เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 384 โลงศพโบราณที่ก้นทะเ
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 384 โลงศพโบราณที่ก้นทะเ
บทที่ 384 โลงศพโบราณที่ก้นทะเล
นามของทะเลมรณะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก มีเพียงอาณาจักรเป่ยเหลียง, อาณาจักรเป่ยหมางและเกาะดาวตกเท่านั้นที่พอจะมีคนเคยได้ยินชื่อของมันบ้าง
ทะเลแห่งนี้ไม่ใหญ่มากนัก มันมีรัศมีเพียงสามแสนกิโลเมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตาม นามของมันกลับมีที่มาอันน่าสยดสยอง
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อสูร ขอเพียงแค่ก้าวเข้าไปในทะเลมรณะ พวกเขาจะต้องตายโดยไม่มีข้อยกเว้น!
สองปีก่อนเซี่ยถิงเวยออกคำสั่งให้ขันทีเฒ่าหลินนำกลุ่มผู้เชี่ยวชาญออกสำรวจทะเลแห่งนี้ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ามันคือการเดินทางที่ไม่มีวันได้หวนกลับมาอีก
อย่างไรก็ตาม มีเพียงหลินกงกงเท่านั้นที่รอดชีวิตกลับมา ความเป็นจริงไม่ใช่เป็นเพราะเขามีอิทธิฤทธิ์อันกล้าแกร่ง แต่เป็นเพราะว่าเขารั้งอยู่ท้ายขบวนต่างหาก!
ในยามนั้น ขันทีเฒ่ามีลางสังหรณ์อันเลวร้ายบางอย่าง เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปหลังสุด แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวเข้าไปนั้น กลุ่มคนก่อนหน้าก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไหวตัวทันและหลบหนีออกมาได้
แน่นอน แม้กระทั่งอาณาจักรเสินหวู่ยังให้ความสนใจกับทะเลมรณะ แล้วมีหรือที่เจ้าถิ่นอย่างเกาะดาวตกจะไม่สนใจมัน?
ผู้นำสูงสุดขอบเกาะดาวตกอย่างสุ่ยโย่วหลานเคยมาที่นี่มาก่อน ในตอนนั้นนางเพียงแค่วนอยู่ขอบทะเลแต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่านางพบเจออะไรกันแน่ เมื่อกลับออกมา นางไม่ได้บอกเล่าอะไรแต่กลับออกคำสั่งห้ามไม่ให้คนของเกาะดาวตกเข้ามาใกล้บริเวณนี้อย่างเด็ดขาด
ทะเลแห่งนี้แปลกประหลาดและชวนให้พิศวง…
ในเวลากลางวัน คลื่นลมจะเงียบสงบไม่ต่างจากทะเลทั่วไป มีเพียงสีของน้ำทะเลที่เป็นสีดำสนิทซึ่งทำให้มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ลึกลงไป กระทั่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไร้ประโยชน์
ส่วนในเวลากลางคืน มันจะเกิดเมฆสายฟ้าซึ่งจะคอยส่งสายฟ้าลงมาเป็นเวลายาวนานและจะผ่าลงที่เดิมซ้ำๆเสมอ
เจียงอี้ผู้ซึ่งแทบจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับทะเลแถบนี้ถูกไล่ล่าโดยราชันปีศาจทะเล ผนวกกับเป็นช่วงเวลากลางคืน เข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหนีมาที่นี่
หวายทะเลฉุดรั้งร่างของเขาให้ดำลึกลงไป แม้ว่าภายในทะเลมรณะจะปราศจากปีศาจทะเล แต่เขาก็ไม่อาจขยับร่างกายหรือแม้กระทั่งโคจรแก่นแท้พลัง
สำหรับนักสู้ที่ต้องพึ่งพาแก่นแท้พลังแล้ว สถานการณ์นี้นับว่าเลวร้ายอย่างแท้จริง!
หวายทะเลนี่มันอะไรกัน? มันสามารถยับยั้งได้แม้กระทั่งพลังวิญญาณของข้า แล้วข้าจะใช้ศาสตร์ดวงจิตแปรผันหลบหนีไปได้อย่างไร?
เจียงอี้ดิ้นรนด้วยความหวาดกลัว อย่างไรก็ตามเขาก็ทำได้เพียงเฝ้าดูตัวเอาถูกดึงลงไปใต้ทะเลอย่างไม่มีทางเลือก
แต่จากนั้นไม่นาน เขาก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็กระตุ้นไข่มุกวิญญาณเพลิงและบังคับให้มันส่งเพลิงโลกาออกมาเพื่อแผดเผาหวายทะเลเหล่านี้
ครื้นนน!
พลังของเพลิงโลกาทำให้น้ำทะเลโดยรอบเปลี่ยนเป็นไออย่างรวดเร็ว ถึงอย่างนั้นหวายทะเลกลับไม่มีวี่แววที่จะถูกทำลายเลยแม้แต่น้อย ฉากนี้เองที่ทำให้เจียงอี้รู้สึกขมขื่นอย่างบอกไม่ถูก
เขานึกถึงหินวิญญาณเพลิง แต่น่าเสียดายที่เขาใช้มันไปหมดแล้ว ด้วยพลังเผาผลาญอันน่าสะพรึงกลัวของมัน บางทีเขาอาจจะหนีรอดจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ได้อย่างง่ายดาย
ตู้ม! ตู้ม!
สายฟ้ายังคงฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง สายฟ้าเจ็ดถึงแปดสายรวมตัวเข้าด้วยกันและเป็นมังกรอัสนีขนาดยักษ์ซึ่งพุ่งลงไปยังก้นทะเลด้วยความเร็วสูง
ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เกิดแสงสว่างวาบในชั่วพริบตา!
ในจังหวะนั้นเอง เจียงอี้ก็จับจ้องไปยังก้นทะเลซึ่งทำให้เขาตระหนักได้ว่าหวายทะเลถูกส่งออกมาจากตำแหน่งที่มังกรอัสนีกำลังมุ่งหน้าไป
นาทีนี้เอง ลางสังหรณ์บางอย่างก็ได้กระตุ้นจิตใจเขา เขาตระหนักได้ว่าจุดแสงที่อยู่เบื้องล่างดูคล้ายกับปากขนาดใหญ่ของสัตว์อสูรซึ่งมันสามารถกลืนกินร่างของเขาได้อย่างง่ายดาย
ข้าจะทำยังไงดี?
ความคิดของเจียงอี้หมุนวนอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามสิ่งที่เขาคิดได้มีเพียงแค่การปล่อยผู้อาวุโสเฮ่อออกมาและร่วมมือกันทำลายหวายทะเลเท่านั้น
แต่ปัญหาก็คือ เขาไม่อาจโคจรแก่นแท้พลังได้ ดังนั้นทางเดียวที่จะปลดปล่อยผู้อาวุโสเฮ่อออกจากแจกันเขียวพิสุทธิ์ คือต้องทำลายมันเท่านั้น!
แต่ด้วยวิธีนี้เจียงเสี่ยวนู๋ก็จะถูกบังคับให้ต้องออกมาเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของคนธรรมดา เมื่อนางออกมา นางจะไม่สามารถช่วยตัวเองและต้องจมน้ำตายอย่างแน่นอน
ยิ่งปล่อยเวลาผ่านไป หวายทะเลก็ยิ่งดึงร่างของเจียงอี้ให้เข้าไปใกล้จุดแสงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเข้ามาใกล้มันมากพอ เขาก็พบว่ามันมีลักษณะคล้ายกับลูกบอลซึ่งถูกปกป้องด้วยแสง
“นี่มัน…”
ดวงตาของเจียงอี้เบิกกว้างด้วยความตกใจ ในขณะนี้ เขากำลังหวาดกลัวสุดขีดราวกับว่าฉากที่อยู่ตรงหน้าเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา!
ก้นทะเลเป็นพื้นราบ เมื่อมองจากระยะไกลจะสามารถมองเห็นม่านพลังครึ่งวงกลมที่แผ่กลิ่นอายอันน่าเหลือเชื่อออกมา
สิ่งที่น่ากลัวหาใช่ม่านพลังแสงไม่ แต่เป็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้นต่างหาก!
ตรงกึ่งกลางภายในม่านพลังมีโลงศพโบราณสีดำขนาดยักษ์ถูกวางไว้อยู่ มันไร้ซึ่งฝาโลง ภายในนั้นมีร่างของหญิงสาวผู้งดงามกำลังเปลือยกายอยู่
มังกรอัสนีทั้งหมดพุ่งลงมาจากด้านบนและหายลับเข้าไปในโลงศพ!
ยามราตรี, ก้นทะเลอันมืดมิด, ม่านพลัง, โลงศพโบราณ, ร่างของหญิงสาว, สายฟ้า… หวายทะเล!
ทั้งหมดนี้มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย?!
เจียงอี้ไม่สามารถปะติดปะต่อสิ่งใดได้เลยแม้แต่น้อย ร่างของเขายังคงถูกฉุดรั้งลงมาและปราศจากแรงจะต่อต้าน
เดี๋ยว! ตรงนั้นมัน… กองกระดูก!
เมื่อลงมาลึกเรื่อยๆ เขาก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกเหนือจากโลงศพปริศนาแล้ว เขายังมองเห็นโครงกระดูกมากมายที่อยู่ในบริเวณนั้น พวกมันมีรูปร่างแตกต่างกันไป ภายในนั้นมีทั้งโครงกระดูกของสัตว์อสูรและมนุษย์ อีกทั้งยังมีจำนวนมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะนับได้
หากสังเกตให้ดี โครงกระดูกเหล่านั้นยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ตายจากการต่อสู้ แต่เป็นเพราะถูกหวายทะเลรัดพันร่างเอาไว้และไม่อาจหนีไปไหนได้จนทำให้ตกตายไปในที่สุด
โครงกระดูกร่างนั้นมัน?!
พริบตาต่อมา เจียงอี้สังเกตเห็นโครงกระดูกขนาดยักษ์ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับมังกร มันมีความยาวหลายสิบเมตรและมีส่วนสูงถึงยี่สิบห้าเมตร หากคำนวณจากขนาด ก่อนตายมันสมควรเป็นหนึ่งในชนชั้นปีศาจทะเลที่ทรงพลัง!
กระทั่งราชันสัตว์อสูรก็ยังไม่อาจรอดพ้นความตายไปได้?
เจียงอี้รู้สึกสิ้นหวังทันที แม้กระทั่งราชันสัตว์อสูรยังตาย แล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะหนีรอดออกไปได้?
เมื่ออยู่ระหว่างความเป็นความตาย ความคิดของเขาก็เริ่มเลื่อนลอย
หญิงสาวที่อยู่ในโลงศพคือใคร แล้วทำไมนางถึงไม่สวมเสื้อผ้า? นางเพียงแค่หลับใหลหรือตายไปแล้ว? นางคือต้นเหตุที่ทำให้สายฟ้าฟาดลงมา? นี่มันเรื่องอะไรกัน?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในใจของเจียงอี้อย่างไม่หยุดหย่อน น่าเสียดายที่เวลานี้ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเขาได้
เมื่อร่างของเขาถูกดึงเข้าไปใกล้ม่านแสง น้ำทะเลก็แยกออกและดึงร่างของเขาเข้าไป ภายในนั้นเต็มไปด้วยอากาศอันบริสุทธิ์
อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องจมน้ำตาย…?
ตุบ!
ร่างของเจียงอี้ร่วงลงไปที่ก้นทะเลซึ่งรอบด้านเต็มไปด้วยโครงกระดูก เขาพยายามจะพยุงตัวเองขึ้นมา แต่หวายทะเลก็ยิ่งพันธนาการร่างของเขาไว้แน่นขึ้น
เจียงอี้สัมผัสได้ว่ากระดูกภายในร่างแทบจะแตกหัก เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เขาก็มองเห็นม่านพลังแสงจากอีกมุมมองหนึ่งรวมไปถึงโลงศพที่ลอยอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่โครงกระดูกที่อยู่รอบกายก็เป็นสิ่งเตือนใจเกี่ยวกับอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาได้เป็นอย่างดี
เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ต่อ เขาทำได้แค่นอนรอความตายอยู่เงียบๆ…