เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 411-412
บทที่ 411 รับผลที่ตามมาเอง
ฟึ่บ!
ลูกน้องตระกูลเฉียนพุ่งออกไปจากโถงเรือในไม่ช้าเสียงนกหวีด สั้นสามครั้ง ยาวสามครั้งก็ดังขึ้น จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยเองก็ต่างมองหน้ากันและสั่งการอย่างเงียบๆ และลูกน้องของทั้งสองตระกูลก็ออกไปเช่นกันและมีเสียงนกหวีดดังขึ้นอีก
ฟึ่บ!ฟั่บ! ฟั่บ!
นี่คือเสียงเป่าร้องขอความช่วยเหลือจากสามตระกูลทันทีที่เสียงนั้นดังออกไป เหล่าคนทั้งหมดของตระกูลทั้งสามที่อยู่บนเรือต่างก็พากันมาที่นี่ ทุกคนต่างมีความอาฆาตและพร้อมด้วยอาวุธ พวกเขาถ่ายเทแก่นแท้พลังออกมาและพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตทุกเมื่อ
“…”
ห้องโถงเรือเงียบสนิททำไมวันนี้เฉียนว่านก้วนจึงทำเช่นนี้? ทำไมเขาถึงได้มีความตั้งใจที่หนักแน่นเช่นนี้? เฉียนว่านก้วนในวันนี้นั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง แม้แต่จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยเองก็บ้าคลั่งไปตามเขาและระดมผู้ใต้บังคับบัญชามาที่นี่โดยตรง ทำไมพวกเขาถึงได้หนักแน่นและเต็มใจที่จะเสี่ยงทุกอย่าง?
ประวัติศาสตร์นั้นไม่เคยขาดเหตุการณ์ใดๆในที่ที่เหล่าคุณชายและคุณหนูเข้ามามีความขัดแย้งในงานเลี้ยงบางครั้ง ก็มีความตายตามมา อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายมักจะควบคุมตัวเอง ตราบใดที่มันไม่ได้พัวพันกับความตายของคนสำคัญในตระกูล ทั้งสองตระกูลก็จะจัดการกันอย่างสงบหรือยุติความบาดหมาง อย่างมากพวกเขาก็จะต่อสู้กันอีกในครั้งต่อไปหรือไม่ก็แอบวางแผนดักศัตรูโดยไม่ทิ้งหลักฐานใดๆไว้
วันนี้เฉียนว่านก้วน,จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยนั้นมีจำนวนน้อยกว่า พวกเขาถูกเย้ยหยันและกดดันต่างๆนาๆแต่พวกเขาก็อดทนกับมัน ซึ่งสิ่งนี้ก็ได้ไปกระตุ้นความจองหองของเซียวเทียนหูและคนของเขา
ส่วนเจียงอี้ก็ได้ทำลายตันเทียนของผู้เชี่ยวชาญตระกูลเซียวผู้ที่ฝึกฝนรูปแบบเต๋าฟ้าดินและมันก็เป็นไปได้มากที่เขาจะสามารถบุกทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะทำให้เซียวเทียนหูโกรธเป็นไฟและต้องการให้เจียงอี้ตาย
อย่างไรก็ตามในตอนนี้….
เฉียนว่านก้วนแสดงจุดยืนของเขาตระกูลจ้านก็เช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้น้องชายของหยุนเฟยเป็นองค์รัชทายาท หยุนเฟยนั้นเป็นผู้ที่โด่งดังและมีอิทธิพลในอาณาจักรเทียนเซวี่ยนได้เพราะเจียงอี้ หากพวกเขาบาดหมางกับหยุนเฟย นั่นก็เหมือนการทำให้อาณาจักรเทียนเซวี่ยนนั้นเป็นศัตรูของพวกเขา
เซียวเทียนหูเริ่มลังเลเขาเป็นนายน้อยอันดับหนึ่งของตระกูลเซียว แต่เขาก็ไม่ใช่ประมุขตระกูล หากเขาจัดการกับเรื่องนี้ล้มเหลว ตำแหน่งในตระกูลเซียวของเขาก็อาจจะได้รับผลกระทบ
เตาจ้านและคนของเขาเริ่มกระวนกระวายมันเป็นตระกูลเซียวที่เสียชีวิต มันไม่ใช่ธุระกงการของพวกเขาและมันก็ไม่คุ้มค่าที่จะต้องมาต่อสู้กันอย่างดุเดือดกับทั้งสามตระกูลนี้
คุณชายและคุณหนูที่พูดพล่อยๆออกมาก็เงียบลงไปทันทีในฐานะผู้ชมนั้น พวกเขาต้องดูสถานการณ์ให้ได้อย่างพอดี อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้หากพวกเขายังคงปลุกเร้าอารมณ์ พวกเขาอาจจะทำให้ตนเองเข้ามาติดร่างแหด้วยได้ จะบาดหมางกับสามตระกูลนี้เพราะเรื่องของตระกูลเซียวน่ะหรอ? พวกเขาไม่ใช่คนโง่
ดังนั้นสถานการณ์จึงพลิกกลับอย่างผิดหูผิดตามันกลายเป็นว่าการต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้ของตระกูลเซียวที่ท้าทายตระกูลทั้งสามเอง
“หืม?”
เซียวเทียนหูเหลือบมองไปรอบๆและรับรู้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็วเตาจ้านและคุณหนูและคุณชายจากอาณาจักรเป่ยหมายนั่งลงเงียบๆ เมื่อเซียวเทียนหูมองคนอื่นๆ พันธมิตรของเขาก่อนหน้านี้ต่างก็ก้มหน้าก้มตาดื่มน้ำชา มีเพียงเฉียนว่านก้วน จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยที่จ้องมองมาที่เขาอย่างเย้ยหยัน
ปึง!
เฉียนว่านก้วนยิ้มแย้มที่พบว่าตัวเองได้ถือไพ่เหนือกว่าเขาไม่ให้อภัยและกระแทกโต๊ะอีกครั้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “เซียวเทียนหู นายน้อยเซียวผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าอยากประลองอย่างไร? ตั้งกฎมาสิ ข้าจะถือกฎไปจนกว่าจะจบ ในฐานะนายน้อยอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเป่ยหมาง เจ้าคงไม่ทำให้เราผิดหวังหรอกใช่ไหม?”
จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยมองหน้ากันโดยไม่มีสิ่งใดจะพูดเฉียนว่านก้วนยังคงเป็นผู้ที่ไม่ชอบใช้กำลังเสมอและเน้นไปที่การปรองดองกับผู้อื่นอย่างสงบสุข ในเวลาปกติเขาจะยังยิ้มหากผู้อื่นตบหน้าเขา แต่ในวันนี้ตอนที่เจียงอี้อยู่ใกล้ๆ เขาก็เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง….แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป
“เจ้า!”
ดวงตาของเซียวเทียนหูแทบจะลุกเป็นไฟเส้นเลือดปูดขึ้นบนใบหน้าเขา เขาดูน่าเกลียดและน่ากลัว ในขณะที่เขากำลังจะขาดสติ ผู้คุ้มกันด้านหลังเขาก็ดึงเขากลับมา ผู้คุ้มกันผู้นั้นส่ายหัวและกระซิบ “นายน้อย ไม่ใช่วันนี้ขอรับ ยังมีเวลาอีกหลายปี เราจะแก้แค้นเหตุการณ์ในวันนี้ภายหน้าก็ยังไม่สาย”
“ฮึ่ม!”
เซียวเทียนหูสะบัดแขนเสื้อของเขาและตะโกนออกมาอย่างเย็นชา“ไปกันเถอะ เฉียนว่านก้วน ข้าจะจดจำวันนี้เอาไว้ ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่าได้มาทำการค้าที่อาณาจักรเป่ยหมาง ไม่เช่นนั้น เจ้าก็จงรับผลที่ตามมาเองแล้วกัน”
คนตระกูลเซียวพากันออกจากโถงเรือไปและงานเลี้ยงในวันนี้ก็กำลังจะสิ้นสุดลง
มีการแสดงที่ดีพอและน่าตื่นเต้นมากพอแล้วเตาจ้านและกลุ่มของเขาก็ออกไปหลังจากนั้น ในไม่ช้าผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็พากันออกจากโถงเรือไป ส่วนเจียงอี้ก็มาอยู่ด้านหลังเฉียนว่านก้วน ก่อนที่คุณชายและคุณหนูมากมายจะออกจากโถงเรือไป พวกเขาทั้งหมดก็แอบมองไปที่เขาและจดจำใบหน้าของเขาอย่างลับๆ
เซียวหมิงนั้นทรงพลังจริงๆและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนรูปแบบเต๋าฟ้าดินได้แต่ถึงอย่างนั้นเจียงอี้ก็ยังสามารถทำลายเขาได้ในคราวเดียว เขาแข็งแกร่งกว่าเซียวหมิงอย่างชัดเจนและคงจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในงานเลี้ยง ผู้คนจึงให้ความสำคัญกับเขามากขึ้นเป็นปกติ นอกจากนี้ภาพกรงเล็บที่น่ากลัวของเจียงอี้ที่บินไปทั่วนั้นก็สร้างความประทับใจให้กับเหล่าผู้ชมด้วย
แม้ว่าจะดูทรงพลังมากแต่อายุของเขาอย่างมากก็ราวๆสามสิบ มันเป็นไปได้อย่างมากว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่บุกทะลวงขอบเขตจินกังได้ เจียงอี้ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย พวกเขาต่างพากันอิจฉาตระกูลเฉียนที่มีผู้มีความสามารถเช่นนี้
“คุณหนูเชียนโหรวขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีเยี่ยม ข้าขอตัวก่อน!” หลังจากที่ทุกคนไปแล้ว เฉียนว่านก้วนก็ทักทายกับเจ้าของงานด้วยรอยยิ้ม
สุ่ยเชียนโหรวอยู่ในชุดลายดอกสีแดงเพลิงใบหน้านางนั้นเกลี้ยงเกลา ไม่ได้ถูกเติมแต่งด้วยการแต่งหน้าอย่างใด ถึงกระนั้นนางก็ยังคงมีเสน่ห์ที่งดงาม นางนั่งอยู่ที่นั่งตรงกลางและมองไปยังเฉียนว่านก้วน ครั้งนี้นางไม่ได้พยักหน้าเล็กน้อยแต่นางอ้าปากพูดออกมาว่า “เจ้าอ้วนเฉียน รอเดี๋ยว!”
ดวงตาที่งดงามของนางหันไปจ้องมองที่เจียงอี้ทันใดนั้นนางพูดว่า “เฉียน….ต้าเหยี่ย ทำไมเจ้าจึงได้ดูคุ้นตานัก?”
เฉียนว่านก้วนและคนของเขาหันกลับมาสุ่ยเชียนโหรวจงใจพูดออกมา จะเป็นไปได้ไหมว่านางจะจำรูปลักษณ์ภายนอกของเจียงอี้ได้?
ในทางตรงกันข้ามเจียงอี้ก้าวออกไปอย่างสงบและป้องมือทักทาย จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “คุณหนูเชียนโหรว อันที่จริงต้าเหยี่ยก็พบว่าคุณหนูก็ดูคุ้นตาเช่นกันขอรับ”
“โอ้…เฉียนต้าเหยี่ยเจ้าเคยเห็นข้ามาก่อนที่ใดกัน?” สุ่ยเชียนโหรวถามและแสดงความสนใจออกมาอย่างมาก นางใช้ดวงตาที่งดงามของนางจับจ้องไปยังเจียงอี้โดยหวังจะหาจุดบกพร่องใดๆ
“ฮิฮิ!”
เจียงอี้ยกริมฝีปากของเขาขึ้นเล็กน้อยและเผยรอยยิ้มที่ซุกซนเขากวาดตามองหน้าอกของสุ่ยเชียนโหรวอย่างหาญกล้า แสงแห่งความชั่วร้ายแล่นผ่านดวงตาของเขาและเผยความหื่นกระหายออกมา น้ำเสียงของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์และพูดว่า “ต้าเหยี่ยได้เห็นคุณหนูในความฝัน คุณหนูนั้นเป็นดั่งคนรักในฝันของข้าขอรับ….”
“อวดดีนัก!”
ผู้อาวุโสข้างๆสุ่ยเชียนโหรวตะโกนออกมาอย่างเย็นชาพวกเขาแสดงความขุ่นเคืองออกมา เจียงอี้กล้าล่วงเกินสุ่ยเชียนโหรวต่อสาธารณะได้เช่นไร! ชายผู้นี้กล้าเผยความหื่นกระหายของตนเองออกมาอย่างเปิดเผย
ปึงปึง!
เฉียนว่านก้วนทุบโต๊ะด้วยความโกรธและตะโกนออกมาอย่างโศกเศร้า“เฉียนต้าเหยี่ย ไสหัวไปซะ! เจ้ากล้าล่วงเกินคุณหนูเชียนโหรวได้อย่างไร! เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะตัดไอนั่นของเจ้าให้เจ้าได้กลายเป็นขันทีและส่งเจ้าไปในวัง?”
สุ่ยเชียนโหรวแก้มแดงไปด้วยความอับอายความสงสัยของนางหายไป เจียงอี้เป็นสุภาพบุรุษ เขาจะมีนิสัยที่ดูมากราคีเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
เจียงอี้เป็นอัจฉริยะและถูกรายล้อมไปด้วยสาวงามนับไม่ถ้วนอย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากซูรั่วเสวี่ยแล้วเขาก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่น ในใจของนางนั้น นางคิดว่าเจียงอี้เป็นคนที่ไม่เคยมีราคี และด้วยความแตกต่างนี้ ตอนนี้นางจึงเลิกสงสัยแล้ว
“ฮิฮิ!”
ดวงตาที่มีเล่ห์เหลี่ยมของเจียงอี้เหลือบมองไปยังผู้อาวุโสหอดาราสุ่ยเยว่เขาหันหน้ากลับออกไป เฉียนว่านก้วนและคนของเขาก็ออกไปเช่นกันและพาทุกคนกลับไปยังเรือของตระกูลเฉียน
“ลูกพี่ข้าคิดถึงเจ้ามากๆ!”
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปยังโถงเรอเฉียนว่านก้วนก็ให้คนของเขาออกไปและสวมกอดเจียงอี้ จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยก็ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน เจียงอี้เกือบจะหายใจไม่ออกเพราะร่างอ้วนๆของเฉียนว่านก้วนที่กอดรัดเขาไว้ เขาจ้องมองและพูดว่า “เจ้าก้อนไขมัน ออกไปไกลๆเลยนะ ทำไมเจ้ากอดข้าแน่นขนาดนี้? ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเจ้านั้นสนใจผู้ชาย มันเป็นเรื่องจริงสินะ…..”
บทที่ 412 สุภาพบุรุษผู้คุ้มกัน
เจียงอี้พำนักอยู่ในเรือใหญ่และจะนอนอุตุอยู่ในทุกๆวันเมื่อเขาไม่มีอะไรทำ เขาก็จะฝึกฝนศาสตร์เวทย์มนตร์ มันค่อนข้างเป็นการเดินทางที่น่าพอใจ
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาหนักใจก็คือจ้านหลินเอ๋อร์หลังจากที่ไม่ได้พบนางมาระยะหนึ่งแล้วเรือนร่างของน้องสาวตัวน้อยของจ้านอู๋ซวงก็คงเติบใหญ่ขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ นางมองเจียงอี้ด้วยดวงตาที่มีความปรารถนามากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หัวใจของเจียงอี้นั้นเป็นของผู้อื่นอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไป
เฉียนว่านก้วนส่งข้อความกลับไปและทำให้ตัวตนปลอม“เฉียนต้าเหยี่ย” นั้นกลายเป็นมีตัวตนจริงๆขึ้นมา จากนั้นเขาก็เผยแพร่ข้อมูลโดยจงใจว่า หนึ่งในสามของผู้เชี่ยวชาญที่ตระกูลเฉียนนั้นคอยเลี้ยงดูอยย่างลับๆ เฉียนต้าเหยี่ย ได้รับบาดเจ็บสาหัสในการเดินทางออกค้นหาผึ้งทมิฬในครั้งนี้ มันยังรวมไปถึงสิ่งอื่นๆเช่นเขาได้เพิ่มเกียรติให้แก่ตระกูลเฉียน ฯลฯ
คนส่วนให้นั้นได้ข้อมูลที่เป็นเท็จของเฉียนต้าเหยี่ยอย่างรวดเร็วแต่ก็มีบางคนที่ยังสงสัยอยู่และส่งข้อความกลับไปให้คนในตระกูลตรวจสอบตัวตนของเฉียนต้าเหยี่ย ในท้ายที่สุด สิ่งเดียวที่พวกเขาล้วงความลับมาได้ก็คือข้อมูลเท็จที่เฉียนว่านก้วนขอให้คนของเขาเปิดเผยมันออกมาซึ่งเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่าเฉียนต้าเหยี่ยนั้นเป็นคนของตระกูลเฉียนจริงๆ
เนื่องจากเกิดความโกลาหลในงานเลี้ยงครั้งนี้จึงทำให้เหล่าคุณหนูและคุณชายต่างพากันไร้อารมณ์งานเลี้ยงทุกงานต่างก็ถูกพักเอาไว้และทุกคนก็เร่งให้กองเรือเร่งเดินหน้าต่อไปและออกสำรวจหมู่เกาะทั้งหมดเพื่อค้นหาผึ้งทมิฬ
กองทัพเรือเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วโดยอาศัยทั้งลมทะเลและแก่นแท้พลังของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเพื่อขับเคลื่อนเรือยิ่งออกสู่ทะเลลึกมากเท่าใดก็ยิ่งมีปีศาจทะเลมากมายปรากฏตัวออกมาเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวผลัดกันเปลี่ยนเวรกำจัดปีศาจทะเล การเดินทางของพวกเขาเริ่มตึงเครียดขึ้นและไม่มีอารมณ์ที่จะจัดงานเลี้ยงใดๆอีกต่อไป
เนื่องจากการคงอยู่ของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวแม้ว่าปีศาจทะเลระดับสามขั้นสูงจะเข้ามาใกล้พวกเขา พวกมันก็จะถูกกำจัดไปเช่นกัน ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นแต่ก็ไม่มีความผิดพลาดใดๆ ในวันที่ห้า พวกเขาได้สำรวจเกาะไปหลายแห่งและพบสมุนไพรวิญญาณแปลกๆบ้างแต่ก็ยังไม่มีผู้ใดพบผึ้งทมิฬเลย
ในช่วงบ่ายของวันที่หกพวกเขาได้พบกับผึ้งทมิฬสองตัวกลางทะเลซึ่งทำให้ทุกคนพากันมีชีวิตชีวา พวกเขามั่นใจว่ารังของผึ้งทมิฬนั้นน่าจะอยู่ใกล้ๆแถวนั้นเป็นแน่
ทุกกองเรือต่างก็เคลื่อนที่ด้วยกำลังที่เร็วที่สุดและพวกเขาก็พบกับเกาะยักษ์ใกล้ๆเกาะนี้อาจเทียบได้ประมาณครึ่งหนึ่งของเกาะดาวตกและมีสัตว์อสูรอยู่แน่นอน อาจมีปีศาจทะเลที่สามารถขึ้นฝั่งได้ด้วยซึ่งก็ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ผึ้งทมิฬจะอยู่บนเกาะแห่งนี้
“ทุกคนเข้าไปในเกาะและแยกย้ายกันค้นหา!”
เรือทุกลำแล่นเกยชายฝั่งและทอดสมอเรือลงนอกเหนือจากทิ้งผู้คุ้มกันไว้ไม่กี่คน เหล่าคุณหนูและคุณชายทุกคนต่างก็กระตือรือร้นที่จะลงมือขณะที่พวกเขาพาคนของแต่ละตระกูลไปตามหารังผึ้งทมิฬ หากผึ้งทมิฬอยู่บนเกาะนี้จริงๆอาจเกิดสงครามการต่อสู้แย่งน้ำผึ้งได้ และเหล่าคุณชายและคุณหนูพวกนี้ก็ย่อมไม่ต้องการรอคอยข่าวอยู่บนเรือ หากพวกเขาไม่อยู่ตรงนั้นและเกิดการปะทะกัน ลูกน้องของพวกเขาอาจจะไม่กล้าประกาศสงคราม หากน้ำผึ้งถูกฉกไปแล้ว การเดินทางในครั้งนี้จะไร้ประโยชน์ทันที หากพวกเขาอยู่ใกล้ๆ อย่างน้อยพวกเขาก็คงจะได้รับส่วนแบ่งของมันบ้างใช่ไหม?
ผู้เชี่ยวชาญกว่าร้อยคนแห่กันไปที่เกาะและพลิกหาทั่วทั้งเกาะมีสัตว์อสูรเพียงไม่กี่สิบตัวบนเกาะซึ่งพวกมันก็ถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย นอกเหนือจากการเจอสมุนไพรวิญญาณบางตัวแล้ว ก็ไม่เจอผึ้งทมิฬอยู่บนเกาะแห่งนี้เลย
หลังจากตามหามาตลอดทั้งวันทุกคนก็กลับไปยังชายฝั่งในช่วงตะวันกำลังลับฟ้าดวงอาทิตย์สีแดงกำลังค่อยๆลับขอบฟ้าไป แสงสีแดงกระทบทะเลและสาดแสงอาทิตย์ระเรื่อ และเมื่ออาทิตย์ลับไป ทิวทัศน์ของเกาะแห่งนี้ก็ดูมีเสน่ห์มาก คุณหนูหลายคนเมาเรือและตัดสินใจที่จะยังไม่กลับขึ้นไปบนเรือจึงพากันรวมตัวและเตรียมงานเลี้ยงกองไฟ
เจ้าภาพในครั้งนี้ก็คือองค์หญิงเซี่ยเฟยหยูเหล่าคุณหนูคุณชายทั้งหมดต่างก็เบื่อหน่ายกับการอยู่บนเรือมาหลายวันแล้ว เนื่องจากมันเป็นโอกาสที่หาได้ยาก พวกเขาทั้งหมดจึงตอบรับคำเชิญอย่างยินดี
เฉียนว่านก้วนและกลุ่มของเขาก็ได้รับเชิญมางานเช่นกันแต่คราวนี้ไม่มีผู้ใดมาก่อปัญหา เซียวเทียนหูนั้นหลักแหลมมาก แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดอะไรมากระหว่างงานเลี้ยงและใบหน้าก็ไม่เผยร่องรอยอะไรที่ประหลาดออกมา เจียงอี้ผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยงพร้อมกับเฉียนว่านก้วนก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหัวอยู่เงียบๆ
เฉียนว่านก้วนนั้นก็มีความสุขมากขึ้นในครั้งนี้เนื่องจากเขาได้คอยชนแก้วกับคุณชายและคุณหนูมากมายอุดมคติที่เขาลุกขึ้นสู้นั้นทำให้ผู้คนมองเขาเปลี่ยนไปและไม่ได้เย้ยหยันเขาอีกต่อไป แถมยังพูดคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ดีกว่าเดิมมากนัก
“เชิญร่วมดื่มฉลองต่อไปข้าน้อยผู้นี้ขอตัวออกไปผ่อนคลายก่อน!”
เจียงอี้นั้นเบื่อหน่ายกับงานเลี้ยงนี้เขารู้สึกอึดอัดใจเมื่อเห็นคุณหนูที่ชอบเกี้ยวพาราสีและคุณชายที่ประจบสอพลอ ดูจากสถานการณ์แล้วงานเลี้ยงนี้คงจะดำเนินต่อไปอีกสองชั่วโมง เขาทนไม่ไหวแล้วและเตรียมตัวที่จะหนีออกจากงานไป
เฉียนว่านก้วนโบกมือและไม่สนใจเจียงอี้เจียงอี้กำลังจะออกจากชายฝั่งและกลับไปพักผ่อนบนเรือ หากมีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะยังสามารถไปถึงได้ทันเวลา
เมื่อเขาอยู่ไกลจากเรือลำใหญ่เขาก็ปวดหัวเมื่อเห็นจ้านหลินเอ๋อร์บนดาดฟ้าเพียงลำพังและกำลังรับสายลมอยู่เห็นได้ชัดว่านางกำลังรอเขาอยู่ เขามองไปรอบๆอย่างรวดเร็วและใช้ประโยชน์จากแสงสลัวๆแอบไปข้างๆ จนในที่สุดเขาก็พบแนวปะการังใกล้ๆชายหาดและพักผ่อนอยู่ที่นั่น
ขณะที่เขานั่งอยู่บนโขดหินเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของคุณหนูและเสียงหัวเราะที่ไร้กังวลจากคุณชายทั้งหลาย เขามองเห็นคลื่นที่กระทบแนวปะการังและจันทราที่สว่างไสวขึ้นจากขอบฟ้าของทะเล เดิมทีเจียงอี้ต้องการที่จะบ่มเพาะพลัง แต่เมื่อได้เห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนเขาก็ตัดสินใจทิ้งความคิดนั้นลงไปและเอนกายอยู่บนโขดหินขณะที่จ้องมองไปยังฟ้าที่ไกลแสนไกล
สิ่งที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแนวปะการังคืออะไรกัน?ทวีปจักรพรรดิบูรพาคือที่ใดกัน? ท่านแม่อยู่ที่ใดกันแน่?
ความคิดของเขาล่องลอยไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขานึกคิดถึงภาพทวีปอื่นที่ลับขอบทะเลนี้ไปและนึกถึงรอยยิ้มที่สวยงามและอ่อนโยนบนใบหน้าของอีเพียวเพียว
“เฮ้อออ…..”
หลังจากมองไปครู่หนึ่งเขาก็ถอนหายใจเขาต้องไปตามหาอีเพียวเพียว แต่ซูรั่วเสวี่ยก็คงจะไม่ทิ้งประชาชนของนาง หากเขามัวแต่กังวลถึงเรื่องที่นางจะออกจากทวีปเทียนชิงนี้เอง และเขาจะค้นหาทวีปจักรพรรดิบูรพาเจอได้อย่างไร? เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ตัดสินใจยากลำบากมากระหว่างสองเรื่องนี้
“ทำไมนายน้อยจึงถอนใจในสถานที่เช่นนี้กัน?”
ในขณะนั้นก็มีเสียงที่นุ่มนวลของหญิงสาวจากด้านหลังซึ่งดึงสติเจียงอี้กลับมาดวงตาของเขาเผยความเย็นชาออกมา เขาไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาตั้งแต่ตอนไหนได้อย่างไรกัน?
เขาหันกลับมามองแล้วดวงตาเขาก็สว่างขึ้นทันทีมีสุภาพสตรีที่แต่งกายสีขาวและเดินเล่นอยู่บนชายหาดอย่างสบายใจ แสงจันทราส่องให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้และทำให้นางดูงดงามราวกับธิดาเทพ
มันเป็นค่ำคืนที่น่าตื่นตาด้วยสายลมอ่อนที่พัดมาและทิวทัศน์ที่งดงามด้วยรูปร่างที่งดงามเช่นนี้จึงทำให้เจียงอี้อยู่ในภวังค์ไปชั่วครู่หนึ่ง
แต่แน่นอนว่า….
เขากระแทกเสียงออกมาอย่างรวดเร็วเขาไม่ได้ยืนขึ้นและปล่อยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา “ต้าเหยี่ยคารวะองค์หญิงหลิงเยว่ ต้าเหยี่ยเป็นเพียงบ่าวและไม่คู่ควรกับตำแหน่งนายน้อยหรอกขอรับ”
“อุ๊บบ!”
องค์หญิงหลิงเยว่มีใบหน้าที่งดงามและมีลักษณะคล้ายกับหลิงเสวี่ยแต่นางดูละเอียดอ่อนและอ่อนโยน ใบหน้าของนางเป็นรูปทรงไข่และขาของนางเรียวยาว ขนตาของนางก็พริ้วไหวจนน่าดึงดูดและดูน่ารัก
หลังจากที่นางหัวเราะออกมานางก็พูดด้วยน้ำเสียที่หน่ายๆและพูดด้วยวาจาเย้าแหย่ “เจ้าดูเหมือนบ่าว? เช่นนั้นแล้วยังไม่ลุกมาคำนับเมื่อได้พบองค์หญิงอีก? ไม่ใช่ว่าตระกูลเฉียนของเจ้ารู้จักกฎและกิริยามารยาทหรอกหรือ?”
“ฮิฮิ!”
เจียงอี้ยังคงยิ้มต่อไปและยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเขายกขาขึ้นมาและพูดจาเลอะเทอะ “ต้าเหยี่ยเป็นเด็กกำพร้าแต่เด็กและถูกตระกูลเฉียนเลี้ยงดูเมื่ออายุสิบขวบ อารมณ์ของข้านั้นมักจะแปลกอยู่เสมอและข้าคงได้แต่ขอให้องค์หญิงโปรดอภัยให้ด้วย”
องค์หญิงหลิงเยว่มาที่นี่คนเดียวโดยไม่มีผู้คุ้มกันและมันดูเหมือนว่านางจะตั้งใจมาหาเขา? เจียงอี้นั้นยังเข้าใจได้แม้ว่าจะใช้ก้นคิดเรื่องนี้ หลิงเยว่คนนี้พยายามที่จะให้เขาไปเป็นคนของจักรวรรดิมังกรเวหา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเขาจึงต้องทำตัวสุภาพกัน?
เป็นไปตามที่คาดไว้!
หลิงเยว่จ้องมองเจียงอี้ด้วยท่าทางไม่พอใจแต่นั่นก็ทำให้นางดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น นางไม่โกรธและพูดด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อน “เฉียนต้าเหยี่ย องค์หญิงผู้นี้ต้องการจะเดินไปทางนั้น เจ้านั้นแข็งแกร่งมาก ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นผู้คุ้มกันสุภาพบุรุษในครั้งนี้ก็แล้วกัน”
“สุภาพบุรุษผู้คุ้มกัน?”
เจียงอี้เลิกคิ้วขึ้นขณะที่ยิ้มเล็กน้อยร่างของเขาไม่ได้ขยับแต่เขาก็เย้ยหยันแทน “ในยามค่ำคืนที่มีชายหญิงอยู่สองต่อสอง องค์หญิงไม่กลัวหรือว่าสุภาพบุรุษผู้คุ้มกันผู้นี้จะแปรเปลี่ยนเป็นปีศาจมากตัณหาแทนน่ะขอรับ?”