เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 358 ร่ำรวยในพริบตา
บทที่ 358 ร่ำรวยในพริบตา
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“หืม?”
เมื่อราชันสัตว์อสูรกล่าวด้วยความดุร้าย ผู้อาวุโสเฮ่อก็ตกใจกลัวมากแล้ว แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่เจียงอี้ตอบโต้กลับไป หัวใจดวงน้อยๆของเขาก็แทบจะหยุดเต้นทันที
ราชันสัตว์อสูรคือตัวตนระดับไหน? มันเทียบได้กับยอดฝีมือขอบเขตจินกังของเผ่ามนุษย์เชียวน้า แต่ไม่น่าเชื่อว่าเจียงอี้จะกล้าเอ่ยวาจากับมันในลักษณะนี้!
“ก็ได้ๆ ข้ายอมแล้ว เจ้าได้รับมรดกจากนายท่านของข้าก็นับว่าเจ้าเป็นเจ้านายของข้าเช่นกัน แล้วเจ้ามีอะไรถึงเรียกข้าออกมา? เจ้าไม่รู้หรือไงว่าราชาผู้นี้กำลังอยู่ในช่วงบำเพ็ญเพียร?”
“เจ้านายของราชันสัตว์อสูร…”
เฮ่อเถี่ยซู่ลอบกลืนน้ำลายด้วยความตื่นตระหนก หากเจียงอี้สามารถพามันออกไปตระเวนรอบทวีปได้ มันจะยังมีใครที่กล้าแตะต้องเขาอีกหรือ? แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับนักสู้ขอบเขตจินกัง แต่ถ้าหากเขาต้องการจะหลบหนี คนเหล่านั้นก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้
นอกจากนี้เขายังสามารถใช้กลิ่นอายของเจตจำนงสังหารเพื่อปราบปรามทั้งกองทัพ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ… กำลังรบของเพียงคนเดียวก็สามารถเทียบชั้นกับทั้งอาณาจักรได้แล้ว!
หากเจียงอี้เลือกที่จะเก็บตัวสักสิบปีเพื่อบรรลุขอบเขตจินกัง จากนั้นก็ผนวกกับพลังของราชันสัตว์อสูรตนนี้ เกรงว่าคงจะไม่มีอาณาจักรไหนที่จะสามารถต้านทานพลังของเขาได้แน่!
เจียงอี้เองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน หลังจากที่กลายเป็นเจ้าของป้ายตราชิ้นนี้ เขาสามารถควบคุมชีวิตของสัตว์อสูรและสัตว์กลายพันธุ์ทั้งหมดที่อยู่ในราชวังจักรวาลแห่งนี้
หากว่าเขาต้องการ เพียงแค่ใช้ความคิด เขาก็สังหารพวกมันได้ทันที และในเมื่อราชันสัตว์อสูรอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ นั่นก็หมายความว่ามันอยู่ในการควบคุมของเขาเช่นกัน
“อิทธิฤทธิ์ของจอมเวทย์ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก เพียงแค่ป้ายที่ดูธรรมดาสามัญเช่นนี้กลับมีอำนาจที่ไม่ธรรมดา มันถึงกระทั่งสามารถควบคุมความเป็นความตายของราชันสัตว์อสูรได้เลยทีเดียว!”
เจียงอี้จมอยู่กับความคิดในหัว จากนั้นไม่นานเขาก็เงยหน้าขึ้นมาและกล่าวอย่างไม่แยแส
“ข้ากำลังเตรียมตัวที่จะจากไป เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่?”
“ไม่ไป!”
สัตว์อสูรหยาจื้อกล่าวโดยไม่ต้องคิด จากนั้นมันก็กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เด็กน้อย เจ้าต้องการให้ราชาผู้นี้ต่อสู้เพื่อเจ้ารึ? ชนชั้นราชันเยี่ยงข้าจะไปเป็นลูกน้องของเด็กเหลือขออย่างเจ้าได้อย่างไร? ฝันไปเถอะ รอให้เจ้าทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้เมื่อไหร่แล้วค่อยมาว่ากันใหม่!”
“เจ้าจะไม่มาจริงๆ?” ม่านตาของเจียงอี้หดแคบลงและเผยให้เห็นความเย็นชา
สัตว์อสูรหยาจื้อเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ มันเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับตวาดออกมาด้วยความโกรธ
“ข้าไม่ไป! ราชาผู้นี้มีศักดิ์ศรีของตัวเอง! หากว่าเจ้าต้องการที่จะฆ่าข้า เช่นนั้นก็เอาเลย!”
“จัดให้ตามนั้น!”
ร่างของเจียงอี้ปะทุจิตสังหารออกมาพร้อมกับกำป้ายในมือไว้แน่น
“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าเจ้าไม่ไปกับข้า ข้าจะสังหารเจ้าเพราะว่าเจ้ามันไร้ประโยชน์!”
“หนึ่ง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่เพียงราชันสัตว์อสูรจะไม่หวาดกลัวเท่านั้น แต่มันยังจ้องมองมาที่เจียงอี้ด้วยความดูถูก
“สอง!”
เด็กหนุ่มคำรามออกมาอีกครั้งพร้อมกับจิตสังหารที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม
หัวของราชันสัตว์อสูรยังคงเชิดสูงซึ่งทำให้ผู้อาวุโสเฮ่อเป็นกังวล เขาต้องการที่จะพูดบางอย่างเพื่อโน้มน้าวเจียงอี้ แต่หลังจากที่ใช้เวลาด้วยกันว่าช่วงระยะเวลาหนึ่งเขาก็พับความคิดนั้นเก็บลงไปเพราะรู้ดีว่าเมื่ออีกฝ่าตัดสินใจอะไรไปแล้ว เขาจะไม่มีทางล้มเลิกมันเด็ดขาด
“สาม!”
เมื่อเจียงอี้นับถึงสาม เขาก็ส่งพลังเข้าไปกระตุ้นป้ายตรา ทันใดนั้นเองกลิ่นอายอันน่าสยดสยองก็พวยพุ่งออกมาจากมันซึ่งทำให้ผู้อาวุโสเฮ่อที่อยู่ห่างออกไปยังต้องรู้สึกเสียวสันหลัง
แต่ในจังหวะเดียวกัน น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกก็ดังขึ้นมาจากทางทะเลน้ำแข็ง “หยุด! ข้าไป! ข้าไปก็ได้! เด็กน้อย เจ้ามันโหดเหี้ยมนัก ราชาผู้นี้จะยอมเจ้าสักครั้งหนึ่ง!”
“ห๊ะ?”
ผู้อาวุโสเฮ่อจ้องมองด้วยความโง่งม สัตว์อสูรหยาจื้อเป็นตัวตนในตำนานที่รักการต่อสู้และหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆมันถึงกลับคำเสียล่ะ?
“ฮิฮิ!”
มุมปากของเจียงอี้ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าหากกดดันสัตว์อสูรตนนี้จนถึงที่สุด มันก็จะยอมแพ้ไปเอง เพราะหากว่ามันรักศักดิ์ศรีมากกว่าชีวิตจริง มันจะถูกสยบโดยท่านจอมเวทย์ได้ยังไง?
สัตว์อสูรเหลือบมองมาที่เจียงอี้และกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าหนู ราชาผู้นี้จะยอมไปกับเจ้า แต่ข้าจะไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด หากว่าถูกยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ล้อมสังหาร กระทั่งข้าเองก็คงจะไม่รอด”
“ราชาผู้นี้ยังเหลืออายุขัยอีกห้าร้อยปีและไม่อยากที่จะตายอย่างน่าสมเพช นายท่านเคยสัญญาไว้หากข้าทะลวงสู่ระดับจักรพรรดิได้เมื่อไหร่ ท่านจะคืออิสรภาพให้กับข้า ดังนั้นเจ้าจะต้องสาบานต่อสวรรค์ มิฉะนั้นข้าขอยอมตายเสียดีกว่า!”
“ตกลง!”
แน่นอนว่าเจียงอี้ย่อมตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด สัตว์อสูรหยาจื้ออยู่ในจุดสูงสุดของระดับราชันเป็นเวลานาน นั่นก็หมายความว่ามันจะไม่ทะลวงระดับในเร็วๆนี้ หรือไม่บางทีมันก็ไม่อาจก้าวหน้าได้อีกตลอดชีวิต แต่เขาต้องการพึ่งพามันเพียงแค่สองถึงสามปีเท่านั้นจนกระทั่งทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้สำเร็จ
หลังจากที่เจียงอี้บอกให้ผู้อาวุโสเฮ่อกลับไปรักษาตัวต่อ เขาก็หันมาคุยกับราชันสัตว์อสูรอีกครั้ง
“เจ้าเหลืออายุขัยอีกห้าร้อยปี? ไม่ใช่ว่าเจ้าคงอยู่มากว่าสามพันปีแล้วหรือ ทำไมถึงได้มีชีวิตยืนยาวนัก? จากที่ข้ารู้มา มีเพียงชนชั้นจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถมีอายุมากกว่าสามพันปีไม่ใช่หรือยังไง?”
“เหอะ! เจ้าจะเอาราชันสัตว์อสูรพวกนั้นมาเทียบกับข้าได้เยี่ยงไร?”
“สัตว์อสูรหยาจื้อเช่นพวกเราเป็นสายพันธุ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในประวัติศาสตร์มีพวกเรามากมายที่ทะลวงสู่ระดับจักรพรรดิสัตว์อสูรได้สำเร็จและกวาดล้างทั้งทวีปนี้ด้วยเลือด”
“ช่วงอายุขัยของสัตว์อสูรทั่วไปเทียบได้กับครึ่งชีวิตของพวกเราเท่านั้น นอกจากนี้นายท่านยังมอบสมุนไพรหายากให้กับข้า ดังนั้นการที่ข้ามีชีวิตมาอย่างยาวนานก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด”
“สมุนไพรหายาก?”
หัวใจของเจียงอี้ระส่ำระส่าย จอมเวทย์ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่และสามารถควบคุมป่าอเวจี ดังนั้นภายในราชวังจักรวาลแห่งนี้ก็น่าจะมีสมุนไพรวิญญาณอยู่มากมายใช่หรือไม่? บางทีอาจจะมีศิลาสวรรค์อยู่ในนั้นด้วยก็ได้!
“ศิลาสวรรค์!”
เมื่อเจียงอี้นึกถึงแร่ชนิดนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น ตามที่ผู้อาวุโสเฮ่อกล่าว ตราบเท่าที่เขาสะสมแก่นแท้พลังได้เพียงพอ เขาจะสามารถทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้ทันที จากนั้นกำลังรบโดยรวมของเขาก็จะถูกยกระดับเข้าสู่ขอบเขตใหม่ทั้งหมด
เจียงอี้เพ่งจิตลงไปในป้ายในมือและเริ่มสำรวจราชวังทั้งหมด หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค้นพบห้องโถงขนาดเล็กซึ่งภายในนั้นบรรจุศาสตราวุธและสมุนไพรวิญญาณไว้มากมาย
“สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์…”
ในบรรดาอาวุธเหล่านั้น เจียงอี้สามารถมองเห็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีกลิ่นอายคล้ายกับดาบมังกรเพลิงสองสามชิ้น
เขาไม่ได้เคลื่อนย้ายไปที่นั่นทันที แต่เลือกที่จะเอ่ยถามราชันสัตว์อสูรแทน
“ข้าพบห้องโถงที่มีสิ่งประดิษฐ์อยู่มากมาย ตอนนี้ข้าได้ขัดเกลาราชวังจักรวาลเรียบร้อยแล้ว นั่นก็หมายความว่า… ข้าสามารถใช้พวกมันได้ใช่หรือไม่?”
“แน่นอน…”
ราชันสัตว์อสูรกลับมาใช้น้ำเสียงไม่แยแสอีกครั้ง
“เมื่อเจ้าสืบทอดมรดกของนายท่านแล้ว ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ที่นี่ก็ล้วนเป็นของเจ้าและเจ้ายังสามารถใช้พวกมันได้อย่างอิสระ”
“ประเสริฐ!”
ป้ายในมือของเจียงอี้ส่องสว่าง พริบตาต่อมาร่างของเขาก็หายไป เมื่อเห็นเช่นนั้นสัตว์อสูรหยาจื้อก็เหลือบมองเฮ่อเถี่ยซู่เล็กน้อยก่อนที่จะดำลงไปในทะเลน้ำแข็งอีกครั้ง
ฟึ่บ!
เจียงอี้มาปรากฏตัวยังห้องโถงแห่งนั้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะที่กวาดตามองสิ่งประดิษฐ์รอบๆด้วยความตื่นเต้น
เมื่อพิจารณาอย่างดีแล้ว เขาก็พบว่าที่นี่มีสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ห้าชิ้นเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีดาบมังกรเพลิงอยู่แล้ว แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับสมบัติเหล่านี้
“เดี๋ยวสิ? ทำไมถึงไม่มีศิลาสวรรค์?”
ไม่ว่าจะค้นหาเท่าไหร่ นอกเหนือจากศาสตราวุธ, ชุดเกราะ, สมุนไพรวิญญาณและสิ่งประดิษฐ์ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว เขาก็ไม่พบแม้แต่เงาของศิลาสวรรค์