เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 343 สงครามการนองเลือด
บทที่ 343 สงครามการนองเลือด
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
มีทางออกอยู่ด้านหน้าแน่นอนหยุนลู่สามารถควบคุมอาคมชั้นสามได้แน่นอน!
คำพูดของหยุนลู่ช่วยให้เจียงอี้สามารถยืนยันได้สองสิ่งแต่เขาก็มีข้อสงสัยมากขึ้น หยุนลู่นั้นสามารถควบคุมอาคมยับยั้งชั้นสามด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้!
เจียงอี้ปัดมันออกอย่างรวดเร็วหากหยุนลู่สามารถควบคุมอาคมยับยั้งในพื้นที่ต้องห้ามนี้ได้ เขาและผู้อาวุโสเฮ่อก็คงจะได้ตายอยู่ที่นี่ไปนานแล้ว หยุนลู่ก็คงไม่จำเป็นต้องปลดปล่อยอาคมเวทย์มนตร์หรือควบคุมสัตว์อสูรมาฆ่าเขา
‘มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าแล้วว่าเจ้าจะสามารถไปถึงได้หรือไม่!’
คำพูดนี้ทำให้เจียงอี้ยิ่งสงสัยมากขึ้นหุบเขาด้านหน้านั้นไม่มีอะไรนอกจากที่ราบและดูเหมือนว่ามันจะไม่อันตราย เขามองเห็นจุดแสงของค่ายกลเคลื่อนย้ายด้านหน้าได้ซึ่งหมายความว่าค่ากลเคลื่อนย้ายนั้นอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร
หากมันเป็นเพียงระยะทางสั้นๆเช่นนั้นมันก็จะใช้เวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะไปยังจุดนั้น หากหยุนลู่รู้ว่าเจียงอี้มีความสามารถขนาดนี้แล้ว ทำไมเขาจึงคิดว่าเจียงอี้จะไม่สามารถไปถึงมันได้กัน?
เจียงอี้หยุดคิดถึงมันเมื่อเขาไม่สามารถหาคำตอบจากเรื่องนี้ได้สัตว์อสูรต่างก็ไล่ตามเขามาจากด้านหลังและเขาไม่กล้าหยุดอยู่นาน เขาจึงตรงไปด้านหน้าในทันที แต่เขาเคลื่อนไหวช้าลงเพราะกลัวว่าอาจจะมีอาคมยับยั้งน่ากลัวที่สามารถกำจัดเขาได้ในทันที
“แกว๊กแกว๊ก!”
วิหคยักษ์สีดำตัวนั้นก็ยังคงยิงขนโลหะของมันซึ่งช่วยให้เจียงอี้ได้คอยดูเส้นทางข้างหน้าและกำจัดสัตว์อสูรด้านหลังเขาด้วย
สามสิบเมตรร้อยเมตร…..สามร้อยเมตร!
เมื่อเจียงอี้วิ่งออกมาเขขาก็รู้สึกปลอดภัยมากและไม่พบเจออันตรายใดๆ ความสงสัยในใจของเขายิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นซึ่งเขาสงสัยว่าหยุนลู่กำลังปั่นป่วนเขาอยู่
ปึง!ปึง! ปึง! ปึง!
หลังจากเจียงอี้ก้าวไปอีกเพียงไม่กี่ก้าวและได้ก้าวเข้าไปยังหุบเขาโดยสมบูรณ์แล้วก็มีบางสิ่งแปลกๆเกิดขึ้น
พื้นดินของหุบเขาเบื้องหน้าระเบิดออกมาขณะที่มีสิ่งมีชีวิตพุ่งออกมาจากพื้นดินพวกมันเหล่านี้ไม่ได้ดูเหมือนสัตว์อสูรเพราะพวกมันมีหัวเหมือนมนุษย์ในขณะที่ร่างกายของพวกมันเหมือนลิง หลังของพวกมันโค้งงอและร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ แขนขาของพวกมันมีกรงเล็บที่แหลมคมและหลังของพวกมันก็มีหนามแหลมออกมา เขี้ยวของพวกมันยื่นออกมาจากปากและมีดวงตาสีเลือด สิ่งมีชีวิตเหล่านี้นั้นดูเหมือนปีศาจจากอเวจีและที่สำคัญที่สุด….เจียงอี้ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของพวกมัน
ปึง!ปึง! ปึง!
การที่เจียงอี้นั้นย่างกรายเข้าไปมันเหมือนเป็นการจุดชนวนระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากนัก แต่มันก็ทำให้เจียงอี้รู้สึกได้ว่าพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์อสูรระดับสามเลย
“อย่างน้อยก็มีหมื่นตัวใช่ไหม?”
เจียงอี้มองจากไกลๆขณะที่สัตว์ตาแดงเหล่านี้พุ่งออกมาจากพื้นดินเขารู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในใจและหากผู้ใดเห็นฉากนี้พวกเขาอาจจะกลัว ใช่ไหมนะ?
“เหอะ!”
เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันเลยจริงๆอาจมีสิ่งมีชีวิตมากมายอยู่นี่ แต่ทางออกก็อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรและเขาสามารถย้ายร่างได้ในทันที เขามีเจตจำนงสังหารหมู่, เพลิงโลกา,และความสามารถในการย้ายร่าง และตัวเขานั้นก็ไม่ได้เกรงกลัวกับดัก สิ่งมีชีวิตตาแดงพวกนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาหวาดกลัวได้
“กู๊กู๊!”
สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นส่งเสียงออกมาพวกมันพุงเข้าหาเจียงอี้ด้วยความเร็วที่เร็วมาก ความเร็วของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเถาอู้เลยและใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็มาอยู่ตรงหน้าเจียงอี้แล้ว
“โฮ๊วโฮ๊ว!”
“ชู่ชู่!”
“วูวู!”
ที่แปลกคือเมื่อเจียงอี้ก้าวเข้ามาในหุบเขาอย่างสมบูรณ์สัตว์อสูรเหล่านั้นก็ถอยไปอย่างเกรงกลัวเมื่อสิ่งมีชีวิตแปลกๆปรากฏขึ้น แม้แต่วิหคยักษ์เองก็วนอยู่พักหนึ่งก่อนจะกลับไปที่ป่า ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่แห่งความตายและผู้ที่เข้ามาจะต้องพังทลายลง
“เอ๊ะ?”
เมื่อสิ่งมีชีวิตตาสีแดงรีบวิ่งมาด้วยความรวดเร็วและอยู่ห่างจากเจียงอี้เพียงไม่กี่ร้อยเมตรในที่สุดการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไป ความเร็วของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ลดลงเลยและเจตจำนงสังหารของเขาก็ไม่มีผลต่อพวกมันเลย
“อ้อใช่แล้ว….สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่มีชีวิต พวกมันเป็นหุ่นเชิด พวกมันคือสัตว์ผีดิบ! ในเมื่อพวกมันไม่มีชีวิตแล้วพวกมันจะได้รับผลกระทบจากเจตจำนงสังหารได้อย่างไรกัน?”
เจียงอี้ตระหนักได้อย่างรวดเร็วขณะที่ดาบมังกรเพลิงในมือของเขาส่องสว่างพร้อมปล่อยมังกรเพลิงสองตัวออกไปยังสิ่งมีชีวิตตาแดงสองตัวด้านหน้าเขา
ปึง!ปึง!
อย่างที่เจียงอี้คาดไว้สิ่งมีชีวิตทั้งสองตัวนั้นถูกทำลายลงในทันที เกล็ดของพวกมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆขณะที่แขนของพวกมันตัวหนึ่งถูกตัดจนขาดจากการปะทะและเผยบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดสีดำ พวกมันกลับมาในทันทีและวิ่งตรงไปยังเจียงอี้อย่างบ้าคลั่ง ผีดิบเหล่านี้สูญเสียความรู้สึกและความเจ็บปวดไปแล้ว
“เวรล่ะ!”
ในขณะที่เจียงอี้เตรียมที่จะก้าวขาและล่าถอยเขาก็หวาดกลัวเมื่อเขารับรู้ได้ว่า….ขาของเขาหนักกว่าร้อยเท่าขึ้นมาทันใดความเร็วของเขาก็ลดลงร้อยเท่าราวกับว่าเขากลายเป็นจอมยุทธขอบเขตฉูติ่ง
“ไอ้เวรเอ้ยนี่มันเป็นเวทย์มนตร์ประเภทไหนกัน? ทำไมขาของข้าจึงหนักเช่นนี้?”
เจียงอี้ตื่นตระหนกขณะที่เขาใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิตและต้องการที่จะออกจากหุบเขานี้เขายิ่งเกรงกลัวมากขึ้นเมื่อเขาเกิดแสงย้ายร่างแล้วแต่ก็ถูกแช่อยู่ที่เดิมและถูกย้ายร่างกลับไปยังที่เดิมในทันที
“ร้ายกาจ!”
ดวงตาของเจียงอี้เบิกโพรงขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ และจอมเวทย์ผู้นี้นั้นทรงพลังเป็นอย่างมากที่เหมือนจะฝ่าฝืนกฎสวรรค์แทบทุกสิ่ง เขาสามารถสร้างอาคมยับยั้งและเวทย์มนตร์ที่ชั่วร้ายได้จริงๆ เจียงอี้ได้เห็นอาคมยับยั้งที่สร้างขึ้นโดยราชันสวรรค์หมื่นมังกรและมันก็จืดจางมากเมื่อเทียบกับอาคมของจอมเวทย์ผู้นี้
“ผู้อาวุโสเฮ่อออกมาช่วยชีวิตข้าที!”
เจียงอี้ต้องหยิบแจกันสีเขียวออกมาและปล่อยผู้อาวุโสเฮ่อออกมาพร้อมขอความช่วยเหลือจากเขา
เขานั้นจนปัญญาแล้วทางออกอาจจะอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตร แต่ความเร็วที่เชื่องช้าของเขาและสิ่งมีชีวิตตาแดงที่นับไม่ถ้วนเหล่านี้ หากเขาอยากจะทำการนองเลือดไปตลอดเส้นทางเขาก็คงจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะทำได้ จนถึงตอนนั้นเขาจะไม่เหนื่อยจนเกินไปเหรอ?
ในความเป็นจริงแล้วเขามีไพ่ตายอีกและนั่นก็คือเพลิงโลกาสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อาจไม่กลัวความตายและมีการป้องกันที่ทรงพลังนัก แต่เพลิงโลกาจะสามารถเผาพวกมันได้อย่างง่ายดาย เพลิงโลกาที่เหลืออยู่ในไข่มุกวิญญาณเพลิงนั้นเหลือน้อยเกินไปและด้วยความเร็วในปัจจุบันของเขา เขาอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน และเช่นนั้น เพลิงโลกาของเขาก็คงจะหมดลงเช่นกัน
“นี่…..”
หลังจากที่ผู้อาวุโสเฮ่อออกมาเขาก็ตกใจกับฉากที่เกิดขึ้น เขาปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าออกมาซึ่งมันก็ได้ทำลายกลุ่มสัตว์ประหลาดเหล่านี้ไปได้ จากนั้นเขาก็สื่อสารกับเจียงอี้และลองในสิ่งที่เจียงอี้พูดออกมา
ในไมช้าผู้อาวุโสเฮ่อก็ยังเผยความน่าเกรงกลัวขึ้นบนใบหน้าของเขา ความเร็วของนั้นเร็วกว่าเจียงอี้เพียงเล็กน้อย การโจมตีของพวกเขาไม่ถูกยับยั้งแต่ขาของพวกเขารู้สึกได้ราวกับว่าพวกเขามีน้ำหนักห้าร้อยกิโลกรัมซึ่งทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้ช้ามากๆ
“นายน้อยอี้หนีออกจากหุบเขานี่ก่อนเถอะ ท่านเหนื่อยเกินไปและต้องพักผ่อนเสียก่อน!”
ผู้อาวุโสเฮ่อตัดสินใจอย่างรวดเร็วและปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าออกมาอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่สิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์กวัดแกว่ง มันจะปล่อยแสงกว่าร้อยใบมีดออกมาและขับไล่พวกสิ่งมีชีวิตตาแดงนี้ได้
“ไม่ดีผู้อาวุโสเฮ่อ! พวกเราไม่สามารถออกจากหุบเขานี่ได้!”
เจียงอี้ตกอยู่ในความสิ้นหวังเมื่อเขาต้องการที่จะหนีออกจากหุบเขาก็มีอาคมยับยั้งโปร่งแสงปรากฏขึ้นที่ทางเข้าหุบเขา ร่างของเขาปะทะเข้ากับมันโดยตรงและแม้ว่าหลังจากที่เขาใช้ฝ่ามือไปแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับอาคมยับยั้งเลย มันมีพลังที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งสอง…..ไม่มีทางถอยไปได้
“เช่นนั้นเราก็ต้องนองเลือดเพื่อเปิดเส้นทาง!”
ผู้อาวุโสเฮ่อเผยร่องรอยแห่งความเหี้ยมโหดในดวงตาของเขาขณะที่กัดฟันและพูดว่า“นายน้อยอี้ตามหลังข้ามาและพักเสียหน่อย อีกเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น ตาเฒ่าเฮ่อผู้นี้จะยอมสละชีวิตเพื่อส่งให้ท่านได้ออกไปจากที่นี่”
“ฆ่า!”
เจียงอี้แสดงสีหน้าที่น่ากลัวเช่นกันในเมื่อไม่มีหนทางที่จะล่าถอยได้ เช่นนั้นเขาก็คงต้องเปิดสงครามการนองเลือดนี้ไปจนจบให้ได้