เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 380 ท่านไม่ต้องการเสี่ยวนู๋แล้วหรือ?
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 380 ท่านไม่ต้องการเสี่ยวนู๋แล้วหรือ?
บทที่ 380 ท่านไม่ต้องการเสี่ยวนู๋แล้วหรือ?
เดิมทีจิ้งจอกน้อยต้องการที่จะติดตามเจียงอี้ไปยังเกาะดาวตกด้วย นางรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอย่างเหงาหงอย
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ก็ตัดสินใจแล้วว่าในการเดินทางครั้งนี้ เขาไม่อาจพานางไปด้วยได้
จักรพรรดินีสัตว์อสูรกล่าวว่าตัวเขาในตอนนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากเกินไปและทำให้กลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเริ่มเคลื่อนไหวอย่างลับๆ
แม้ว่าเจียงอี้จะไม่หวาดกลัว กระทั่งยินดีที่จะเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อาจปล่อยให้เสี่ยวเฟยต้องตกอยู่ในอันตรายได้
โฮก! โฮก!
สัตว์อสูรหยาจื้อโฉบอยู่บนท้องฟ้าและปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังของมันออกมาเพื่อข่มขู่สัตว์อสูรที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ด้วยพลังขั้นสูงสุดของมัน ต่อให้เป็นราชันสัตว์อสูรทั้งสิบแปดตนที่อยู่ในสังกัดของจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็ยังต้องสั่นเทาด้วยความกลัว ขณะเดียวกัน เสียงคำรามของมันก็ทำให้แม่หนูเสี่ยวเฟยตกใจกลัวและมุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของมารดาอย่างน่าสงสาร
“เหอะ เจ้าพวกเด็กน้อยทั้งหลาย ต่อให้ใช้เวลาอีกสามร้อยปี พวกเจ้าก็ไม่อาจเทียบข้าได้ ฮ่าฮ่าฮ่า… เอิ๊ก!”
แต่ก่อนที่มันจะทันได้หัวเราะจนจบนั้น จู่ๆสัตว์อสูรหยาจื้อก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันและกลิ่นอายที่เข้มข้นกว่ามันนับสิบเท่า ซึ่งทำให้ดวงตาของมันเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แน่นอนว่าผู้ที่ปลดปล่อยแรงกดดันอันมหาศาลออกมาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจักรพรรดินีสัตว์อสูร!
มีหรือที่นางจะยอมปล่อยให้อันธพาลต่างถิ่นเข้ามากร่างในที่ของนาง? อีกทั้งสัตว์อสูรตัวนี้ยังทำให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนางต้องตกใจกลัว หากไม่ใช่ว่าเพราะว่ามันมาพร้อมกับเจียงอี้ นางคงจะตบมันตายไปนานแล้ว
ฟึ่บ!
โดยไม่กล้ารอช้า สัตว์อสูรหยาจื้อรีบบินตรงไปทางทิศตะวันออกอย่างว่าง่าย ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ต้องการที่จะบินผ่านเหนือน่านฟ้าของอาณาจักรเสินหวู่และอาณาจักรเป่ยเหลียงโดยตรง เพื่อหลีกเลี่ยงความโกลาหลและปัญหาที่จะตามมา
“ทะเล!”
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ท้องทะเลสีฟ้าก็เผยให้เห็นอยู่รำไร เจียงอี้มองดูฉากตรงหน้าด้วยอารมณ์อันซับซ้อน จักรพรรดินีสัตว์อสูรกล่าวว่าโลกที่เขาอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
นั่นก็หมายความว่าโลกภายนอกยังมีพื้นที่อันกว้างใหญ่เหลือคณานับอยู่ด้านหลังทะเลผืนนี้ บางทีอาจจะมีทวีปที่ยังไม่ถูกสำรวจอยู่อีกมากมาย ร่วมไปถึงเผ่าพันธุ์พิเศษและนักสู้ที่แข็งแกร่ง
“หลายคนกล่าวว่าท่านแม่ไม่ใช่คนของทวีปเทียนชิง? หรือว่านางจะมาจากอีกฟากหนึ่งของทะเล?”
ความคิดของเจียงอี้ก็หมุนวนขณะที่ใบหน้าอันคลุมเครือของคนผู้หนึ่งได้ผุดขึ้นมาในใจของเขา
“หากว่าท่านแม่ยังไม่ตาย เป็นไปได้ไหมว่านางจะเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดของนางแล้ว?”
“บินให้เร็วกว่านี้!”
เจียงอี้เกิดความรู้สึกร้อนรนภายในใจ หากว่าอีเพียวเพียวยังมีชีวิตอยู่ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อตามหานาง ตั้งแต่วัยเด็กเขามีความทรงจำที่คลุมเครือเกี่ยวกับแม่มาก แต่เขาก็รู้ดีว่าแม่รักเขามากเช่นกัน บางทีนางอาจจะมีเหตุจำเป็นที่ทำให้นางต้องทิ้งเขาไว้และจำใจจากไปอย่างเงียบๆ
เด็กทุกคนย่อมเป็นที่รักของมารดา ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่อีเพียวเพียวตั้งครรภ์ แม้ว่านางจะถูกทำร้ายโดยคนที่ตัวเองรัก แต่นางก็ไม่คิดที่จะทำร้ายลูกน้อยภายในท้อง
นางเลือกที่จะหลบหนีไปยังเมืองเล็กๆและให้กำเนิดเจียงอี้อย่างปลอดภัย นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านางรักเขามากแค่ไหน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องทำก็คือการสืบหาความจริงว่าทำไมอีเพียวเพียวถึงต้องแกล้งตายและทิ้งเขาไป
“ท่านแม่จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ข้าเพียงแค่ต้องหานางให้พบ!”
เจียงอี้มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า เขาต้องการจะไปถึงเกาะดาวตกให้เร็วที่สุดเพื่อค้นหาคำตอบมาเติมเต็มความปรารถนาของเขา
โฮกกกก!
สัตว์อสูรหยาจื้อกู่คำรามและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง ความเร็วของมันในตอนนี้เทียบได้กับยอดฝีมือขอบเขตจินกังขั้นที่หกหรือเจ็ดของเผ่ามนุษย์ ตามการคาดการณ์ พวกเขาอาจจะต้องใช้เวลาแปดวันในการไปถึงเกาะดาวตก
แม้ว่าพวกเขาจะบินอยู่บนท้องฟ้า แต่เนื่องจากขนาดตัวของสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นใหญ่โตมาก เจียงอี้จึงมีความรู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากการนั่งบนพื้นราบ ขณะเดียวกันศีรษะขนาดยักษ์ของมันก็ช่วยปิดกั้นกระแสลมอันรุนแรงได้พอดี ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าสู่ห้วงบำเพ็ญได้อย่างสบายใจ
หลังจากที่ผ่านไปสามวัน พวกเขาก็ออกจากพื้นทวีปพอสมควรแต่ก็ยังไม่ได้เข้าสู่ช่วงทะเลน้ำลึก ดังนั้นจึงไม่ปรากฏปีศาจทะเลระดับสูง
แม้ว่าจะเจอปีศาจทะเลระดับต่ำประปราย แต่ด้วยกลิ่นอายอันทรงพลังของราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุด มีหรือที่พวกมันจะกล้าเข้ามาสร้างความรำคาญ?
“ราชันสัตว์อสูร พวกเราพักค้างคืนที่เกาะตรงนั้นกันเถอะ!”
ยามราตรีใกล้มาถึง ทำให้เจียงอี้นึกถึงผู้อาวุโสเฮ่อและเจียงเสี่ยวนู๋ที่อยู่ในแจกันเขียวพิสุทธิ์ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะพักเอาแรงเป็นเวลาหนึ่งคืน
เมื่อสัตว์อสูรหยาจื้อบินสำรวจแล้วว่าไม่มีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งตัวอื่นอยู่บนเกาะ มันก็นำเจียงอี้ลงไปส่งบนพื้นดินก่อนที่จะกระโจนลงไปในน้ำเพื่อออกล่าปีศาจทะเลแก้เบื่อ
ครื้นน!
แจกันเขียวพิสุทธิ์ส่องสว่างขณะที่ปล่อยเจียงเสี่ยวนู๋และผู้อาวุโสเฮ่อออกมา
เจียงเสี่ยวนู๋เหลียวซ้ายแลขวาด้วยความมึนงง แต่เมื่อเห็นเจียงอี้ นางก็ฉีกยิ้มออกมาด้วยความสุข ทางด้านผู้อาวุโสเฮ่อเองก็ดูเหมือนจะรู้งาน เขาเดินตรงไปยังทะเลเพื่อล่าสัตว์เป็นอาหารสำหรับมื้อค่ำ
“นายน้อย ที่นี่สวยมากเลยเจ้าค่ะ!”
เกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าหลากหลายชนิด เสียงคลื่นที่สาดกระทบชายฝั่งก็ทำให้บรรยากาศดูแตกต่างจากที่ราบบนพื้นทวีปอย่างสิ้นเชิง
“ฮ่าฮ่า”
เจียงอี้เดินมาใกล้เจียงเสี่ยวนู๋และคว้ามือเล็กๆของนางไว้
“เกาะแห่งนี้ปราศจากผู้คน หากเจ้าต้องการจะเล่นสนุก เช่นนั้นก็จงเล่นให้เต็มที่”
“เย่! ดีใจจังเลย!”
สาวน้อยยิ้มแก้มปริ ด้วยความดีใจเกินเหตุ นางสะบัดมือของเจียงอี้โดยไม่รู้ตัวและวิ่งไปที่ชายหาดราวกับเด็กน้อย นางวิ่งไปตรงที่น้ำทะเลกำลังซัดเข้าฝั่งและกระโดดโลดเต้นด้วยความสนุกสนาน
เจียงอี้ยิ้มออกมาพลางส่ายหัวด้วยความเอ็นดู เขาแทบจะหลงลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้ใช้เวลาอย่างผ่อนคลายคือตอนไหน ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีคนมากมายต้องการที่จะทำลายชีวิตเขาซึ่งทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจับดาบขึ้นมาและสังหารเหล่าศัตรู
“นายน้อยอี้!”
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสเฮ่อก็สร้างกระโจมและย่างปลาเสร็จแล้ว ทั้งสามทานอาหารร่วมกันด้วยความเอร็ดอร่อย นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงเสี่ยวนู๋ได้ติดตามเจียงอี้ออกมาผจญภัย นางจึงดีใจอย่างมากและไม่อาจหุบยิ้มได้เลย
“นายน้อยอี้ ท่านพักผ่อนเถิด ข้าจะบ่มเพาะพลังสักหน่อย ขอตัวก่อนนะขอรับ”
ผู้อาวุโสเฮ่อทานอาหารไปเพียงเล็กน้อยและกลับเข้าไปในกระโจมของเขา ดังนั้นเจียงอี้จึงใช้เวลาที่เหลือในการสนทนากับเจียงเสี่ยวนู๋และเพลิดเพลินไปกับการมองดูทะเลและดวงดาวอย่างสบายใจ
ยามค่ำคืนนั้นค่อนข้างเหน็บหนาว เจียงอี้ลูบศีรษะของเจียงเสี่ยวนู๋เบาๆและส่งนางเข้านอน หลังจากนั้นก็กลับมายังกระโจมของตัวเอง เขาก็ข่มตานอนอย่างรวดเร็วและไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยเนื่องจากการคงอยู่ของสัตว์อสูรหยาจื้อ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ปีศาจทะเลทั่วไปจะกล้าเข้ามาใกล้
ตึก! ตึก! ตึก!
แต่เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เจียงอี้ก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงบางอย่าง เขามองร่างของหญิงสาวตัวน้อยซึ่งทำให้เขายิ้มออกมาด้วยความขมขื่นก่อนที่จะกล่าว “เสี่ยวนู๋ ทำไมเจ้ายังไม่หลับอีก?”
“นายน้อย ข้า… ข้ากลัวเจ้าค่ะ!”
เจียงอี้จ้องมองไปยังร่างของเด็กสาวด้วยความตลกขบขัน จากนั้นก็เอ่ย
“เจ้าอย่าลืมสิว่าพวกเรามีราชันสัตว์อสูรค่อยเฝ้ายามให้ ไม่ต้องกลัว เจ้าสามารถนอนหลับได้อย่างไร้กังวล”
ฟึ่บ!
แต่ใครจะไปคิด วินาทีต่อมาเจียงเสี่ยวนู๋รวบรวมความกล้าและมุดเข้ามาใต้ผ้าห่มของเจียงอี้ทันที จากนั้นก็กอดเขาด้วยร่างกายอันสั่นเทา
“นายน้อย ข้าขอนอนกับท่านได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“หืม?”
เจียงอี้ผงะไปชั่วครู่ เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกและทำได้เพียงกล่าวออกมา
“เสี่ยวนู๋ เจ้าโตเป็นสาวแล้วนะ ตอนนี้เจ้าไม่สามารถนอนกับข้าได้อีกแล้ว อีกหน่อย เจ้าก็ต้องแต่งงานกับใครสักคน หากคนอื่นรู้ว่าเจ้ามานอนกับข้า มันจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของเจ้านะรู้ไหม?”
“แต่งงาน?”
เมื่อเจียงเสี่ยวนู๋ได้ยินคำนี้ นางก็เงยหน้าขึ้นมาและไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป นางยิ่งสวมกอดร่างของเจียงอี้ไว้แน่นและกล่าวออกมาทั้งน้ำตา
“นายน้อย ท่านไม่ต้องการเสี่ยวนู๋อีกแล้วหรือ? ข้าเข้าใจแล้ว… นายน้อยมีพี่สาวรั่วเสวี่ยแล้ว ท่านคงไม่ต้องการข้าอีกต่อไป”