เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 331 เวทย์มนตร์โบราณ
บทที่ 331 เวทย์มนตร์โบราณ
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“วิญญาณพฤกษา?ซวยล่ะ!”
เจียงอี้สบถออกมาเวทย์มนตร์โบราณนี้น่ารำคาญเกินไปและเขาได้วางแผนกับหยุนเฟยในป่าอาถรรพ์เพื่อฆ่าศัตรูไปมากมาย ต้นไม้ในป่าอาถรรพ์นั้นพิศวงมากในขณะที่ต้นไม้ที่นี่ก็สามารถแยกตัวออกจากกันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งศัตรูสามารถใช้งานต้นไม้เหล่านี้เพื่อขัดขวางทุกคนที่ไล่ตามมากแลหลบหนีไปได้อย่างรวดเร็ว!
ณตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมทหารลับนี้จึงไม่ได้พาหยุนลู่ฝ่ากับดักเพื่อตรงไปยังเมืองเทียนหมิง และได้มายังป่าอเวจีแทน เขามีศาสตร์วิญญาณพฤกษา และที่ป่าอเวจีแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับเขาที่จะหนีไปได้
“อู๋ซวงเจ้าจัดการคนรอบๆนี้และถอยกลับไปทันที! ปล่อยให้หยุนลู่เป็นหน้าที่ข้าเอง!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาและหายลับไปขณะที่เขาเปลี่ยนไปไล่ล่าแทนด้วยการถูกติดตามจากผู้เชี่ยวชาญทั้งสองตระกูลและศัตรูกำลังแบกผู้อื่นอยู่นั้นหมายความว่าความเร็วของเป้าหมายจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง เจียงอี้ก็ยังมีโอกาสที่จะไล่ตามพวกเขาทั้งสองทันและใช้เจตจำนงสังหารปกคลุมพวกเขาไว้ให้พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะหลบหนี
“ก็ได้!”
จ้านอู๋ซวงพยักหน้าทั้งสองตระกูลส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเจ็ดคนที่อยู่เหนือกว่าขั้นที่แปดไป หากพวกเขาไม่สามารถฆ่าหยุนลู่ได้ เช่นนั้นมันก็คงจะเป็นความประสงค์ของสวรรค์แล้ว เขานั้นหมดปัญญาและทำได้เพียงจัดการเรื่องต่างๆที่นี่เท่านั้น
…
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
เจียงอี้ทำการย้ายร่างตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าและหลังจากย้ายร่างไปกว่าสิบครั้งเขาก็ย้ายร่างของเขามาไกลกว่าร้อยกิโลเมตรแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาใดๆ? ระหว่างทางที่ผ่านมานั้น เขาได้ยินเสียงตะโกนจากตระกูลทั้งสองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังส่งสัญญาณทิศทางที่ชัดเจนให้แก่เจียงอี้
“ชิบหาย!”
เจียงอี้ย้ายร่างไปอีกกว่าสิบครั้งและเขาเริ่มเห็นสัตว์อสูรขั้นสองเขาตามเสียงไปตลอดทางและเริ่มงุนงงไปหมด เขาเริ่มไม่รู้ว่าเขาควรจะไปทางไหนอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ใกล้ส่วนลึกของป่าอเวจีแล้วซึ่งมันเป็นสถานที่ที่ติดสิบอันดับที่อันตรายที่สุดในทวีปและเป็นหนึ่งในสามของป่าที่ใหญ่ที่สุด แน่นอนว่ามันจะต้องมีสัตว์อสูรระดับสามอยู่ หรือมีแม้กระทั่งราชันสัตว์อสูรระดับสี่ด้วยซ้ำ หากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับราชันสัตว์อสูร ทุกคนก็คงจบเห่ ซึ่งรวมไปถึงเจียงอี้ที่คงไม่สามารถหลบหนีไปได้แม้ว่าเขาจะมีศาสตร์แปรผันดวงจิตก็ตาม
ปึง!ปึง! ปึง!
หลังจากที่ไล่ล่าไปได้อีกไม่กี่ร้อยกิโลเมตรในที่สุดเจียงอี้ก็ได้ยินเสียงระเบิดอย่างชัดเจนและตะโกนหาผู้เชี่ยวชาญทั้งสอง เขาใช้แก่นแท้พลังสีดำเพื่อปรับปรุงดวงตาของเขาให้สามารถมองทะลุต้นไม้ที่ปกคลุมอยู่และทะลุไปยังแสงการโจมตีด้วยแก่นแท้พลัง
“ฮู่ฮู่!”
เจียงอี้ปล่อยความโล่งใจเมื่อเขาใกล้พบหยุนลู่ตราบใดที่เขาสามารถเข้าไปใกล้ๆได้ การต่อสู้ในครั้งนี้ก็จะจบลง หลังจากย้ายร่างมาหลายครั้ง เขาก็เริ่มรู้สึกจิตใจนั้นถูกรัดแน่น ซึ่งมันเป็นความเหนื่อยล้าจากการใช้พลังวิญญาณของเขาอย่างรุนแรง เขาเริ่มดีใจที่เขาจะได้เป็นอิสระจากความกังวลเสียที
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
ในไม่ช้าหลังจากที่เขาย้ายร่างไปอีกเจ็ดหรือแปดครั้ง ในที่สุดเขาก็ตามผู้เชี่ยวชาญทั้งสองตระกูลทัน ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นที่แปดสี่คนที่เขากำลังตามมาพากันตกตะลึง
“นายน้อยอี้?เยี่ยมยอด ในที่สุดท่านก็มา! เร็วเข้า! หยุนลู่อยู่ข้างหน้านี้เอง!”
“เร็วเข้านายน้อยอี้ ด้านหน้านั้นเป็นพื้นที่ต้องห้ามของป่าอเวจี ไม่มีผู้ใดได้ออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามนั้นและอาจมีราชันสัตว์อสูรอยู่ในละแวกนั้น เพราะก่อนหน้านี้พวกเราได้ปะทะกับสัตว์อสูรระดับสามขั้นสูงสุดไปแล้ว!”
“ใช่แล้วนายน้อยอี้ ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้ว ฝ่ายศัตรูมีเวทย์มนตร์โบราณและเราไม่สามารถไล่ตามพวกเขาไปได้!”
เมื่อพวกเขาทั้งสี่เห็นว่ามันเป็นเจียงอี้พวกเขาก็มีความปีติขึ้นมาและตะโกนร้องออกมาอย่างรวดเร็ว การแสดงออกของเจียงอี้นั้นเปลี่ยนไปเป็นมืดหม่น เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพื้นที่ต้องห้ามของป่าอเวจีมาบ้าง ซึ่งเขาไม่ได้คาดหวังว่ามันจะพิศวงเช่นนั้นจริงๆหรอกนะ?
เขาไม่กล้าแม้แต่จะหยุดพักแม้ว่าจิตใจเขาจะเหลื่อยล้ามากก็ตามเขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องอดทนต่อความเหนื่อยล้าของตัวเองและย้ายร่างไปข้างหน้าขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่ก็กัดฟันไล่ล่าต่อไป
ปึง!ปึง!
การต่อสู้ที่ปะทะกันด้านหน้านั้นรุนแรงมากผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวได้แยกตัวกันออกไปเป็นสามทางและโจมตีหยุนลู่ผู้ที่ถูกอุ้มโดยผู้อาวุโสลู่
ผู้อาวุโสลู่ผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้อุทิศตนให้กับราชวงศ์ของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนเขาได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษจากองค์ราชาเพื่อคอยปกป้องหยุนลู่ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขานับถือหยุนลู่เป็นอย่างสูง หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสลู่แล้ว หยุนลู่ก็คงจะตายไปไม่ต่ำกว่าพันครั้งแล้ว
ผู้อาวุโสลู่นั้นอายุมากแล้วซึ่งก็ราวๆจูเก๋อชิงหยุนได้ใบหน้าของเขานั้นเหี่ยวย่นเหมือนเปลือกไม้ที่แห้ง แต่เขานั้นทรงพลังมาก โดยเฉพาะศาสตร์เวทย์วิญญาณพฤกษามันทำให้เขาสามารถควบคุมต้นไม้ใหญ่ด้านหลังเขาและเคลื่อนย้ายพวกมันไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดเพื่อขัดขวางทั้งสามคนนั้นและหยุดอีกสี่คนที่กำลังตามล่าเขา
ผู้ไล่ล่าจะยิงแก่นแท้พลังออกไปอย่างต่อเนื่องซึ่งผู้อาวุโสลู่นั้นจะต้องคอยหลบเลี่ยงอยู่เสมอ ผู้อาวุโสลู่จะปลดปล่อยเวทย์มนตร์เพื่อคอยขัดขวางผู้ไล่ล่าทั้งสามเหล่านี้ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงยังไม่มีผู้ใดเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งก็คือผู้อาวุโสลู่ก็จะไม่สามารถสลัดผู้ไล่ล่าได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถไล่ตามผู้อาวุโสลู่ได้
แน่นอน!
เมื่อเจียงอี้ไล่ตามมาทันสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปในทันที
“นายน้อยอี้!”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดผู้ที่คอยตัดเถาวัลย์ทิ้งไปทันทีที่เขาเห็นร่างที่ปรากฏต่อหน้าเขา เขาก็ตกตะลึงขึ้นมาและตามมาด้วยความดีใจอย่างรวดเร็ว
“นายน้อยอี้มาแล้ว!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดอีกสองคนก็ต่างมียินดีความเช่นกันพวกเขายิงแก่นแท้พลังออกมาสองสายซึ่งเป็นพลังดัชนีและแสงทั้งสองสายนั้นพุ่งผ่านอากาศไปด้วยความเร็วสูง และเล็งไปยังทิศทางของผู้อาวุโสลู่
“หยุนลู่!”
เจียงอี้ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองตระกูลและจับจ้องสายตาไปยังหยุนลู่และผู้อาวุโสลู่ที่อยู่ห่างจากเขาไปสามกิโลเมตรรอยยิ้มของเขาเผยกลิ่นอายที่เยือกเย็นขณะที่เขาเย้ยหยัน “พวกเจ้าจะหลบหนีไปไหนได้อีก?”
บุฟ!
ร่างของเขาส่องแสงสีขาวขณะที่เขาย้ายร่างอีกครั้ง!
“เจียงอี้?”
“เจียงอี้!”
เมื่อผู้อาวุโสลู่และหยุนลู่ได้ยินเสียงคำรามของเจียงอี้แล้วพวกเขามองไปยังเสียงนั้นทันทีและเห็นเจียงอี้หายลับไปทำให้สีหน้าของพวกเปลี่ยนไปในทันที ดวงตาของหยุนลู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเจตจำนงสังหารและศาสตร์แปรผันดวงจิตของเจียงอี้ที่โด่งดังไปทั่วพิภพ เมื่อพวกเขาถูกปกคลุมด้วยเจตจำนงสังหารแล้ว ผู้อาวุโสลู่และเขาก็ไม่สามารถจะหนีไปไหนได้อีกต่อไป
“เจียงอี้หากเจ้ากล้าฆ่าข้า! แม้แต่จักรพรรดินีสัตว์อสูรก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้เมื่อกองทัพอาณาจักรข้าไปถล่มเมืองเซี่ยยวี่จนย่อยยับ!”
หยุนลู่ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งแต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกผู้อาวุโสลู่โยนออกไปไกล และข้อความจากผู้อาวุโสลู่ก็ดังสะท้อนเข้ามาในหูของหยุนลู่ “องค์ชายพะยะค่ะ พื้นที่ต้องห้ามนี้ถูกตั้งขึ้นโดยบรรพบุรุษของตระกูลหยุนแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยน ร่างกายของท่านไหวเวียนไปด้วยสายเลือดตระกูลหยุนและท่านจะมีโอกาสรอดชีวิตในพื้นที่ต้องห้ามนี้ ท่านอาจมีแม้กระทั่งโอกาสที่จะได้สืบทอดมรดกต่อจากบรรพบุรุษด้วย! ไปเร็วพะยะค่ะ!”
หยุนลู่ตระหนักและเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมผู้อาวุโสลู่จึงได้วางแผนหลบหนีเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ผู้อาวุโสลู่ได้วางแผนนี้เอาไว้แล้ว ความแข็งแกร่งของเขานั้นแทบจะไม่ถึงขอบเขตเสินโหยวขั้นที่หนึ่งหลังจากใช้สิ่งประดิษฐ์ล้ำค่ามากมาย เมื่อเขาถึงพื้น เขาก็รีบวิ่งไปข้างหน้าทันที
“ตายซะ!ทุกคนที่ต้องการจะจัดการกับคนตระกูลนักเวทย์นั้น พวกมันต้องตาย!”
หลังจากที่เขาตะโกนออกมาแล้วเขาก็ส่งเสียงคำรามอย่างรุนแรง ร่างของเขาเปล่งแสงสีเขียวและถูกหุ้มไปด้วยแสงทำให้มองไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถลืมตาของพวกเขาได้เลย ตัวตนของเขาถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายจนทำให้เจียงอี้และผู้เชี่ยวชาญทั้งสามที่กำลังตามล่าอยู่รู้สึกได้ถึงความสั่นเทาภายในจิตใจ
“นายน้อยอี้หนีไปเร็ว! นี่คือเวทย์มนตร์โบราณที่น่าสะพรึง! เขากำลังจะระเบิดเวทย์มนตร์ตัวเองและตายไปพร้อมกับพวกเรา!”
หนึ่งในร่างของผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดขอบเขตเสินโหยวสั่นเทาและอุทานออกมาหลังจากที่เขาเหลือบมองไปการตอบสนองของเขานั้นสายเกินไปเพราะต้นไม้และกิ่งก้านของไม้ทุกต้นที่อร่ามไปด้วยแสงสีเขียวนั้นกำลังเติบโตอย่างบ้าคลั่ง พืชทั้งหมดขยายไปยังพวกเขาด้วยความเร็วสูงในขณะที่ส่องแสงสีเขียวเหมือนงูหลามยักษ์ที่พยายามกลืนกินสามคนนั้นและเจียงอี้
ในเวลาเดียวกันวัชพืชบนพื้นดินก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่เถาวัลย์และรากไม้นับไม่ถ้วนงอกขึ้นมาจากดิน ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีมันก็ได้ล้อมรอบพื้นที่รอบๆนั้นทั้งหมดจนกลายเป็นกรงและกรงนี้ก็หดลงอย่างรวดเร็ว
…