เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 339 เต๋าวายุ
บทที่ 339 เต๋าวายุ
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ปัง!
เจียงอี้ร่อนลงมาและผ่าดาบมังกรเพลิงลงไปเหล่าหุ่นเชิดลาวาที่อยู่ด้านล่างก็แตกสลายในทันทีและกลายเป็นลาวาและกระจายออกไปทั่วทิศทาง หุ่นเชิดลาวาด้านล่างก็ก่อตัวขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว หุ่นเชิดทั้งหมดพ่นเพลิงโลกาสีแดงออกมาซึ่งมันจะเผาจอมยุทธให้กลายเป็นจุณเมื่อสัมผัสกับเพลิงเหล่านั้น
เจียงอี้มีไข่มุกวิญญาณเพลิงและมีภูมิคุ้มกันของเพลิงโลกาอยู่แล้วร่างของเขาตรงไปยังลาวาขณะที่ดาบมังกรเพลิงเปล่งประกายสว่างและยิงมังกรเพลิงออกมาทุกทิศทางทำให้หุ่นเชิดลาวาแหละละเอียด ซึ่งไข่มุกวิญญาณเพลิงก็จะดูดซับเพลิงโลกาไปพร้อมๆกันอย่างรวดเร็ว
ไข่มุกวิญญาณเพลิงดูดซับเพลิงโลกาอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกันก็ทำให้ลาวาที่อยู่รอบๆแข็งตัวและหยุดการก่อตัวของหุ่นเชิดลาวาไว้ส่วนหุ่นเชิดลาวาที่อยู่ไกลออกไป พวกมันจะถูกทำลายก่อนที่พวกมันจะทันได้เข้าประชิดตัวเจียงอี้
เจียงอี้เริ่มแหวกว่ายในลาวาขณะที่รอให้เพลิงโลกากว่าครึ่งถูกดูดเข้าไปยังไข่มุกวิญญาณเพลิงทันใดนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปในอากาศและยิงมังกรเพลิงสองตัวและใช้คลื่นระเบิดพุ่งตรงไปยังปล่องภูเขาไฟ
ปัง!
ดาบมังกรเพลิงถูกเสีบเข้าไปในกำแพงภูเขาไฟอย่างฉับพลันซึ่งเจียงอี้นั้นไม่ได้ปีนขึ้นไปบนปล่องภูเขาไฟแต่เขาใช้ดาบมังกรเพลิงขุดรูออกไปด้านนอกแทน
หลังจากขุดรูออกมาได้แล้วเขาก็ยิ้มให้ผู้อาวุโสเฮ่อที่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อของเขาอยู่และเจียงอี้ก็ตะโกนว่า “ผู้อาวุโสเฮ่อ ทางออกอยู่ในภูเขาไฟ”
“อ๋า?”
การแสดงออกของผู้อาวุโสเฮ่อเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขณะที่พูดออกมาด้วยความกลัว“อุณหภูมิภายในภูเขาไฟสูงเกินไป ไม่ใช่ว่าข้านั้นจะไม่ถูกย่างสดหรือหากข้าเข้าไป?”
“ฮิฮิ!”
เจียงอี้ยิ้มและมุ่งหน้ากลับเข้าไปในรูและทำท่าทางให้ผู้อาวุโสเฮ่อตามเขามาและพูดว่า“ผู้อาวุโสเฮ่อไม่ต้องกังวลไป ตามข้ามา ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร”
ดวงตาของผู้อาวุโสเฮ่อสว่างขึ้นเจียงอี้คงไม่โกหกเขา ในเมื่อเขาบอกว่าเขารับประกัน ผู้อาวุโสเฮ่อจึงตามหลังเขาไปอย่างรวดเร็ว ตลอดทางที่เดินไปนั้นอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนผู้อาวุโสเฮ่อไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป จากนั้นเจียงอี้ก็ยื่นมือของเขาออกมาและถ่ายโอนพลังงานที่ลึกลับผ่านมือของเขา ผู้อาวุโสเฮ่อก็รู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายของเขาเย็นลงและเขาก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนระอุอีกต่อไป และเขานั้นรู้สึกเย็นสดชื่นตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย
“พลังงานนี่มันคืออะไรกัน?มันวิเศษมาก!”
ผู้อาวุโสเฮ่อมองไปที่แผ่นหลังเจียงอี้และรู้สึกว่ามันลึกลับมากหนุมน้อยอายุสิบเจ็ดปีผู้นี้ได้นำความประหลาดใจและความน่าชื่นชมมากมายให้แก่เขา พลังลึกลับนี้เขาไม่เคยได้ยินมันมาก่อน มีสิ่งประดิษฐ์มากมายในทวีปนี้ที่ป้องกันไฟ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการใช้พลังงานที่สามารถช่วยให้ผู้อื่นป้องกันไฟได้
“เร็วเข้าผู้อาวุโสเฮ่อ! พลังงานนี่จะหมดไปเร็วมาก ท่านต้องรีบเข้าไปยังเขตค่ายกลเคลื่อนย้ายก่อนที่พลังงานจะหมด”
เมื่อเสียงของเจียงอี้ดังขึ้นเขาก็ไม่กล้าที่จะคิดอะไรมากและวิ่งไปกับเจียงอี้อย่างร้อนรน
ฟึ่บ!
เจียงอี้กระโดดลงมาก่อนและยิงมังกรเพลิงทั้งสองลงไปบดขยี้หุ่นเชิดลาวาหลายตัวจากนั้นเขาก็ตะโกนออกมา “ผู้อาวุโสเฮ่อเหยียบบนตัวข้าแล้ววิ่งไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย”
เมื่อผู้อาวุโสเฮ่อเหินลงมาเขาก็เห็นหุ่นเชิดลาวานับไม่ถ้วนและหน้าตาซีดเผือด คำพูดของเจียงอี้ได้ดึงสติเขาคืนมาขณะที่เขาควบคุมตัวเองให้เหยียบไหล่ของเจียงอี้และเหินต่อไปได้
ฟึ่บฟึ่บ!
ฉึบ!
เจียงอี้ไม่กล้าประมาทขณะที่เขารีบวิ่งไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายเขาจะปล่อยมังกรเพลิงออกมาอย่างต่อเนื่องและเพิ่มความเร็วไปให้ถึงขีดสุดและตามทันความเร็วของผู้อาวุโสเฮ่อ หากผู้อาวุโสเฮ่อไม่มีที่ให้เหยียบก้าวต่อไปและยืมพลังนั่นมาใช้ พลังงานนั้นจะหมดไปอย่างรวดเร็วเพราะหากเขาตกลงไปในลาวาเขาก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
ฟึ่บ!
ความเร็วของผู้อาวุโสเฮ่อนั้นรวดเร็วมากและเขาต้องเหยียบไหล่เจียงอี้ถึงสามครั้งเพื่อไปยังผาหินที่ยื่นออกมาจากหลุมลาวาหน้าผาหินนั้นมีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เปล่งประกายด้วยแสงสีขาว
“นายน้อยอี้!มาเร็ว!”
ผู้อาวุโสเฮ่อเห็นหุ่นเชิดลาวาที่แห่กันเข้ามาหาเขามันเป็นฉากที่น่ากลัวที่จะทำให้ทุกคนหวาดกลัวด้วยการมองเพียงคราเดียว พื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์นั้นเป็นสถานที่ลวงตานัก อย่าว่าแต่การที่พวกเขาได้ขึ้นไปยังภูเขาไฟเลย แม้ว่าพวกเขาจะพบค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกเขาก็จะไม่มีทางเข้าไปที่นั่นได้เลยใช่ไหม? อย่างน้อยเขาก็รู้ดีว่าเขาไม่มีความสามารถนี้
“พวกมันอยู่นั่น!”
เจียงอี้วิ่งไปอย่างสบายๆและปล่อยให้ไข่มุกวิญญาณเพลิงดูดซับเพลิงโลกาต่อไปเมื่อมันใกล้จะเต็ม เขาก็บินขึ้นไปและวิ่งไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายกับผู้อาวุโสเฮ่อ
บุฟ!
ค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เอ๊ะ?”
หลังจากถูกเคลื่อนย้ายมาพวกเขาก็เบิกตากว้าง พวกเขากลับมาอยู่ในราชวังซึ่งดูเหมือนกับชั้นสองไม่มีผิด
“ไม่นี่คงเป็นชั้นสาม!”
ผู้อาวุโสเฮ่อตอบโต้อย่างรวดเร็วและสำรวจพื้นเขาไม่เห็นหลุมที่เจียงอี้เผาและตะโกนออกมาทันที เจียงอี้ก็เหลียวมองและพยักหน้าเช่นกัน พวกเขาทั้งสองมองหน้ากันพร้อมกับปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้เข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายในทันทีพวกเขาทำเพียงแค่นอนอยู่บนพื้นและแผ่ตัวลงนอน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายในพื้นที่ประหลาดของชั้นสอง แต่หลังจากที่อยู่ที่นั่นนานกว่าเจ็ดวัน พวกเขาก็หมดแรงไป
เจียงอี้นอนลงและหลับไปในทันทีส่วนผู้อาวุโสเฮ่อก็ยังคงระมัดระวังตัวอยู่เสมอและบ่มเพาะพลังไป หลังจากที่เจียงอี้พักผ่อนไปหนึ่งวัน จากนั้นเขาจึงค่อยพักผ่อน
อีกสองวันต่อมาร่างกายของพวกเขาก็กลับคืนสู่สภาพเดิมและพวกเขาก็ก้าวเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยกันและออกเดินทางต่อ
บุฟ!
อย่างที่คาดไว้พวกเขาทั้งสองถูกเคลื่อนย้ายไปสู่พื้นที่ประหลาดซึ่งเป็นถิ่นกันดารอีกเช่นเคย เจียงอี้มองไปรอบๆและไม่ได้สังเกตเห็นอันตรายใดๆ แต่เขาเห็นป่าทางด้านซ้าย
เราไม่ควรเข้าไปในป่า!
พวกเขาไม่กล้าเข้าไปในป่าอย่างประมาททั้งสองเพิ่งลาดตระเวนจากด้านนอกและเดินไปทางด้านขวา พวกเขาจนมุมอย่างรวดเร็วขณะที่มีป่าอื่นปรากฏขึ้นทางด้านขวา หลังจากวิ่งไปอีกสองสามกิโลเมตร ผู้อาวุโสเฮ่อก็บินขึ้นไปและมองดูจากด้านบน เขามองไม่เห็นขอบเส้นของป่า เห็นได้ชัดว่ามันกว้างใหญ่มากจนไม่มีพรมแดนขวางกั้น
พวกเขาทั้งสองจึงปรึกษากันและตัดสินใจที่จะเดินไปตามป่าหากชั้นสองนั้นอันตรายขนาดนั้น ชั้นสามก็คงจะอันตรายยิ่งกว่า มันไม่จำเป็นที่จะต้องพูดออกมาเลยว่าป่าแห่งนี้จะมีอสูรร้ายจำนวนมากซ่อนอยู่
ในที่สุด…..
หลังจากเดินมาได้สองชั่วโมงพวกเขาก็รู้สึกว่ากลับไปยังจุดเดิม มีป่าล้อมรอบอยู่ทุกทิศทางและไม่มีทางอื่นที่จะไปได้
“ไปกันเถอะ!”
ผู้อาวุโสเฮ่อปล่อยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมาก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในป่าเจียงอี้เดินไปทางซ้ายและอยู่ห่างจากผู้อาวุโสเฮ่อหลายเมตร เขากลัวว่าเขาอาจจะต้องปล่อยเพลิงโลกาหรือเจตจำนงสังหารออกมาเมื่อตกอยู่ในอันตราย หากผู้อาวุโสเฮ่ออยู่ข้างๆเจียงอี้ เขาจะต้องทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน และเจียงอี้ก็จะไม่สามารถใช้กำลังได้อย่างเต็มที่
โฮกกก!
หลังจากที่เดินไปได้เพียงครู่หนึ่งก็มีเสียงคำรามมาจากด้านหน้าเงาดำเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วราวกับดาบคม ร่างของมันเปล่งแสงสีดำและมันจะเผาต้นไม้และวัชพืชทั้งหมดที่มันแล่นผ่านมา มันรวดเร็วมากและใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็มาถึงด้านหน้าผู้อาวุโสเฮ่อแล้ว มันอ้าปากของมันแล้วปล่อยเปลวไฟสีดำออกมา
“สัตว์อสูรระดับสามอสูรเสือดำอัคนี!”
ผู้อาวุโสเฮ่อมีสีหน้าที่มืดหม่นในทันทีและหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วเขาชักดาบออกมาจากฝักและตวัดไปในอากาศพร้อมทั้งเปลี่ยนดาบให้กลายเป็นดาบเพลิงนับร้อยที่พุ่งเข้าใส่สัตว์อสูรระดับสาม
ฟึ่บฟั่บ!
เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจเพราะการโจมตีของผู้อาวุโสเฮ่อไม่ได้เป็นเพียงแค่เงาดาบเพลิงหลายร้อยสายถูกโจมตีออกไปพร้อมกัน แสงของใบมีดทุกใบมีขนาดเล็กมากเหมือนใบมีดลมมากมายนับไม่ถ้วนที่ถูกตวัดออกไป ดาบเพลิงนั้นมีกลิ่อายที่น่ากลัวและมันมีพลังอย่างเหลือล้นและห่อหุ้มสัตว์อสูรระดับสามนั้นไว้
“ฮ่าๆ!นายน้อยอี้ นี่เป็นรูปแบบเต๋าเพียงรูปแบบเดียวที่ตาเฒ่าคนนี้เข้าถึงมันได้ มันคือเต๋าวายุระดับต่ำ ความแข็งแกร่งของมันนั้นยังถือว่าพอได้อยู่!”
เสียงที่ภาคภูมิใจของผู้อาวุโสเฮ่อดังก้องขึ้นและมันได้ตอบคำถามที่อยู่ในใจของเจียงอี้ เขานั้นก็ได้เข้าใจรูปแบบหนึ่งของเต๋าวายุซึ่งสามารถยับยั้งศัตรูและอยู่ในประเภทควบคุมได้ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของผู้อาวุโสเฮ่อเป็นประเภทที่มีพลังที่น่าทึ่ง หากนี่คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว เขาก็อาจจะถูกฆ่าทันทีหลังจากถูกห้อมล้อมด้วยการโจมตีด้วยแก่นแท้พลังที่มากมากเช่นนี้ใช่ไหมนะ?
นัยน์ตาของเจียงอี้เริ่มลุกเป็นไฟอย่างรวดเร็วขณะที่เขาคิดกับตัวเองข้าจะขอให้ผู้อาวุโสเฮ่อสอนเต๋าวายุให้ข้าเมื่อถึงเวลา! หากข้าสามารถเข้าถึงมันและใช้งานร่วมกับดาบมังกรเพลิงและได้เห็นมังกรเพลิงนับร้อยได้ก็คงจะดีไม่น้อยใช่ไหม? พลังโจมตีของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ตามที่จักรพรรดินีสัตว์อสูรเคยว่าไว้ เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น ข้าจะต้องเข้าถึงรูปแบบเต๋าอย่างต่อเนื่อง!