เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 370 สุดท้าย… ท่านก็ตกอยู่ในกับดักของข้า!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 370 สุดท้าย… ท่านก็ตกอยู่ในกับดักของข้า!
บทที่ 370 สุดท้าย… ท่านก็ตกอยู่ในกับดักของข้า!
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ค่ำคืนอันเงียบสงบ วังหลวงยังคงอยู่ในความเงียบเชียบ ขณะเดียวกันราชินีแม่มดก็ยังคงหลับใหลราวกับไม่เคยเกิดเรื่องร้ายกับนางมาก่อน
เจียงอี้นั่งอยู่ทั้งคืน เขาไม่กล้าที่จะหลับพักผ่อนหรือบ่มเพาะพลังและทำเพียงแค่เฝ้ามองเชลยสาวตรงหน้า
ภายในห้องแห่งนี้มีกลิ่นหอมจางๆอบอวลตลอดเวลา แต่มันไม่ใช่ศาสตร์เวทย์หรือเล่ห์กลอะไร มันเป็นเพียงแค่กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวเท่านั้น
เจียงอี้อายุครบสิบเจ็ดปีและกลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เขาถูกไฟราคะโหมใส่ครั้งแรกในตอนที่ถูกแม่นางหลิ่วยั่วยวน
หลังจากนั้นราชินีแม่มดก็ยังชำระร่างกายและเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขา ด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ เขาสามารถบังคับกระทำเรื่องอย่างว่ากับนางได้อย่างง่ายดายแต่เขาก็ระงับตัวเองเอาไว้
หากเป็นคนทั่วไป พวกเขาคงจะปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบเมื่ออยู่ในสถานการณ์เดียวกับเจียงอี้ไปแล้ว
ขณะเดียวกันเจียงอี้ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนดีหรือมีศีลธรรมอะไร เขาเพียงไม่ต้องการนอกใจซูรั่วเสวี่ยหรือกระทำเรื่องไร้ยางอาย หากว่าเขาพลั้งพลาดไปและถูกซูรั่วเสวี่ยรู้เข้า เกรงว่าผลที่ตามมาคงจะน่าสยดสยองมิใช่น้อย
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านพ้นไป ความทุกข์ทรมานของเจียงอี้ก็จบสิ้นลง ภายในราชวังเต็มไปด้วยเสียงครึกโครมตั้งแต่เช้าตรู่ เห็นได้ชัดว่าผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีถวายราชบรรณาการในวันนี้
ราชินีแม่มดไม่จำเป็นต้องตามเสด็จองค์ราชาและยังสั่งห้ามไม่ใช่ใครรบกวนนางตลอดทั้งคืน แม้ว่าภายนอกจะกำลังวุ่นวาย แต่บริเวณที่พำนักของนางกลับเงียบมาก
ไม่มีใครกล้ามาเข้ารบกวนเวลานอนของนาง ดังนั้นเจียงอี้จึงสามารถใช้เวลาทั้งคืนในห้องบรรทมได้อย่างไม่มีปัญหา
สองชั่วโมงต่อมาวังหลวงก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าองค์ราชาทรงเสร็จไปยังภูเขาจอมเวทย์แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ เจียงอี้จึงสามารถหายใจได้โล่งคอจริงๆเสียที จากนั้นเขาก็เดินไปที่ข้างเตียงของราชินีแม่มดและเอ่ยด้วยเสียงอันเย็นชา
“ตื่นเถอะ ราชาของท่านออกไปแล้ว”
“อือออ…”
ราชินีแม่มดค่อยๆขยับร่างอันบอบบางของนางและบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง นางเหยียดแขนและหาวออกมาเป็นบางครั้ง ดูเหมือนว่านางจะนอนหลับฝันดีทั้งคืน
จากนั้นนางก็ลุกขึ้นจากเตียงและจัดผมเผ้า ก่อนที่จะหันไปกล่าวกับเจียงอี้
“เจ้าไปซ่อนตัวก่อน ข้าจะสอบถามคนใช้เกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอกสักเล็กน้อย”
เจียงอี้พยักหน้าและไปซ่อนตัวอยู่หลังฉากกั้นห้อง ราชินีแม่มดเรียกสาวใช้คนหนึ่งเข้ามาและสอบถามสถานการณ์ต่อหน้าเจียงอี้
เป็นไปตามคาด ขบวนเสด็จขององค์ราชาออกเดินทางไปแล้วและกำลังมุ่งหน้าไปทางประตูทิศตะวันตก
จากนั้นนางก็ขอให้สาวใช้นางนั้นช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับนาง และเป็นที่ครั้งสองที่เจียงอี้ได้เห็นหญิงสาวผู้นี้ในสภาพเปลือยเปล่า แม้ว่านางจะชั่วร้าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร่างกายของนางงดงามจนทำให้ทั้งต้องโลกตะลึงงัน
หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ราชินีแม่มดก็เดินไปนั่งที่โต๊ะเพื่อรับประทานอาหารเช้า นางไล่สาวใช้คนนั้นออกจากห้องและหันไปเอ่ยกับเจียงอี้
“ท่านอุปราช ท่านสามารถมาร่วมโต๊ะทานอาหารกับข้าได้ ไม่ต้องกลัว มันไม่มียาพิษ จริงสิ เมื่อคืนท่านหลับสบายหรือไม่?”
หลับน้องเจ้าสิ!
เจียงอี้ก่นด่าภายในใจ เขาอยู่ในรังของศัตรูและทำได้เพียงระวังตัวตลอดเวลา แล้วอย่างนี้เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปนอนกัน?
เขาไม่กินอะไรทั้งสิ้นและเอ่ยถามขึ้นมา “พวกเราจะไปตำหนักปราชญ์ตอนไหน?”
ราชินีแม่มดกระพริบตาและกล่าวอย่างเกียจคร้าน
“อีกสองชั่วโมงองค์ราชาจะเสด็จไปถึงภูเขาจอมเวทย์ พวกเราใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงในการไปตำหนักปราชญ์ ในขณะที่องค์ราชากำลังทำพิธี มันก็จะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดพวกที่พวกเจ้าจะหลบหนีไป”
“อืม”
เจียงอี้ศึกษาแผนที่มาก่อนแล้วและลอบคิดคำนวณอย่างลับๆซึ่งทำให้ตระหนักได้ว่าราชินีแม่มดไม่ได้หลอกลวงเขา เขายังคงนั่งขัดสมาธิและจ้องมองไปที่นางโดยไม่เอ่ยวาจาใดออกมา แต่จากนั้นไม่นาน นางก็เป็นฝ่ายกล่าวขึ้นมาก่อน
“ท่านอุปราช ท่านมีชื่อเสียงในฐานะอัจฉริยะฟ้าประทาน ดังนั้นมันคงจะเป็นเกียรติสำหรับข้ามากหากได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของบุรุษที่เอาชนะข้าได้ ท่านว่าอย่างนั้นหรือไม่?”
เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ จากนั้นไม่นานเขาก็นำมือขึ้นมาทาบบนใบหน้าและดึงหน้ากากออกเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
“พอแล้ว”
ราชินีแม่มดพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจ
“ในตอนที่ข้าเกิด สวรรค์ยังคงไม่ส่งท่านลงมาจุติ หากว่าข้ามีอายุไล่เลี่ยกับท่านอุปราช ข้าคงจะไล่ตามท่านด้วยทุกสิ่งที่มี เสน่ห์และความห้าวหาญของท่านมีมากพอที่จะทำให้หญิงสาวทั่วทั้งทวีปเกิดความคลั่งไคล้”
เจียงอี้แสยะยิ้มออกมาและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้ท่านหายไปจากโลกนี้”
“ฮิฮิ”
ราชินีแม่มดหัวเราะออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เบนสายตาไปนอกหน้าต่างและเอ่ยด้วยรอยยิ้มอันเศร้าสร้อย
“ท่านอุปราชยังไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงดีพอ ในความเป็นจริง… การอยู่ในตำแหน่งเดียวกับข้าไม่ต่างอะไรไปจากการถูกขังอยู่ในกรง ความฝันของหญิงสาวมีเพียงแค่การได้อยู่ข้างกายชายผู้เป็นที่รักไปชั่วชีวิต”
“นี่… ท่านอุปราช การได้ท่องไปทั่วโลกตามใจปรารถนานั้นทำให้ท่านมีความสุขหรือไม่?”
เจียงอี้ผงะกับคำพูดของนางเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ปริปากตอบ เมื่อเห็นเช่นนั้น ราชินีแม่มดก็ถอนหายใจออกมาและทำเพียงแค่จ้องมองไปยังศาลาด้านนอกอย่างสงบ
สองชั่วโมงต่อมา ราชินีแม่มดก็ลุกขึ้นและเรียกเหล่าสาวใช้เข้ามาเพื่อที่จะจัดขบวนเสด็จ
เมื่อเหล่าองครักษ์ตั้งขบวนพร้อม เจียงอี้ก็เปลี่ยนใบหน้าของเขาให้กลายเป็นใบหน้าของใต้เท้าเฉาและติดตามนางไป แม้ว่าทั้งขบวนจะมีองครักษ์หลวงอยู่จำนวนมาก แต่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอยู่เพียงแค่สิบคนเท่านั้น อีกทั้งยังอยู่ต่ำกว่าขั้นที่ห้าทั้งหมด
รถม้าเคลื่อนออกจากวัง ด้วยอำนาจบารมีของราชินีแม่มด การเดินทางจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น
เมื่อนางเห็นว่าเจียงอี้มองออกไปด้านนอกเป็นบางครั้ง นางก็หัวเราะและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“ท่านอุปราช ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เป็นอย่างที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ ข้านั้นไม่อยากตาย มิฉะนั้นฉีเอ๋อร์จะอยู่ได้ไม่เกินสามปี ข้าก็หวังว่าท่านจะรักษาคำพูดและจะไม่กลั่นแกล้งผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นข้า”
“ผู้หญิงอ่อนแอ?”
เจียงอี้ยิ้มเหยียดด้วยความดูถูกและพูดออกมา
“ข้า เจียงอี้ เป็นผู้ที่ยึดมั่นในสัจจะเสมอ ตราบเท่าที่ท่านไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ ข้าก็จะไม่ทำอันตรายต่อท่าน”
“พวกเรามาถึงตำหนักปราชญ์แล้ว!”
แต่ในจังหวะนั้น เสียงประกาศของขันทีก็เข้ามาขัดบทสนทนาซึ่งทำให้เจียงอี้มีปฏิกิริยาโดยทันที หลังจากที่ตรวจสอบจนแน่ใจ เขาก็มั่นใจแล้วว่าตัวเองมาถึงตำหนักปราชญ์จริงๆ
ราชินีแม่มดลุกขึ้นและกระซิบเบาๆ
“ไปกันเถอะ ท่านจะต้องมาพร้อมข้า ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่สามารถเข้าไปได้ หลังจากนั้น ท่านจะพาตัวข้าไปและใช้เส้นทางใต้ดินเพื่อหลบหนีไปพร้อมกับหยุนเฟยและหยุนเสียน ข้าจำได้ว่าท่านมีสัตว์อสูรเถาอู้ ถูกต้องไหม?”
“อืม”
เจียงอี้พยักหน้าและตอบกลับไป
“ตราบเท่าที่ท่านพาพวกเราออกห่างจากเมืองเกินสามสิบกิโลเมตร ข้าสัญญาว่าท่านจะปลอดภัย”
นางพยักหน้าและเดินออกจากรถม้าพร้อมกับเจียงอี้ แม้ว่าตำหนักปราชญ์จะเต็มไปด้วยทหารองครักษ์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าราชินีแม่มดก็ไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวที่จะกล้าหยุดนาง
ราชินีแม่มดเดินตรงเข้าไปในตำหนักปราชญ์พร้อมกับเจียงอี้และกลุ่มสาวใช้ บรรดาทหารหลวงต่างก็ติดตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว
องค์ราชาทรงมีพระราชคำสั่งให้กักตัวหยุนเฟยและหยุนเสียนไว้ที่นี่ แต่แท้จริงแล้วยังมีความตั้งใจอื่นอยู่ นั่นคือการปกป้องความปลอดภัยของพวกเขาทั้งสอง!
ด้วยการมาของราชินีแม่มด ตลอดทางจึงไม่มีอุปสรรค ไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงห้องโถงหลักของตำหนักปราชญ์
หลังจากที่เจียงอี้ก้าวเข้ามา ดวงตาของเขาก็เผยความยินดีเมื่อมองเห็นหยุนเฟยและชายหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนรอต้อนรับพวกเขาอยู่ ไม่ใช่แค่นั้น ภายในนั้นยังมีกลุ่มของแม่บ้านและขันทีอยู่อีก
ตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม เจียงอี้กลับรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น สัญชาตญาณของเขาบอกว่ากำลังมีบางอย่างที่ร้ายแรงกำลังเกิดขึ้นต่อจากนี้
ราชินีแม่มดอยู่ที่ด้านหน้า ส่วนทหารหลวงทั้งหมดต่างก็รออยู่ด้านนอกและไม่กล้าก้าวเข้ามา ภายในห้องโถงหลักมีผู้เชี่ยวชาญอยู่น้อยมาก ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“นี่มันบ้าอะไรกัน?”
ลางร้ายบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจของเจียงอี้อย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ไม่อาจหาสาเหตุของความรู้สึกด้านลบนี้ได้
วืดดดด
ทันใดนั้นเอง ตำหนักทั้งหลังก็ส่องสว่าง ในเวลาเดียวกันม่านพลังโปร่งแสงก็เข้าปกคลุมสิ่งก่อสร้างทั้งหมดเอาไว้
ในจังหวะเดียวกัน ราชินีแม่มดก็หันมามองเจียงอี้พร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะ จากนั้นนางก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันชั่วร้าย
“ท่านอุปราชผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเก่งกล้ายังไง สุดท้าย… ท่านก็ตกอยู่ในกับดักของข้า!”