เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 357 เจ้าอยากฟาดข้าให้ตาย?
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 357 เจ้าอยากฟาดข้าให้ตาย?
บทที่ 357 เจ้าอยากฟาดข้าให้ตาย?
“โถ่”
เจียงอี้กลอกตาไปมาจอมเวทย์ผู้นี้แกล้งเขามาตลอด นอกเหนือจากการยืนนิ่งเฉยๆในตอนแรกที่ฉายภาพก็ยังลามไปยังตัวอาคาร
ในขณะนี้เขาตระหนักได้ถึงบางอย่าง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เป็นเพียงการทดสอบ มันคือการทดสอบอารมณ์ของเขา หากเขาทำตัวเหมือนแมวที่อยู่บนหลังคาร้อน กระโจนขึ้นลงไปมาหรือคิดจะทำลายโครงกระดูกจอมเวทย์เพื่อระบายโทสะของเขา ป่านนี้เขาก็คงตายไปแล้ว แต่เป็นเพราะเขางีบหลับและรอความตายของเขาอย่างสงบ ดังนั้น เขาจึงผ่านการทดสอบมาได้
เมื่อจอมเวทย์เห็นการกระทำที่เจียงอี้ทำก่อนหน้านี้มุมปากของเขาก็ยกขึ้นก่อนที่จะพูดอย่างลึกซึ้ง “หากผู้ฝึกฝนต้องการที่จะไปถึงจุดสูง มันจำเป็นที่จะต้องมีพรสวรรค์ นั่นคือสิ่งที่จำเป็น! เขาจะต้องเผชิญหน้ากับความตายได้ตลอดเวลา เต๋าวรยุทธของจอมยุทธนั้นคือสิ่งที่ท้าทายสวรรค์และเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนเอง หากผู้ใดสามารถทำได้สำเร็จ คนผู้นั้นก็จะสามารถเฉิดฉายอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้าแน่นอน”
“ในอีกทางหนึ่งการล้มเหลวนั่นหมายถึงความตาย สำหรับผู้บ่มเพาะพลังที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความตายจะไม่มีวันไปถึงจุดสูงสุดได้ แน่นอนว่า….มันยังมีสิ่งสำคัญอื่นๆอีก คือการที่เจ้ามีหัวใจแห่งสามัญ! การไร้การควบคุมอารมณ์และหัวใจแห่งสามัญนั้น แม้ว่าในภายภาคหน้าจะประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตนั้น แต่ในอนาคต คนผู้นั้นอาจไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนผู้นั้นสูญเสียความเป็นตัวเองไปและก้าวเดินไปผิดทาง พวกเขาจะก้าวลงเหวไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ”
เจียงอี้ฟังคำกล่าวของจอมเวทย์อย่างตั้งอกตั้งใจขณะที่สลักคำพูดของเขาไว้ในหัวใจของเขาคำสอนของผู้เชี่ยวชาญนั้นทำได้เพียงค้นพบแต่ไม่ใช่การแสวงหา และมันยังขึ้นอยู่กับชะตาของแต่ละบุคคลเช่นกัน
เมื่อจอมเวทย์กล่าวจบเขาก็กลับมาเงียบ เขารอให้ตาของเจียงอี้สว่างก่อนที่จะกล่าวต่อ “ปริมาณพลังงานที่ข้าเหลืออยู่นั้นมีไม่มากนัก ที่จริงแล้วข้าสามารถอยู่ได้อีกครึ่งปี เจ้าหนู ลองสกัดกลั่นวังแห่งนี้เร็วเข้า หากเจ้าอยากออกไปจากที่นี่ เจ้าควรไปจัดการกับเรื่องของเจ้าเสียก่อนที่จะกลับมายังราชวังจักรวาลแห่งนี้ ข้าจะบอกคาถาแปดประเภทที่ข้าเข้าใจในชีวิตของข้าแก่เจ้า และจะให้รายละเอียดอาคมยับยั้งแก่เจ้า ส่วนเจ้าจะเข้าใจมันได้มากเพียงใด….นั่นก็คงขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้ว”
ฟึ่บ!
ภาพลวงตาของจอมเวทย์ค่อยๆจางหายไปอาคมยับยั้งบนผนังก็สว่างขึ้นเช่นกัน กระดานชนวนที่อยู่ก่อนหน้าเจียงอี้ก็เคลื่อนไหวอย่างกระทันหันและเผยให้เห็นอุโมงมืด และก็มีป้ายหนึ่งพุ่งปรากฏขึ้นมา
“ขอบคุณผู้อาวุโส!”
นัยน์ตาของเจียงอี้สว่างไสวขึ้นขณะที่ยื่นมือออกมารับป้ายไว้เขาเห็นว่ามันคล้ายกับที่หยุนลู่มี เอกลักษณ์ทั่วทั้งแผ่นป้ายนั้นปกคลุมไปด้วยสีแดงเข้มและคำว่า ‘นักเวทย์’ สลักอยู่บนนั้น กลิ่นอายที่เกินกว่าจะพรรณนาได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากป้าย เพียงแค่มองไปที่มัน ผู้คนก็สามารถบ่งบอกได้ว่ามันเป็นสิ่งที่พิเศษ
“เมื่อเจ้าขัดเกลาป้ายนี้แล้วเจ้าจะสามารถควบคุมอาคมยับยั้ง สัตว์อสูร,และหุ่นเชิดในวังได้และนอกจากนั้นเจ้าจะสามารถเข้าออกที่นี่ได้ตามที่เจ้าปรารถนา โปรดจำไว้ว่าเจ้าจะต้องกลับมาในครึ่งปี มิฉะนั้น วิญญาณที่เหลืออยู่ของข้าจะหายไป!”
หลังจากกล่าวประโยคนั้นออกมาแล้วก็ไม่มีเสียงใดๆถูกเปล่งออกมาจากจอมเวทย์อีกต่อไปเจียงอี้โค้งคำนับให้กับโครงภาพจอมเวทย์ด้วบความนับถือก่อนที่จะนั่งลงเพื่อหมุนเวียนแก่นแท้พลังของเขาและขัดเกลาป้ายตรานั้น
แก่นแท้พลังสีแดงเพลิงหมุนเวียนไปรอบป้ายด้วยเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง ป้ายก็สว่างขึ้น เมื่อเกิดสิ่งนั้นขึ้น เจียงอี้และป้ายก็เชื่อมจิตวิญญาณซึ่งกันและกัน
ในเวลานั้นฉากต่างๆในวังก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เขามองเห็นกำแพงที่เขาเผาไปในชั้นแรก เขามองเห็นปลาในชั้นสองที่ว่ายวนเวียนอย่างตื่นเต้น รวมไปถึงปีศาจทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนที่ซ่อนอยู่ในมหาสมุทร นอกจากนี้เขายังมองเป็นราชันสัตว์อสูรที่นอนหลับตาอยู่ที่ชั้นสี่
“ผู้อาวุโสเฮ่อ!”
สถานที่นั้นก็ส่องสว่างขึ้นมาและเขาเห็นผู้อาวุโสเฮ่อที่ยังคงต่อสู้กับเหล่าสัตว์กลายพันธุ์อยู่ตรงธารน้ำแข็งข้างๆทะเลน้ำแข็งร่างทั้งร่างของเขาชุ่มไปด้วยเลือดทำให้เขาดูน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ขาข้างหนึ่งของเขาห้อยต่องแต่งซึ่งไม่สามารถรู้ได้เลยว่ากระดูกหักหรือว่าพิการไปแล้ว
บุฟ!
หลังจากขัดเกลาป้ายเสร็จแล้วนั่นก็หมายความว่าเขาควบคุมอาคมยับยั้งทั้งหมดในวังได้ เขาเลยเปิดใช้งานป้ายนั่น และอาคมยับยั้งเหนือเขาก็สว่างขึ้นทันทีและร่างของเขาก็หายลับไปจากจุดเดิมทันที
…
“โบร๋วโบร๋ววว!”
“กู่กู่!”
“จี๊จี๊!”
ณที่ราบน้ำแข็งชั้นสี่ สัตว์ประหลาดเกือบร้อยชนิดได้ล้อมรอบผู้อาวุโสเฮ่ออยู่และจู่โจมเขาจากทุกสารทิศ ดวงตาของผู้อาวุโสเฮ่อนั้นแดงก่ำมากแล้วและกำลิ่นอายตัวตนของเขาจางลงเนื่องจากอ่อนแอมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะว่าเขาฝืนตัวเองให้เสี่ยงตอบโต้กลับ เขาก็คงจะตายไปนานแล้ว
“ฮู่ฮู่!”
สัตว์กลายพันธุ์ปล่อยลมหายใจที่เยือกเย็นออกมาทำให้ผู้อาวุสเฮ่อตื่นขึ้นมาเขาโน้มตัวไปด้านข้างและกระโจนออกไป ทันใดนั้นเขาก็กวัดแกว่งดาบของเขาและปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าอีกครั้ง
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ด้านหลังของเขามีกรงเล็บยักษ์ของสัตว์กลายพันธุ์ที่กำลังโฉบผ่าอากาศมาผู้อาวุโสเฮ่อหมุนตัวอย่างสุดกำลังและหลบไปด้านข้าง อย่างไรเสีย ด้านข้างก็ยังมีสัตว์กลายพันธุ์อีกตัวซึ่งมันกำลังส่งเสียงออกมาพร้อมหัวที่ใหญ่โต เขี้ยวที่มกริบนั้นสาดไปด้วยแสงอันเยือกเย็นขณะที่พวกมันกำลังพยายามจะฉีกผู้อาวุโสเฮ่อเป็นชิ้นๆ
“เฮ้ออ….”
ผู้อาวุโสเฮ่อนั้นถอนหายใจออกมาอย่างหนักความแข็งแกร่งของเขานั้นถือว่าค่อนข้างดีและการจัดการกับสัตว์กลายพันธุ์บางตัวนั้นไม่ได้ถือเป็นปัญหาสำหรับเขา แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ต่อสู้มาตลอดทั้งวันและได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง เขาใช้พลังความแข็งแกร่งทางกายและใจไปมากแล้ว ความเร็วในการตอบสนองของเขาลดลงเป็นอย่างมาก และเขาก็รู้สึกได้ว่าจิตใจของเขาขาดพลังงานไปแล้ว
ฟึ่บ!
จู่ๆความว่างเปล่ากลางอากาศก็สั่นไหวและมีแสงสีขาวส่องประกายขึ้นมาเด็กหนุ่มผู้สวมเสื้อคลุมเขียวที่มีผมสีแดงยาวปรากฏตัวขึ้น เมื่อผู้อาวุโสเฮ่อมองไปยังจุดนั้น จิตใจของเขาก็ปลื้มปิติขึ้นทันที เขาตะโกนออกมาว่า “นายน้อยอี้!”
“ผู้อาวุโสเฮ่อท่านลำบากมามากแล้ว”
เจียงอี้ยิ้มเบาๆป้ายในมือเขาเปล่งประกายขณะที่ตะโกนออกมาอย่างดัง “พวกเจ้าทุกตัว ไสหัวไปซะ!”
“บรู๋วว!”
“ฮู้ฮู้!”
สัตว์กลายพันธุ์ยักษ์ที่กำลังจะบดขยี้ผู้อาวุโสเฮ่อให้ตายต่างพากันหยุดทำสิ่งเหล่านั้นจากนั้นพวกมันก็หนีไปอย่างเชื่อฟัง สัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่นทั้งหมดก็จ้องมองเจียงอี้ด้วยความหวาดกลัวก่อนที่จะแยกย้ายไปเช่นกัน พร้อมกับพื้นที่สั่นสะเทือนเพราะสัตว์กลายพันธุ์ที่กำลังล่าถอยกลับไปที่ยอดเขาอย่างเป็นระเบียบ
“เอ่อ……..”
ร่างของผู้อาวุโสเฮ่อล้มลงไปกับพื้นและไม่กล้ามองไปรอบๆเขารอจนเจียงอี้ลงมาก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความดีใจ “นายน้อยอี้ ท่านยังไม่ตายจริงๆด้วย เกิดอะไรขึ้นกับท่าน? ท่านได้รับมรดกจากจอมเวทย์อย่างนั้นหรือ?”
“อื้มข้าได้ป้ายมา มันสามารถควบคุมอาคมยับยั้งทั้งหมดในวังแห่งนี้ได้”
เจียงอี้พยักหน้าเขาหยิบยาจากในไข่มุกวิญญาณเพลิงขึ้นมาและส่งมอบมันให้กับผู้อาวุโสเฮ่อและพูดว่า “ผู้อาวุโสเฮ่อ ท่านไม่ต้องกังวลแล้ว ท่านควรพักฟื้นเสียก่อน เราออกจากที่นี่ได้ทุกเมื่อ”
“ข้ารู้แล้วข้ารู้ นายน้อยอี้เป็นอัจฉริยะและไม่สงสัยเลยว่าท่านจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้”
ผู้อาวุโสเฮ่อตื่นเต้นมากและไม่สามารถพูดอย่างต่อเนื่องได้และเขาก็ได้รับเม็ดยาเพื่อฟื้นตัวและสงบลงก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นตัวต่อไป
“ฮู่วฮู่…”
เจียงอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนั่งลงเช่นกันเขาไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะรอดชีวิตมาได้จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายและทำมันสำเร็จได้ นอกจากนี้ยังได้รับมรดกจากจอมเวทย์อีก นี่เป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยความคดเคี้ยวในแต่ละยอดเขา และมอบความหวังให้ในเวลาที่มืดมนที่สุด
เขานั่งอยู่บนที่ราบน้ำแข็งอย่างเงียบๆขณะที่จ้องมองเกล็ดหิมะที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและยิ้มอย่างโง่เขลาจิตใจของเขาล่องลอยออกไปเมื่อนึกว่าในที่สุดก็สงบเสียที
หลังจากนั่งอยู่ครู่หนึ่งสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่ทะเลน้ำแข็ง ดวงตาของเขาสว่างขึ้นอย่างฉับพลัน เขาถือป้ายและร้องออกมาว่า “ราชันสัตว์อสูร ออกมา!”
ปัง!
ทะเลน้ำแข็งสะเทือนทันทีขณะที่มีคลื่นพุ่งซัดขึ้นมาสัตว์อสูรเผยหัวโตๆออกมา ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและดื้อรั้น มันจ้องมองเจียงอี้และพูดอย่างไม่แยแส “เจ้าเด็กเหลือขอ ตามหาข้ามีอะไร? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ…..แม้ว่าเจ้าจะได้รับมรดกจากเจ้านายข้า มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะมาสั่งอะไรข้าได้ หากเจ้าขัดใจข้า ข้าจะฟาดเจ้าให้ตายเสีย”
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้มองหน้าราชันสัตว์อสูรโดยไม่มีวี่แววของความเกรงกลัวใดๆเขาตอบอย่างคลุมเครือว่า “เจ้าอยากฟาดข้าให้ตาย? เจ้าจะลองดูก็ได้แล้วเราจะได้เห็นดีกันว่าผู้ใดจะตาย มันจะเป็นข้าหรือจะเป็นเจ้ากัน?”