เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 333 โศกนาฏกรรมของเจียงอี้
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 333 โศกนาฏกรรมของเจียงอี้
บทที่ 333 โศกนาฏกรรมของเจียงอี้
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
พื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์!
นัยน์ตาของเจียงอี้หดลงไม่ใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลเฉียนกล่าวถึงพื้นที่ต้องห้ามในป่าอเวจีแล้วหรือ? เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะถูกตามโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวกับเรื่องนี้มากนัก เขามองไปข้างหน้าด้วยสายตาที่เยือกเย็นขณะที่ดาบมังกรไฟปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็ใช้มันผ่าไปด้านหน้าในทันใด
ฟึ่บฟึ่บ!
มังกรเพลิงทั้งสองพุ่งพล่านออกมาแต่เจียงอี้ก็ต้องตกใจเนื่องจากหยุนลู่ได้หายไปจากที่ที่เขาเคยยืนอยู่ ซึ่งมังกรเพลิงทั้งสองก็หายไปในหมอกหนาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สัมผัสโดนสิ่งใดเลย
ฟึ่บ!
เขาปลดปล่อยเจตจำนงสังหารและวิ่งไปด้านหน้าเมื่อขาวิ่งไปถึงจุดที่หยุนลู่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมหยุนลู่จึงหายไปในทันที เพราะเลยด้านหน้าไปอีกสามสิบกิโลเมตรเป็นหน้าผา ซึ่งดูท่าว่าหยุนลู่จะกระโดดลงไป
ฟึ่บฟุ่บ!
ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมังกรเพลิงทั้งสองตัวผ่าแหวกลงไปยังหน้าผาและมันก็เป็นเช่นเดิม มังกรเพลิงไม่ได้ปะทะเข้ากับสิ่งกีดขวางใดๆ มันเป็นเหวลึกที่ลึกลงไปกว่าสามสิบกิโลเมตรอย่างแท้จริง
มันเป็นก้นบึงเหวลึกที่ไม่มีก้นเหวและเต็มไปด้วยหมอกหนาเจียงอี้ไม่กล้าประมาทกระโดดลงไป เขาตัดสินใจด้วยตัวเองว่าด้วยความแข็งแกร่งของหยุนลู่ในตอนนี้คงตายไปแล้วแน่ๆ
แน่นอนว่าเขาจะต้องมั่นใจกับเรื่องนี้ เขายังคงวนเวียนอยู่แถวๆนั้นและทำให้มั่นใจแล้วว่าหยุนลู่ไม่ได้อยู่แถวนั้นก่อนที่จะกลับไปยังที่ที่เขามา ที่ที่เขาผ่านเข้าหมอกขาวมานั้นอยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรและเขาไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สามารถออกจากพื้นที่ต้องห้ามของจอมเวทย์ได้
เขาไม่กล้าใช้งานศาสตร์แปรผันดวงจิตเพราะเขาเกรงว่าเขาอาจจะย้ายร่างไปแล้วตกเหวลึกลงไปก็ได้เขาเดินกลับไปในทางเดิมที่เขาเข้ามา มีหมอกสีขาวไปทั่วทุกที่และไม่มีต้นไม้อยู่รอบๆเลย ซึ่งมันไม่มีวิธีที่จะแยกแยะทิศทางได้เลย เจียงอี้จึงทำได้เพียงเดินเป็นเส้นตรงเท่านั้น
“เอ๊ะ?”
หลังจากเดินไปสิบห้านาทีเจียงอี้ก็อุทานออกมาทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับว่าเขาเห็นผี มีหน้าผาไร้ก้นเหวอยู่เบื้องหน้าเขาซึ่งมีหมอกสีขาวอยู่ด้านล่าง มันทำให้ใจของเขาเต้นรัว
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน?!”
เจียงอี้กระพริบตาปริบๆเขาหยิบดาบมังกรเพลิงและปล่อยมังกรเพลิงออกไปอีกครั้ง เมื่อเขามั่นใจแล้วว่านั่นเป็นหน้าผา การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นมืดมนในทันใด เขารู้สึกว่านี่เป็นเรื่องร้ายแรงแล้ว!
เขาก้าวเท้ามาเป็นเส้นตรงและเมื่อเขามาจากทางนั้นมันก็ไม่มีหน้าผามาก่อนเลย ในตอนนี้เขากลับอยู่ข้างหน้าผา? มีคำอธิบายเดียวเท่านั้น….สถานที่แห่งนี้คือเขตลวงตา
เจียงอี้กลายเป็นคนบ้าคลั่งไปอย่างรวดเร็วและวิ่งไปมาเป็นชั่วโมงสุดท้ายแล้วเขาก็มั่นใจว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเขตลวงตาที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหน สุดท้ายเขาก็จะมาบรรจบลงที่หน้าผาแห่งนี้
“เจ้าเหลืองใหญ่!”
เจียงอี้ยังไม่สิ้นหวังเครื่องรางสัตว์วิญญาณส่องสว่างอยู่ในมือเขาและมีสัตว์อสูรตัวยักษ์ปรากฏตัวขึ้น เขากระโดดขึ้นไปบนเถาอู้และตะโกนว่า “เจ้าเหลืองใหญ่ ขุดลงไปใต้ดิน!”
ผลที่ได้นั้น….ช่างน่าเศร้านัก!
เขาทั้งหกของเถาอู้เปล่งแสงสีเหลืองออกมาแต่พื้นผิวดินเหมือนเหล็กดำหมื่นปีแสงสีเหลืองที่เปลี่ยนโคลนและหินให้กลายเป็นฝุ่นได้ มันกลับไม่สามารถทะลุผ่านพื้นดินนี้ไปได้
“ข้าไม่เชื่อ!”
เจียงอี้เก็บเจ้าเหลืองใหญ่กลับมาและใช้ดาบมังกรเพลิงผ่านพื้นดินผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเป็นเพียงสะเก็ดไฟขณะที่มือของเขาชาเพราะถูกแรงสะท้อนกลับมา พื้นผิวดินสว่างขึ้นด้วยแสงสีขาวนวลซึ่งมันคืออาคมยับยั้งอย่างชัดเจน
“หินวิญญาณเพลิง!”
เจียงอี้กัดฟันแล้วหยิบหินวิญญาณเพลิงออกมาก้อนหนึ่งคราวนี้มันได้ผล พื้นผิวดินเปล่งประกายด้วยแสงสีขาวขณะที่มันเผาไหม้อย่างรวดเร็วและสร้างหลุมลึกประมาณหกเมตร ปัญหาก็คือ….หลุมนี้มันทำอะไรได้บ้าง? พื้นดินโดยรอบก็ยังมีความแข็งคล้ายกันเช่นเดิมซึ่งเทียบได้กับสิ่งประดิษ์ศักดิ์สิทธิ์
หินวิญญาณเพลิงนั้นเหลืออยู่เพียงหกก้อนและเจียงอี้ไม่อยากใช้มันโดยประมาทอีกเขาพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่งและในที่สุดเขาก็ตัดสินใจใช้ไพ่ตายของเขา….ศาสตร์แปรผันดวงจิต!
ทักษะวิชานี้มีพลังมากแต่ก็เป็นอันตรายมากเมื่อใช้มัน แต่เจียงอี้ไม่มีทางเลือกอื่น ร่างของเขาส่องแสงสีขาวขณะที่เขาเพ่งเล็งและย้ายร่างไปยังฝั่งตรงข้ามหน้าผา
“อ่า….”
ผลที่ตามมาคือสิ่งที่น่าเศร้าของเขาเมื่อร่างของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาก็รู้ว่าตัวเองนั้นลอยอยู่กลางอากาศและเบื้องล่างของเขาเป็นเหวลึก ร่างของเขากำลังร่วงหล่นอย่างจริงจัง แล้วเขาก็ลงสู่ก้นบึ้งของหุบเหวในทันใด
“ข้าจบเห่แล้ว!”
เขาสัมผัสได้ว่าความเร็วในการดิ่งลงเหวนั้นเร็วขึ้นเจียงอี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นของความตาย ใครบ้างจะไม่รู้สึกเหมือนถูกทุบตีราวกับอยู่ในโรงเหล็กหลังจากที่ดิ่งสู่ผาสูงเช่นนี้กัน?
ร่างของเขาอยู่กลางอากาศเพราะเขาตกลงมาอย่างรวดเร็วจึงทำให้เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้และจิตใจของเขาก็ปั่นป่วนไปหมด เขาไม่มีทางที่จะปลดปล่อยศาสตร์แปรผันดวงจิตและเขาก็กำลังอยู่ระหว่างหลุมที่ตกลงมา และถึงแม้ว่าเขาจะสามารถย้ายร่างกะทันหันได้ เขาจะย้ายไปไหน?
บูม!
ความคิดของเขาค่อยๆทำให้เขาเวียนหัวจากความกดดันจนท้ายที่สุดก็เป็นลมไปร่างของเขายังคงร่วงหล่นลงไปและหมอกหนาสีขาวก็ยังคงอยู่รอบๆ ไม่มีผู้ใดเห็นว่าด้านล่างนั้นเป็นเช่นไรและดูเหมือนว่าด้านล่างของผานี้คืออเวจีเก้าภพ
…
ทางด้านของจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนไม่รู้ว่าเจียงอี้ได้ก้าวเข้าไปยังพื้นที่ต้องห้ามของจอมเวทย์เพื่อตามล่าหยุนลู่
พวกเขาค่อนข้างตามเก็บศัตรูที่เหลืออย่างรวดเร็วและไม่เหลือรอดไปแม้แต่คนเดียวจากนั้นพวกเขาก็ล้างสนามรบอย่างรวดเร็วและทำให้มั่นใจว่าไม่ได้เหลือร่องรอยหลักฐานใดๆไว้ จากนั้นพวกเขาก็หลบหนีไปทางอุโมงค์ใต้ดิน
ทั้งสองตระกูลสูญเสียผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดไปเจ็ดคนในการตามล่าหยุนลู่และผู้อาวุโสลู่แม้แต่เจียงอี้ก็ยังไล่ตามไป หากพวกเขายังไม่สามารถตามล่าหยุนลู่ได้ เช่นนั้นก็คงเป็นพระประสงค์ของสวรรค์อย่างแท้จริง
พวกเขาหลบหนีไปกันอย่างรวดเร็วจ้านอู๋ซวงให้เฉียนว่านก้วนตามกองทัพและหลบหนีไปยังอาณาจักรต้าเซี่ยก่อนขณะที่เขานำผู้เชี่ยวชาญหลายคนมุ่งตรงไปยังส่วนลึกของป่า
กองทัพจากเมืองเทียนหมิงจะมาถึงเมื่อใดก็ได้หากจ้านอู๋ซวงหลบหนีออกจากป่าไม่ทันการณ์ เขาอาจจะต้องตายอยู่ที่ป่าอเวจีแห่งนี้ตลอดไป แต่เขาก็ยังคงยืนยันที่จะไป หากเจียงอี้ไม่กลับมา เขาก็มีความรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้
กองทัพจากเมืองเทียนหมิงมาถึงที่นี่ในเวลาเพียงหกชั่วโมงนอกเหนือจากร่องรอยต่อสู้แล้ว พวกเขาก็ไม่เห็นศพแม้แต่ศพเดียว
ก่อนที่จ้านอู๋ซวงจะไปเขารวบรวมศพทั้งหมดและเผาพวกเขาไปหมดแล้ว การทำเช่นนี้ ศัตรูก็จะไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้และจะไม่มีหลักฐานได้สาวไปถึงได้
การจัดการของจ้านอู๋ซวงนั้นสมบูรณ์แบบกองทัพที่แม่ทัพหยุนหรูส่งมาจากเมืองเทียนหมิงต่างค้นทั่วทั้งพื้นที่และไม่พบหลักฐานใดๆนอกจากอุโมงค์ใต้ดิน
เป็นเช่นนี้ไปอยู่พักหนึ่งเขาก็ยังไม่สามารถระบุว่าผู้ใดเป็นผู้ลงมือ อย่างไรก็ตาม องค์ชายทั้งสองนั้นมีความขัดแย้งกันอยู่ภายในอาณาจักร หากสิ่งนี้เกิดขึ้นโดยน้องชายขององค์หญิงหยุนเฟย เขาก็คงจะไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากคอยให้กองทัพสอดแนมรอบๆขณะที่ส่งรายงานสถานการณ์ฉุกเฉินไปยังอาณาจักรเทียนเซวี่ยนเขายังส่งรายงานอื่นให้หน่วยสอดแนมนับไม่ถ้วนในละแวกใกล้เคียงเพื่อคอยลาดตระเวนทั่วทั้งหมื่นกิโลเมตรเพื่อหาเบาะแสผู้กระทำผิดนี้
เมื่อรายงานไปถึงเมืองเซวี่ยนเทียนมันก็ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหลหยุนลู่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลจอมเวทย์ซึ่งส่งผลให้ตระกูลอื่นๆมากมายที่เริ่มไม่สนับสนุนเขาและมีการเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจ เมืองเซวี่ยนเทียนได้ตัดสินกันภายในว่าจะให้เขาขึ้นเป็นองค์ราชาในภายภาคหน้า แต่เขาก็ถูกลอบสังหารและถูกฆ่า มันมีความเป็นไปได้ถึงแปดส่วนที่เขาอาจตายไปแล้ว
ราชาแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยนมีโทสะขึ้นมาและทำให้น้องชายของหยุนเฟยถูกกุมตัวทันทีจากนั้นเขาก็ออกคำสั่งให้ตามหาตัวหยุนลู่ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม หากเขายังมีชีวิตอยู่ องค์ราชาก็อยากจะพบเขา หากเขาตายไปแล้ว องค์ราชาก็ยังอยากเห็นศพของเขา แถมองค์ราชายังสั่งให้สืบสวนหาผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง มันไม่สำคัญว่าผู้นั้นจะเป็นใคร หากพบตัวแล้วจะต้องถูกประหารชีวิต
สาส์นลับนับไม่ถ้วนต่างก็ถูกส่งขึ้นมากมายหน่วยลับจากตระกูลต่างๆนับไม่ถ้วนก็เริ่มเคลื่อนไหว ซึ่งรวมไปถึงหน่วยลับจากห้าขั้วอำนาจและจักรวรรดิมังกรเวหา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวคือการตามหาข้อมูลทั้งหมดและหาตัวผู้กระทำผิด! หยุนลู่นั้นพาทหารไปด้วยตั้งพันคนและมีผู้อุทิศสองคนที่รู้เวทย์มนตร์โบราณ แน่นอนว่าคนทั่วไปคงไม่สามารถฆ่าเขาได้
ข่าวนั้นแพร่สะพัดไปทั่วอาณาจักรเทียนเซวี่ยนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะแพร่กระจายไปทั่วทวีปประชาชนจำนวนมากต่างพากันกังวลและสงสัยว่าเหตุการณ์ของหยุนลู่นั้นจะกลายเป็นชนวนสงครามอีกหรือไม่?
…..