เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 344 ถูกมัดมือชก
บทที่ 344 ถูกมัดมือชก
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ฟับ! ฟับ!
ณ หุบเขาภายในชั้นที่สามของพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์ ผู้อาวุโสเฮ่อและเจียงอี้กำลังอยู่ในช่วงสงครามนองเลือด
โดยที่ผู้อาวุโสเฮ่อรับหน้าที่เป็นหน่วยทะลวงฟันและปิดกั้นการโจมตีทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา ส่วนเจียงอี้นั้นติดตามมาอย่างใกล้ชิดและรับผิดชอบเพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น
พวกเขาทั้งสองทำการเข่นฆ่ามาตลอดครึ่งค่อนวันและไม่รู้เลยว่าตัวเองได้สังหารสิ่งมีชีวิตตาแดงไปมากเท่าไหร่
หลังจากที่ทำการต่อสู้กับศัตรูเหล่านี้มาอย่างโชกโชน พวกเขาก็พบว่าเมื่อมุ่งเป้าโจมตีไปที่ขาของพวกมัน สิ่งมีชีวิตตาแดงเหล่านี้จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
ในทางกลับกัน หากว่าโจมตีไปที่ลำตัวหรือศีรษะ พวกมันจะยังคงสามารถเคลื่อนไหวได้ อีกทั้งยังบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม
โชคดีที่สิ่งมีชีวิตตาแดงไม่ได้มีชีวิตอย่างแท้จริง นอกเหนือจากกรงเล็บอันแหลมคม, หนามแหลมบนหลังและความบ้าระห่ำไม่กลัวตายแล้ว พวกมันก็ไม่มีอะไรที่ต้องให้กลัวอีกต่อไป
หากว่าพวกมันสามารถปลดปล่อยวิชาอสูรหรือความสามารถพิเศษอื่นๆออกมาได้ เกรงว่าป่านนี้ผู้อาวุโสเฮ่อและเจียงอี้คงจะตายไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม…!
ทั้งสองก็รู้สึกเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ แม้ว่าจะผ่านมาแล้วครึ่งวัน แค่พวกเขาก็เพิ่งผ่านมาเพียงแค่หนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น
พวกสิ่งมีชีวิตตาแดงมีจำนวนมากเกินไป หลังจากที่ฆ่าไปชุดหนึ่ง ก็จะมีพวกมันชุดต่อไปกรูกันเข้ามาเรื่อยๆ
“ผู้อาวุโสเฮ่อสลับที่กับข้า!”
เจียงอี้มองเห็นความเหนื่อยล้าผ่านสายตาของชายชราและรู้ว่าคนผู้นี้ใกล้จะหมดแรงแล้ว แม้ว่าผู้อาวุโสเฮ่อจะแข็งแกร่งไม่ธรรมดา แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับครึ่งวันที่ผ่านมา เกรงว่าเขาคงจะฟาดฟันศัตรูด้วยรูปแบบเต๋าไม่ต่ำกว่าหมื่นครั้งแล้วกระมัง?
“นั่นไม่จำเป็นเลยนายน้อยอี้ ท่านอย่าได้ดูถูกตาเฒ่าผู้นี้เชียว ถึงแม้ว่าข้าจะอายุมากแล้ว แต่การยืนหยัดตลอดทั้งวันก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด!”
เฮ่อเถี่ยซู่กล่าวด้วยท่าทีดื้อรั้น ในขณะเดียวกัน ศาสตราวุธสวรรค์ของเขาก็กวัดแกว่งไปมาอยู่กลางอากาศพร้อมกับแปรสภาพเป็นดาบแสงนับร้อยที่พร้อมจะเชือดเฉือนศัตรู
ชิ้ง! ชิ้ง!
ดาบแสงที่ถูกปลดปล่อยโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดนั้นทรงพลังอย่างยิ่งยวด คลื่นพลังดาบรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งผ่านอากาศและตัดขาของเหล่าสิ่งมีชีวิตตาแดงไปนับไม่ถ้วน
เพียงแค่คลื่นดาบระลอกเดียวก็สามารถตัดขาของพวกมันได้นับสิบตัวแล้ว!
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ผู้อาวุโสเฮ่อดิ้นรนเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากที่ผ่านไปได้หลายสิบเมตร สิ่งมีชีวิตตาแดงระลอกใหม่ก็กรูกันเข้ามาซึ่งทำให้ผู้อาวุโสเฮ่อต้องหยุดชะงักและปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าอีกครั้ง
ทางด้านของเจียงอี้ที่อยู่ด้านหลังนั้นสบายกว่ามาก เขาเพียงแค่รอให้พวกมันเข้ามาใกล้ก่อนที่จะใช้ดาบมังกรเพลิงในมือสังหารพวกมัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาต้องทำไม่ใช่การเข่นฆ่าพวกมันทั้งหมด แต่เพียงแค่ต้องกำจัดตัวที่เข้ามาขวางทางและออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในขณะเดียวกัน เมื่อเจียงอี้มีจังหวะพักหายใจ เขาก็จะคอยใช้เวลานั้นสังเกตรูปแบบเต๋าของผู้อาวุโสเฮ่อ เพราะอย่างไรเสียมันก็เป็นรูปแบบเต๋าวายุที่เขาคุ้นเคย ดังนั้นเขาจะไม่สนใจมันได้อย่างไร?
แก่นแท้ของเต๋าวายุที่ผู้อาวุโสเฮ่อใช้คืออะไร? มันคือการขยายการโจมตีเป็นวงกว้าง? แต่ดาบหนึ่งเล่มสามารถปลดปล่อยการโจมตีได้นับร้อยได้เยี่ยงไร?
ลมนั้นไร้ซึ่งรูปลักษณ์และมีความพิเศษเฉพาะตัว แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่กระแสลมหนึ่งสายจะกลายเป็นร้อยสาย?
เดี๋ยวสิ! ในตอนที่ข้ายังคงอยู่ในเมืองเทียนอวี่ ไม่ใช่ว่าทักษะต่อสู้หนึ่งของตระกูลเจียงที่ถูกเรียกว่าหมัดมายาก็สามารถเปลี่ยนให้การโจมตีด้วยหนึ่งหมัดกลายเป็นสามหมัดหรือ? แต่ปัญหาคือ… มันต้องอาศัยความเร็วที่มากพอเพื่อที่จะสร้างภาพลวงตาเพื่อหลอกล่อศัตรู ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันไม่ใช่การโจมตีสามครั้งในเวลาเดียวกัน…
แต่สำหรับรูปแบบเต๋าของผู้อาวุโสเฮ่อ เห็นได้ชัดว่าดาบนับร้อยเหล่านั้นกำลังฟาดฟันอยู่ในเวลาเดียวกันจริงๆ
ลมคือสิ่งที่ลึกลับมากที่สุด ‘มองไม่เห็น’ ‘สัมผัสไม่ได้’ แต่ ‘รู้สึกถึงมันได้’ ความพิศวงเหล่านี้คือธรรมชาติของสายลมและยังช่วยให้นักสู้วายุธาตุสามารถโจมตีได้อย่างเฉียบคม ใช่หรือไม่?
สถานการณ์ของเจียงอี้ในตอนนี้นับว่าสะดวกสบายกว่าผู้อาวุโสเฮ่อมาก ดังนั้นเขาจึงมีเวลาให้ครุ่นคิดเกี่ยวกับคุณสมบัติของสายลม ในขณะเดียวกันก็พยายามวิเคราะห์การโจมตีของชายชราเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตาม มีหรือที่เฮ่อเถี่ยซู่จะไม่สังเกตเห็น? ชายชราผู้นี้สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของเจียงอี้มาสักพักหนึ่งแล้วและรู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว
มีคำพูดโบราณที่ว่า ‘หยั่งรู้เต๋าในเวลาที่คู่ควร จงเปิดรับมาและจงกลายเป็นตำนาน’
เคยมีข่าวลือว่าสุ่ยโย่วหลานสามารถตีความเต๋าประเภทหนึ่งโดยใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวัน แต่นายหญิงสุ่ยโย่วหลานแห่งเกาะดาวตกคือตัวตนระดับใด?
นางคือผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะในรอบหมื่นปี ดังนั้นเต๋าวรยุทธที่ถูกนางหยั่งรู้จะเรียบง่ายได้อย่างไร?
สำหรับผู้อาวุโสเฮ่อ เขาได้รับทรัพยากรมากมายจากตระกูลจ้านและทำให้เขาทะลวงสู่จุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยวได้สำเร็จตั้งแต่อายุสี่สิบปี
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาถึงสามสิบแปดปี และเข้าสู่ช่วงอายุปีที่เจ็ดสิบแปดแล้ว แต่เขาก็ยังตีความเต๋าวรยุทธได้เพียงแค่รูปแบบเดียวเท่านั้น
ผู้อาวุโสเฮ่อรู้ดีว่าในขณะที่กำลังตีความเต๋าอยู่นั้นคือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด ด้วยจำนวนสิ่งมีชีวิตตาแดงที่กำลังกรูกันเข้ามา มันมีโอกาสสูงมากที่เจียงอี้จะถูกรบกวนและทำให้เกิดผลร้ายได้ หากว่าเขาถูกพลังสะท้อนกลับ สถานเบาดวงจิตอาจจะได้รับความเสียหายและกลายเป็นบ้า แต่ถ้าหากร้ายแรงขึ้นมาหน่อยก็อาจจะถึงตายได้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้เป็นถึงผู้มีพระคุณของตระกูลจ้านและยังเป็นสหายรักของจ้านอู๋ซวง
เฮ่อเถี่ยซู่ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี สุดท้ายเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาและหันไปสนใจการต่อสู้แทน
“เห้อ ไม่ได้ผล ข้ายังไม่สามารถอนุมานโครงสร้างของมันได้เลย หรือว่าข้าจะทำไม่ได้จริงๆ?”
หลังจากที่อยู่ในห้วงสมาธิเป็นเวลาสี่ชั่วโมงเต็ม เจียงอี้ก็ดึงสติกลับมา จากนั้นเขาก็พยายามทดลองตามความเข้าใจ
เขายกดาบมังกรเพลิงขึ้นและผ่าไปด้านหลัง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่การโจมตีธรรมดาแต่เป็นการปลดปล่อยพันธนาการสายลมไปพร้อมกัน
“โฮกกกก!”
พริบตาเดียวห้วงอากาศโดยรอบก็เกิดการแปรปรวน มังกรวายุจำนวนมหาศาลทะยานออกมาและตรึงร่างของเหล่าศัตรูเอาไว้ก่อนที่จะให้มังกรเพลิงทั้งสองตัวกลืนกินพวกมัน
“ใช่แล้ว! รูปแบบการเคลื่อนไหวของสายลม! เต๋าวรยุทธที่ต่างกันย่อมมีคลื่นการโคจรที่ต่างกัน ข้าไม่ควรใช้ตาในการสังเกตการโจมตีรูปแบบเต๋าของผู้อาวุโสเฮ่อ แต่ต้องใช้ใจสัมผัสถึงมัน!”
ทันใดนั้นดวงตาของเจียงอี้ก็ส่องสว่าง จากนั้นก็หลับตาลงและลืมเลือนเรื่องของสิ่งมีชีวิตตาแดงไปชั่วขณะ เขาใช้ประสาทสัมผัสที่เหลือนอกจากการมองเห็นในการสัมผัสถึงคลื่นการโจมตีของผู้อาวุโสเฮ่อและพยายามเรียนรู้ใหม่อีกครั้ง
“หืม? อีกแล้วรึ?”
คราวนี้ผู้อาวุโสเฮ่อถึงกับหน้าสั่น ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นความเศร้าหมองและน่าสงสาร เขาไม่คิดเลยว่าเจียงอี้จะเอาแต่ใจเช่นนี้ หรือเขาต้องการที่จะทรมานชายชราผู้นี้จนตายกันแน่?
อย่างไรก็ตาม ชายชราผู้น่าสงสารก็ยังไม่สามารถที่จะกล่าวทัดทานขึ้นมาได้ เขาทำได้เพียงแค่กัดฟันและโรมรันกับเหล่าสิ่งมีชีวิตตาแดงพร้อมกับปกป้องเจียงอี้ในเวลาเดียวกัน
ฟับ! ฟับ!
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อเจียงอี้กล้าเสี่ยงชีวิตที่จะตีความเต๋าวรยุทธในตอนนี้ เขาก็จะลองให้โอกาสเขาดู หากว่าอีกฝ่ายสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้จริง พวกเขาก็จะสามารถผสานงานและสลับกันโจมตีได้ง่ายดายยิ่งขึ้น!
ภายในห้วงความคิดของเจียงอี้ เขากำลังเปรียบเทียบรูปแบบการโคจรของเต๋าวารยุทธทั้งสองสาย
พันธนาการสายลมเกิดขึ้นจากกระแสลมจากทั่วทุกสารทิศได้หลอมรวมกันและก่อเกิดเป็นสนามพลังพิเศษซึ่งทำให้ร่างของเหล่าศัตรูที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกตรึงเอาไว้โดยกระแสลมที่มองไม่เห็น
แต่รูปแบบเต๋าวายุของผู้อาวุโสเฮ่อนั้นเป็นการแยกสายลมออกเป็นหลายสาย จากนั้นก็ใช่แก่นแท้พลังในการชี้นำพวกมัน แต่ปัญหาคือ… เขาจะแยกพวกมันได้ยังไง?
ในขณะที่สมาธิของเจียงอี้กำลังจมอยู่ในการหยั่งรู้ เขาได้ลืมเลือนเรื่องเวลารวมไปถึงภยันตรายที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่
แต่สองชั่วโมงให้หลัง เขาก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงของชายชราที่ฟังดูเหมือนกับกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“นายน้อยอี้โปรดตื่นขึ้นมาเถิด! ตาเฒ่าผู้นี้แทบจะทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว…!”