เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 341 มาดูกันว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้ยังไง
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 341 มาดูกันว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้ยังไง
บทที่ 341 มาดูกันว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้ยังไง
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“ผู้อาวุโสเฮ่อข้ามีบางสิ่งที่อยากจะถามหน่อย ข้าจะขอเรียนการโจมตีรูปแบบเต๋านี้ได้หรือไม่? ข้าสามารถแลกเปลี่ยนการโจมตีรูปแบบเต๋าที่ข้าเข้าถึงให้กับท่านได้ แถมมันยังเป็นเต๋าวายุเหมือนกันด้วย”
อสูรเสือดำอัคนีนั้นเป็นสัตว์อสูรระดับสามขั้นต่ำซึ่งไม่ได้เป็นอันตรายใดๆต่อผู้อาวุโสเฮ่อหลังจากที่ผู้อาวุโสเฮ่อปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าและฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย เจียงอี้ก็ตื่นเต้นขึ้นในทันทีและขอให้ผู้อาวุโสเฮ่อสอนเขา
แม้ว่าเจียงอี้จะไม่มั่นใจในเรื่องการหาทางออกจากพื้นที่ต้องห้ามของจอมเวทย์แต่เขาก็ยังต้องการที่จะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นและยังมีความสนใจในรูปแบบเต๋าเป็นอย่างมาก เมื่อก่อน เขาถูกบังคับให้ต้องแข็งแกร่งขึ้น แต่ในตอนนี้หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของรูปแบบเต๋าจากจักรพรรดินีสัตว์อสูรแล้ว เขาก็มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง
เมื่อผู้อาวุโสเฮ่อได้ยินคำขอนี้ก็แสดงความประหลาดใจออกมาเมื่อเห็นว่าเจียงอี้จริงจังแค่ไหนเขาก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและตอบกลับว่า “นายน้อยอี้ จะเป็นไปได้ไหมที่….ไม่มีผู้ใดอธิบายเกี่ยวกับรูปแบบเต๋าให้ท่านฟัง?”
“จักรพรรดินีสัตว์อสูรบอกบางอย่างแก่ข้ามาบ้างมันเป็นอย่างไรหรือ?” เจียงอี้ถามออกมาด้วยความงุนงง
ผู้อาวุโสเฮ่อมองเจียงอี้ราวกับว่าเขากำลังมองสัตว์ประหลาดเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนที่เจียงอี้นั้นยังเด็ก เขาเกิดมาในตระกูลเล็กๆและเขาก็เพิ่งเข้ามาอยู่ที่สำนักจิตอสูรได้เพียงไม่นาน …… เขาไม่คิดว่าจะมีอะไรที่แปลกไปกว่านี้อีกแล้ว
เขาพึมพำครู่หนึ่งก่อนที่จะอธิบายว่า“นายน้อยอี้ ทักษะการต่อสู้ที่แยกย่อยมาจากเต๋าวรยุทธรูปแบบต่างๆอาจจะสามารถถ่ายทอดให้กันได้ แต่สำหรับรูปแบบเต๋าแท้จริงนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดเพราะจะทำให้ผู้ฝึกเข้าใจผิดได้ง่ายๆ หากพวกเขาเดินไปผิดทาง พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถเข้าใจรูปแบบเต๋าประเภทนั้นๆได้อีกเลย จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแล้ว ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดถ่ายทอดรูปแบบเต๋าออกมาเลยและจะสอนเพียงความรู้ที่เป็นพื้นฐานบางอย่างในความเข้าใจของตนเท่านั้น… ”
“มันเป็นอย่างนี้นี่เอง!”
เจียงอี้พยักหน้าเงียบๆและเผยร่องรอยของความผิดหวังขึ้นในสายตาของเขารูปแบบเต๋านี้ดูเหมือนจะยากแท้หยั่งถึงและไม่มีผู้ใดที่จะชี้ทางที่ถูกต้องให้เขาได้ เขาจะต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อเข้าถึงมันเอง
หลังจากไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าหากรูปแบบเต๋านั้นง่ายที่จะเข้าถึงแล้ว โลกนี้ก็คงจะเกลื่อนกลาดไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังแล้ว ทุกคนรู้ดีว่ามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดอยู่มากมาย แต่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเพียงแค่หยิบมือ
“นายน้อยอี้!”
ผู้อาวุโสเฮ่อพูดอีกครั้ง“หากท่านอยากเข้าถึงเต๋าวายุ ข้าสามารถปลดปล่อยมันได้อีกหลายครั้งเพื่อให้ท่านสังเกตถึงรายละเอียด มันคงขึ้นอยู่กับโชคของท่านแล้วหากท่านสามารถเข้าถึงเต๋าวายุได้ สัญชาตญาณของท่านนั้นน่าจะเป็นแบบพิเศษ และมีผู้คนมากมายบนโลกนี้ที่มีสัญชาตญาณที่พิเศษเช่นกัน แต่การเข้าถึงรูปแบบเต๋านั้นสุดแล้วแต่โชคชะตาขอรับ”
“อื้มได้เลย!”
เจียงอี้พยักหน้าแล้วพูดว่า“งั้นเมื่อยามข้าโจมตี ข้าจะปลดปล่อยรูปแบบเต๋าของข้าเช่นกัน ผู้อาวุโสเฮ่อสามารถดูได้ว่าจะเข้าใจรูปแบบของมันหรือไม่”
“ไม่จำเป็นเลยไม่จำเป็น!”
ผู้อาวุโสเฮ่อหัวเราะอย่างขมขื่นและพูดว่า“นายน้อยอี้ สัญชาตญาณของจอมยุทธนั้นอยู่ในช่วงที่จอมยุทธนั้นมีช่วงอายุเยาว์วัย หลังจากเลยสี่สิบปีมาแล้ว หากความแข็งแกร่งของผู้นั้นไม่ได้เก่งนัก ร่างกายทั้งหลายก็จะเสื่อมโทรม รวมไปถึงสัญชาตญาณด้วย คนอายุเช่นข้าไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้แล้วล่ะ มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอยู่มากในตระกูลจ้าน แต่หลังจากผ่านไปหลายปี ข้าก็ยังคงย่ำอยู่ที่ระดับเดิม ข้าไม่สามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตจินกังได้และข้าก็อาจจะอยู่ในขั้นนี้ไปจนถึงวันที่ข้านั้นลาจากโลกนี้ไป”
“ขอบเขตจินกัง!”
ดวงตาของเจียงอี้สว่างขึ้นเขาหลงลืมหลายๆอย่างไปโดยสิ้นเชิง และตอนนี้ก็มีเวลาว่างที่จะถามผู้อาวุโสเฮ่อ เขาจึงถามผู้อาวุโสเฮ่ออย่างรวดเร็ว “ผู้อาวุโสเฮ่อ ขอบเขตจินกังนั้นมันต่างกันยังไงหรือ? คนผู้หนึ่งจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตจินกังได้อย่างไร?”
“มันง่ายมาก”
ผู้อาวุโสเฮ่อเดินและอธิบายไปในเวลาเดียวกัน“เมื่อการบ่มเพาะพลังนั้นถึงขีดจำกัด ตำหนักม่วงก็จะแปรเปลี่ยนไป เมื่อคนผู้นั้นบ่มเพาะพลังมาถึงขั้นนั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นก็จะอยู่ที่ขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว และขั้นต่อไปก็จะต้องเข้าถึงรูปแบบเต๋าขั้นต่ำให้ได้สามชนิด หรือไม่ก็รูปแบบเต๋าขั้นกลางหนึ่งชนิด คนผู้นั้นก็จะสามารถฟักออกจากรังราวกับผีเสื้อและก้าวเข้าสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง”
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว!”
เจียงอี้พยักหน้าขณะที่เขาเดินต่อไป เขาก็ถามถามว่า “มีรูปแบบเต๋าทั้งหมดกี่ชนิดหรือ? แล้วคนผู้หนึ่งจะเข้าใจรูปแบบเต๋าโดยตรงได้เลยหรือไม่?”
“นี่….”
ผู้อาวุโสเฮ่อนิ่งงันไปกับคำถามของเจียงอี้เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะตอบว่า “มีรูปแบบเต๋าอยู่นับไม่ถ้วนบนโลกใบนี้ ซึ่งมันผสมผสานกับกฎแห่งฟ้าดิน ดังนั้นจึงมีรูปแบบเต๋าหลายชนิดนัก ตามข้อมูลจากตระกูลจ้านนั้นมีเต๋าวายุอย่างน้อยเก้าชนิด, ขั้นกลางมีหกชนิด, และขั้นสูงสามชนิด เต๋าอัคคี,วารี,ปฐพี และโลหะนั้นก็มีจำนวนรูปแบบเต๋าเหมือนๆกัน นอกจากนี้ยังมีรูปแบบเต๋าแห่งแสง และเต๋าแห่งความมืด พร้อมกับเต๋าชนิดพิเศษอีกมากมาย รูปแบบเต๋าพิเศษนั้นมีจำนวนที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังและเทียนจุนก็ไม่อาจรู้….”
“เราสามารถเข้าใจรูปแบบเต๋าขั้นกลางได้โดยตรงเลยแต่จะต้องมีพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์มากและข้าก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับมันเหมือนกัน…”
“มีรูปแบบเต๋ามากมายจริงๆ!”
ดวงตาของเจียงอี้มองไปรอบๆและมองที่โลกนี้เขารู้สึกว่าทุกที่นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ หากรูปแบบเต๋าขั้นต่ำมีความสามารถที่ลึกลับถึงเพียงนี้ แล้วรูปแบบเต๋าขั้นกลางและสูงจะเป็นอย่างไรกัน? หรือบางทีจะเป็นรูปแบบเต๋าในตำนาน? จะเป็นความสามารถที่น่าประหลาดใจแค่ไหนกัน? จะเป็นการวาดดาบเพียงคราเดียวก็สามารถตัดท้องฟ้าได้เลยหรือไม่นะ?
“นายน้อยอี้ระวัง!”
ในขณะที่เจียงอี้กำลังพึมพำกับตัวเองผู้อาวุโสเฮ่อก็ร้องอุทานออกมาในทันใด ดวงตาของเขาจับจ้องไปด้านหน้าทันทีและดวงตาก็หดแคบลงในขณะที่เขาร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “นี่คือเวทย์มนตร์อีกแล้ว?”
ฟึ่บฟั่บ!
มีแสงสีเขียวส่องประกายมาจากที่ใดก็ไม่ทราบและต้นไม้ก็เริ่มเปลี่ยนโฉมกิ่งก้านของพวกมันเปลี่ยนไปและขยายออกมาราวกับงูพิษและสร้างกรงคุกขึ้นขณะที่วัชพืชและรากจากด้านล่างก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและปกคลุมพวกเขาทั้งสองไว้
“มีคนอยู่ใกล้ๆ?หรือนี่จะเป็นอาคมยับยั้งอัตโนมัติ? การโจมตีผู้บุกรุก?”
เจียงอี้นั้นสงสัยมากแต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิด เขาปล่อยเพลิงโลกาเพื่อกำจัดวัชพืชและรากไม้ที่ยื่นมาหาเขาทันที จากนั้นก็มองไปยังผู้อาวุโสเฮ่อและตะโกนว่า “ผู้อาวุโสเฮ่อ อย่าให้กิ่งไม้เหล่านั้นถูกตัวท่าน สารสีเขียวบนพื้นนั่นกัดกร่อนเนื้อได้”
ผู้อาวุโสเฮ่อสั่นเทาด้วยความตกใจสามผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวจากตระกูลจ้านกลายเป็นกระดูกไปซึ่งเขาเห็นมันกับตาตัวเอง สิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์ของเขากำลังกวัดแกว่งตัดวัชพืชและรากทั้งหมด
“อ๊ากกกกก!”
อย่างไรเสียจำนวนกิ่งไม้ วัชพืช ราก และเถาวัลย์มีจำนวนมากเกินกว่าจะจัดการได้ ผู้อาวุโสเฮ่อเริ่มประมาทเล็กน้อยและถูกกิ่งไม้ฟาดที่หลังของเขา ผิวหนังของเขาถูกกัดกินไปในทันทีและชุ่มไปด้วยเลือด
“ผู้อาวุโสเฮ่ออย่าแข็งขืนไป ข้าจะให้ท่านเข้าไปอยู่ในแจกันเขียวพิสุทธิ์ มิเช่นนั้นท่านจะตาย”
เพลิงโลการอบเจียงอี้นั้นหายไปอย่างรวดเร็วขณะที่แจกันเขียวพิสุทธิ์ปรากฏขึ้นในมือของเขาเขาใช้แก่นแท้พลังหุ้มแจกันสีเขียวไว้ขณะที่แสงสีเขียวก็พุ่งออกมาจากปากแจกันอย่างรวดเร็ว
เจียงอี้ขัดเกลาแจกันนี้มานานแล้วแต่เขาไม่รู้วิธีใช้มัน ตอนนี้เขาเพียงแค่ชี้ปากแจกันไปยังผู้อาวุโสเฮ่อโดยไม่รู้ตัว และผู้อาวุโสเฮ่อก็หายไปหลังจากถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียวนี้ เจียงอี้รู้สึกโล่งใจเมื่อเขาหมกมุ่นอยู่กับแจกันสีเขียวและเห็นว่าผู้อาวุโสเฮ่ออยู่ในแจกันแล้ว
ฟึ่บฟั่บ!
เมื่อเพลิงโลกาของเจียงอี้ถูกถอนกลับไปกิ่งไม้และเถาวัลย์ก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงจากทั่วทุกสารทิศ ขณะที่เขากำลังจะถูกหุ้ม เจียงอี้ก็ตอบโต้มันอย่างรวดเร็ว เขาปล่อยเพลิงโลกาออกมาและรีบพุ่งไปด้านหน้าและเผากิ่งไม้และเถาวัลย์เหล่านั้น
“เอ๊ะ?ต้นไม้ไม่ได้แข็งเหมือนคราวก่อน!”
เมื่อเจียงอี้เห็นว่าเพลิงโลกาของเขากำลังเผาไหม้ต้นไม้อย่างรวดเร็วเขาก็อดหายใจไม่ออกไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมันนัก เขาพยายามหลบหนีโดยเร็วที่สุดและใช้เวลาประมาณสิบห้านาทีเพื่อออกจากกรงคุกนั่น
“เอ่อ…..”
ทันทีที่เขาออกมาจากกรงคุกก็มีเสียงที่ทำให้เขาตกใจซึ่งมันดึงดูดความสนใจของเจียงอี้
เขามองไปด้วยความเร็วแสงและเห็นเงาตะคุ่มที่เคลื่อนผ่านกิ่งไม้เหมือนวานรหายลับไปไกลกลิ่นอายสังหารไหลออกมาจากร่างของเขาขณะที่เขาเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา ขณะที่ตะโกนว่า “หยุนลู่! ข้าไม่ได้คาดว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่หรอกนะ ฮ๊ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า มาดูกันว่าคราวนี้เจ้าจะหนีรอดไปได้ยังไง?”