เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 364 วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 364 วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 364 วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“ภาระ…”
แม่นางหลิ่วถึงกับเป็นใบ้และตกใจในสิ่งที่เจียงอี้กล่าว เกรงว่าในทวีปนี้คงมีเพียงแค่เขากระมังที่กล้าเรียกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวว่าภาระ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อตระหนักได้ถึงความเร็วแกร่งของเขา นางก็ค่อยๆสงบลง ด้วยฤทธิ์เดชของเจตจำนงสังหาร อย่าว่าแต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหนึ่งคนเลย ต่อให้กรูกันเข้ามานับพันพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเจียงอี้ได้ เพราะเขาคือผู้อยู่ยงคงกระพันในขอบเขตเสินโหยว!
“ยอดเยี่ยมนัก! ท่านอุปราช ผู้อาวุโส พวกท่านพักเอาแรงก่อนเถิด ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง หากพวกท่านต้องการสิ่งใด โปรดแจ้งให้เหล่าคนรับใช้ทราบได้เลย”
เมื่อพูดจบแม่นางหลิ่วก็โค้งคำนับและขอตัวจากไป หลังจากนั้นผู้อาวุโสเฮ่อก็หันมาหาเจียงอี้พร้อมกับพูดเชิงหยอกล้อ
“นายน้อยอี้ ท่านไม่ต้องการให้นางอยู่คอยปรนนิบัติรับใช้สักหน่อยหรือ? หญิงสาวผู้นี้ถูกตระกูลฝึกฝนมาอย่างดี ดังนั้นข้ามั่นใจว่านางสามารถบริการท่านได้ถึงใจอย่างแน่นอน…”
“ไร้สาระ!”
ขนตาของเจียงอี้สั่นกระเพื่อมพร้อมทั้งกล่าวด้วยความร้อนรน “ผู้อาวุโสเฮ่อ เลิกแหย่ข้าได้แล้ว หากรั่วเสวี่ยรู้เข้า ข้าตายแน่!”
“ฮ่าฮ่า! เพียงแค่ความสนุกชั่วคราว คนอื่นจะรู้ได้อย่างไร?”
จากนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสเฮ่อก็เปลี่ยนไปและดูราวกับเฒ่าลามกขณะที่ยังคงคะยั้นคะยอชายหนุ่ม
“มันก็แค่ความสุขชั่วขณะ แม่นางหลิ่วผู้นั้นเองก็คงจะมีความสุขหากได้ปรนนิบัติท่านและท่านเองก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น”
“เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้… จะว่าไปตอนที่ข้ายังเป็นหนุ่ม ข้าเองก็เจ้าสำราญไม่น้อย น่าเสียดายที่ตอนนี้ข้าแก่แล้ว แม้ว่าจะมีความต้องการแต่สังขารก็ไม่เอื้ออำนวย”
“ตาเฒ่าลามก หยุดล้อข้าเล่นได้แล้ว! ข้าจะกลับไปบ่มเพาะพลัง!”
หลังจากที่แยกกัน เจียงอี้ก็เดินมาพบห้องบ่มเพาะพลังและจมอยู่ในห้วงบำเพ็ญตลอดทั้งวัน
เมื่อหมดวัน แม่นางหลิ่วก็กลับมาในช่วงกลางคืนและบอกกล่าวทุกสิ่งที่ได้รับมา พวกเขาตกลงกันว่าจะรอจนถึงวันมะรืนก่อนที่พิธีส่งมอบบรรณาการจะเริ่มขึ้นที่ภูเขาจอมเวทย์
วันต่อมา แม่นางหลิ่วก็กลับมาอีกครั้งและรายงานว่าทุกอย่างยังคงเรียบร้อยดี ดังนั้นเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อจึงเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมที่สุดเพื่อการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้
“ก๊อกๆ”
กลางดึกคืนนั้น ในขณะที่เจียงอี้กำลังบ่มเพาะพลังอยู่บนเตียง จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงอันทรงเสน่ห์ของหญิงสาว
“ท่านอุปราช นี่ข้าเอง ข้ามีเรื่องสำคัญต้องแจ้งให้ท่านทราบ”
“หืม?”
เจียงอี้ลืมตาขึ้นและกล่าว
“ประตูไม่ได้ลงสลักไว้ เข้ามาได้เลย”
ประตูห้องถูกผลักเข้ามาเบาๆพร้อมกับร่างอันสมส่วนของหญิงสาวที่เดินเข้ามา แม้ว่าในห้องจะมืดสลัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่อาจบดบังร่างกายอันสมบูรณ์อวบอิ่มของนางได้
แม่นางหลิ่วอยู่ในชุดแพรสีดำและแนบเนื้อซึ่งตัดกับสีผิวที่ขาวราวกับหิมะของนางได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนอกจากชุดแพรบางๆแล้ว นางไม่ได้ใส่อะไรข้างในอีกเลย! เจียงอี้กระทั่งสามารถเห็นยอดปทุมของนางได้ลางๆ
ร่างกายของแม่นางหลิ่วนับว่าสมส่วนจนหญิงสาวผู้อื่นยังต้องอิจฉา นางมีขาที่เรียวยาวและบั้นท้ายที่อวบอั๋น ในขณะที่เดินเข้ามาใกล้ เขาก็ยิ่งมองเห็นเสน่ห์ของนางได้ชัดยิ่งขึ้น
แม้ว่าเจียงอี้จะคุ้นเคยกับหญิงงามมากมาย แต่เขาก็ยังคงบริสุทธิ์อยู่ ซึ่งตรงกันข้ามกับแม่นางหลิ่วที่มีร่างกายเป็นอาวุธ ทุกท่วงท่าและรอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความน่าหลงใหล กระทั่งตัวเขาที่มักจะเย็นชาอยู่ตลอดเวลาก็ยังไม่สามารถละสายตาจากนางได้
“บ่าวขอคารวะท่านอุปราช!”
นางโค้งคำนับให้กับเจียงอี้ แต่ในเวลาเดียวกันหน้าอกอันใหญ่โตของนางก็ไหลทะลักออกมา เมื่อดูดีๆ ใบหน้าของนางก็พอมีส่วนคล้ายจักรพรรดินีสัตว์อสูรอยู่บ้าง ดวงตาของนางยังคงไว้ด้วยมนต์เสน่ห์ที่ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา
แต่โชคดีที่เจียงอี้มีจิตใจที่เข้มแข็งพอ เขาบังคับไม่ให้ตัวเองหลงใหลไปกับรูปลักษณ์ของหญิงสาว จากนั้นเขาก็เอ่ยถามขึ้นมา
“มีอะไร?”
แม่นางหลิ่วยิ้มและล้วงมือเข้าไปในเสื้อของนาง จากนั้นก็หยิบแผนที่ขึ้นมาและกางออก
“ท่านอุปราช นี่คือแผนที่ที่มีรายละเอียดมากที่สุดของเมืองเซวี่ยนเทียนและตำหนักปราชญ์ อีกทั้งยังแสดงเส้นทางการล่าถอย… ข้าเพิ่งทำเสร็จเมื่อครู่นี้เองและจึงตัดสินใจนำมาให้ท่านทันที”
“โอ้”
เจียงอี้นำแผนที่มาดูอย่างละเอียด ในขณะเดียวกัน แม่นางหลิ่วก็ขยับหน้าอกของนางเล็กน้อยพร้อมกับจุดเทียน และแสงเทียนก็ยิ่งทำให้นางดูเย้ายวนมากยิ่งขึ้น
“นี่คือเส้นทางที่ข้าไตร่ตรองเพื่อท่านอุปราช เนื่องจากมีคนน้อยและยังใกล้กับที่พำนักขององค์หญิงหยุนเฟย หลังจากที่ทำการช่วยเหลือองค์หญิงและองค์ชายได้แล้ว พวกท่านสมควรล่าถอยโดยใช้เส้นทางนี้ทันที…”
แผนที่ฉบับนี้นับว่าสมบูรณ์แบบ มันมีเครื่องหมายบอกเหตุพร้อมและบอกจำนวนทหารที่เฝ้าพิทักษ์ตำหนักปราชญ์ค่อนข้างแม่นยำ นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าแม่นางหลิ่วได้ทุ่มเทให้กับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พิจารณาแผนที่ได้ไม่นาน เจียงอี้ก็ถูกดึงดูดความสนใจโดยสิ่งอื่น ยิ่งแม่นางหลิ่วอธิบายมากเท่าไหร่ กลิ่นหอมจากตัวนางก็ยิ่งทำให้เขาอยู่ไม่สุข ยิ่งเวลาที่นางชี้ไปยังแผนที่ นางจะโค้งตัวลงเล็กน้อยและทำให้ก้อนเนื้อสองก้อนของนางแทบจะทิ่มใส่หน้าของเขาอยู่แล้ว
“เอ่อ…”
เจียงอี้เผลอหดคอราวกับเต่าโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็พยายามเบนสายตาไปมองทางอื่นและกล่าวออกมา
“เอาล่ะ ข้าจำทุกอย่างได้แล้ว ข้าอยากจะพักผ่อนสักหน่อย เจ้าเองก็กลับไปพักเถอะ ขอบคุณมาก”
แต่แทนที่จะจากไป แม่นางหลิ่วกลับเป่าเทียนจนดับและเดินไปปิดประตูอย่างเบามือ จากนั้นก็หันมามองเจียงอี้พร้อมกับรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์บนหน้า
“ใต้เท้า ท่านต้องการให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนท่านคืนนี้หรือไม่? ข้าจะรู้สึกเป็นเกียรติมากหากได้ปรนนิบัติท่าน”
ในขณะที่พูด นางก็ใช้นิ้วมือกรีดกรายไปตามขาอ่อน จากนั้นก็เดินเข้ามาหาเจียงอี้พร้อมกับดึงชุดแพรของตนลงอย่างช้าๆและเผยให้เห็นผิวพรรณที่น่าหลงใหล ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มก็สามารถมองเห็นหน้าอกอันขาวเนียนของนางได้ถนัดตา
“ท่านอุปราช ท่านมั่นใจได้เลยว่าข้าจะไม่เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ข้าเพียงแค่ต้องการอยากจะเป็นนางบำเรอของท่านก็เท่านั้น”
“ท่านคือวีรบุรุษหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่ของยุคนี้ การได้ปรนนิบัติท่านคือวาสนาของข้า หากท่านอุปราชให้โอกาสข้า ข้าจะจำจดค่ำคืนนี้ไปตลอดชีวิต… ท่านโปรดเติมเต็มความปารถนาให้ข้าได้หรือไม่?”
คำพูดของนางทำให้เจียงอี้ทำอะไรไม่ถูก ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงเป็นเด็กหนุ่มและเต็มไปด้วยกำลังวังชา หากเป็นคนปกติเมื่อมีหญิงสาวมาถวายตัวให้ เกรงว่าคนผู้นั้นคงจะพุ่งใส่แม่นางหลิ่วอย่างหื่นกระหายแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขามีจิตใจที่เข้มแข็งและเรียกคืนความสงบได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอ่ยอย่างเด็ดขาด
“ไม่! เจ้ากลับไปได้แล้ว!”
“ใต้เท้า!”
แม่นางหลิ่วเผลอแสดงความไม่พอใจออกมา แต่ไม่นานนักนางก็หยุดนิ่งพร้อมกับดวงตาที่กำลังสั่นไหวราวกับสามารถร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อซึ่งทำให้ตัวนางดูน่าสงสารมาก
“ท่านอุปราช ท่านคิดว่าร่างกายของข้าสกปรกใช่หรือไม่? ในวันพรุ่งนี้ ข้าจะเป็นผู้นำกองกำลังบุกไปโจมตีตำหนักขององค์ชายหยุนฉีและมีโอกาสสูงมากที่จะตกตายอยู่ที่นั่น”
“แม้ว่าข้าจะเป็นหน่วยกล้าตายของตระกูลจ้าน แต่ข้าก็ยังคงมีความปรารถนาเป็นของตัวเอง หญิงสาวผู้ใดบ้างที่ไม่มีความฝัน?”
“ตัวข้านั้นหลงรักท่านมานานแล้ว ท่านอุปราชคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่กอบกู้โลกไว้โดยการช่วยเหลือจิ้งจอกวิญญาณสามหางตัวน้อย ท่านยังต่อสู้กับทหารนับล้านเพื่อหญิงสาวผู้เป็นที่รัก ท่านคือบุรุษที่หญิงสาวทั่วโลกต่างฝันถึง”
“หากว่าข้าสามารถถวายกายรับใช้ใต้เท้าก่อนที่จะตาย ข้าจะไม่มีความเสียใจใดๆอีก ดังนั้นใต้เท้าอย่าใจร้ายและหักหาญน้ำใจของข้าเลยนะเจ้าคะ?”
“เห้ออ…”
เจียงอี้ถอนหายใจออกมาเบาๆและดูเหมือนเขาจะไม่ดึงดันที่จะปฏิเสธอีกต่อไป เขาก้มศีรษะลงและกลายเป็นนิ่งเงียบ
แม่นางหลิ่วในตอนนี้ดูราวกับดอกกุหลาบที่เบ่งบาน นางถอดชุดแพรออกอย่างช้าๆและเผยให้เห็นเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ จากนั้นก็ค่อยๆผลักเจียงอี้ลงกับเตียงอย่างนุ่มนวลขณะกล่าว
“ท่านเพียงแค่ล้มตัวนอน ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบ่าวผู้นี้ ข้าสัญญาว่าจะทำให้ท่านมีความสุขจนมิอาจลืมเลือน…”