เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 353 ไม่เหลือแม้แต่ซาก
บทที่ 353 ไม่เหลือแม้แต่ซาก
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“พรวดดด!”
แม้ว่าราชันสัตว์อสูรจะเผยร่างกายออกมาเพียงแค่บางส่วน แต่กลิ่นอายของมันก็ทำให้เข่าข้างหนึ่งของเจียงอี้ถึงกับทรุดลงกับพื้นพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมา
แกร๊กก!
ตู้มมม!
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ก้อนน้ำแข็งบนทะเลน้ำแข็งแตกกระจายและทำให้เกิดคลื่นยักษ์โถมขึ้นชายขอบน้ำแข็ง จากนั้นราชันสัตว์อสูรที่หลับใหลไปนานแสนนานก็เผยร่างจริงออกมา
สัตว์อสูรระดับสูงตัวนี้มีลักษณะคล้ายกับหมาใน มันสูงสิบสองเมตรและมีลำตัวยาวถึงยี่สิบสี่เมตร ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเปลวไฟและมีเขาที่แหลมคม บนผิวหนังของมันคือเกล็ดสีแดงอมเหลืองซึ่งกระจายอยู่ทั่วร่าง
กรงเล็บของราชันตัวนี้มีสีขาวราวกับหิมะและแหลมคมจนทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเสี่ยวสันหลังทันที ดวงตาของมันพิเศษมาก มันดูสง่างามและเย่อหยิ่งราวกับเป็นตัวตนเหนือโลก
“สัตว์อสูรหยาจื้อ[1]!”
แน่นอนว่าเจียงอี้ย่อมไม่รู้จักสัตว์อสูรชนิดนี้ แต่เป็นผู้อาวุโสเฮ่อที่อุทานมาแต่ไกล
สัตว์อสูรตัวนี้เป็นสายพันธุ์ที่หาได้ยากมาก มันชอบการสังหารและมีพื้นฐานนิสัยที่ดุร้าย ดูเหมือนว่าคราวนี้พวกเขาทั้งสองคนจะซวยจริงๆแล้ว
แม้ว่าร่างกายของเจียงอี้จะถูกกดดันอย่างหนักหน่วง แต่เขาก็ยังคงเงยหน้าขึ้นมาและจ้องมองไปยังราชันสัตว์อสูรด้วยสายตาที่ไม่กลัวเกรง
“มนุษย์ เจ้าคิดว่าตัวเองกล้าหาญมากหรือที่สังหารลูกหลานของนายท่านต่อหน้าราชาผู้นี้?”
เมื่อร่างของมันโผล่ออกมา สัตว์อสูรหยาจื้อก็ลอยตัวอยู่กลางอากาศและจ้องมองมายังเจียงอี้ด้วยท่าทีสูงส่ง
แต่เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของมันก็เปรียบได้กับเสียงฟ้าผ่าและทำให้เจียงอี้ต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
เป็นมันจริงๆด้วย!
ราชันสัตว์อสูรตัวนี้คือตัวเดียวกับที่จอมเวทย์ท่านนั้นเคยสยบไว้ในอดีต สามพันปีผ่านไปแต่มันกลับยังไม่ตาย แสดงว่าความแข็งแกร่งของมันจะต้องอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสี่และพร้อมที่จะทะลวงสู่ระดับจักรพรรดิสัตว์อสูรได้ทุกเมื่อ!
เจียงอี้สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็พยายามพยุงตัวเองขึ้น ขณะเดียวกันก็ลำเลียงแก่นแท้พลังไปที่ลำคอพร้อมกับตะโกน
“ข้าก็เป็นแบบนี้ของข้าอยู่แล้ว! ทายาทของเจ้านายของเจ้าต้องการจะสังหารข้า แล้วทำไมข้าถึงจะทำแบบเดียวกันบ้างไม่ได้? หากเจ้าอยากจะฆ่าข้า เช่นนั้นก็เอาเลย จะมัวพูดจาไร้สาระอยู่ไย?”
“ฮึ่ม!”
ราชันสัตว์อสูรเค้นเสียงในคำคอพร้อมกับกระตุ้นกลิ่นอายอันทรงพลังของมัน คราวนี้เจียงอี้สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่กำลังบดขยี้ร่างกายของเขา เขารู้ดีว่าหากมันเอาจริง เกรงว่าเขาจะตายไปสิบรอบแล้ว
“มนุษย์ เจ้าไม่กลัวความตายหรือ?”
ราชันสัตว์อสูรกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบและค่อยๆลอยเข้ามาใกล้เจียงอี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงเหยียดมองเข้าด้วยท่าทางราวกับกำลังมองผู้ต่ำต้อย
“ตราบเท่าที่เจ้ายอมคุกเข่าและหมอบกราบข้าหนึ่งร้อยครั้ง ข้าอาจจะละเว้นชีวิตน้อยๆของเจ้า เจ้าคิดว่ายังไง?”
“…”
ดวงตาของเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อเผยให้เห็นความประหลาดใจ สัตว์อสูรตัวนี้ไม่คิดที่จะสังหารเจียงอี้ทันทีและต้องการให้เขาคุกเข่า? อีกทั้งยังจะไว้ชีวิต?
ไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรหยาจื้อมีธรรมชาติที่ดุร้ายและรักการเข่นฆ่า? แต่ทำไมการกระทำของมันช่างแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาได้ยินมานัก?
ผู้อาวุโสเฮ่อกระพริบตาถี่ด้วยความสับสน แต่หัวใจของเขาก็ยังคงมีหวัง ราชันสัตว์อสูรมีศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับยอดฝีมือชาวมนุษย์ ดังนั้นมันจึงรักษาคำพูดอย่างแน่นอน
หากเจียงอี้ยอมคุกเข่าและร้องขอความเมตตา พวกเขาก็จะมีโอกาสรอด!
แต่ใครจะรู้—?
ก่อนที่เฮ่อเถี่ยซู่จะทันได้ส่งข้อความหาเจียงอี้ อีกฝ่ายกลับชิงเปิดปากพูดขึ้นมาก่อน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ข้า เจียงอี้ ไม่ใช่คนที่จะถูกข่มเหงได้ง่ายๆ! ข้าคุกเข่าให้เพียงสวรรค์และบุพการีเท่านั้น เจ้าเป็นเพียงสัตว์อสูรตัวหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ข้าคุกเข่า?!”
“ข้าเคยพบเจอชนชั้นจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าเจ้านับร้อยเท่ามาแล้ว แต่ข้าก็ไม่เคยคุกเข่าให้กับนาง! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาบอกให้ข้าคุกเข่า? หากจะฆ่าก็รีบๆลงมือ หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว!”
“โอ้ ไม่นะ…”
ร่างกายของผู้อาวุโสเฮ่อสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้และรู้สึกราวกับแก่ขึ้นอีกสิบปี ทำไมเจียงอี้ถึงได้ดื้อรั้นเช่นนี้? เขาประนีประนอมไม่เป็นเลยหรือ? หรือเขาคิดว่าศักดิ์ศรีสำคัญกว่าชีวิตจริงๆ? เห้อออ… เด็กหนุ่มสมัยนี้เลือดร้อนเกินไป
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะใช้ชีวิตคุ้มแล้วสินะ!”
สัตว์อสูรหยาจื้อเผยรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง ทันใดนั้นเขาอันแหลมคมบนหัวของมันก็เปล่งแสงพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมามากกว่าเดิมซึ่งทำให้กายเนื้อของเจียงอี้แทบจะทนไม่ไหว ไม่นานนักเขาก็กระอักเลือดอีกครั้ง ในขณะเดียวกันราชันสัตว์อสูรก็เอ่ยออกมาเป็นครั้งสุดท้าย
“จะคุกเข่าอ้อนวอนหรือ… จะตายเยี่ยงสุนัข!?”
แม้ว่าจะถูกแรงกดดันกดทับไว้จนร่างกายแทบแตกสลาย แต่เจียงอี้ก็ยังคงเงยหน้าขึ้นมาและเค้นพลังทั้งหมดเพื่อที่จะส่งคำตอบกลับไป
“คุก… คุกหน้าเจ้าสิ!”
ฟิ้ววว!
เมื่อสิ้นวาจา เขาแหลมบนหัวของหยาจื้อก็ส่องสว่างเต็มที่และยิงลำแสงใส่ร่างของเจียงอี้ทันที วินาทีต่อมา ร่างของเขาก็สูญสลายไปและไม่เหลือแม้กระทั่งเศษซากราวกับเขาไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ตั้งแต่ต้น!
“นายน้อยอี้!!”
ผู้อาวุโสเฮ่อกรีดร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกไป แต่ก็รับรู้ถึงความร้ายกาจของลำแสงนั่นได้เป็นอย่างดี ต่อให้เป็นหลินกงกงแห่งอาณาจักรเสินหวู่ เกรงว่าคงจะไม่เหลือแม้กระทั่งซากเช่นเดียวกัน
“ไอ้ชาติชั่ว แน่จริงก็มาเอาชีวิตของตาเฒ่าผู้นี้ไปด้วยเลยสิวะ!”
แม้ว่าจะถูกยั่วยุ แต่สัตว์อสูรหยาจื้อก็ทำเพียงแค่เหลือบมองผู้อาวุโสเฮ่อด้วยความเหยียดหยาม จากนั้นมันก็กลับลงไปในทะเลน้ำแข็งอีกครั้งและหายไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ที่ถูกสะกดข่มไว้ก่อนหน้านี้ก็กลับมาบ้าคลั่งอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า!”
เมื่อเห็นสายตาที่มองมา ผู้อาวุโสเฮ่อก็หัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง จากนั้นเขาก็กวัดแกว่งศาสตราวุธระดับสวรรค์ในมือราวกับคนเสียสติ
ในเมื่อเจียงอี้ตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แม้ว่าเขาจะออกจากที่นี่ไปได้ แต่เขาก็คงไม่มีหน้ากลับไปพบจ้านอู๋ซวงอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะฝังร่างของตัวเองไว้ที่นี่เช่นกัน
แต่แน่นอน… ก่อนที่จะลาโลกนี้ไป เขาก็ต้องการที่จะเข่นฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ให้ได้มากที่สุดเพื่อระบายความคลั่งแค้น
ปัง! ปัง! ปัง!
ผู้อาวุโสเฮ่อคุ้มคลั่งและปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจว่าร่างกายจะต้องรับภาระมากขนาดไหน ในเวลาไม่นาน เขาก็ทำให้สัตว์กลายพันธุ์สามตัวบาดเจ็บสาหัสและส่งพวกมันตกลงไปในแอ่งเลือด
“บรู๊ววว!”
หมาป่าน้ำแข็งตัวหนึ่งที่มีร่างกายใหญ่โตไม่ต่างอะไรไปจากภูเขาลูกย่อมๆก็พุ่งเข้าหาชายชราด้วยความเร็วสูงสุด
ฟึ่บ!
ผู้อาวุโสเฮ่อกระโจนขึ้นกลางอากาศและไม่ยอมใช้ร่างกายของปะทะกับมัน การเคลื่อนไหวของเขาทำให้หมาป่าตัวนั้นเข้าปะทะกับชั้นน้ำแข็งและทำให้เลือดของมันหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงพุ่งใส่ชายชราราวกับหมาบ้าอีกหลายครั้ง จนในที่สุดมันก็ประสบความสำเร็จ
“อั๊กกก!”
เฮ่อเถี่ยซู่กลิ้งไถลไปบนพื้นน้ำแข็งด้วยสภาพที่น่าสังเวชและกระอักเลือดออกมา แต่เขาก็ยันตัวขึ้นมาได้ทันพร้อมกับส่งฝ่ามือกระแทกหมาป่าตัวนั้นกลับไป
อย่างไรก็ตามอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายรุนแรง กระดูกขาข้างหนึ่งรับรู้ได้ถึงการแตกร้าว เห็นได้ชัดว่าเขาบาดเจ็บสาหัสแล้ว!
“นายน้อยอี้ ข้ากำลังจะตามไปอยู่เป็นเพื่อนท่านแล้ว…”
เมื่อเห็นฝูงสัตว์กลายพันธุ์ที่กรูเข้ามา ผู้อาวุโสเฮ่อก็ยิ้มออกมาด้วยความขมขื่นและเผลอนึกถึงเจียงอี้โดยไม่รู้ตัว
“หืม? มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
แต่ทันใดนั้นเอง…
ร่างของเฮ่อเถี่ยซู่ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อพบสิ่งผิดปกติ แม้ว่าตำแหน่งที่เจียงอี้ยืนอยู่ก่อนหน้านี้จะถูกปกคลุมโดยโลหิตสีแดงฉาน แต่เขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าพื้นผิวของมันยังคงราบเรียบ
การโจมตีของราชันสัตว์อสูรทรงพลังจนทำให้เจียงอี้ไม่เหลือแม้แต่ซาก แต่พื้นน้ำแข็งบริเวณนั้นจะราบเรียบเช่นนั้นได้อย่างไร?
อย่างน้อยต่อให้ไม่พังทลายไปทั้งหมด แต่ก็ต้องมีร่องรอยถูกทำลายบ้างสิ? หรือว่า…
“ยังไม่ตาย! ฮ่าฮ่า นายน้อยอี้ยังมีชีวิตอยู่!”
เมื่อคิดถึงท่าทีอันแปลกประหลาดของราชันสัตว์อสูร เขาก็ได้ข้อสรุปบางอย่างออกมา แท้จริงแล้วเจียงอี้ไม่ได้ถูกสังหารแต่อาจจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่อื่นแทน!
“เป็นไปได้ไหมว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงการทดสอบ? จอมเวทย์ท่านนั้นต้องการให้ใครสักคนสืบทอดมรดกของเขา และนายน้อยอี้เองก็มีพรสวรรค์ที่น่าเหลือเชื่อ อีกทั้งยังตีความรู้แบบเต๋าได้ตั้งแต่เยาว์วัย”
“ราชันสัตว์อสูรตนนั้นต้องการที่จะทดสอบสภาพจิตใจของเขา และเมื่อนายนายอี้ไม่ยอมร้องขอความเมตตาจนวินาทีสุดท้าย… เขาก็ผ่านการทดสอบ?”
ยิ่งผู้อาวุโสเฮ่อไตร่ตรองถึงเรื่องนี้มาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เดิมทีหัวใจของเขาได้ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หากเจียงอี้ถูกส่งไปที่อื่นจริง เกรงว่าจุดหมายปลายทางของเขาก็น่าจะเป็นชั้นที่ห้า และถ้าเขาสืบทอดมรดกของจอมเวทย์ได้สำเร็จ พวกเขาทั้งสองก็จะได้ออกไปจากที่นี่!
“ฆ่า!”
ผู้อาวุโสเฮ่อตัดสินใจได้ทันที จนกว่าจะถึงตอนนั้น สิ่งแรกที่เขาสมควรทำคือการรักษาชีวิตของตัวเองไว้ให้ได้เสียก่อน!
[1] หยาจื้อ – หนึ่งในบุตรของราชามังกร มีลักษณะคล้ายกับหมาป่าผสมมังกร