เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 336 ส่งข้าขึ้นไป
บทที่ 336 ส่งข้าขึ้นไป
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“ผู้อาวุโสเฮ่อ ท่านจะบอกว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ที่ยอดฝีมือยุคโบราณใช้ปลีกวิเวก? อีกทั้งยังเคยมียอดฝีมือขอบเขตจินกังเข้ามาท้าทายแต่ก็ไม่ได้กลับออกไปอีกเลย?”
เฮ่อเถี่ยซู่ดึงตัวเองขึ้นจากหลุมและอธิบายเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์ให้เจียงอี้ได้รับรู้ซึ่งทำให้เขาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่
หากแม้กระทั่งชนชั้นจินกังยังไม่สามารถเอาตัวรอดออกไปได้ แล้วพวกเขาจะทำได้หรือ?
“เดี๋ยวสิ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
เจียงอี้ขมวดคิ้วและเอ่ยถามต่อ “ทำไมข้าถึงไม่เห็นซากโครงกระดูกของยอดฝีมือขอบเขตจินกังผู้นั้น? ตามที่ได้ยินมา โครงกระดูกของยอดฝีมือระดับนั้นจะแข็งแกร่งราวเหล็กกล้าและไม่ถูกกาลเวลาบ่อนทำลาย ส่วนอีกเรื่อง ข้าเห็นหยุนลู่กระโดดลงมาในหน้าผาแห่งนี้ด้วยตาของข้าเอง แต่มันหายไปไหน?”
“ด้านบน”
ผู้อาวุโสเฮ่อชี้ขึ้นไปพร้อมกับเอ่ย “หยุนลู่จะต้องอยู่ที่ชั้นสองหรือไม่ก็เหนือก็ไปอีกเป็นแน่ ร่างกายของเขามีสายเลือดของตระกูลหยุนไหลเวียนอยู่และเจ้าของพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ก็เป็นคนของตระกูลหยุนเช่นกัน”
“ด้วยกลไกลพิเศษบางอย่าง หยุนลู่อาจจะถูกเคลื่อนย้ายไปชั้นบน ยอดฝีมือขอบเขตจินกังของอาณาจักรต้าเซี่ยเองก็ไม่ธรรมดา คาดว่าเขาก็น่าจะอยู่ชั้นบนด้วยเช่นกัน!”
“บนนั้น? แล้วเราจะขึ้นไปได้ยังไง?”
เจียงอี้กระพริบตาด้วยความสับสนขณะเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสเฮ่อ ท่านเองก็เห็นแล้วนี่ ชั้นแรกนั้นไม่มีทางออกและก็ยังไม่มีร่องรอยความเสียหายเช่นกัน ไม่ว่ายอดฝีมือขอบเขตจินกังจะทรงพลังแค่ไหน เขาก็ไม่น่าที่จะทะลวงขึ้นไปได้โดยตรง ถูกต้องไหม?”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ…”
เฮ่อเถี่ยซู่ก้มศีรษะลงเล็กน้อยและกล่าวตอบด้วยความอับอาย “พรสวรรค์ของข้านั้นย่ำแย่นักและตีความเต๋าวรยุทธได้เพียงแค่รูปแบบเดียวเท่านั้น”
“ตัวข้านั้นยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางของยอดฝีมือที่แท้จริงด้วยซ้ำ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้เกี่ยวกับขอบเขตจินกังมากนัก ข้าไม่รู้ว่าขอบเขตนั้นมีอิทธิฤทธิ์พิเศษอะไรเพิ่มมาหรือไม่ อีกอย่างตระกูลจ้านของเราเองก็ไม่เคยสร้างยอดฝีมือขอบเขตจิงกันออกมาเช่นกัน…”
“แล้วพวกเรายังมีความหวังที่จะหลบหนีได้อีกหรือ?” เจียงอี้เปิดปากถาม ในสายตาของเขาผู้อาวุโสเฮ่อดูเป็นชายชราที่มากประสบการณ์ ดังนั้นความคิดเห็นของเขาจึงมีค่ามากในสถานการณ์เช่นนี้
“แน่นอนว่ายังมีทางอยู่!”
เฮ่อเถี่ยซู่ชี้ขึ้นไปบนชั้นสูงสุดพร้อมกับกล่าว
“ข้าคิดว่าหากพวกเราสามารถขึ้นไปยังชั้นห้าได้ เช่นนั้นก็น่าจะยังมีโอกาสรอดอยู่! ไม่ใช่แค่นั้น บางทีพวกเราอาจจะได้รับสมบัติ รวมไปถึงได้สืบทอดมรดกศาสตร์เวทย์โบราณของยอดฝีมือท่านนั้นอีกด้วย!”
“ก็ได้”
แววตาของเจียงอี้ดูดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ตะโกน
“มัวรออะไรอยู่ล่ะ? ผู้อาวุโสเฮ่อ รีบส่งข้าขึ้นไปบนนั้นเร็วเข้า ตราบเท่าที่สามารถเข้าไปใกล้ชั้นบนสุดได้ ข้ามีวิธีที่จะทำลายกำแพงวังและเข้าไปด้านในได้โดยตรง!”
“ดี!”
เฮ่อเถี่ยซู่รู้อยู่แล้วว่าเจียงอี้ครอบครองหินวิญญาณเพลิงซึ่งสามารทำลายกำแพงวังได้ แม้แต่ก่อนหน้านี้เองเขาก็เคยได้ยินถึงความร้ายกาจของหินวิเศษเหล่านี้มาบ้าง เขาพยักหน้าอย่างแข็งขันซึ่งจะสื่อว่าตัวเขานั้นพร้อมแล้ว
ฟึ่บ!
เจียงอี้โคจรแก่นแท้พลังอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นร่างของเขาก็พุ่งไปด้านหน้าโดยใช้ขาทั้งสองข้างเหยียบไปที่กำแพงหยกและใช้แรงถีบเพื่อส่งร่างของตัวเองให้ลอยขึ้นไป
เจียงอี้กระโดดสูงกว่าหกสิบเมตรซึ่งนั่นก็เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว ในเวลาเดียวกันเขาก็รีดเค้นแก่นแท้พลังสีแดงเพลิงจากดาวดวงแรกภายในตันเทียนอย่างบ้าคลั่งและใช้ดาบมังกรเพลิงเพื่อปลดปล่อยร่างจำแลงทั้งสองของมังกรเพลิงออกมา
“ผู้อาวุโสเฮ่อ!”
“นายน้อยอี้ ระวังตัวด้วย!”
เมื่อเฮ่อเถี่ยซู่สบตากับเจียงอี้ เขาก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายทันที ทันใดนั้นเขาก็ปลดปล่อยคลื่นฝ่ามือขนาดยักษ์ให้ตรงเข้าไปปะทะกับมังกรเพลิงทั้งสองตัว จากนั้นตัวของเขาเองก็ถอยร่นไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ตู้มมม!
เมื่อมังกรเพลิงและฝ่ามือยักษ์เข้าปะทะกัน มันก็ทำให้เกิดการระเบิดที่รุนแรง ตามมาด้วยคลื่นกระแทกที่กระจายไปรอบทิศทาง
เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังรบของผู้อาวุโสเฮ่อนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แม้ว่าเขาจะยับยั้งพลังไว้บ้างแล้ว แต่ผลกระทบก็ยังคงรุนแรงอยู่ดี กระทั่งเจียงอี้เองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
“ผู้อาวุโสเฮ่อ ท่านเองก็ระวังด้วย!”
เจียงอี้ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองและตะโกนสุดเสียง ทันใดนั้นไข่มุกวิญาณของเขาก็เริ่มส่องแสงพร้อมกับเพลิงโลกาที่เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้
คลื่นพลังปราณจากเบื้องล่างได้ส่งร่างของเจียงอี้ให้ลอยสูงขึ้นไป ในขณะเดียวกันเพลิงโลกาที่เขาใช้ในการปกป้องร่างกายก็แตกกระจายและกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ใบหน้าของผู้อาวุโสเฮ่อก็ซีดลงทันที หากว่าเผลอไปโดนสะเก็ดเพลิงโลกาเหล่านั้นล่ะก็ เกรงว่าร่างกายของเขาก็จะได้กลายเป็นรูพรุนหมดแน่
“สำเร็จ!”
หลังจากที่ทำการหลบสะเก็ดเพลิงโลกาด้วยความทุลักทุเล เขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน ทันใดนั้นแววตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความยินดีเมื่อเห็นว่าร่างของเจียงอี้ลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ตราบเท่าที่เด็กหนุ่มผู้นี้สามารถไปถึงชั้นสูงสุดและใช้หินวิญญาณเพลิงเพื่อเจาะทะลวงกำแพง จากนั้นก็รอให้เขาโยนเชือกลงมาและผู้อาวุโสเฮ่อก็จะดึงตัวเองขึ้นไปได้เช่นกัน
ครื้นนนน!
แต่ทันใดนั้นเองเหตุการณ์ประหลาดก็ได้บังเกิดขึ้น!
ร่างของเจียงอี้ลอยอยู่ในระดับหนึ่งร้อยกว่าเมตรเหลือพื้นดินซึ่งเป็นระดับเดียวกับชั้นสองของราชวังแล้ว แต่ในตอนนั้นเองจู่ๆ มันก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นกลางอากาศและเมื่อร่างของเขาสัมผัสกับมัน จู่ๆความเจ็บปวดอันยากจะทนทานก็แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายและทำให้เขากระอักเลือดอย่างรุนแรงก่อนที่จะตกลงมา
“นายน้อยอี้!”
เฮ่อเถี่ยซู่ตื่นตระหนก โดยไม่รอช้า เขารีบกระโจนขึ้นไปบนอากาศและคว้าร่างของเจียงอี้ไว้ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็มองเห็นอาคมยับยั้งสีขาวซึ่งอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ก่นด่าสาปแช่งออกมา
“เจ้าของพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! เขาไม่คิดจะปล่อยให้ใครรอดชีวิตกลับออกไปได้เลยหรืออย่างไร?!”
“แค่ก!”
เจียงอี้ถูกคลื่นพลังที่มองไม่เห็นอัดกระแทกลงมาจากด้านบน โชคดีที่กระดูกไม่หัก แต่อวัยวะภายในก็ได้รับความเสียหายพอสมควร
เมื่อลงมาถึงพื้น เขาก็รีบนำเม็ดยาออกมากินและหลับตาลงเพื่อควบคุมจังหวะหายใจ จากนั้นไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่ยังคงหลงเหลืออยู่และกล่าว
“ผู้อาวุโสเฮ่อ พวกเราจะทำยังไงกันดี? เกรงว่าเราคงไม่สามารถทะลวงผ่านขึ้นไปชั้นบนได้เสียแล้ว”
“เฮ้อออ”
เฮ่อเถี่ยซู่เหลือบมองไปยังหลุมซึ่งอยู่ภายในวังและกล่าวด้วยความหมดปัญญา “ดูเหมือนว่าไม่ว่ายังไงก็ตามผ่านชั้นสองไปให้ได้เพื่อที่จะมุ่งหน้าสู่ชั้นต่อไป แต่ก่อนอื่น ท่านก็ควรที่จะฟื้นฟูร่างกายเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นชั้นสอง ชั้นสามหรือชั้นสี่ล้วนแต่อันตรายทั้งสิ้น พวกเราไม่อาจประมาทได้”
“อืม”
เจียงอี้หลับตาลงและเริ่มฟื้นฟูพลัง ผู้อาวุโสเฮ่อเองก็ไม่อยู่เฉยและทำการเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบ แม้ว่าเขาจะเตรียมใจที่จะตายตั้งแต่ตอนที่ก้าวเท้าเข้ามาในนี้แล้ว แต่ตราบเท่าที่ยังมีความหวังอยู่ เขาก็พร้อมที่จะคว้ามันเอาไว้เช่นกัน
หกชั่วโมงต่อมา เมื่อผู้อาวุโสเฮ่อกลับมาถึง เจียงอี้ก็ฟื้นฟูพลังเสร็จพอดี พวกเขามองหน้ากันโดยไม่พูดไม่จาและรับประทานอาหารร่วมกัน หลังจากที่ทานจนอิ่มแล้ว พวกเขาก็ยืนขึ้นและเดินตรงไปยังช่องแคบๆที่อยู่บนกำแพงวัง
หลังจากที่เข้ามาในชั้นแรก พวกเขาก็มองหน้ากัน จากนั้นเจียงอี้ก็วิ่งไปที่กำแพงและกระโดดสูงขึ้นไปราวหกสิบเมตร ในขณะเดียวกันเขาก็นำหินวิญญาณเพลิงออกมาและขว้างไปบนเพดานหินเหนือศีรษะ
ฟู้ววว!
ทันทีที่เปลวเพลิงสีเขียวถูกปลดปล่อยออกมาจากหินวิญญาณเพลิง เฮ่อเถี่ยซู่ก็รีบถอยหนีด้วยความหวาดกลัว อุณหภูมิรอบด้านสูงขึ้นทันตา แม้ว่าตัวเขาจะอยู่ห่างออกไปนับร้อยเมตร แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังถูกเผาด้วยความร้อน
ครื้นนน!
เป็นไปตามคาด พลังของหินวิญญาณเพลิงสามารถเจาะทะลวงเพดานได้อย่างง่ายดายและสร้างเป็นช่องซึ่งมีขนาดเท่ากับศีรษะมนุษย์
“ดีมาก!”
เจียงอี้ร่อนลงมาถึงพื้นและเงยหน้ากลับขึ้นไปมอง ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสเฮ่อก็รีบเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“นายน้อยอี้ หินวิเศษของท่านจะน่ากลัวเกินไปแล้ว! ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันสามารถเผาผลาญได้แม้กระทั่งอาคมยับยั้งของสถานที่แห่งนี้!”
“ผู้อาวุโสเฮ่อ ท่านถอยไปก่อน ข้าจะขยายรูนั่นแล้วพวกเราจะสามารถขึ้นไปได้”
เจียงอี้กล่าว จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงและขว้างหินวิญญาณเพลิงขึ้นไปอีกครั้ง
ครื้นน!
เมื่อหินวิญญาณเพลิงตกกระทบกับรูที่เจียงอี้ทำไว้ก่อนหน้านี้ มันก็เริ่มแผดเผาส่วนที่เหลือและทำให้ขนาดของมันกว้างกว่าเดิม
จากนั้นเขาก็มองลอดผ่านรูนั่นและเอ่ยขึ้นมา
“ดูสิผู้อาวุโสเฮ่อ ดูเหมือนว่าชั้นสองจะคล้ายกับที่นี่มาก มันดูไม่น่ามีอันตรายอะไรและข้าก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตจากด้านบนเช่นกัน”