เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 379 เกาะดาวตก
บทที่ 379 เกาะดาวตก
หลังจากผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรเทียนเซวี่ยนกลับไปแล้วเฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงก็กลับไปยังอาณาจักรเสินหวู่ เมืองเซี่ยยวี่จึงกลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ซูรั่วเสวี่ยยุ่งวุ่นวายกับเรื่องบ้านเมืองขณะที่เจียงอี้ก็จะไปอยู่ใกล้ๆสายแร่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อบ่มเพาะพลังในช่วงค่ำคืนเขาจะกลับมาพร้อมกับเสี่ยวนู๋ก่อนเข้ามานอนกับซูรั่วเสวี่ยในอ้อมกอด
วันเวลาล่วงเลยไปอย่างซึมเซาแต่ก็ยังมีความสุขหากวันเวลาผ่านไปอย่างสบายเช่นนี้ได้เรื่อยๆ เจียงอี้ก็คงตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ แต่น่าเสียดายที่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย บางครั้งก็จะมีผู้คนในเมืองตายไปด้วยความหิวโหย เมื่อเวลาผ่านไปก็มีข่าวโจรบุกโจมตีเมือง ถนนที่รกร้างในเมืองเซี่ยยวี่นั้นเป็นเหมือนเครื่องเตือนความทรงจำซูรั่วเสวี่ยกับเจียงอี้ว่าพวกเขายังคงต้องฝ่าฟันหลายสิ่งหลายอย่างอีกมากมายหากต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข พวกเขาจะต้องสละแรงกายและหยาดเหงื่อเพื่อที่จะทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้
ครึ่งเดือนต่อมา…
เจียงอี้ไม่มีทางเลือกนอกจากกล่าวอำลาผู้เป็นที่รักของเขาเขาพาเจียงเสี่ยวนู๋และผู้อาวุโสเฮ่อไปยังหุบเขาจิตอสูร จ้านอู๋ซวงตั้งใจทิ้งผู้อาวุโสเฮ่อไว้เพราะผู้อาวุโสเฮ่อรู้ความลับเจียงอี้มากไป แม้ว่าเจียงอี้จะไม่ได้ใส่ใจและมีความไว้ใจผู้อาวุโสเฮ่ออย่างเต็มที่ในเรื่องการเก็บความลับไว้ แต่จ้านอู๋ซวงก็ยังคงเลือกที่จะให้ผู้อาวุโสเฮ่อติดตามเจียงอี้อย่างดื้อรั้น แต่อย่างไรเสีย ผู้อาวุโสเฮ่อก็เต็มใจที่จะติดตามเจียงอี้อยู่แล้ว อย่างน้อย การได้ติดตามเจียงอี้ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีและสนุกสนานเมื่อเทียบกับตระกูลจ้าน
ทั้งสามคนออกเดินทางโดยใช้เถาอู้ระยะทางระหว่างหุบเขาจิตอสูรมาเมืองเซี่ยยวี่นั้นไม่ได้มากมายนัก ด้วยความเร็วของเถาอู้ พวกเขาก็คงจะไปถึงที่นั่นภายในสองวัน แต่พวกเขาต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเสี่ยวนู๋ด้วย
หลังจากที่เข้าไปยังหุบเขาจิตอสูรและพบกับเจียงหยุนไฮ่แล้วพวกเขาก็ตรงไปยังที่ที่จูเก๋อชิงหยุนพำนักอยู่
จูเก๋อชิงหยุนไม่ได้พูดอะไรมากนักหรือกดดันเจียงอี้ว่าเขาจะต้องสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักจิตอสูรแห่งนี้พวกเขาเพียงพูดจาเรื่อยเปื่อยและบอกเจียงอี้ให้แวะกลับมาบ่อยๆเมื่อเขามีเวลา
จูเก๋อชิงหยุนไม่รู้ว่าจะขุดสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรดังนั้น เขาจึงให้รองเจ้าสำนักฉีไปค้นห้าข้อมูลเรื่องนี้และน่าเสียดายที่ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้เลย อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับที่จอมเวทย์ได้เคยบอกเจียงอี้ไว้ก็คือจูเก๋อชิงหยุนก็เตือนเขาว่าหากเป็นไปได้ มันคงดีกว่าสำหรับเขาที่จะไม่ขัดเกลาศิลาสวรรค์
แต่มันก็เท่านั้น….
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเจียงอี้ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก เมื่อครบกำหนดสัญญาสามปี ผู้คนจำนวนมากจะพยายามฆ่าเจียงอี้หากพวกเขามีโอกาส ดังนั้น ตราบใดที่มีศิลาสวรรค์จำนวนมาก เจียงอี้ก็คงเลือกที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งก่อนเพราะเขาไม่ได้มีทางเลือกนัก
หลังจากอำลากับจูเก๋อชิงหยุนและเจียงหยุนไฮ่แล้วทั้งสามก็ออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้ จุดหมายของพวกเขาคือยอดเขาเทพธิดา ส่วนเจียงหยุนไฮ่นั้นก็อาศัยอยู่ในสำนักจิตอสูรอย่างสะดวกสบายมาก เมื่อเจียงอี้ถามไถ่เจียงหยุนไฮ่ถึงเรื่องที่จะย้ายไปอยู่เมืองเซี่ยยวี่ เขาก็ปฏิเสธ เจียงอี้รู้ดีว่าปู่ที่น่ารักผู้นี้คงจะต้องคอยมาดูแลเขาและคิดว่าตนเองเป็นภาระ อย่างน้อยๆในขณะที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครกล้าใช้เขาขู่เจียงอี้
เมื่อเจียงเสี่ยวนู๋เคยไปยอดเขาเทพธิดามาก่อนและด้วยประสบการณ์ของผู้อาวุโสเฮ่อนั้นเมื่อพวกเขาเข้าไปในหุบเขาสามหมื่นลี้ ราชันสัตว์อสูรโลหิตแดงก็ออกมาต้อนรับพวกเขา ทั้งสามยืนบนไหล่ของราชันสัตว์อสูรโลหิตแดงเพื่อเร่งการเดินทางของพวกเขา แม้ว่าผู้อาวุโสเฮ่อจะค่อนข้างหวาดกลัว แต่เขาก็ยังสามารถรักษาความสงบนิ่งไว้ได้
สามวันต่อมาพวกเขาก็มาถึงยังยอดเขาเทพธิดา
เมื่อเจียงอี้เห็นจักรพรรดินีสัตว์อสูรละจิ้งจอกน้อยที่ยืนอยู่หน้าพระราชวังจักรพรรดิเพื่อต้อนรับเขาเขาก็ยิ้มออกมา จักรพรรดินีนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นผู้หยิ่งผยอง แต่นางปล่อยมันไปในครั้งนี้และออกมาต้อนรับเขา นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าความแข็งแกร่งของเขาเป็นที่ยอมรับของจัรพรรดินีสัตว์อสูรแล้ว
“เสี่ยวเฟยพาพวกเขาไปเล่นเถอะ ส่วนเจียงอี้ ตามข้ามา”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรมองเจียงอี้อย่างเฉยเมยก่อนที่จะเดินเข้าไปในพระราชวังจักรพรรดิเสี่ยวเฟยนั้นพุ่งเข้าหาอ้อมกอดของเจียงอี้ด้วยความรักและร้อง ‘จี๊ จี๊’ ไม่หยุดหย่อนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
เจียงอี้ลูบหัวนางก่อนที่จะกระซิบบางคำแล้วโยนนางไปทางเจียงเสี่ยวนู๋หลังจากบอกผู้อาวุโสเฮ่อแล้ว เขาก็เข้าไปในพระราชวังจักรพรรดิและมุ่งขึ้นไปที่ดาดฟ้า
“เจียงอี้เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรนั่งลงในศาลาชั้นลอยกระโปรงยาวสีชมพูของนางทำให้ร่างของนางนั้นสมบูรณ์แบบและงดงามอย่างไม่มีใครเทียบ และแม้ว่าจะเป็นสัตว์อสูร เจียงอี้ก็ต้องยอมรับว่าหากนางประสงค์สิ่งใด นางก็สามารถทำให้บุรุษทั้งหลายตกเป็นทาสนางได้โดยง่ายดาย
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณท่านแล้ว!”เจียงอี้หัวเราะตอบไป หลังจากสนทนากับนางแล้วรู้สึกว่าทั้งสองนั้นมีสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้น เขาเริ่มปฏิบัติต่อนางราวผู้อาวุโสในครอบครัว
“มันเป็นเพราะความสามารถของเจ้าที่ทำให้เจ้าได้รับการยอมรับจากจอมเวทย์ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าเลย”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรกวาดสายตาไปที่เจียงอี้ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง“เจียงอี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังกดดันคนพวกนั้นมากนัก? แม้ว่าเจ้าจะปิดข่าวไปแล้วก็ตาม แต่คนมากมายก็ยังคงคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้น เช่นคนอย่างข้า! ดังนั้น…ตามการคาดเดาของข้า คนพวกนั้นอาจจะเคลื่อนไหว และแน่นอนว่าพวกนั้นก็คงจะไม่ลงมืออย่างเปิดเผย ดังนั้นเจ้าจงระวังเอาไว้ด้วย”
“อื้มข้าจะจำไว้!”
เจียงอี้พยักหน้าเขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามถึงสิ่งที่เค้าอยากจะรู้คำตอบเป็นอย่างยิ่ง “จักรพรรดินี ท่านรู้หรือไม่ว่าจะขุดสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?”
“สายแร่ศักดิ์สิทธิ์?”
นางขมวดคิ้วพร้อมดวงตาที่สั่นไหวชั่ววูบหนึ่งก่อนที่มันจะสงบนิ่งเช่นเดิม“มีสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรต้าเซี่ย? เจ้าต้องการใช้ศิลาสวรรค์เพื่อทะลวงสู่ขอบเขตจินกังให้ได้เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้หรือ?”
“ใช่!”เจียงอี้ตอบไปอย่างใจจริง
“ไม่มีทาง!”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรยืนขึ้นและพูดอย่างเดือดดาลว่า“ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะหยุดเจ้าตอนที่เจ้าทำการสกัดกลั่นศิลาสวรรค์พวกนั้น รากฐานพลังสำคัญต่อเส้นทางเต๋านัก การสกัดกลั่นศิลาสวรรค์เพียงไม่กี่ก้อนนั้นมันไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่นัก แต่หากว่าเจ้ายังคงใช้มันเพิ่มพลังของเจ้า ปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน! หากร่างกายของเจ้าไม่ได้รับแก่นแท้พลังในเวลาที่นาน มันก็คงจะไม่สามารถหมุนเวียนแก่นแท้พลังที่น่าเกรงขามได้ เมื่อเทียบกับถัง”
“โดยปกติแล้วมันจะเพียงเก็บสิ่งต่างๆได้มากมาย แต่อย่างไรก็ตาม หากว่าเจ้าแข็งขันที่จะกักเก็บของที่เพิ่มขึ้นสิบเท่าแล้วมันจะรับได้อย่างไร แม้ว่าถังนั้นจะไม่แตก แต่มันก็สามารถระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อเพราะมันหนักและบรรจุไว้มากเกินไป เจียงอี้ หากเจ้าต้องการที่จะพัฒนาไปให้ดียิ่งขึ้น เจ้าต้องทำให้รากฐานของตัวเองมั่นคงเสียก่อน เจ้าไม่สามารถสกัดกลั่นศิลาสวรรค์ได้อีกต่อไป”
“เฮ้อ..”
เจียงอี้ถอนหายใจอย่างแผ่วเบาก่อนจะตอบว่า“ข้ารู้ดีถึงสิ่งที่ท่านเพิ่งพูดมา แต่เพียงหากว่าข้าไม่สกัดกลั่นศิลาสวรรค์พวกนั้นและมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างหนัก ท่านคิดว่าข้าจะสามารถฝึกฝนพลังได้เพียงพอที่จะรับกับสภาพพลังดาวดวงที่สามได้หรือ? สามปีให้หลัง พวกท่านทั้งหมดไม่สามารถลงมือได้ หากกำลังของข้ายังไม่ถึงขอบเขตจินกังในเวลานั้น ข้าคงจะต้องตายหากแม้ว่าข้าจะมีราชันสัตว์อสูรขั้นสูงสุด…”
“เจ้าสามารถแยกตัวบำเพ็ญและบ่มเพาะพลังได้เสมอ!”
นางตอบอย่างเย็นชา“ยอมแพ้กับอาณาจักรต้าเซี่ยและพาซูรั่วเสวี่ยกับเจียงเสี่ยวนู๋ไปกับเจ้า เจ้าสามารถค้นหาเกาะที่ไม่มีผู้ใดและแยกตัวบำเพ็ญสักแปดถึงสิบปี และรอจนกว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะแน่นอนก่อที่จะกลับมา ไม่ใช่ว่าพวกมนุษย์คอยพูดกันเสมอว่า ‘แก้แค้นอีกสิบปีก็ยังไม่สายไป’ หรอกหรือ?”
“มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะจากไป…”
เจียงอี้ยิ้มอย่างขมขื่นมันเป็นไปไม่ได้ที่ซูรั่วเสวี่ยจะยอมแพ้ต่ออาณาจักรต้าเซี่ย เขาสัญญากับจอมเวทย์แล้วว่าจะปกป้องตระกูลหยุนและไหนจะยังมีสำนักจิตอสูรอีก เขามีสิ่งที่ผูกมัดและสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากเกินไป เขาจะผละตัวออกจากพวกเขาไปได้อย่างไรกัน?
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าอยากจะใช้ศิลาสวรรค์บ่มเพาะพลัง?”
เมื่อนางเห็นว่าเจียงอี้เด็ดเดี่ยวเพียงใดความเย็นชาของนางยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างไม่น่ามอง นางรอจนเจียงอี้พยักหน้าก่อนที่นางจะเดินสะบัดแขนออกไป นางเดินไปถึงทางเข้าประตูก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าจะไม่หยุดเจ้า หากเจ้าอยากจะทำลายตัวเองนัก ข้ามีวิธีขุดสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ข้าจะไม่บอกเจ้า เจ้าไปถามคนอื่นเสียเถอะ”
“เอ่อ…”
เจียงอี้จ้องมองจักรพรรดินีที่กำลังจากไปขณะที่เขาลูบจมูกอย่างละอายอย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของการสกัดกลั่นศิลาสวรรค์นั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง! แม้ว่าเขาจะต้องทำลายอนาคตของเขาแต่เขาก็ทำได้เพียงยอมรับมัน เขาต้องต่อกรกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังให้ได้ก่อนที่สัญญาสามปีจะมาถึง
ตอนนี้การสนทนาระหว่างเขากับจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็ถูกทำลายลงไปแล้วความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของเจียงอี้ก็คือสุ่ยโย่วหลาน ในฐานะนักสู้หมายเลขหนึ่ง นางคงจะรู้สิ่งต่างๆมากมายใช่ไหม?
หลังจากพักอยู่ที่ยอดเขาเทพธิดาได้หนึ่งวันเจียงอี้ก็ตัดสินใจออกเดินทางต่อไปยังเกาะดาวตก เกาะนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป หากเขาต้องการเดินทางไปที่นั่นจากหุบเขาสามหมื่นลี้ มีสองวิธีก็คือหนึ่งเขาจะขี่เถาอู้เพื่อเดินทางผ่านใต้อาณาจักรเสินหวู่ก่อนที่จะไปยังอาณาจักรเป่ยเหลียงแล้วคิดหาวิธีมุ่งหน้าออกสู่ทะเล อีกวิธีคือหาปีศาจทะเลที่สามารถว่ายน้ำและเดินทางผ่านไปทางทะเลได้
สุดท้ายเจียงอี้ก็ไม่เลือกอะไรเลย เขาเลือกที่จะเดินทางผ่านอากาศ สัตว์อสูรหยาจื้อนั้นแข็งแกร่งมากและสามารถเดินทางผ่านท้องฟ้าได้ และความเร็วก็ไม่ได้เชื่องช้าเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อเจียงอี้บอกว่าเขาต้องการที่จะใช้มันเพื่อเดินทาง มันก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นเพราะรู้สึกว่าเจียงอี้ทำให้มันเสื่อมเสียเกียรติ หลังจากที่เจียงอี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หยาจื้อก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากยกธงขาว แน่นอนว่า…มันเต็มใจที่จะแบกเจียงอี้เพียงคนเดียว
ซึ่งเจียงอี้รู้สึกว่ามันไม่ใช่ปัญหาใดๆขณะที่เขานำเจียงเสี่ยวนู๋และผู้อาวุโสเฮ่อเข้าไปอยู่ในแจกันเขียวพิสุทธิ์จานั้นเขาก็ขึ้นไปยืนบนหลังสัตว์อสูรหยาจื้อและตะโกนออกมาว่า “ไปกันเถอะ! เดินทางข้ามทะเลไปยังเกาะดาวตกกัน!”