เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 348 เขาวงกต
บทที่ 348 เขาวงกต
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ทัศนคติของเจียงอี้ทำให้คิ้วที่ขมวดกันเป็นปมเพราะความกังวลของเฮ่อเถี่ยซู่คลายลงเล็กน้อย หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ชายชราก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดกลับไปได้หรือไม่ แต่สิ่งที่พวกเขาสนใจคือสามารถสังหารหยุนลู่ได้ก่อนที่พวกเขาจะตายได้หรือไม่ต่างหาก
มันเป็นไปไม่ได้ที่หยุนลู่จะสามารถควบคุมอาคมทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ต้องห้ามแห่งนี้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งสองคงจะตายไปนานแล้ว
หลังจากที่ขึ้นไปยังชั้นที่สูงกว่านี้ เกรงว่าสิ่งที่เขาควบคุมได้คงจะถูกจำกัดขอบเขตลงและเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาได้ยากขึ้น
ผู้อาวุโสเฮ่อนำเม็ดยาฟื้นฟูขึ้นมาและกรอกใส่ปากทันที เขาไม่กล้าเข้าสู่ห้วงสมาธิเนื่องจากกลัวว่าหยุนลู่จะแว้งกลับมาลอบโจมตี เขาทำเพียงแค่พันผ้ารอบบาดแผลและเอนกายตรงมุมกำแพงเพื่อพักผ่อนเล็กน้อยพร้อมกับเฝ้ารอเจียงอี้ที่กำลังฟื้นฟูพลัง
เจียงอี้ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เหนื่อยล้าในระดับหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือแก่นแท้พลังและพลังวิญญาณของเขาถูกผลาญจนเกือบหมด
หลังจากที่อยู่ในห้วงสมาธินานหนึ่งชั่วโมงเต็ม เขาก็ลืมตาขึ้นมาและเมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสเฮ่อคอยเฝ้าระวังให้ เขาก็เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ขอให้อีกฝ่ายทำการรักษาบาดแผลของตนก่อนที่จะเดินทางต่อ
ผู้อาวุโสเฮ่อก็ไม่ได้ดื้อดึงและเริ่มทำการรักษาตัวทันที ในขณะเดียวกันเจียงอี้ก็เดินไปที่มุมหนึ่งของกำแพงและนั่งลงพร้อมกับหลับตาเพื่อตกผลึกรูปแบบเต๋าที่เพิ่งหยั่งรู้มา
รูปแบบเต๋าระดับกลาง?
เมื่อหวนรำลึกถึงคำพูดของผู้อาวุโสเฮ่อ เขาก็เผลอลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง แม้ว่ารูปแบบเต๋าของเขาจะมีความคล้ายคลึงกับรูปแบบเต๋าของอีกฝ่าย แต่มันกลับทรงพลังมากกว่า เขาแอบคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นระดับถัดไปของรูปแบบเต๋าที่ผู้อาวุโสเฮ่อใช้ก็เป็นได้?
“เต๋าวรยุทธเป็นสิ่งลึกลับอย่างแท้จริง การหยั่งรู้ทำได้เพียงแค่สัมผัสถึงมันและไม่อาจที่จะถ่ายทอดด้วยวาจา แต่เห็นอยู่ว่าข้าได้ทำการตีความเต๋าของผู้อาวุโสเฮ่อ แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นเต๋าระดับกลางไปเสียได้?”
“หากว่าข้าเกิดไปผิดทางและเข้าใจมันอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าข้าจะต้องติดอยู่ในทางตันไปตลอดชีวิตหรือ?”
เจียงอี้ถอนหายใจด้วยความหดหู่ แม้ว่าการหยั่งรู้เต๋าระดับกลางจะเป็นเรื่องดี แต่การได้มาทั้งที่ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ก็ทำให้เขารู้สึกกังวลไม่น้อย
หนึ่งวันต่อมา เจียงอี้กับผู้อาวุโสเฮ่อก็หายดีแล้วทั้งคู่ แต่พวกเขาไม่ได้เข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้ายทันทีและยังคงเลือกที่จะพักผ่อนต่อเพราะไม่รู้แน่ชัดว่าหยุนลู่จะมาไม้ไหน
“ผู้อาวุโสเฮ่อ ท่านบอกว่ารูปแบบเต๋าของข้าเป็นรูปแบบเต๋าระดับกลางใช่หรือไม่? นั่นไม่ได้หมายความว่าหากข้าสั่งสมแก่นแท้พลังได้มากพอ ข้าจะทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้ทันทีเลยหรือ?”
เฮ่อเถี่ยซู่หันมามองเจียงอี้ด้วยความอิจฉาปนชื่นชม “นายน้อยอี้ ข้ามีความมั่นใจถึงแปดส่วนว่ารูปแบบเต๋าของท่านต้องถูกจัดอยู่ในระดับกลางอย่างแน่นอน”
“เมื่อใดก็ตามที่ท่านทะลวงสู่จุดสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว ตำหนักม่วงของท่านก็จะเกิดการแปรสภาพอีกครั้งและทะลวงสู่ขอบเขตจินกัง”
“ตำหนักม่วงจะแปรสภาพ…”
เจียงอี้ใช้นิ้วลูกจมูกด้วยท่าทีเขินอาย… ข้าไม่มีตำหนักม่วงแล้ว แล้วมันจะแปรสภาพได้ยังไง?!
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดินีสัตว์อสูรเคยกล่าวไว้ว่าถ้าดาวดวงที่สามภายในตันเทียนของเขาถูกปลุกขึ้นมา กำลังรบของเขาก็จะพุ่งทะยานและเทียบชั้นได้กับยอดฝีมือขอบเขตจินกังทันที
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เจียงอี้ก็เบาใจขึ้นไม่น้อย หากว่าสามารถหลบหนีจากสถานที่บัดซบนี่ไปได้และกลับไปสำเร็จขั้นพลังที่สายแร่ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นเขาจะได้กลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตจินกังเสียที!
ชนชั้นจินกังภายในทวีปแห่งนี้มีเพียงแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น เพียงแค่คำพูดเดียวของพวกเขาก็สามารถสั่นสะเทือนทั้งอาณาจักรได้แล้ว อย่างไรก็ตามเจียงอี้ยังอยู่ห่างจากระดับนั้นอีกมากโข
ส่วนที่ท้าทายที่สุดของการทะลวงสู่ขอบเขตจินกังคือการตีความรูปแบบเต๋า ส่วนที่ท้าทายรองลงมาคือการค้นหาทรัพยากรเพื่อยกระดับแก่นแท้พลัง ตราบเท่าที่สามารถทำได้ครบตามนี้ ก็เหลือเพียงแค่เวลาเท่านั้นก่อนที่จะบรรลุเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง!
เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ…
เมื่อเจียงอี้คิดมาถึงจุดนี้ ข้อสงสัยบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา สาเหตุหลักที่ยอดฝีมือขอบเขตจินกังมีจำนวนน้อยนิดก็เป็นเพราะว่าการหยั่งรู้รูปแบบเต๋าเป็นอะไรที่ยากเย็นอย่างถึงที่สุด
ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสเฮ่อก็ใช้เวลาหลายสิบปีแต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าที่สองได้ แต่สำหรับตัวเขาที่เป็นเพียงเด็กน้อยซึ่งลืมตาดูโลกได้ไม่กี่ปีกลับสามารถตีความรูปแบบเต๋าระดับกลางได้แล้ว? นี่มันเรื่องอะไรกัน?
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นผู้อมตะกลับมาเกิด? หรือว่าเขาจะมีกายาศักดิ์สิทธิ์?
แม้ว่าทวีปนี้จะไม่ขาดแคลนผู้มีพรสวรรค์ แต่การที่สามารถตีความเต๋าระดับกลางได้ตั้งแต่ที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีจะไม่ดูเกินจริงไปหน่อยหรือ? หรือว่ารูปแบบเต๋าที่เขาเพิ่งหยั่งรู้ได้จะไม่ใช่เต๋าระดับกลางเหมือนอย่างที่เข้าใจ?
หลังจากที่เจียงอี้ถามข้อสงสัยออกไปมากมาย ผู้อาวุโสเฮ่อก็หยุดชะงักไปเป็นเวลานานก่อนที่จะเอ่ยตอบ
“นายน้อยอี้ หากให้ตอบตามสิ่งที่ข้ารู้มา กายเนื้อของท่านสมควรแตกต่างไปจากมนุษย์ทั่วไป เพราะมารดาของท่าน, แม่นางเพียวเพียว นางเองก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน”
“ข้าไม่ทราบรายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลัง แต่ถ้าหากว่าพวกเราสามารถออกจากที่นี่ได้ ท่านก็ควรหาเวลาไปพบแม่นางสุ่ยโย่วหลานหรือไม่ก็จักรพรรดินีสัตว์อสูร บางทีสองคนนั้นอาจจะทราบก็เป็นได้”
“ออกจากที่นี่…”
เจียงอี้นิ่งเงียบไปชั่วขณะ มันไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงเรื่องพวกนี้ตราบใดที่พวกเขายังไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง
“ท่านแม่ ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? หากว่าท่านยังไม่ตาย แล้วท่าน… ไปอยู่ที่ไหนกัน?”
หลุมฝังศพของอีเพียวเพียวนั้นว่างเปล่า ความจริงแล้วเจียงอี้ต้องการที่จะเดินทางไปหาสุ่ยโย่วหลานเพื่อสอบถามเรื่องนี้ แต่เพราะมีหลายสิ่งที่ต้องทำจึงทำให้เขาไม่มีเวลาไปยังเกาะดาวตก
และแม้ว่าสงครามก่อนหน้านี้ เขาจะมีโอกาสได้พบกับนาง แต่เพราะสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เขาจึงไม่มีโอกาสได้เอ่ยถามนาง
“หยุดคิดฟุ้งซ่านเสียที ที่ข้าต้องทำตอนนี้คือต้องหาทางออกจากสถานที่บ้าๆนี่ให้ได้ก่อน! เกรงว่าป่านนี้เสี่ยวนู๋กับเสี่ยวเฟยคงจะเป็นห่วงแย่แล้ว!”
หลังจากที่พักฟื้นเป็นเวลาสองวัน เฮ่อเถี่ยซู่ก็รักษาอาการบาดเจ็บได้ถึงแปดส่วน ทางด้านของเจียงอี้เองก็ฟื้นฟูจนพลังกลับคืนสู่จุดสูงสุดได้แล้วและพร้อมที่จะออกเดินทางได้ทุกเมื่อ
“หวังว่าชั้นสี่คงจะไม่น่าโหดร้ายเกินไปนะ!”
เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่ออธิษฐานพร้อมกัน เพราะว่าชั้นสามก็นับว่าไร้ปรานีมากแล้ว หากว่าชั้นสี่น่ากลัวกว่านี้ เช่นนั้นพวกเขาก็เตรียมทำป้ายหลุมศพของตัวเองรอไว้ได้เลย
วืดดด!
แสงรอบค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้น ทันทีที่ถูกย้ายมาอีกฝั่ง เจียงอี้ก็ปลดปล่อยเจตจำนงสังหารออกมาทันทีพร้อมกับเร่งเร้าพลังไปที่ดาบมังกรเพลิงในมือเพื่อที่จะพร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา
“หืม?”
พวกเขาทั้งสองพบว่าคราวนี้ตัวเองไม่ได้ถูกส่งมายังสถานที่แปลกๆ แต่กลับมาปรากฏตัวในห้องโถงซึ่งมีรัศมีประมาณสามร้อยเมตรและมีประตูใหญ่อยู่รอบทิศ นอกจากความเงียบอันน่าขนลุกแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นในครรลองสายตาเลยแม้แต่น้อย
“แย่แล้ว!”
หัวใจของเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อเต้นไม่เป็นจังหวะ พวกเขารู้ดีว่ามันไม่ได้เรียบง่ายเหมือนกับที่เห็น แม้ว่ามันจะดูไม่มีอะไรเลย แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร พวกเขากลับรู้สึกว่าที่นี่คือสถานที่ที่อันตรายที่สุด อีกทั้งยังมีลักษณะไม่ต่างไปจากเขาวงกต
หากว่ามันคือเขาวงกตที่จอมเวทย์ผู้นั้นสร้างขึ้นมาจริง ไม่สำคัญว่าจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังคอยพิทักษ์อยู่หรือไม่ แต่เขาวงกตก็มีความน่ากลัวในตัวของมันเองอยู่!
หากว่าเกิดพลาดขึ้นมา พวกเขาทั้งสองอาจจะต้องติดอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิตและหลังจากที่เสบียงทั้งหมดซึ่งอยู่ในไข่มุกวิญญาณเพลิงถูกกินจนหมด… พวกเขาก็จะตายในที่สุด
ตู้มมมมม!
ผู้อาวุโสเฮ่อทดลองปล่อยดาบแสงออกไป และก็เป็นอย่างที่คิด กำแพงหินที่ถูกปกคลุมโดยอาคมยับยั้งไร้ซึ่งรอยขีดข่วน
จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ลองเปิดเข้ามาในประตูโดยการสุ่ม และก็มองเห็นห้องโถงที่มีขนาดเล็กลงมา เมื่อเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็ลอบมองหน้ากันและยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น
หลังจากนั้นชั่วครู่ พวกเขาก็เลือกประตูอีกบาน แต่สิ่งที่พวกเขาเจอก็ยังคงเป็นห้องโถงอีกแห่ง ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าพวกมันทั้งหมดคือห้องโถงในแบบเดียวกัน
เป็นเขาวงกตจริงๆด้วย!
ไม่ว่าจะเปิดไปอีกกี่ประตู พวกเขาก็พบเจอแต่ห้องโถงในแบบเดียวกัน หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาจะหาทางออกได้เยี่ยงไร?
“นายน้อยอี้ พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
ผู้อาวุโสเฮ่อไร้ซึ่งหนทาง จอมเวทย์ท่านนั้นขึ้นชื่อเรื่องพลังอันกล้าแกร่งและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสตร์เวทย์ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะเอาตัวรอดจากเขาวงกตแห่งนี้ไปได้?
เจียงอี้พึมพำอยู่ชั่วครู่ แต่จู่ๆเขาก็วิ่งไปทางประตูด้านซ้ายมือและตะโกนออก
มา
“ไปกันเถอะ! วิ่งไปสุ่มๆแบบนี้แหละ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถหาตัวหยุนลู่เจอ… บางทีพวกเราอาจจะออกจากที่นี่ได้!”