทัพมาด้วยความเร็วที่สูงที่สุดพวกนั้นก็คงต้องใช้เวลาหลายวันในการติดตามพวกเขาได้ ด้วยความสามารถของตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนแล้ว อัจฉริยะทั้งสามพันคนนี้จะหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
“เอาล่ะ!”
เจียงอี้ยังคงนั่งและฝึกฝนเมื่อจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนกลับมา พวกเขาทั้งคู่มั่นใจอย่างยิ่ง จ้านอู๋ซวงกล่าวออกมาว่า “หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันฝังศพของหยุนลู่!”
“อื้ม!”
เจียงอี้พยักหน้าและฝึกฝนต่อไปส่วนจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนก็เริ่มพักผ่อนและฟื้นฟูพลังในการต่อสู้ครั้งใหญ่ เพื่อรอการสู้รบครั้งยิ่งใหญ่นี้!
ในวันที่สาม…!
เจียงอี้และคนอื่นๆตื่นแต่เช้าและทานอาหารเลิศรสพวกเขาทั้งหมดซ่อนตัวอยู่ในป่าเพื่อรอให้กองทัพหยุนลู่มาถึงอย่างเงียบๆ
“รายงาน!เป้าหมายอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณร้อยกิโลเมตร พวกเขาจะมาถึงในอีกประมาณหกชั่วโมงขอรับ….”
“รายงาน!เป้าหมายอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณสามสิบกิโลเมตร พวกเขาจะถึงอีกประมาณสองชั่วโมง….”
หน่วยลับรายงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องส่วนเจียงอี้นั้นก็ทำการสำรวจอย่างรวดเร็วและเห็นเพียงคนหนึ่งพันคนรอบๆ มีผู้เชี่ยวชาญไม่มากเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความงุนงงว่า “พี่อู๋ซวง คนของเจ้าที่ดักซุ่มนั้นอยู่ไหนกัน? เจ้าแน่ใจหรอว่าพวกเขาจะไม่หนีไปในภายหลัง?”
จ้านอู๋ซวงปล่อยรอยยิ้มจางๆออกมาและพูดว่า“ไม่ต้องกังวลไป พวกเขาซุ่มโจมตีออยู่ทุกที่ เจ้าไม่ต้องลงมือก่อนเลย เจ้าควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวในตอนที่มันถึงคราวจำเป็นจริงๆเท่านั้น”
“ก็ได้!”
เจียงอี้นั้นจัดการได้ง่ายมากเพราะหยุนลู่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดเพียงสองคนเท่านั้นและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้าไม่มากนักมันไม่มีความกดดันสำหรับเขาเลย และหากคนพวกนี้ไม่สามารถฆ่าศัตรูได้มันก็ยังไม่สายที่เขาจะเข้าไปช่วย
ปึง!ปึง!
สองชั่วโมงต่อมามีแรงสั่นสะเทือนจากบริเวณด้านหน้าม้าศึกทั้งหลายต่างควบไปมาแต่ก็ไม่ได้ควบไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนสำรวจไปรอบๆอย่างกังวล ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นหน่วยลับที่ล่วงหน้ามา
ปัง!ปัง! ปัง!
ทันใดนั้นพื้นผิวดินก็ระเบิดออกและเงาดำหลายเงาก็ลอยออกมาคนเหล่านี้ล้วนแต่สวมชุดที่ซ่อนกายและทุกๆคนก็ดูเหมือนมือสังหารเทพที่ทั้งหมดนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว พวกเขาแต่ละคนกวัดแกว่งศาตราวุธระดับสวรรค์และปรากฏตัวออกมาภายใต้เหล่าหน่วยลับล่วงหน้าและฆ่าพวกเขาทั้งหมดนั่นทันที
ฟึ่บฟุ่บ!
มีจอมยุทธหลายคนที่สวมชุดลึกลับนี้และพุ่งตรงออกมาจากผืนป่าในเวลาเดียวกันพวกเขาทั้งหมดกำลังกวัดแกว่งหน้าไม้สังหารเทพเพื่อเปลี่ยนให้พวกที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นให้กลายเป็นรังแตน การเคลื่อนไหวของพวกเขาไร้ที่ติ หน่วยลับเหล่านั้นไม่มีทหารยามและไม่มีใครสามารถปล่อยสัญญาณพลุออกมาได้ทันก่อนที่พวกเขาจะตายลงไป
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
คนร้อยคนวิ่งออกมาจากด้านหลังจ้านอู๋ซวงและเจียงอี้เพื่อกวาดล้างสนามรบส่วนผู้เชี่ยวชาญที่พุ่งออกมาจากใต้ดินนั้นก็กลับไปยังใต้ดินอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเพียงสิบห้านาทีซากศพและม้าศึกทั้งหมดก็หายไปและพื้นผิวดินก็กลับไปเรียบอีกครั้ง แม้แต่กลิ่นเลือดที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจียงอี้นั้นรู้สึกตกตะลึงกับการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้
พวกมันมาแล้ว!
หนึ่งชั่วโมงต่อมาแรงสั่นสะเทือนนั้นมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้ง ในไม่ช้า กลุ่มม้าศึกชุดดำก็ได้ปรากฏอยู่ในวิสัยทัศน์ของทุกคน เจียงอี้และทุกๆคนเริ่มตึงเครียดและกลั้นหายใจขณะที่รอให้ฝ่ายศัตรูหลงกลแผนการของพวกเขา
“หยุดก่อน!”
ทันใดนั้นเอง….ผู้เชี่ยวชาญผู้ที่อยู่ด้านหน้าจองกองทัพหันกลับมาทันทีและตะโกนว่า“กลับไป! มีการซุ่มโจมตี! ส่งสัญญาณไฟฉุกเฉินเดี๋ยวนี้!”
เหล่ากองทัพอาณาจักรเทียนเซวี่ยนต่างตกใจแต่พวกเขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วพวกเขาทุกคนหันหลังกลับไปและมีสัญญาณพลุลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและระเบิดออกมาราวดอกไม้ไฟ
ฟึ่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็กระโดดออกจากกองทัพอย่างรวดเร็วและอุ้มหยุนลู่ที่ตื่นตระหนกอยู่ออกไปจากกองทัพพวกเขาใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดมุ่งหน้าไปยังเมืองเทียนหมิงในทันที
“พวกนั้นเห็นพวกเราได้อย่างไร?มีผู้ที่มีกายวิญญาณพฤกษาที่สามารถรับรู้ผ่านต้นไม้ได้หรือ?” จู่ๆจ้านอู๋ซวงก็ยืนขึ้นแล้วโบกมือของเขาพร้อมโห่ร้อง “ทหารทุกคน โจมตี!”
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
จอมยุทธนับไม่ถ้วนโล่ออกมาจากทั่วทุกสารทิศและฆ่ากองทัพเหล่านั้นมีทหารหลายร้อยนายที่ซุ่มโจมตีอยู่ในทิศทางที่หยุนลู่กำลังหลบหนีไป พวกเขารีบพุ่งออกจากพื้นอย่างหมดท่าและล้อมรอบพวกเขาทั้งสาม
“ทิ้งหยุนลู่และผู้เชี่ยวชาญทั้งสองให้ข้า!”
เจียงอี้ยืนขึ้นเช่นกันดวงตาของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร เขาไม่สามารถให้หยุนลู่กลับไปโดยมีชีวิตได้ มิฉะนั้น หยุนเฟยจะตกอยู่ในอันตรายและความพยายามของทุกคนจะไร้ประโยชน์ เขาสวมหน้ากากของเขาขณะที่ร่างของเขาส่องแสงสีขาวขณะที่เขาใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิต และเขาก็หายลับไปในทันใด
…