เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 374 ความตายของราชินีแม่มด
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 374 ความตายของราชินีแม่มด
บทที่ 374 ความตายของราชินีแม่มด
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
แม่เฒ่าบุปผาสีเงิน!
ไม่ใช่ว่านางต้องอารักขาอยู่ข้างกายราชาหยุนฉิงเทียนในระหว่างพิธีถวายเครื่องราชบรรณาการหรอกหรือ นางมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!
ไม่เพียงแค่เจียงอี้เท่านั้น กระทั่งราชินีแม่มดและคนที่เหลือเองก็ประหลาดใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ด้วยการตอบสนองที่ว่องไวของราชินีแม่มด นางจึงรีบชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน
“แม่เฒ่า! หยุนเฟยและหยุนเสียนสมรู้ร่วมคิดกับเจียงอี้เพื่อลอบสังการราชินีผู้นี้ ท่านต้องรีบสังหารมันและทวงความยุติธรรมคืนให้กับข้า!”
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายต่างก็ทยอยมาถึงทีละคน เมื่อพวกเขามองเห็นหญิงชราตรงหน้า ดวงตาของพวกเขาก็เผยแววความสุขและตระหนักได้ว่าเจียงอี้หมดโอกาสที่จะทำร้ายพวกเขาอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงตะโกนใส่ไฟและกล่าวหาชายหนุ่มต่างๆนาๆ
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่โปรดยั้งมือก่อน!”
ในที่สุดสององครักษ์ของหยุนเฟยและหยุนเสียนก็มาถึง
“อย่าได้เชื่อในสิ่งที่นางพูด! ราชินีต้องการที่จะสังหารพระธิดากับพระโอรส นางยังแอบย้ายค่ายกลจอมเวทย์มายังตำหนักปราชญ์และเกือบจะสังหารทั้งสองพระองค์ได้สำเร็จขอรับ!”
“โชคดีที่ท่านอุปราชให้ทั้งสองพระองค์เข้าไปหลบภัยในแจกันเขียวพิสุทธิ์ หากท่านสังหารใต้เท้าเจียง เกรงว่าองค์ชายและองค์หญิงคงจะได้รับอันตรายไปด้วย ข้าว่าคงจะไม่สายเกินไปที่จะรอให้องค์ราชามาตัดสินด้วยพระองค์เองนะขอรับ!”
ฮือฮา!
เสียงตะโกนของหนึ่งในสององครักษ์ทำให้ทั่วทั้งเมืองเกิดความปั่นป่วน เหตุการณ์เช่นนี้แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายสิบปีและที่สำคัญที่สุด จุดศูนย์รวมของความโกลาหลก็ยังเป็นเจียงอี้อีกครั้ง!
ตั้งแต่ต้น เจียงอี้ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่ครึ่งคำและยังคงยืนอยู่บนหลังคาด้วยท่าทีสง่างาม ขณะเดียวกันก็ผสานสายตากับแม่เฒ่าบุปผาสีเงินอย่างไม่เกรงกลัว
“สามหาว!”
ราชินีแม่มดแผดเสียงออกไปด้วยความโกรธเมื่อได้ยินว่าชายคนนั้นเอ่ยวาจาปกป้องเจียงอี้และต้องการรอให้องค์ราชากลับมา ในเวลาเดียวกันเมื่อเห็นว่าแม่เฒ่าบุปผาสีเงินไม่คิดจะเคลื่อนไหว นางก็ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“เจียงอี้เป็นอุปราชแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยแต่เขากลับลักลอบเข้ามาในเมืองเซวี่ยนเทียน การกระทำเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่เห็นอาณาจักรเทียนเซวี่ยนอยู่ในสายตา!”
“ต่อให้นายหญิงสุ่ยหรือจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่อาจแก้ตัวให้กับเขาได้ หากว่าเราไม่สังหารเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้ อาณาจักรของเราจะเอาหน้าไปไว้ไหน?! ท่านแม่เฒ่า โปรดกู้ศักดิ์ศรีของอาณาจักรกลับมาด้วย!”
“ฮึ่ม!!”
ในที่สุดเจียงอี้ก็ทนไม่ได้และเค้นเสียงออกมาด้วยความเย็นชา แต่เพราะมันแฝงไว้ด้วยแก่นแท้พลังอันทรงพลัง มันจึงทำให้เสียงที่เขาเปล่งออกมาฟังดูคล้ายกับเสียงฟ้าฝ่าและทำให้หลายคนถึงกับต้องเอามือขึ้นมาปิดหูด้วยความเจ็บปวด
ในขณะเดียวกัน ร่างของเขาก็หายไปจากตำแหน่งเดิมและไปปรากฏตัวต่อหน้าราชินีแม่มดในวินาทีต่อมา จากนั้นไม่นานไข่มุกวิญญาณเพลิงก็ส่องสว่าง
ทันใดนั้นเองสีหน้าของแม่เฒ่าก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันและคำรามด้วยความโกรธ
“หยุดเดี๋ยวนี้! เจียงอี้ หากว่าเจ้ากล้าแตะต้องราชินี หญิงชราผู้นี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าตายอย่าง…”
ฟู้ววววว!
แต่ในขณะที่แม่เฒ่าบุปผายังไม่ทันได้พูดจบ เปลวเพลิงของเพลิงโลกาก็ได้ลุกท่วมไปทั่วทั้งร่างของราชินีแม่มดแล้ว พริบตาต่อมาร่างที่เคยงดงามหาที่ใดเปรียบของนางก็เหลือแค่เพียงขี้เถ้าสีดำ!
”ตาย—!”
หญิงชราโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด นางควงคทาในมือและเค้นพลังไปที่ฝ่ามือ ต่อจากนั้น พลังงานฟ้าดินปริมาณมหาศาลก็ก่อตัวขึ้นเป็นฝ่ามือสีขาวและถูกกระแทกใส่เจียงอี้ด้วยความโหดเหี้ยม
“ม่ายยย!”
”หนีเร็ว—!”
บรรดาทหารและผู้เชี่ยวชาญต่างก็หนีตายกันอย่างจ้าละหวั่น แม้ว่าพวกเขาจะครอบครองพลังที่ไม่ธรรมดา แต่เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าการโจมตีที่เต็มไปด้วยความโกรธของยอดฝีมือขอบเขตจินกัง มีหรือที่พวกเขาจะไม่หวาดกลัว?
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกันเขาดูใจเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม จากนั้นเขาก็นำแจกันสีเขียวขึ้นมาและถ่ายเทแก่นแท้พลังลงไป
โฮกกกกกก!
ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามที่ทำให้ห้วงอากาศถึงกับสั่นสะเทือนก็ดังออกมาจากความว่างเปล่า แรงกดดันอันน่าสยดสยองเข้าปกคลุมทั้งเมืองเอาไว้ มันดูคล้ายกับการปรากฏตัวของปีศาจที่เยื้องกรายมาจากขุมนรกและพร้อมเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!
ห้วงอากาศถูกแหวกพร้อมกับร่างอันใหญ่ยักษ์ของราชันสัตว์อสูรที่ค่อยๆปรากฏตัวออกมา ร่างของมันมีสีแดงปนเหลืองและทุกการเคลื่อนไหวก็ยังก่อให้เกิดพายุไฟ วินาทีต่อมาลำแสงสีแดงก็ถูกยิงออกมาและเข้าปะทะกับฝ่ามือยักษ์อย่างจัง
“อะ… อะไรน่ะ?!”
ร่างของเหล่าจอมยุทธทั้งหลายต่างก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว สัตว์อสูรตัวนี้มาจากไหน มันทรงพลังถึงขั้นต่อกรกับแม่เฒ่าบุปผาได้เชียวหรือ? หากพวกเขาสู้กันขึ้นมา เกรงว่าเมืองเซวี่ยนเทียนคงจะต้องล่มสลายเป็นแน่!
ปุ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อพลังสองสายเข้าปะทะกัน มันไม่ได้เกิดการระเบิดที่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ ลำแสงสีแดงพุ่งทะลวงฝ่ามือไปอย่างง่ายดายและทะลุชั้นเมฆขึ้นไปบนท้องฟ้า
ตู้มมมม!
ลำแสงสายดังกล่าวเกิดระเบิดขึ้นเมื่อลอยขึ้นมาไปท้องฟ้ากว่าสามสิบกิโลเมตร ห้วงอากาศในบริเวณนั้นฉีดขาดและบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว ฉากดังกล่าวทำให้คนทั้งเมืองแทบจะหยุดหายใจและสูญเสียสติไปชั่วขณะ
“นี่มัน…”
ถึงแม่เฒ่าบุปผาสีเงินจะไม่ได้ปลดปล่อยความแข็งแกร่งทั้งหมดออกมา แต่การโจมตีของนางก่อนหน้านี้ก็บรรจุพลังไว้ถึงแปดส่วน
แต่เมื่อสัตว์อสูรตนนี้โผล่มา มันกลับสามารถบดขยี้การโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย นั่นก็หมายความว่าความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรตัวนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่นางจะเทียบได้ แต่ที่น่าตกตะลึงที่สุดก็คือ มันถูกเรียกออกมาโดยเจียงอี้!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เจียงอี้ในเวลานี้ได้ครอบครองพลังที่สามารถกำหนดชะตาชีวิตและความเป็นความตายของคนทั้งเมืองไว้แล้ว หากว่าเขาต้องการที่ชำระล้างเมืองเซวี่ยนเทียนด้วยเลือด ก็จะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถหยุดเขาได้!
ชายหนุ่มคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและไร้ปรานี ก่อนหน้านี้ราชินีแม่มดได้หลอกล่อเขาให้ตกสู่กับดักและยังต้องการที่จะสังหารเขา แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่โกรธแค้น?
สายตามากมายต่างก็จับจ้องไปยังร่างของเด็กหนุ่มผมแดงซึ่งยืนอยู่บนหลังคาด้วยท่าทีองอาจ เกรงว่าเจียงอี้คงเป็นรุ่นเยาว์เพียงคนเดียวในรอบหมื่นปีที่มีพละกำลังเพียงพอที่จะโค่นล้มอาณาจักรด้วยตัวคนเดียว!
“…”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินยังคงลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าตกตะลึง นางสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลจากสัตว์อสูรหยาจื้อได้อย่างชัดเจน นางรู้ดีว่าหากมันเอาจริง ด้วยการโจมตีเมื่อครู่ร่างกายของนางคงจะสูญสลายไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตามหญิงชรายังคงจ้องมองไปยังร่างของอสูรยักษ์ด้วยอารมณ์อันซับซ้อนที่เผยออกมาทางดวงตาราวกับว่ากำลังคาดเดาอะไรบางอย่างได้
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ในเวลาเดียวกัน ร่างเงานับสิบของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็พุ่งทะยานมาจากทางทิศตะวันตกของเมืองด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
พวกเขาใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจก่อนที่จะมาถึงใจกลางเมืองในที่สุด ขณะเดียวกันหนึ่งในนั้นก็แบกร่างของชายวัยกลางคนมาด้วย
คนผู้นี้สวมชุดคลุมลายมังกรและรีบร้อนตะโกนมาแต่ไกล
“แม่เฒ่า รีบหยุดการกระทำของเจ้าเดี๋ยวนี้!”
“ฝ่าบาท!”
ผู้คนนับไม่ถ้วนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่อยากเชื่อสายตาว่าราชาหยุนฉิงเทียนที่พวกเขาเคารพราวกับเทพเจ้าจะมีสภาพที่รีบร้อนแตกตื่นเช่นนี้ มันเป็นไปได้ไหมว่าอาณาจักรเทียนเซวี่ยนกำลังเผชิญกับภัยพิบัติแล้วจริงๆ?
แต่วินาทีต่อมา พวกเขาก็แตกตื่นยิ่งกว่าเดิมเมื่อพบว่าหยุนฉิงเทียนกำลังคุกเข่าลงบนพื้น ไม่ใช่แค่เขา กระทั่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่ตามมาก็คุกเข่าลงเช่นกัน!
ราชาหยุนฉิงเทียนก้มศีรษะต่ำลงและตะโกนด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ลูกหลานตระกูลหยุนรุ่นที่หนึ่งร้อยสามสิบหก หยุนฉิงเทียน ขอคารวะใต้เท้าอสูร…”