เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 413-414
บทที่ 413 รับใช้จักรวรรดิ
เจียงอี้ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อองค์หญิงหลิงเยว่นักมันไม่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่เขายังจงเกลียดจงชังองค์หญิงและองค์ชายทุกองค์ของตระกูลหลิงทั้งหมด
เมื่อตอนที่จักรพรรดินีสัตว์อสูรเดินทัพไปยังเมืองเทียนชิงองค์ชายและองค์หญิงเหล่านี้ต่างก็หนีและทอดทิ้งหลิงเสวี่ยให้ถูกฝังไปพร้อมกับเมืองเทียนชิง
เจียงอี้อาจกลายเป็นศัตรูกับหลิงเสวี่ยเนื่องจากเส้นทางชีวิตและความเห็นต่างกันแต่เขาก็ยังนับถือหลิงเสวี่ยเป็นอย่างมาก นางเป็นหญิงสาวที่อ่อนแอที่ปกครองจักรวรรดิมังกรเวหาด้วยตัวเองและยังทำให้จักรวรรดิมังกรเวหายิ่งใหญ่ขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา องค์หญิงหลิงเสวี่ยนั้นมีคุณสมบัติที่ดีและเป็นอัจฉริยะที่องค์จักรพรรดิปรารถนาให้นางเป็นบุรุษ
ในตอนนั้นหลิงเสวี่ยพยายามใช้การอภิเษกเพื่อให้ได้เขามา แต่มันก็ไม่สำเร็จ และตอนนี้หลิงเยว่ก็กำลังพยายามทำมันเช่นกัน เจียงอี้จึงไม่ตกหลุมพรางนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ทำตัวหยาบช้าเพื่อข่มขู่องค์หญิงผู้นี้ เขามีพละกำลังและหากเขาต้องการขืนใจนาง เขาสามารถสังหารนางและโยนลงทะเลไปในภายหลังได้ด้วยซ้ำ และตระกูลหลิงก็จะไม่สามารถพบแม้แต่ศพของนาง
การแสดงออกของหลิงเยว่เปลี่ยนไปตามที่คาดการณ์ไว้และร่างกายที่บอบบางของนางก็สั่นเล็กน้อยขณะที่ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ก็รู้สึกประหลาดใจที่นางสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วและเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าวก่อนที่จะหันมาด้วยรอยยิ้ม “หลิงเยว่ดูคนออกตั้งแต่อายุยังน้อย ต้าเหยี่ยไม่ใช่คนที่จะเป็นแบบนั้นแน่ๆ”
เมื่อเห็นว่าหลิงเยว่เดินมาเรื่อยๆเจียงอี้ก็ยักไหล่ ในเมื่อเขาไม่มีอะไรจะทำ เขาก็อยากจะเห็นว่าองค์หญิงผู้นี้จะมีกลอุบายอะไร
พวกเขาทั้งสองเดินตรงไปยังทะเลเรื่อยๆซึ่งคนหนึ่งอยู่ด้านหน้าและอีกคนอยู่ด้านหลังหลิงเยว่ไม่ได้ใส่ใจเจียงอี้และยังคงเดินหน้าต่อไป ผมสีดำของนางกำลังปลิวลอยไปตามลม ทำให้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมา นางมีเรียวขาที่ยาว มีก้นกลมๆทำให้นางมีรูปร่างที่ยอดเยี่ยม กลิ่นอายอันสูงศักดิ์ของนางนั้นดึงดูดเหล่าบุรุษได้มากมาย
เจียงอี้นั้นก็ยังสนใจนางและดวงตาของเขาก็จ้องมองไปที่ก้นของนางอย่างไม่ลดละขณะที่สวมหน้ากากร้อยหน้า เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนอื่นอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าปีศาจภายในใจเจียงอี้นั้นจะตื่นขึ้นมาและเขาก็ดูน่ากลัวมากและแฝงไปด้วยความชั่วร้าย
มีคำพูดที่จริงมากในคำโบราณว่าไว้!
มนุษย์มีดีชั่วในตัวเองผู้ที่มีความน่าหวาดกลัวที่สุดจริงๆแล้วก็มีด้านที่ใจดี เช่น เราสามารถสังหารผู้คนทั้งเมืองได้แต่อาจจะมีเมตตาต่อเด็กคนหนึ่ง หลายคนที่ใจดีและซื่อสัตย์มาทั้งชีวิตก็อาจจะมีความชั่วร้ายแฝงอยู่ในใจ เมื่อมันปะทุออกมาพวกเขาจะกลายเป็นปีศาจและทำในสิ่งที่พวกเขาไม่เคยจินตนาการว่าพวกเขาจะทำมันลงไปจริงๆ
ตอนนี้เจียงอี้เหมือนจะเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาปลอมตัวได้ระยะหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะติดนิสัยนี้มา ในเมื่อคนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นศัตรูของเขา เขาจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรหากเขาเลือกที่จะทำตัวไม่เหมาะสม มันก็เป็นเรื่องดีเช่นกันที่จะเป็นปีศาจบ้างในบางครั้งและเขาก็จะสามารถระบายความชั่วร้ายทั้งหมดของเขาที่ถูกกดไว้มานานหลายปีออกมาเสียที
องค์หญิงหลิงเยว่รู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นเมื่อนางเดินต่อไปนางอาจมีอุบายซ่อนเร้นแต่นางก็ยังคงเป็นหญิงพรหมจรรย์และยังคงรู้สึกอึดอัดที่ถูกผู้ชายจ้องเช่นนี้
หลังจากที่เดินไปบนผืนหญ้าได้หลายเมตรหลิงเยว่ก็หันกลับมามองเจียงอี้และถามว่า “เฉียนต้าเหยี่ย องค์หญิงผู้นี้ดูดีหรือไม่?”
เจียงอี้เกิดความฟุ้งซ่านอยู่ครู่หนึ่งแต่เขาก็ตอบโต้ทันทีและลูบจมูกขณะที่ยิ้มและตอบว่า “ดี!”
ดวงตาของหลิงเยว่สว่างขึ้นเมื่อเจียงอี้ถูจมูกและรอยยิ้มของเขานั้นก็ดูคุ้นเคยอย่างผิดปกตินี่เป็นนิสัยของเจียงอี้และหลิงเยว่ก็เห็นเจียงอี้ที่จักรวรรดิมังกรเวหาอยู่สองสามครั้ง นางคุ้นเคยกับรูปร่างของเขาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นางมีความสงสัยมากขึ้น
นางมองเจียงอี้ใกล้มากขึ้นและเดินไปหาเขาอีกไม่กี่ก้าวนางยิ้มเหมือนจิ้งจอกและพูดเบาๆ “เฉียนต้าเหยี่ย ส่วนใดของข้าที่ดูดีกัน? เมื่อเปรียบกับพี่สาวหลิงเสวี่ยของข้าแล้ว ผู้ใดดูดีกว่ากัน?”
ไม่ดีแล้ว!
เจียงอี้รู้แล้วว่าอุปนิสัยที่แสดงออกไปจากจิตใต้สำนึกของเขาทำให้หลิงเยว่เกิดความสงสัยนางพูดถึงหลิงเสวี่ยด้วยความต้องการทดสอบเขาขณะที่นางต้องการจะเห็นการแสดงออกของเขาและจับตามองว่ามีความน่าสงสัยใดๆหรือไม่
ปกติแล้วเขาจะไม่ให้โอกาสเช่นนี้กับหลิงเยว่เขาหลับตาและหายใจลึกๆและเผยดวงตาที่ดูหลงใหลและเบิกตากว้างขณะจ้องมองนาง “องค์หญิงหลิงเสวี่ย? ข้าไม่เคยพบนางมาก่อน แต่ข้าว่าองค์หญิงหลิงเยว่คงจะดูดีกว่าขอรับ ก้นขององค์หญิงนั้นเป็นก้นที่น่ายลที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา”
สีหน้าของหลิงเยว่เปลี่ยนไปในทันใดจากการที่เจียงอี้แสดงออกมาเขาช่างหยาบคายและช่างกล้าถึงเพียงไหน? นางเป็นผู้ที่มีสถานะที่น่านับถือ นางจะทนต่อการถูกดูหมิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร? เหล่านายน้อยผู้มีอิทธิพลปกติ ไม่แม้แต่เซียวเทียนหู ก็ยังไม่กล้าทำให้นางขุ่นเคืองได้เช่นนี้ บ่าวรับใช้ของตระกูลเฉียนผู้นี้กินเสือเพิ่มความกล้าเข้าไปหรือยังไง?
นางรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่งนางรู้เรื่องที่หลิงเสวี่ยใช้การอภิเษกเพื่อทำให้เจียงอี้เข้าร่วมกับจักรวรรดิ นางยอมรับว่านางไม่ได้เทียบเคียงหลิงเสวี่ยในด้านบุคลิกซึ่งคงไม่สามารถทำให้เจียงอี้สนใจได้เลย นั่นก็หมายความว่าเจียงอี้ไม่ใช่คนที่มีความปรารถนาอย่างแน่นอน ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ การกระทำของเขา, ท่าทางในการพูด, การแสดงออก แม้แต่กระดูกของเขาก็ยังแผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายแห่งความปรารถนา เขาจะเป็นเจียงอี้ได้อย่างไร?
“เจ้ากล้าดียังไง!”
ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางเย็นชาขณะที่นางดุด่าออกมา“เฉียนต้าเหยี่ย เจ้ามันอวดดีนัก เจ้ารู้ไหม…หากองค์หญิงผู้นี้กรีดร้องออกมาและตะโกนว่าเจ้ากำลังรุกรานข้า เจ้าจะถูกสังหารทันที?”
“องค์หญิงโปรดอย่าเพิ่งมีโทสะไป”
เจียงอี้ยักไหล่และพูดอย่างไม่สนใจว่า“ข้าเป็นเด็กกำพร้าแต่เด็กและไม่รู้มารยาทใดๆ ตั้งแต่ตระกูลเฉียนพาข้ากลับมายังตระกูล ข้าก็เข้าสู่บำเพ็ญมาตลอด ข้าอาจได้ตามประมุขน้อยออกมาในครานี้ แต่ข้าไม่รู้ประสีประสาอะไร หากข้าทำให้องค์หญิงขุ่นเคือง โปรดอภัยให้ข้าเถอะนะขอรับ นอกจากนี้ต้าเหยี่ยชื่นชมท่านจริงๆ องค์หญิงนั้นงดงามจริงๆ”
ใบหน้าของหลิงเยว่แดงระเรื่อเล็กน้อยหากนางต้องการกรีดร้องนางคงทำเช่นนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้นางรู้สึกอับอาย แต่เมื่อเจียงอี้พูดออกมาเช่นนี้และให้ความเคารพนาง นางก็ไม่ต้องการทำเช่นนั้นอีกต่อไป ยิ่งกว่านั้น วันนี้นางมีเป้าหมาย ไม่อย่างนั้นนางก็คงจะไม่มาเดินอยู่ที่นี่ลำพังกับเจียงอี้ ที่ซึ่งไม่มีผู้ใดนอกจากพวกเขาเช่นนี้หรอก
จักรวรรดิมังกรเวหาไม่ได้ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญพวกเขามีสายแร่ศักดิ์สิทธิ์มหึมาซึ่งสามารถขุดศิลาสวรรค์ขึ้นมาได้มากมาย มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดมากมายแต่ตระกูลหลิงขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกัง อายุขัยบรรพบุรุษตระกูลหลิงนั้นสั้นและหลังจากที่ถูกฝ่ามือของจักรพรรดินีสัตว์อสูรแล้ว ร่างกายของเขาก็เริ่มอ่อนแอลง ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะอยู่ได้นานเท่าใด
เจียงอี้นั้นดูเหมือนว่าเขาจะอายุมากกว่าสามสิบปีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นเกินกว่าเซียวหมิงที่สามารถหยั่งถึงรูปแบบเต๋าฟ้าดินได้ เขามีอนาคตที่ดีและอาจทะลวงสู่ขอบเขตจินกังได้ นี่คือเหตุผลที่หลิงเยว่ลดสถานะของนางลงและตั้งใจจะมารับเจียงอี้เป็นคนของจักรวรรดิด้วยตัวเอง
นางหยุดอยู่ครู่หนึ่งและดวงตาที่งดงามของนางก็สั่นไหวนางมีความอับอายอยู่ในดวงตาและมองเจียงอี้ด้วยสายตาที่เฉยเมยและพูดว่า “เฉียนต้าเหยี่ย เจ้าชอบพอองค์หญิงผู้นี้หรือไม่?”
นี่ไง!
เจียงอี้ถอนหายใจอยู่ในใจเขาเผยความชั่วร้ายออกมาและพยักหน้าอย่างจริงจังขณะที่ตอบว่า “องค์หญิงช่างงดงามราวกับเทพธิดาและบุรุษทุกคนคงหลงใหลท่าน องค์หญิงเป็นสตรีที่งดงามที่สุดเท่าที่ต้าเหยี่ยได้พบมา และข้าคงต้องชอบท่านอยู่แล้วขอรับ”
“ฮิฮิ!”
หลิงเยว่ยิ้มออกมาอย่างไม่แยแสและฟื้นคืนบุคลิกที่สง่างามและมีเกียรติของนางและพูดด้วยความภาคภูมิใจ“เฉียนต้าเหยี่ย เจ้าอาจจะเป็นบ่าวรับใช้ แต่ไม่มีผู้ใดสนใจว่าวีรบุรุษมีถิ่นกำเนิดเช่นไรหรอก องค์หญิงผู้นี้จะให้โอกาสนี้แก่เจ้า ตราบใดที่เจ้า….เข้าร่วมกับจักรวรรดิมังกรเวหาของเรา องค์หญิงผู้นี้จะให้โอกาสเจ้าได้เกี้ยวพาราสีข้า หากเจ้าอุทิศตัวให้กับจักรวรรดิ องค์หญิงผู้นี้จะพิจารณาที่จะอภิเษกกันเจ้าอย่างจริงจัง”
อภิเษกอีกแล้ว….
เจียงอี้ถึงกับพูดไม่ออกเขาเกลียดคำว่า ‘อภิเษก’ องค์หญิงและผู้หญิงเหล่านี้คิดอยู่เสมอว่าตนเหนือกว่าผู้อื่น แม้ว่าพวกนางต้องการใช้การอภิเษกเพื่อให้ผู้อื่นสวามิภักดิ์ แต่พวกนางก็ยังคงพูดจาสูงส่งอยู่เรื่อย
กลับไปในวันนั้นซูรั่วเสวี่ยเป็นองค์หญิงผู้งดงามที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลซูแต่นางก็ไม่เคยใช้สถานะของนางเลย ในตอนนั้นเจียงอี้ไม่มีอะไรเลยแต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาก็ยังคงรักกันหรอ?
ดังนั้นเจียงอี้จึงมีไฟสุมอยู่ในหัวใจและเขาไม่ต้องการเล่นกับองค์หญิงผู้นี้อีกแล้วเขากวาดสายตาไปยังหน้าอกของหลิงเยว่และตอบทันที “องค์หญิงต้องการให้ข้าสวามิภักดิ์กับจักรวรรดิหรือ?”
ลักษณะที่ไม่เหมาะสมของเจียงอี้ทำให้หลิงเยว่รู้สึกรังเกียจแต่นางก็ต้องทนและพยักหน้า “ต้าเหยี่ย มันคงจะเสียเปล่าสำหรับคนที่มีความสามารถเช่นเจ้า จักรวรรดิสามารถให้เจ้าได้มากกว่าและเจ้าจะได้หลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้นเช่น….ข้า!”
“ก็ได้!”
เจียงอี้หัวเราะและพยักหน้าอย่างจริงจังอย่างไรก็ตาม เขาก็นำใบหน้าของเขาไปแนบชิดกับหูของหลิงเยว่และกระซิบ “ตราบใดที่องค์หญิงจะ…..ทำมันกับข้าที่นี่ครั้งนึง ข้าก็จะเข้าร่วมกับจักรวรรดิ ว่ายังไงล่ะขอรับ?”
บทที่ 414 ลืมความเจ็บปวดหลังจากที่รักษาแผลจนหาย
‘ทำมันครั้งนึง’
คำพูดนี้สามารถตีความได้หลายความหมายและทำให้หลิงเยว่ไม่อาจตอบสนองได้ในช่วงแรก ต้องไม่ลืมว่านางถูกเลี้ยงโดยเหล่าคนชั้นสูง นางจะไปเข้าใจคำพูดที่แสนจะหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามหลิงเยว่เป็นคนฉลาดล้ำ นางสามารถอนุมานความหมายจากลักษณะคำพูดและอุปนิสัยของเจียงอี้ได้ซึ่งทำให้ไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากความโกรธ
ทันใดนั้นนางก็นำดาบยาวสีขาวออกมาจากแหวนแก่นแท้พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณและพุ่งเข้าใส่เจียงอี้อย่างไร้ปรานีพร้อมกับคำราม
“เจ้ามันคนต่ำช้า! ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ฟึ่บ!
ถึงหลิงเยว่จะลงมืออย่างกะทันหัน แต่มีหรือที่เจียงอี้จะไม่เตรียมรับมือไว้ก่อน?
เขาเพียงแค่เอียงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยและใช้มือข้างหนึ่งคว้าไปยังข้อมือของหลิงเยว่ด้วยความเร็วสูง จากนั้นก็บิดเบาๆและทุ่มร่างอันบอบบางของนางลงบนพื้น
เจียงอี้เดินไปด้านหน้าและใช้มือโอบร่างของนางขึ้นมาพร้อมกับกระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“ทำไม? ไม่ใช่ว่าองค์หญิงหลิงเยว่บอกว่าถ้าข้ารับใช้จักรวรรดิ ท่านจะยอมเป็นของข้าไม่ใช่หรือ? นี่ข้ายินดีที่จะรับคำขอของท่าน แต่ท่านคิดจะกลับคำ?”
ข้อมือของหลิงเยว่รู้สึกราวกับถูกตรึงไว้โดยตะขอเหล็ก ในขณะเดียวกันร่างของนางก็ถูกรวบเข้ามาใกล้ร่างของเจียงอี้และนี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่นางได้แนบชิดบุรุษขนาดนี้ หัวใจของนางดิ่งลงเหวในขณะเดียวกันก็เตรียมที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ทันใดนั้นเอง…!
แกวกกก!
ก่อนที่หลิงเยว่จะทันได้เปิดปากนั้น เจียงอี้ก็ฉีกด้านหลังชุดของนางเป็นทางยาวและเผยให้เห็นผิวที่งดงามราวกับหยกของนาง จากนั้นเขาก็ยังพูดต่อ
“ท่านไม่ควรที่จะส่งเสียงใดๆทั้งสิ้น มิฉะนั้น ข้าคงจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปลดเปลื้องเสื้อผ้าของท่านทั้งหมด… หรือหากท่านต้องการจะทดสอบก็ย่อมได้ แล้วมาดูกันว่าเมื่อบรรดาคุณชายเหล่านั้นเห็นท่านในสภาพเปลือยเปล่า พวกมันจะยังปฏิบัติกับท่านเช่นเดิมอยู่หรือไม่?”
“อ่าา… คงจะไม่มีบุรุษคนไหนที่จะเต็มใจแต่งงานกับหญิงสาวที่ถูกผู้คนจำนวนมากเห็นร่างเปลือยเปล่าไปแล้ว จริงหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่นะ!”
หลิงเยว่หยุดความคิดที่จะส่งเสียงร้องทันที คราวนี้ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกังวลใจเมื่อนึกถึงภาพที่ตัวเองถูกคนอื่นเห็นในสภาพเปลือยเปล่า หลังจากนั้นนางจะกล้าพบเจอผู้คนได้อย่างไร?
จะมีบุรุษคนใดอยากที่จะแต่งงานกับนางอีก? บางทีนางอาจจะต้องตายอย่างโดดเดียวในวัยชรา เมื่อนึกถึงผลลัพธ์มากมายที่อาจจะตามมา นางก็ไม่หลงเหลือความคิดที่จะตะโกนขอความช่วยเหลืออีกต่อไป!
“นั่นแหละเด็กดี”
เจียงอี้หัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกับใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของหลิงเยว่ จากนั้นก็พึมพำเบาๆ
“ช่างเป็นผิวพรรณที่งดงามยิ่งนัก สมแล้วที่ถูกจักรวรรดิมังกรเวหาชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ไม่เสียของเลยจริงๆ!”
“เฉียนต้าเหยี่ย องค์หญิงผู้นี้ขอสาบานเลยว่าหากไม่ได้ฆ่าเจ้า ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้กับตัวเอง!”
หัวใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอัปยศ แต่นางก็ยังบังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา นางบิดตัวและออกห่างจากเจียงอี้ ขณะเดียวกันก็หันกลับมามองด้วยดวงตาที่ยังคงแดงก่ำ
“วันนี้เจ้ามอบความอัปยศให้ข้า เมื่อข้ากลับไป ข้าจะไปฟ้องเสด็จพี่! เมื่อถึงตอนนั้น ตัวเจ้า… ไม่สิ ตระกูลเฉียนทั้งหมดจะต้องถูกกวาดล้าง ข้าจะทำให้ตระกูลของเจ้าสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์เพื่อตอบแทนสิ่งที่เจ้าทำกับข้า!”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะราวกับพบเจอเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก หญิงสาวผู้นี้ได้เปิดโลกทัศน์ใบใหม่ให้เขาจริงๆ นางยังคงอยู่ในกำมือเขาแท้ๆ แต่ก็ยังใช้วาจาคุกคามเขา? กระทั่งกล่าวว่าจะกวาดล้างตระกูลเฉียน? ดูท่าจักรวรรดิมังกรเวหาจะประคบประหงมนางมากเกินไปจริงๆ
ในเมื่อเจียงอี้ถลำลึกมาขนาดนี้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหวั่นเกรงสิ่งใดอีกต่อไป เขาใช้มือข้างหนึ่งฉีกเสื้อผ้าจากด้านหลังของหลิงเยว่อีกครั้งซึ่งคราวนี้มันก็เผยให้เห็นบั้นท้ายที่โค้งมนและขาอันเรียวยาวทั้งสองข้างของนาง
เขาหัวเราะอย่างไม่แยแสและเอ่ยต่อ
“หากท่านมีความกล้าที่จะขอให้ใครบางคนมาสังหารข้า เช่นนั้นก็ไปสิ แล้วมาดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายท่อนล่างของท่านกลายเป็นที่จับจ้องของทุกคน!”
“เจ้า!!”
หลิงเยว่โกรธจนแทบบ้า ส่วนที่สำคัญที่สุดในร่างกายของนางกลับถูกเจียงอี้เห็นเสียแล้ว ขณะเดียวกันนางก็สัมผัสได้ถึงกระแสลมอันเย็นเยียบที่เข้าปะทะกับแผ่นหลังซึ่งทำให้นางแทบจะหมดสติจากความโกรธ
องค์หญิงหลิงเยว่ต้องการที่จะกรีดร้องและฉีกกระชากร่างของเจียงอี้ให้เป็นชิ้นๆ แต่เนื่องจากไม่สามารถปล่อยให้ร่างกายแปดเปื้อนไปมากกว่านี้ได้ นางจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนความอัปยศลงไป หลังจากที่สงบสติอารมณ์ชั่วครู่ นางก็ฝืนเอ่ยขึ้นมาอย่างใจเย็น
“เฉียนต้าเหยี่ย หยุดการกระทำของเจ้าและกลับไปซะ มิฉะนั้น องค์หญิงผู้นี้จะร้องขอความช่วยเหลือโดยไม่สนใจผลกระทบที่จะตามมาทั้งสิ้น”
“พวกเราทั้งคู่อาจจะประสบพบเจอกับความสูญเสีย แต่อย่าลืมว่าข้านั้นตัวคนเดียว แต่เจ้ามีตระกูลเฉียนทั้งตระกูล!”
“ยังคิดที่จะข่มขู่ข้า?”
ม่านตาของเจียงอี้หดแคบลงและเผยให้เห็นความเย็นชา เขาเกลียดการถูกข่มขู่ที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกข่มขู่จากศัตรูอย่างจักรวรรดิมังกรเวหา ถ้าทำให้จักรวรรดิขุ่นเคืองแล้วมันยังไง? เขาไม่ได้เกรงกลัวพวกมันเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ต้องสังหารทุกคนที่ถูกพวกมันส่งมาก็เท่านั้น
สำหรับตระกูลเฉียน… เจียงอี้ไม่กังวลเลยสักนิดเดียว อย่างมากเขาก็อาจจะย้ายตระกูลเฉียนไปยังอาณาจักรเทียนเซวี่ยน ต้องอย่าลืมว่าตระกูลนี้มีธุรกิจกระจายอยู่ทั่วทวีป ดังนั้นมันจึงไม่แตกต่างกันนักหากว่าพวกเขาจะย้ายไปพึ่งพิงอาณาจักรอื่น
เขาใช้มือข้างหนึ่งยื่นออกไปกระชากเสื้อผ้าส่วนที่ปกปิดหน้าอกของหลิงเยว่ จากนั้นก็ตะโกน
“เจ้าต้องการที่จะทำให้พวกเราสูญเสียสินะ? ดีมาก ข้า เฉียนต้าเหยี่ย มีเพียงชีวิตราคาถูกๆ แต่เจ้าคือองค์หญิงจากจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ เพียงแค่เรือนร่างของเจ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่คนต่ำต้อยเช่นข้าจะเทียบได้แล้ว”
“เอาสิ ในเมื่อเจ้าอยากเป็นอาหารตาให้กับไอ้พวกคุณชายเหล่านั้นนัก เช่นนั้นก็ร้องเลย! หลังจากนั้นเจ้าจะได้ใช้ชีวิตด้วยความอัปยศอย่างสาสมใจ เอาสิ มัวรออะไรอยู่! รีบร้องให้คนช่วยเร็วเข้า! ถ้าไม่ทำ เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าเอง?”
ตู้มมม!
จิตใจของหลิงเยว่แทบจะพังทลาย นางรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงนางไม่คิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้จะได้พบเจอกับคนบ้าที่ไม่สนใจแม้กระทั่งชีวิตตัวเองและคนในตระกูลเช่นนี้
บนร่างกายของนางเหลือเศษผ้าอยู่เพียงไม่กี่ชิ้นซึ่งไม่แตกต่างอะไรไปจากการแก้ผ้าล่อนจ้อน เมื่อนึกถึงภาพที่ถูกเหล่าชายฉกรรจ์จ้องมองด้วยความหื่นกระหาย นางก็แทบไม่มีหน้าที่จะอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
เมื่อหลิงเยว่เห็นว่าเจียงอี้ยังคงแหกปากตะโกน นางก็ฟื้นสติกลับมาและเร่งกล่าวด้วยความตื่นตระหนก
“หยุด! หยุดตะโกนได้แล้ว! ตราบเท่าที่เจ้ายอมปล่อยข้าไป ข้าสัญญาว่าจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด ข้า เจ้าและตระกูลเฉียนจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก”
“เช่นเดียวกัน ถ้าเจ้ายอมปล่อยข้าไปแต่โดยดี ข้าจะยอมรับข้อเรียกร้องใดๆก็ตามของเจ้า”
“เหอะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงอี้ก็หยุดส่งเสียงดัง จากนั้นก็ใช้สายตากวาดมององค์หญิงหลิงเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับส่ายหัวด้วยความเอือมระอา
หญิงสาวผู้นี้เกิดจากมารดาคนเดียวกันกับหลิงเสวี่ย แต่พวกนางช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน หากว่าเป็นหลิงเสวี่ยที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางจะต้องฆ่าตัวตายเพื่อรักษาศักดิ์ศรีไว้เป็นแน่
แต่นึกย้อนกลับไปในตอนที่พี่น้องของหลิงเสวี่ยหนีเอาชีวิตรอดจากกองทัพสัตว์อสูรและปล่อยให้นางต้องเผชิญกับปัญหาอย่างเดียวดาย เจียงอี้ก็ตระหนักได้ว่าหลิงเยว่ผู้นี้หวาดกลัวต่อความตายมากแค่ไหน
“หากเจ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ทำไมถึงไม่ยอมพูดง่ายๆเสียตั้งแต่ทีแรก?”
เจียงอี้ดึงมือออกและปล่อยนางไป จากนั้นก็กล่าวด้วยความเย้ยหยัน
“นับตั้งแต่ที่เจ้าต้องการที่จะซื้อชีวิตข้าเพื่อให้รับใช้ตระกูลของเจ้า เจ้าก็ควรที่จะพร้อมเสียสละบางอย่างเพื่อแลกกับสิ่งที่ต้องการ”
“เจ้าต้องการที่จะรับข้าเข้าเป็นพวก แต่เจ้าไม่คิดที่จะลงทุนอะไรเลยหรือ? เพียงแค่คำพูดอันสวยหรู เจ้าคิดหรือว่ามันจะทำให้ข้ายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้า?”
“องค์หญิง เจ้าไม่รู้หรอกว่าในสายตาข้าตอนนี้ เจ้านั้นน่ารังเกียจเพียงใดและยังดูด้อยค่ายิ่งกว่าสุนัขเสียอีก ดังนั้นจงรีบไสหัวไปเสียและจงอย่าได้ลืมเลือนสิ่งที่เจ้าพูดไว้”
หลิงเยว่ตกตะลึงเมื่อพบว่าเจียงอี้ยอมปล่อยนางไปจริงๆ เดิมทีนางคิดว่าเขาจะเล่นสนุกกับร่างกายของนางเสียก่อนและค่อยปล่อยนางไป อันที่จริง ต่อให้เขาจะข่มขืนนางแต่นางก็ไม่กล้าที่จะบอกกล่าวเรื่องนี้ต่อผู้ใดอย่างแน่นอน
เนื่องจากสามารถหลบหนีจากปากพยัคฆ์ได้ หลิงเยว่จึงรีบช่วยเหลือตัวเองโดยหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่จากแหวนแก่นแท้พลังขึ้นมาใส่ จากนั้นก็รีบวิ่งหนีไปพร้อมกับผมเผ้าที่ยังคงยุ่งเหยิงและเตรียมที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือโดยหลงลืมคำสัญญาที่ตัวเองเพิ่งให้ไปก่อนหน้านี้
ฟึ่บ!
แต่ทันใดนั้น ร่างเงาที่เคลื่อนไหวราวกับภูตผีก็เข้ามาประชิดตัวหลิงเยว่และใช้มือคว้าไปที่ลำคอของนางพร้อมกับเสียงอันชั่วร้ายที่ลอยกระทบผ่านหู
“องค์หญิงหลิงเยว่ เจ้าเป็นคนประเภทลืมความเจ็บปวดหลังจากที่รักษาแผลจนหายจริงๆสินะ? สิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ลมปาก หรือเจ้าคิดจริงๆว่าข้าไม่กล้าย่ำยีเจ้า? ในเมื่อเจ้าทำตัวน่ารังเกียจนัก เช่นนั้นก็จงรับผลที่ตามมาเสียโดยดี!”
แกวกก!
เสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้นอีกครั้ง มันเผยให้เห็นบั้นท้ายอันโค้งมนและเรียวขาอันงดงามซึ่งสะท้อนแสงจันทร์ในยามค่ำคืน…