เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 340 ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 340 ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้
บทที่ 340 ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ตึง! ตึง! ตึง!
ณ ส่วนลึกภายในหุบเขาสามหมื่นลี้ ราชันสัตว์อสูรทั้งสิบแปดตนต่างก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
ทุกที่ที่พวกมันข้ามผ่าน เหล่าสัตว์อสูรน้อยใหญ่ในบริเวณนั้นต่างก็ต้องหมอบกราบลงกับพื้นเพราะความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ
“จี๊จี๊!”
จิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่บ่นไหล่ของหมียักษ์ที่มีขนสีแดงหนา ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันก็เอาแต่กู่ร้องเพื่อกระตุ้นให้กลุ่มราชันสัตว์อสูรเคลื่อนที่เร็วขึ้น
หลังจากที่เดินทางด้วยความเร่งรีบอยู่หลายวัน ในที่สุดพวกมันก็มองเห็นยอดเขาเทพธิดาเสียที
เมื่อกลุ่มของพวกมันเดินทางมาถึง ราชันสัตว์อสูรอีกสิบเจ็ดตัวที่เหลือต่างก็ไม่กล้าที่จะย่างกรายเข้าไปและทำได้เพียงรออยู่ที่ด้านล่างเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง ราชันโลหิตแดงกับจิ้งจอกน้อยก็รีบทะยานขึ้นไปบนหน้าผา ไม่นานนักพวกมันก็มาถึงยอดเขาจนได้
ฟึ่บ!
เสี่ยวเฟยรีบกระโดดลงจากไหล่ของเจ้าแดงน้อย จากนั้นนางก็วิ่งตรงไปยังราชวังตรงหน้าด้วยสี่เท้าน้อยๆของนาง ท่าทีที่รีบร้อนของจิ้งจอกน้อยในตอนนี้ช่างดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก
ฟุบ!
แต่ก่อนที่จิ้งจอกน้อยจะทันได้เข้าไปในวัง ร่างเงาอันงดงามของหญิงสาวผู้หนึ่งก็เดินสวนออกมาพร้อมกับกล่าวด้วยท่าทีสงสัย?
“เสี่ยวเฟย เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“จี๊จี๊!”
โดยไม่รอช้า จิ้งจอกน้อยรีบกระโดดเข้าสู่อ้อมอกของผู้เป็นมารดาพร้อมกับร้องออกมาไม่หยุด ในเวลานี้ใบหน้าน้อยๆของนางกำลังเต็มไปด้วยความกังวล ดวงตาที่ดูคล้ายกับอัญมณีเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาซึ่งทำให้นางดูน่าสงสารจับใจ
“เจียงอี้เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์?”
หลังจากที่พูดคุยกันอยู่ชั่วครู่จักรพรรดินีอสูรและราชันโลหิตแดงก็เข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทันใดนั้นใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปพร้อมกับส่ายศีรษะด้วยความจนใจ
“เสี่ยวเฟย ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากจะช่วยเขา แต่แม่ทำไม่ได้”
“จี๊จี๊!”
เมื่อได้ยินคำตอบของผู้เป็นมารดา สีหน้าของจิ้งจอกน้อยก็สลดลงทันที ในขณะเดียวกันราชันโลหิตแดงที่ยืนอยู่ห่างออกไปก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“องค์จักรพรรดินี พื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์แห่งนั้นน่าเหลือเชื่อมากเลยหรือขอรับ? แม้แต่ตัวตนอันยิ่งใหญ่เช่นท่านก็ไม่อาจที่จะย่างกรายเข้าไปได้?”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้… จอมเวทย์ผู้นั้นเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์อันสูงส่ง”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรยื่นมือออกมาและลูบไปที่หัวของจิ้งจอกน้อยด้วยความอ่อนโยนเพื่อที่จะทำให้นางบรรเทาความกังวลลง หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ นางก็อธิบายต่อ
“ความจริงแล้วด้วยพลังของข้า หากจะเข้าไปก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้… แต่ที่สิ่งที่น่ารำคาญก็คือจอมเวทย์ผู้นั้นได้สร้างอาคมที่ทรงพลังเอาไว้ต่างหาก”
“หากว่ายอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตจินกังขั้นที่ห้าบุกเข้าไปที่นั่น มันจะทำการระเบิดตัวเองทันที!”
“จอมเวทย์ผู้นั้นได้บรรลุขอบเขตเทียนจุนก่อนที่เขาจะสิ้นชีพไป ถึงอย่างนั้นศาสตร์เวทย์และอาคมที่เขาเหลือทิ้งไว้ก็ยังไม่ใช่อะไรที่จะประมาทได้”
“ในขณะเดียวกัน หากว่านักสู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจินกังขั้นที่ห้าฝืนเข้าไปในที่แห่งนั้น พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! แดงน้อย แม้แต่ตัวเจ้าที่เป็นราชันสัตว์อสูรเองก็ไม่มีทางรอดกลับมาเช่นกัน… ดังนั้นคงไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้แล้ว!”
“จี๊จี๊!”
ดวงตาของจิ้งจอกน้อยเสี่ยวเฟยในเวลานี้เผยให้เห็นความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากแม้กระทั่งมารดาของนางยังไม่สามารถช่วยเหลือเจียงอี้ได้ แล้วในทวีปเทียนชิงแห่งนี้จะยังมีใครที่จะช่วยเขาได้อีก?
ราชันโลหิตแดงส่ายหัวพลางถอนหายใจอย่างเงียบๆ แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็ยิ้มออกมาและกล่าว
“เสี่ยวเฟย อย่าเพิ่งท้อแท้ไป! ในประวัติศาสตร์อาจจะไม่มีใครสามารถกลับออกมาจากที่แห่งนั้นได้… แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเจียงอี้จะทำไม่ได้!”
หืม? องค์จักรพรรดินีทรงเชื่อมั่นในตัวเด็กคนนั้นขนาดนี้เลยหรือ?
ในขณะที่ดวงตาของจิ้งจอกน้อยส่องประกายความหวัง ภายในใจของราชันโลหิตแดงก็บังเกิดความแตกตื่นและเหลือเชื่อ จากนั้นมันก็เอ่ยถาม
“องค์จักรพรรดินี ท่านมองเห็นความพิเศษบางอย่างในตัวเด็กหนุ่มคนนั้นใช่ไหมขอรับ?”
นางพยักหน้าและกล่าว
“เด็กคนนั้นแตกต่างจากคนอื่น ตันเทียนของเขาแปลกประหลาดและสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วทั้งที่มีอายุเพียงแค่นี้”
“เขาสามารถเข้าใจได้แม้กระทั่งรูปแบบเต๋า ข้ามีความสงสัยว่าศาสตร์บ่มเพาะของเขา… อาจจะไม่ใช่สิ่งที่มาจากทวีปแห่งนี้!”
“มารดาของเขานั้นมีภูมิหลังที่ลึกลับไม่ธรรมดาและมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะสืบทอดบางอย่างมาจากนาง”
“ในสายตาข้า เด็กคนนั้นคือความเป็นไปได้อันไม่รู้จบ ข้าคิดว่าเขาอาจจะสามารสร้างปาฏิหาริย์และออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามได้ แต่ถ้าหากว่าเขาทำไม่ได้… มันก็หมายความว่าข้ามองคนผิดไปและข้าจำต้องพาเสี่ยวเฟยออกเดินทางไปด้วยกันในอีกสามปีหลังจากนี้”
ทันใดนั้นเอง ความวิตกกังวลอันหาได้ยากยิ่งก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของราชันสัตว์อสูรผู้ยิ่งใหญ่
“องค์จักรพรรดินี ท่านไม่สามารถพาพวกเราไปด้วยได้จริงๆหรือ? พวกเราทุกตนพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้ององค์หญิงน้อย แม้ว่าพลังของพวกเราจะต้อยต่ำนัก แต่หากว่าถึงช่วงเวลาสำคัญ พวกเราก็ยังสามารถพาองค์หญิงหลบหนีไปได้”
“ทำเช่นนั้นไม่ได้…”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรส่ายหัวและกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉย
“ศัตรูของข้านั้นทรงพลังเกินไป ด้วยพลังของเจ้า… เจ้าไม่สามารถทนได้แม้กระทั่งฝ่ามือเดียวของเขา!”
“พอเท่านี้แหละ!”
เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกน้อยและราชันโลหิตแดงกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา จักรพรรดินีสัตว์อสูรก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เสี่ยวเฟย เจ้าไม่ควรที่จะออกไปไหนในช่วงนี้ หากว่าเจียงอี้กลับออกมาได้ เจ้าค่อยไปเล่นกับเขา แต่ถ้าไม่ ก็แสดงว่ามันคือชะตากรรมที่เขาต้องแบกรับ! เอาล่ะ ข้าจะกลับเข้าสู่การบำเพ็ญแล้ว แดงน้อย ดูแลนางด้วย!”
ฟึ่บ!
เมื่อกล่าวจบ นางก็ส่งเสี่ยวเฟยให้กับราชันโลหิตแดง หลังจากนั้นร่างของนางก็หายวับไปทันที
……
“ไม่ได้รับข่าวจากจักรพรรดินีสัตว์อสูรเลยหรือ?”
ณ ที่ซ่อนลับภายในเมืองเล็กๆซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรต้าเซี่ย เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงกำลังพูดคุยกับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
จิ้งจอกน้อยกลับไปยังหุบเขาสามหมื่นลี้เป็นเวลานานพอสมควรแล้ว แต่กลับไม่ได้ส่งข่าวคราวอะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อย มันอาจจะตีความได้ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในครั้งนี้
“ส่งคนออกไปสอบถามจิ้งจอกน้อยให้แน่ชัด!”
เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงเห็นพ้องกันและทำการส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวออกไปตามหาจิ้งจอกน้อยเพื่อที่จะยืนยันคำตอบที่แน่นอน
หากว่าปราศจากข่าวคราวใดๆ พวกเขาก็ทั้งก็รู้สึกละอายใจเกินกว่าที่จะกลับไปพบหน้าซูรั่วเสวี่ยและเจียงเสี่ยวนู๋ที่เมืองเซี่ยยวี่
การที่เจียงอี้เดินทางเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์ก็มีสืบเนื่องมาจากพวกเขาทั้งสองตระกูล ในขณะเดียวกัน อาณาจักรต้าเซี่ยก็กำลังอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมอย่างมาก… หากว่าปราศจากเขา มันก็พร้อมที่จะพังทลายได้ทุกเมื่อ!
“รายงาน!”
สองวันต่อมา หน่วยสอดแนมก็นำข่าวกลับมาให้พวกเขา ราชันโลหิตแดงได้ถ่ายทอดถ้อยคำของจักรพรรดินีสัตว์อสูรเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเจียงอี้ได้
ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าขอบเขตจินกังขั้นที่ห้าไม่อาจย่างกรายเข้าไปในนั้นได้ มิฉะนั้นกลไกลระเบิดที่ถูกตั้งไว้ก็จะทำงานทันที
แต่ถึงอย่างนั้นราชันโลหิตแห่งก็ยังถ่ายทอดข้อความที่ทำให้พวกเขารู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง จักรพรรดินีสัตว์อสูรกล่าวว่าเจียงอี้อาจจะช่วยเหลือตัวเองและกลายเป็นบุคคลแรกที่หลบหนีออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์ได้สำเร็จ
แม้ว่าความจริงจะฟังดูโหดร้าย แต่จ้านอู๋ซวงก็ยังตัดสินใจที่จะแจ้งเรื่องนี้ให้กับซูรั่วเสวี่ยทราบ พวกเขาทั้งสองถึงขั้นเดินทางไปยังเมืองเซี่ยยวี่อย่างเงียบเชียบเพื่อทำการขออภัยนางด้วยตัวเอง
เมื่อได้รับรู้ข่าวร้ายที่เกิดขึ้น ซูรั่วเสวี่ยก็กังวลจนแทบจะนอนไม่หลับ แต่สุดท้าย เพราะกิจของบ้านเมืองที่กำลังวุ่นวายจึงทำให้นางต้องทำงานอย่างหนักและหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าถึงขีดสุด
ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา ซูรั่วเสวี่ยสูญเสียน้ำหนักไปถึงสี่กิโลกรัมและยังมีใบหน้าที่ดูซีดเซียวอยู่ตลอดเวลา
แต่เมื่อต้องพบปะผู้คน นางก็สามารถแสร้งทำเป็นสงบเพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าภายในใจได้ทันที มีเพียงคนสนิทไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางกำลังทุกข์ทรมานมากขนาดไหน
โชคดีนักที่ซูรั่วเสวี่ยเป็นผู้ชาญฉลาดและได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว นางสั่งให้คนสร้างหน้ากากของเจียงอี้ขึ้นมาแล้วก็ให้ใครบางคนปลอมตัวเป็นเขา จากนั้นก็ให้คนผู้นั้นไปปรากฏตัวในเมืองเป็นครั้งคราวเพื่อทำให้ประชาชนและเหล่าทหารสงบลงพร้อมกับขจัดข้อสงสัยทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขา
อาณาจักรเทียนเซวี่ยนค้นพบในเวลาต่อมาว่าหยุนเฟยและน้องชายของนางไม่ใช่ผู้สั่งการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
พวกเขากำลังสงสัยว่าผู้ที่ลงมือลอบสังหารหยุนลู่อาจจะเป็นคนของอาณาจักรอื่น และแน่นอน ผู้ต้องสงสัยคนสำคัญย่อมหนีไม่พ้นเจียงอี้ เพราะเขาคือผู้ที่เกือบจะสังหารองค์ชายหยุนลู่ในตอนที่อยู่ในท้องพระโรงของราชวังหลวงแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย!
แต่ถึงอย่างนั้น การเตรียมการของซูรั่วเสวี่ยก็ทำให้ฝ่ายนั้นขจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับเจียงอี้ไปได้ชั่วคราว เพราะอย่างไรเสีย แม้กระทั่งความเร็วสูงสุดของยอดฝีมือขอบเขตจินกังก็ยังไม่สามารถเดินทางจากป่าอเวจีเพื่อกลับมายังเมืองเซี่ยยวี่ได้ภายในวันเดียว
แน่นอนว่าสิ่งนี้จะช่วยยืดเวลาออกไปได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หากเจียงอี้ยังไม่กลับมาในเร็ววัน อีกไม่นานก็จะต้องมีผู้จับพิรุธได้ จากนั้นอาณาจักรเทียนเซวี่ยนก็จะปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ทันทีและอาณาจักรต้าเซี่ยก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงสงครามได้อีกต่อไป