เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 461-462
บทที่ 461 พ้นขึ้นมาจากอันตราย
แสงสีดำวาบออกมาจากคางคกหน้ามนุษย์และมันก่อเปลวเพลิงสีขาวออกมาทั้งหมดภายในเปลวเพลิงเหล่านั้นมีใบหน้าของวิญญาณมากมาย ซึ่งมันก็คือเปลวเพลิงอเวจีนั่นเอง
เปลวเพลิงได้ปกคลุมท่วมคางคกหน้ามนุษย์ในตอนที่เพลิงมังกรเก้าสวรรค์สัมผัสกับเปลวเพลิงอเวจี…พวกมันดูเหมือนจะกลัวที่จะเข้าใกล้และข้ามผ่านเปลวเพลิงอเวจีไป เพราะฉะนั้นคางคกหน้ามนุษย์ที่ถูกเปลวเพลิงอเวจีล้อมรอบอยู่จึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ
“กู่ดู่กู่ดู่ กู่ดู่!”
มันหดท้องของมันเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเจียงอี้ตั้งใจที่จะย้ายร่างฉับพลันแต่เขารู้สึกเจ็บหน้าอกและกระอักเลือดออกมา
จู่ๆคางคกหน้ามนุษย์ก็ส่งเสียงคำรามออกมาแสงสีดำบนตัวของมันสว่างขึ้นและร่างเล็กๆของมันก็พองตัวและขยายขึ้นสิบเท่า มันอ้าปากและแลบลิ้นสีแดงสดออกมาทางเจียงอี้ราวกับสายฟ้าและพันรอบร่างเจียงอี้และกำลังจะนำเขาเข้าปากมัน
“ฮึ่ม!”
ดวงตาของเจียงอี้เผยความเย็นชาออกมาและพยายามอย่างหนักที่จะระงับความเจ็บปวดไว้มืออีกข้างของเขาไม่ได้ถูกมัดไว้เขาจึงเหวี่ยงดาบมังกรเพลิงและเฉือนลิ้นของคางคกหน้ามนุษย์
แคล้ง!เคร้ง!
เสียงที่เหมือนโลหะกระทบกันดังขึ้นมาดาบมังกรเพลิงนั้นสามารถตัดเหล็กได้อย่างง่ายดายแต่มันกลับไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับลิ้นของคางคกหน้ามนุษย์เลยแม้แต่น้อย แต่แขนของเขากลับสั่นและมือชา
ลิ้นนี้ทำมาจากเหล็กทมิฬหมื่นปีรึไง?
เจียงอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่เขาก็ไม่ได้สูญเสียความเชื่อมั่น ดาบมังกรเพลิงในมือของเขาเปล่งแสงสีแดงและฟาดลงไปที่ปากยักษ์ของคางคกหน้ามนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าเขา
ฟึ่บ!ฟั่บ!
มังกรเพลิงนับหมื่นส่งเสียงออกมาและบินตรงเข้าไปในปากยักษ์ของคางคกหน้ามนุษย์วายุคณานับนี้เป็นการโจมตีรูปแบบเต๋าระดับกลาง แก่นแท้ของเจียงอี้ถึงขอบเขตจินกังแล้ว ซึ่งกระบวนท่านี้ก็น่าจะอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นที่ห้า เจียงอี้มั่นใจว่าแม้แต่ราชันสัตว์อสูรธรรมดาก็คงไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน แม้ว่าคางคกหน้ามนุษย์ตนนี้จะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่น่าจะมีพลังเท่าสัตว์อสูรหยาจื้อได้
“หึหึ!”
มีเศษเสี้ยวของความเย้ยหยันอยู่ในดวงตาของคางคกหน้ามนุษย์มันพ่นของเหลวสีดำออกมาอีกครั้งและทำลายมังกรเพลิงทั้งหมดไปจนสิ้น
“หนี!”
ในที่สุดเจียงอี้ก็ตะโกนขึ้นมาหากเขาถูกสัตว์ตนนี้ซึ่งมีของเหลวสีดำและเปลวเพลิงอเวจีอยู่ในร่างของมันกลืนกินไป เขาอาจจะตายอยู่ที่นี่และถูกขับออกมาเป็นอุจจาระ
“ศาสตร์แปรผันดวงจิต!”
แสงสีขาวเปล่งประกายขึ้นบนร่างของเขาแต่ในขณะที่เจียงอี้กำลังจะย้ายร่างฉับพลัน คางคกหน้ามนุษย์ก็ได้มองเห็นถึงแผนการของเขา เสียงประหลาดดังขึ้นอีกครั้งและทำให้หัวใจของเจียงอี้ปวดอีกครั้ง เขารู้สึกเจ็บปวดหน้าอกอย่างมากและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง จึงทำให้การย้ายร่างของเขาถูกยุติลงไป
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
ในพริบตาเดียวเขาก็ถูกดึงเข้าไปในปากของคางคกหน้ามนุษย์ เมื่อมันปิดปาก เจียงอี้ก็มองไม่เห็นอะไรอีก เขารู้สึกเหมือนตกลงไปในแม่น้ำและลอยไปตามแม่น้ำที่เต็มไปด้วยของเหลว
เห็นได้ชัดว่าแม่น้ำนี้เป็นหลอดอาหารของคางคกหน้ามนุษย์และเขากำลังจะมุ่งตรงไปที่ท้องของมัน!
หลังจากที่ถูกคางคกกลืนเข้ามาเจียงอี้ก็รู้สึกได้ว่าของเหลวรอบตัวเขานั้นไม่ได้มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งแทนที่เขาจะกังวลแต่ในตอนนี้เขากลับตื่นเต้นอย่างลับๆ
ภายในของมนุษย์หรือสัตว์อสูรตนใดก็ตามต่างก็บอบบางทั้งนั้นเขาสามารถผ่าสัตว์อสูรตนนี้จากข้างในและทำลายมันลงได้ คางคกหน้ามนุษย์ตนนี้ก็จะทำได้เพียงรอความตายและไม่สามารถโจมตีเขาได้เลย
แต่อย่างไรก็ตาม!
ก่อนที่เขาจะได้มื่นชื่นกับความคิดอย่างมีความสุขเขาก็ต้องฝันสลายไปเพราะเขาตระหนักได้ว่าเมื่อเขาจะหมุนเวียนแก่นแท้พลังเขาก็ไม่สามารถหมุนเวียนมันได้ มันเหมือนกับตอนที่ถูกเถาวัลย์ดารามารรัดเอาไว้ เขาไม่สามารถควบคุมแก่นแท้พลังได้อีกต่อไป หากเขายังคงหมุนเวียนแก่นแท้พลัง เส้นลมปราณเขาอาจจะแตกซ่านอีกได้
ย้ายร่างฉับพลัน!
ขณะที่เขาคิดที่จะย้ายร่างก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้งและทำให้เขารู้สึกเจ็บแปลบในอกน่าแปลกที่ตราบใดที่เขายอมแพ้ เสียงแปลกๆเหล่านั้นก็จะหยุดลงทันที
เขาประสบเรื่องที่น่าเศร้าอีกอย่างหนึ่งมันเป็นเรื่องยากที่เขาจะขยับร่างกายได้ ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไปและในตอนนี้เขาก็เป็นเหมือนลูกแกะถูกมัดเอาไว้และทำได้เพียงแค่ลงไปตามไส้พุงของคางคกหน้ามนุษย์เท่านั้น และเขาก็ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีอะไรที่รอเขาอยู่
ข้าจะต้องตายในท้องของสัตว์อสูรตนนี้จริงๆหรอ?นี่มันเป็นสัตว์อสูรประเภทไหนกัน? ทำไม่มันจึงมีพลังประหลาดเช่นนี้?
สมองของเขาคิดวกไปวนมาและหาทางทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ในการโจมตีเพียงเพื่อที่จะได้รู้ว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรอความตายอย่างเงียบๆ
หากไม่หมุนเวียนแก่นแท้พลังของเขาเขาก็ไม่สามารถปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าออกมาได้ แถมเขายังไม่สามารถย้ายร่างฉับพลันได้จึงทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีได้ และแขนขาเขาก็ไร้เรี่ยวแรงจนอาจจะไม่สามารถยกดาบมังกรเพลิงขึ้นมาได้
แล้วเจตจำนงสังหารล่ะ?อย่างไรเสีย เจตจำนงสังหารของเขาก็อยู่ในขั้นที่สี่เท่านั้นซึ่งมันใช้ไม่ได้ผลกับราชันสัตว์อสูร นอกจากนั้นเขายังมีเพลิงโลกาอยู่ในไข่มุกวิญญาณเพลิงมากมาย แต่คางคกหน้ามนุษย์ตนนี้จะถูกเผาโดยเพลิงโลกาได้หรือ?
“ไหนข้าลองดูหน่อยแล้วกัน!”
เจียงอี้กัดฟันแน่นและเริ่มลงมือแม้ว่าแก่นแท้พลังของเขาจะถูกรบกวนแต่เขาก็ยังสามารถหมุนเวียนเศษเสี้ยวของแก่นแท้พลังไปยังไข่มุกวิญญาณเพลิงและปลดปล่อยเพลิงโลกาได้ในตอนที่เขาถูกเถาวัลย์ดารามารมัดไว้ หากเขาพยายามอย่างเต็มที่ มันก็คงจะได้ผลเช่นกัน
แววตาของเขาดูมีความบ้าคลั่งอยู่ในนั้นเขาบังคับมันไปยังมือขวาของเขาและแก่นแท้พลังได้ทำลายเส้นปราณของเขาไปทีละเส้นอย่างสาหัสจนทำให้เขาตัวสั่นด้วยความทุกข์ทรมาน
บรึฟ!
เส้นลมปราณหลายเส้นแตกออกและในที่สุดไข่มุกวิญญาณเพลิงก็สว่างขึ้นเพลิงโลกาพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ทำให้ความหวังของเจียงอี้ดับลงทันที เพราะเมื่อเพลิงโลกาพุ่งออกมามันก็ดับลงไปทันที เจียงอี้พบว่าของเหลวรอบตัวเขานั้นเป็นของเหลวสีดำที่เอาชนะรูปแบบเต๋าของเขาในตอนนี้ได้
“มันจบแล้ว…”
เจียงอี้หมดหนทางเขารู้จักศาสตร์เวทย์มนตร์มากมายแต่ไม่สามารถปลดปล่อยมันออกมาได้หากไร้แก่นแท้พลัง และตอนนี้เส้นลมปราณของเขาก็แตกซ่านไปหลังจากที่เขาฝืนหมุนเวียนแก่นแท้พลัง เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกเสียจากรอให้คางคกหน้ามนุษย์สังหารเขา
“เอ๊ะ?”
หลังจากที่ค่อยๆไหลลงไปเรื่อยๆทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงไฟที่ด้านหน้า เมื่อสำรวจด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์แล้ว ร่องรอยของความประหลาดใจก็เผยขึ้นมาบนใบหน้าเขา
มีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าเขาซึ่งเต็มไปด้วยเพลิงอเวจีร่างของเขาถูกลากไปยังเพลิงอเวจี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคางคกหน้ามนุษย์นั่นต้องการเผาเขาทั้งเป็น
หากเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่สามารถหมุนเวียนแก่นแท้พลังหรือขยับร่างกายได้เขาก็คงจะถูกเพลิงอเวจีนี่เผาทั้งเป็นอย่างแน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่กลัวเลยนั่นก็คือไฟ!
เขาไม่สามารถสังหารคางคกหน้ามนุษย์ได้แต่หากคางคกมีเพียงเปลวเพลิงอเวจี มันก็ไม่สามารถสังหารเขาได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงมีความหวังที่จะมีชีวิตรอดอยู่
“นี่มันไม่ถูกต้อง!”
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้และความสดใสในดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเขาพบวิธีที่จะสังหารคางคกหน้ามนุษย์นี่ได้แล้วแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้แก่นแท้พลังของเขาได้
เขาสามารถปรับแต่งเปลวเพลิงอเวจีได้ซึ่งมันจะสามารถเพิ่มพลังของเขาได้หลายเท่าถึงเวลานั้น ของเหลวสีดำพวกนี้จะยังสามารถดับเปลวเพลิงอเวจีที่ปรับแต่งแล้วได้หรือไม่?
…
บทที่ 462 การปรับแต่งเปลวเพลิงอเวจี
ฟึ่บ!
ตามที่คาดไว้เขาถูกดึงลงไปในเปลวเพลิงอเวจี ไข่มุกวิญญาณเพลิงเริ่มปกป้องเจ้านายของมันโดยอัตโนมัติและดูดกลืนเปลวเพลิงอเวจีด้วยความรวดเร็ว
ฟึ่บ!ฟั่บ!
มันมีเปลวเพลิงอเวจีอยู่มากมายพวกมันกินพื้นที่ในไข่มุกวิญญาณเพลิงไปมาก อย่างไรก็ตามไข่มุกวิญญาณเพลิงดูดเปลวเพลิงอเวจีเร็วมากและในเวลาไม่นาน เปลวเพลิงอเวจีทั้งหมดก็หายไป
“หืม?เปลวเพลิงอเวจีมาจากเจ้าก้อนเนื้อนี้หรอ? ทำไมคางคกหน้ามนุษย์ถึงได้สามารถสร้างเปลวเพลิงอเวจีขึ้นมาได้กัน? เจ้าคางคกหน้ามนุษย์นี่เป็นสัตว์อสูรธาตุอัคคีจริงๆหรอ?”
หลังจากที่เปลวเพลิงอเวจีทั้งหมดถูกดูดซับเข้าไปแล้วเจียงอี้ก็พบก้อนเนื้อในพื้นที่นั้น มันมีรูเล็กๆอยู่ตรงกลางก้อนเนื้อซึ่งคอยสร้างเปลวเพลิงอเวจีออกมาไม่หยุดหย่อน
เจียงอี้เคยอ่านตำราเกี่ยวกับสัตว์อสูรมาบ้างในขณะที่ไข่มุกวิญญาณเพลิงของเขาสามารถดูดซับไฟได้ เขาจึงให้ความสนใจกับสัตว์อสูรอัคคีธาตุเป็นพิเศษ เท่าที่เขาอ่านจากตำราที่ถูกบันทึกไว้ ในทวีปนี้ไม่มีคางคกหน้ามนุษย์อยู่ในหมู่สัตว์อสูรอัคคีธาตุเลย
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็สลัดเรื่องนี้ทิ้งไปเขาขยับเข้าไปใกล้ๆก้อนเนื้อด้วยความยากลำบากและใช้ศาสตร์เวทย์สวรรค์สยบเพลิงอเวจีเพื่อเปลี่ยนเปลวเพลิงอเวจีให้กลายเป็นเส้นและแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา เส้นลมปราณที่มือขวาของเขายังคงแตกอยู่ ดังนั้นเขาจึงต้องดูดซับเปลวเพลิงจากมือซ้ายของเขา
เส้นลมปราณหลักๆหลายเส้นในร่างกายของเขาได้รับความเสียหายเช่นกันเขาทำได้เพียงลำเลียงเส้นไฟสีขาวไปตามเส้นลมปราณเล็กๆและส่งไปยังตันเทียนด้วยความพยายามเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ไฟเข้าสู่ตันเทียนของเขาเจียงอี้ก็แทบจะล้มพับ ตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอมากจนเขาแทบไม่สามารถยกมือได้เลย นอกจากนี้หัวใจของเขาและเส้นลมปราณหลักๆหลายเส้นก็อยู่ในอาการสาหัส และที่สำคัญก็คือเขาไม่สามารถกินยาเพื่อฟื้นฟูหรือรักษาโดยการนั่งสมาธิได้ ฉะนั้นเขาจึงต้องรอให้บาดแผลนั้นหายด้วยตัวเอง
ในขณะที่เจียงอี้เคลื่อนไหวบาดแผลของเขาก็ได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่มีเวลาที่จะสนใจมันนักเพราะหากเส้นเพลิงอเวจีถูกดาวดวงแรกดูดกลืนไป ความพยายามทั้งหมดของเขาก็จะสูญเปล่า
หลังจากพักไปชั่วขณะเขาก็ต้องลำเลียงเพลิงอเวจีเข้าไปสิบเส้นก่อนที่จะปรับแต่งเปลวเพลิงที่ทรงพลัง จากนั้นเปลวเพลิงนี้จะต้องถูกเพิ่มกำลังโดยพลังของเก้าสวรรค์
คางคกหน้ามนุษย์นิ่งเงียบไปแล้วแม้ว่าเจียงอี้จะอยู่ในท้องของมัน แต่การโจมตีของมันก็มีเพียงแค่ของเหลวสีดำและเปลวเพลิงอเวจี แต่ใครจะรับประกันได้ล่ะว่ามันมีแค่สองสิ่งเท่านั้น? ดังนั้นเจียงอี้จึงต้องปรับแต่งเปลวเพลิงอเวจีให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะสังหารคางคกหน้ามนุษย์ตนนี้ให้ได้
สองเส้น,สามเส้น…เก้าเส้น!
กล้ามเนื้อทั้งหมดของเจียงอี้สั่นสะท้านไม่หยุดหย่อนบาดแผลของเขาถูกย้ำอย่างต่อเนื่องขณะที่ร่างของเขากระตุก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด
เจียงอี้ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการดูดซับเพลิงอเวจีเก้าเส้นหากอยู่ในสถานการณ์ปกติ เขาจะสามารถทำสิ่งนี้ได้ในพริบตา
เขาพักอยู่นานก่อนที่จะคว้าก้อนเนื้อนั้นมาด้วยความยากลำบากเขานำลูกไฟเพลิงอเวจีออกมาอีกลูกและดูดซับมันเข้าไปในร่างกายของเขา หลักจากเศษไฟเส้นที่สิบเข้าสู่ตันเทียน เขาก็หายใจเข้าลึกๆและเริ่มปรับแต่งเปลวเพลิง
เปลวเพลิงอเวจีสิบเส้นเวียนไปมาราวกับมังกรขาวสิบตัวพวกมันผสานเข้ากันทีละเส้นๆจนกลายเป็นหนึ่งเดียว
ฮู่ฮู่วว!
ตามที่คาดไว้หลังจากที่เปลวเพลิงอเวจีได้รับการปรับแต่งแล้ว มันก็เริ่มวิ่งแล่นไปมาอย่างรุนแรงอยู่ในดวงดาวดวงแรก และดาวดวงแรกก็สว่างขึ้นและปลดปล่อยเศษพลังเก้าสวรรค์ไปหยุดเปลวเพลิงอเวจีทันที
“ตายยย!”
ดวงตาของเจียงอี้เบิกโพลงทันทีฝ่ามือซ้ายของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีขาว มีเปลวเพลิงสีขาวลูกเล็กๆปรากฏขึ้น ภายในเปลวเพลิงนั้นมีใบหน้าของวิญญาณพิศวงปรากฏอยู่ซึ่งมันดูเหมือนขยับอยู่ตลอดเวลา แค่มองเพียงแวบเดียวก็ทำให้ขนหัวลุกไปทั้งตัวได้เลย
“กู่ดู่!กู่ดู่!”
ก่อนที่ไฟจะออกมาอย่างสมบูรณ์คางคกที่เงียบมาตลอดก็เคลื่อนไหวขึ้นมา ท้องของมันหดและขยายออกอย่างรวดเร็วและสร้างเสียงที่น่ากลัวอีกครั้ง หัวใจของเจียงอี้เต้นเร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า เสียงที่ไม่สบอารมณ์ดังก้องอยู่ในหัวของเขา “เจ้ามนุษย์ หากเจ้ากล้าลงมือ ข้าจะสังหารเจ้าเสียเดี๋ยวนี้!”
เสียงนั้นมาจากสัตว์อสูรคางคกตนนี้รอยแตกร้าวในหัวใจของเจียงอี้เริ่มใหญ่ขึ้นพร้อมกับเสียงร้องแปลกๆและเหมือนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ มีเลือดไหลออกมาจากปากของเขา แต่เจียงอี้ก็มุ่งมั่นกว่าเดิม เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่า ตายซะ! ไอคางคกเวร!”
ฮู่ฮู่!
เมื่อไฟบนฝ่ามือเขาเขาถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ของเหลวสีดำรอบตัวเขาก็ระเหยทันที ก้อนเนื้อที่อยู่ข้างๆเขาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ตัวเจียงอี้เองก็ยังประหลาดใจกับความร้อยที่สูงเช่นนี้
ฟึ่บฟั่บ!
ของเหลวสีดำรอบตัวเขาค่อยๆระเหยไปทีละนิดผนังเนื้อคางคกข้างล่างเขาก็เริ่มถูกเผาไหม้เช่นกัน หากปราศจากของเหลวสีดำแล้ว เจียงอี้ก็รู้สึกว่าเขาสามารถหมุนเวียนแก่นแท้พลังได้แล้วและร่างกายของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่ทรงพลัง
“ย๊าห์!”
เขาทุบลงไปที่ร่างของคางคกด้านล่างด้วยมือเดียวและพุ่งลงมาเปลวเพลิงอเวจีที่ถูกปรับแต่งแล้วได้เผาเนื้อข้างในของคางคกหน้ามนุษย์และสามารถเจาะทะลุท้องของมันออกมาได้อย่างง่ายดาย เจียงอี้ก็บินออกไปและร่อนลงบนโครงกระดูกที่พื้น
“โอ๊กกกกกอ๊ากกกกก!”
คางคกหน้ามนุษย์ร้องออกมาด้วยความโหยหวนอย่างน่าเวทนาท้องของมันมีรอยไหม้เป็นรูใหญ่ ร่างกายที่ใหญ่โตของมันหดลงอย่างรวดเร็ว และพุ่งไปที่ถ้ำทางเหนือพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“คิดจะหนีรึ?”
ดวงตาของเจียงอี้เต็มไปด้วยความเย็นชาคางคกหน้ามนุษย์นั้นได้รับบาดเจ็บจากเขา มันเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะสังหารมันในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสเช่นกันแต่เขาจะยอมทิ้งโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
เขาแปรเปลวเพลิงอเวจีที่อยู่ใกล้ๆเป็นเส้นๆและนำเข้าสู่ตันเทียนของเขาเพื่อปรับแต่งเปลวเพลิงในเวลาเดียวกัน เขาก็ย้ายร่างอย่างฉับพลันไปยังคางคกหน้ามนุษย์ทันที
“เจ้ามนุษย์อย่าอวดดีไป ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป”
คางคกหน้ามนุษย์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแต่บาดแผลของมันก็ทำให้มันช้าลงเล็กน้อย ความเร็วของการย้ายร่างฉับพลันของเจียงอี้นั้นสูงมากจึงทำให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาลดลงทันที คางคกหน้ามนุษย์หันกลับมาและพูดอย่างเฉยเมยแต่ดวงตาของมันนั้นมีแต่ความหวาดกลัว
“อ้อหรอ?”
เจียงอี้เย้ยหยันออกมาซึ่งเขาดูดิบเถื่อนจากเลือดที่ปากและหน้าอกของเขา
ตอนนั้นเขาใช้เวลาทั้งชั่วโมงในการปรับแต่งเปลวเพลิงแต่ในตอนนี้เขากลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการปรับแต่งมัน หลังจากที่เขาย้ายร่างฉับพลันติดต่อกันสามครั้ง ในตอนนี้เขาก็อยู่ข้างหน้าคางคกหน้ามนุษย์ ทันทีที่เขาแผ่ฝ่ามือของเขา ลูกไฟสีขาวก็พุ่งพล่านออกมาและพุ่งไปที่หัวของคางคกหน้ามนุษย์
“อ๊ากกกกกกก!”
มันส่งเสียงร้องออกมาด้วยความสิ้นหวังเจียงอี้อยู่ใกล้มันเกินไป และมันไม่สามารถหนีไปไหนได้เลยและได้แต่รอให้ความตายที่กำลังคืบคลานมาหามันเท่านั้น
พลังของเปลวเพลิงอเวจีถูกเพิ่มพลังขึ้นสิบเท่าหลังจากที่ได้ปรับแต่งซึ่งแน่นอนว่ามันแข็งแกร่งกว่าเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์และอ่อนกว่าเพียงเปลวเพลิงของไข่มุกวิญญาณเพลิงเท่านั้น
ความร้อนที่สูงขนาดนี้สามารถแผดเผาสัตว์อสูรหยาจื้อได้อย่างง่ายดายไม่ต้องพูดถึงคางคกหน้ามนุษย์เลย ในตอนนี้คางคกหน้ามนุษย์พยายามที่จะปล่อยเปลวเพลิงสีขาวออกมาเพื่อพยายามต้านมัน
ฟึ่บฟั่บ!
แต่ก็น่าเสียดายเปลวเพลิงอเวจีของมันกับเปลวเพลิงอเวจีที่เจียงอี้ปรับแต่งนั้นจะเทียบกันได้อย่างไร? เปลวเพลิงของเจียงอี้ที่พุ่งไปยังคางคกหน้ามนุษย์นั่นได้ทำให้มันกลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันใด
ฟุ่บฟึ่บ!
ในตอนนี้ความรู้สึกถึงอันตรายได้แล่นผ่านหัวใจของเจียงอี้อีกครั้งเขาย้ายร่างออกจากถ้ำโดยไม่ลังเลและปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อค้นหาว่ามันคืออะไร
และจู่ๆพื้นดินที่เขายืนอยู่ก็ถูกยกขึ้นและเถาวัลย์โบราณขนาดยักษ์ได้ปรากฏขึ้นมา
“เถาวัลย์ดารามาร?มีอะไรที่เชื่อมโยงระหว่างหุบเขาชิงวิญญาณและโลกใต้ดินนั่น? ทำไมคางคกหน้ามนุษย์นั่นถึงอัญเชิญเถาวัลย์ดารามารมาได้?”
คำถามนี้แวบขึ้นมาในหัวของเจียงอี้แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ตกใจอะไร แค่เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ก็สามารถทำร้ายเถาวัลย์ดารามารได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเปลวเพลิงอเวจีที่เขาปรับแต่งได้เลย เขาสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย…