เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 467 -468
บทที่ 467 ถ้าเจ้าแน่จริงก็เข้ามา
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินมาจริงๆ?
ไม่เพียงแต่ซูรั่วเสวี่ยเท่านั้นที่ประหลาดใจแม้แต่เซียวหลงหวางและคนอื่นๆก็ประหลาดใจเช่นกัน กองทัพพันธมิตรกำลังโจมตีอาณาจักรต้าเซี่ยและมาที่นี่เพื่อสังหารเจียงอี้ มันก็เป็นเรื่องปกติหากอาณาจักรเทียนเซวี่ยนจะไม่เข้าร่วมกองทัพพันธมิตร แต่นี่พวกเขากลับช่วยเหลือเจียงอี้อย่างเปิดเผยจริงๆ? พวกเขาไม่กลัวว่ากองทัพพันธมิตรจะสังหารเจียงอี้และจากนั้นก็กำจัดอาณาจักรเทียนเซวี่ยนได้อย่างง่ายดายเช่นกันหรือ?
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการรวมกลุ่มกันโจมตีแต่จริงๆแล้วเกิดจากการปลุกปั่นโดยโถงวรยุทธ โถงวรยุทธอาจไม่ได้สั่งให้อาณาจักรต่างๆรวมกลุ่มกันไปโจมตี และพวกเขาก็ไม่ได้ร่วมรบด้วย แต่พวกเขาก็ให้ข้อมูลว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจากทวีปนี้ไปแล้วและยังกดดันหอดาราสุ่ยเยว่และอารามเซนอีก มันหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ? มันก็หมายความว่าโถงวรยุทธต้องการให้เจียงอี้ตายใช่ไหม? และในตอนนี้แม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็ปรากฏตัวขึ้นมา ก็แสดงว่าพวกเขาพร้อมที่จะต่อสู้กับโถงวรยุทธ!
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินไม่ได้มีพลังมากมายและการปรากฏของนางนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรแถมยังรั้งแต่จะทำให้อาณาจักรเทียนเซวี่ยนเกิดหายนะได้อีกดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่เซียวหลงหวางและคนอื่นๆต่างพากันประหลาดใจและสงสัย
เซียวหลงหวางใช้ง้าวของเขาฟันไปที่กรงเล็บอันแหลมคมของสัตว์อสูรหยาจื้อและผลักมันออกไปจากนั้นเขาก็ยิ้มเยาะและพูดกับแม่เฒ่าบุปผาสีเงิน “ยัยแก่ฟั่นเฟือน เจ้าถูกลาเตะหัวมาหรือไง? ไสหัวไปซะเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอาณาจักรเทียนเซวี่ยนของเจ้าจะได้ถูกทำลายเหมือนกัน”
“ฮึฮึ!”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินหัวเราะเบาๆและพูดอย่างเฉยเมย“เซียวหลงหวาง เจ้าคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว ข้าไม่ใช่คนของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนแล้ว สามวันก่อน ข้าได้ถูกหยุนฉิงเทียนเนรเทศออกจากอาณาจักรเทียนเซวี่ยนและได้ประกาศออกไปเรียบร้อยและข้าผู้นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาณาจักรเทียนเซวี่ยนอีกต่อไป เจียงอี้และข้าค่อนข้างมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นการที่ข้าต้องการจะช่วยเขาสังหารไอ้พวกโจรชั่วเพียงไม่กี่คนมันก็คงไม่ใช่ปัญหาหรอกใช่ไหม?”
“เอ่อ…”
เซียวหลงหวาง,ชาตี้และซูรั่วเสวี่ยพูดไม่ออกขณะที่นับถือในความกล้าหาญของหยุนฉิงเทียนอย่างเงียบๆ อาณาจักรเทียนเซวี่ยนมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเพียงคนเดียวและเขาก็ทอดทิ้งนางเช่นนี้ นี่เขาคิดว่าครั้งนี้เจียงอี้จะยังสามารถชนะสงครามได้อีกหรือ? เพื่อที่จะผูกสัมพันธ์อันดีกับเจียงอี้ พวกเขาเสี่ยงที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังมาตาย?
“ยัยเฒ่าฟั่นเฟือนหากเจ้าไม่กลัวตายก็เข้ามา!” เซียวหลงหวางไม่อยากจะพูดอะไรมาก เขาชี้ง้าวไปที่แม่เฒ่าบุปผาสีเงินขณะที่ชาตี้ยังคงต่อสู้กับสัตว์อสูรหยาจื้ออยู่
“เซียวหลงหวางข้าได้ยินคำร่ำลือมาว่าเจ้านั้นน่าเกรงขาม แต่ยายเฒ่าอย่างข้ายังไม่มีโอกาสได้เห็นฝีมือ ในวันนี้ข้าคงจะต้องเห็นเป็นบุญตาเสียหน่อยแล้วล่ะ!”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินบินขึ้นไปบนฟ้าความแข็งแกร่งในหมู่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังนั้น นางไม่ถือว่าแข็งแกร่งเท่าไหร่นัก หากนางกล้าที่จะสู้กับเซียวหลงหวางนั่นก็หมายความว่านางพร้อมที่จะตกตายไปในวันนี้แล้ว
“ฮึ่มหากเจ้าปรารถนาที่จะตาย เช่นนั้นองค์ราชาผู้นี้ก็จะทำให้เจ้าสมความปรารถนานั้นเอง!”
ร่างของเซียวหลงหวางกลายเป็นลำแสงและพุ่งขึ้นไปสูงขึ้นทั้งสองคนนั้นกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆและหายไปจากสายตาของทุกคน ชาตี้เองก็ตะโกนออกมาและบินขึ้นไปเช่นกันในขณะที่สัตว์อสูรหยาจื้อก็ตามหลังไปอย่างรวดเร็ว
ตูม!บูม!
เมื่อผู้เชี่ยวชาญหายขึ้นไปด้านบนการต่อสู้บนพื้นดินก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การบาดเจ็บล้มตายของฝั่งอาณาจักรต้าเซี่ยนั้นเริ่มเลวร้ายถึงที่สุด ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายพันจากกองทัพพันธมิตรเป็นดั่งเสือที่ดุร้ายซึ่งไม่สามารถหยุดยั้งได้ กองทัพที่แข็งแกร่งของอาณาจักรต้าเซี่ยสามแสนนายในตอนแรก ตอนนี้เหลือน้อยกว่าแสนนาย ส่วนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวของพวกเขาก็เหลือเพียงไม่กี่ร้อยคน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่พึ่งพาศิลาสวรรค์เหล่านี้นั้นอ่อนแอเกินไป
บึ้มม!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคนหนึ่งได้ปลดปล่อยพลังโจมตีไปยังกำแพงเมืองและได้ทำให้กำแพงเมืองถล่มลงมาในทันใดเกิดช่องขนาดใหญ่ขึ้นและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายคนก็ได้พุ่งเข้าไปสังหารทหารในเมืองที่เหลืออย่างรวดเร็ว
ตูมมม!
กำแพงเมืองอีกด้านหนึ่งก็ถูกพังทลายลงมาเช่นกันและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็รีบเข้าไปในเมืองจนในที่สุดเมืองก็พังทลายแล้ว
“พัง….มันพังทลายแล้ว!”
ซูรั่วเสวี่ยมองไปที่กองทัพอาณาจักรต้าเซี่ยซึ่งกำลังถอยกลับไปเรื่องๆแต่ก็ยังถูกสังหารนางมองไปยังกองทัพศัตรูที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาและมองไปยังกำแพงเมืองที่ถูกทำลายและมีความเศร้าสลดอยู่ในดวงตาของนาง นางยังไม่สามารถปกป้องอาณาจักรต้าเซี่ยได้ สุดท้ายแล้วตระกูลซูก็ไม่สามารถปกป้องพลเมืองของพวกเขาได้และอาณาจักรต้าเซี่ยกำลังจะมลายลง
“เสด็จพ่อบรรพบุรุษตระกูลซู….รั่วเสวี่ยไร้สามารถและปกป้องอาณาจักรต้าเซี่ยไว้ไม่ได้ ทางเดียวของรั่วเสวี่ยคือการไปอยู่กับพวกท่าน เจียงอี้…ข้าขอโทษ! หากชาติหน้ามีจริง ข้าก็จะยังขอเป็นภรรยาเจ้า”
น้ำตาสองสายหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของซูรั่วเสวี่ยเมืองเซี่ยยวี่ถูกทำลายลงแล้ว หัวใจของนางก็ตายจากไปเช่นกัน ดวงตาของนางสว่างวาบไปด้วยแสงสีม่วงขณะที่นางสาดแสงไปยังกองกำลังศัตรูเพื่อสังหารพวกมัน
ปึ้งปึ้ง ปึ้ง!
ทันใดนั้นเอง!
แผ่นดินไหวมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือขณะที่มีเสียงฝีเท้าดังก้องมาร่างยักษ์คล้ายภูเขาสองลูกปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้า แท้จริงแล้วมันคือสัตว์อสูรขนาดมหึมาสองตนซึ่งเป็นราชันสัตว์อสูร
ราชันสัตว์อสูรทั้งสองไม่ได้บินมาและเพียงพุ่งมาทางผืนดินซึ่งแต่ละย่างก้าวก็มีระยะห่างสามร้อยเมตรแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่พริบตา พวกเขาก็มาถึงทางเหนือของเมืองเซี่ยยวี่ กลิ่นอายที่รุนแรงของพวกเขาปกคลุมกองทัพทั้งหมดตรงทิศเหนือของเมือง
ราชันสัตว์อสูรจากหุบเขาสามหมื่นลี้!
ซูรั่วเสวี่ยเผยความปิติยินดีขึ้นในดวงตาของนางพวกเขาไม่รู้ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรได้จากไปแล้วและเมื่อพวกเขาเห็นราชันสัตว์อสูรทั้งสองตน พวกเขาจึงสันนิษฐานกันไปว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรกำลังจะมาที่นี่เช่นกัน
กองทัพที่ถูกตรึงไว้ในการต่อสู้ที่เข้มข้นได้หยุดลงกะทันหันราชันสัตว์อสูรสองตนนี้สามารถสังหารทุกคนที่นี่ได้อย่างง่ายดายและที่สำคัญที่สุดคือ หากราชันสัตว์อสูรอยู่ที่นี่ แล้วจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะอยู่ไกลไหม? และเมื่อจักรพรรดินีสัตว์อสูรมาถึง การต่อสู้ครั้งนี้จะจบสิ้นลง
โฮก!โฮกกก!
ในเหล่าราชันสัตว์อสูรนั้นหนึ่งในนั้นคืออสูรที่มีขนสีแดงโลหิตและมีหัวเป็นหมีขณะที่ร่างของมันเป็นเสือ มันคือราชันสัตว์อสูรที่จิ้งจอกน้อยเรียกว่า แดงน้อย มันมาพร้อมกับราชันสัตว์อสูรอีกตนและพวกมันไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากพุ่งเข้าใส่ศัตรูและกวาดแขนของพวกมัน พร้อมกับฉีกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวออกเป็นชิ้นๆ
“กองกำลังทั้งหมดถอยมาและป้องกัน!”
ซูรั่วเสวี่ยกำลังจะเสี่ยงชีวิตของนางในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายแต่เมื่อนางเห็นเหตุการณ์พลิกผัน นางก็สั่งให้ทหารจากอาณาจักรต้าเซี่ยถอยกลับมาทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกราชันสัตว์อสูรทั้งสองสังหาร
ฟึ่บฟั่บ!
เมื่อทหารของอาณาจักรต้าเซี่ยถอยกลับเข้าไปในกำแพงเมืองเหล่ากองทัพพันธมิตรก็ตื่นตระหนก ราชันสัตว์อสูรทั้งสองนั้นทรงพลงและร่างกายของพวกมันก็แข็งแรงมาก แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็ยังยากที่จะสร้างบาดแผลให้กับพวกมันได้ หากราชันสัตว์อสูรทั้งสองนี้อาละวาดขึ้นมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสี่พันคนอาจจะตกตายไปในเวลาไม่ถึงสามสิบนาที
ฟึ่บ!
ร่างสี่ร่างปรากฏขึ้นจากทางเหนือหนึ่งในนั้นกำลังนั่งอยู่บนรถเข็นและเห็นได้ชัดว่าเป็นเซี่ยถิงเวย อีกสามคนก็คือจอมพลเฒ่าอาณาจักรเซิ่งหลิง, เจ้าสำนักหยูแห่งสำนักมังกรเวหา, และหญิงพราวเสน่ห์จากสำนักฮวาเหลี่ยง เมื่อราชันสัตว์อสูรทั้งสองตนปรากฏตัวออกมาโดยไม่ทันได้คาดคิด พวกเขาก็ไม่สามารถปิดบังตัวเองได้อีกต่อไป มิฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่พันคนนี้จะถูกกำจัดสิ้น
“เจ้าสัตว์อสูรทั้งสองพวกเจ้าจะไม่หยุดการกระทำของพวกเจ้าหรือ? พวกเจ้ากำลังโจมตีกองทัพของเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างเปิดเผยเช่นนี้ หรือพวกเจ้ากำลังคิดที่จะทำลายคำสาบานเลือด? สัตว์อสูรในหุบเขาสามหมื่นลี้เตรียมที่จะเริ่มสงครามกับเผ่าพันธุ์มนุษย์?”
เจ้าสำนักหยูตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดจากระยะไกลเขามีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์และร่างของเขาก็แผ่ซ่านไปด้วยความดุร้าย
ราชันสัตว์อสูรไม่หยุดยั้งและยังคงเข่นฆ่าต่อไปราชันสัตว์อสูรสีแดงโลหิตกวาดสายตาไปที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมาและพวกด้วยน้ำเสียงกึกก้อง “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าและวานรขาวไม่ได้อยู่ในหุบเขาสามหมื่นลี้อีกแล้ว เราไม่ได้เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์อสูรในหุบเขาสามหมื่นลี้ และการกระทำในวันนี้เป็นไปด้วยความสมัครใจล้วนๆ ข้าเพียงแค่ไม่พอใจที่เจ้าใช้กำลังพลข่มขวัญศัตรู ถ้าเจ้าแน่จริงก็เข้ามา”
“ห๊ะ…”
ซูรั่วเสวี่ยและผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรต้าเซี่ยรู้สึกสะเทือนใจและผิดหวังในเวลาเดียวกันหากราชันสัตว์อสูรทั้งสองไม่ได้เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรในหุบเขาสามหมื่นลี้นั่นก็หมายความว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่หวังที่จะแสดงตัว ราชันสัตว์อสูรทั้งสองตนนี้ได้ทำลายความสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์อสูรเพื่อช่วยพวกเขาอย่างใจจริงเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขากับเจียงอี้
อันที่จริงแล้วซูรั่วเสวี่ยและคนของนางไม่รู้ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรได้จากทวีปนี้ไปแล้วและหุบเขาสามหมื่นลี้ไร้ผู้ปกครอง ราชันสัตว์อสูรทั้งสิบแปดตนต่างครอบครองดินแดนนั้นและประกาศตนเป็นราชา คราวนี้ เมื่อกองทัพพันธมิตรโจมตีอาณาจักรต้าเซ่ย ราชันสัตว์อสูรตนอื่นๆไม่กล้าที่จะทำสิ่งใดอย่างประมาทเมื่อไร้จักรพรรดินีสัตว์อสูร แต่ราชันสัตว์อสูรทั้งสองตนนี้สนิทสนมกับจิ้งจอกน้อยและตอนนี้จิ้งจอกน้อยก็กำลังติดตามเจียงอี้อยู่ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตมาช่วยเหลือที่นี่
“ฆ่ามัน!”
เซี่ยถิงเวยยิ้มออกมาอย่างเย็นชาเขานั่งอยู่บนรถเข็นและร่างกายส่วนล่างของเขานั้นถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อคลุมยาว แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าท่อนล่างของเขาว่างเปล่า เมื่อเขาแกว่งแขนทั้งสองข้าง รถเข็นของเขาก็พุ่งไปยังราชันสัตว์อสูรสีแดงโลหิต
“ฆ่า!”
เนื่องจากการต่อสู้ได้มาถึงขั้นนี้แล้วทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามารถถอยกลับไปอย่างขี้ขลาดได้อีก แม้ว่าเจียงอี้จะยังไม่ปรากฏตัว แต่พวกเขาก็ยังต้องร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ก่อน
หลังจากนั้นจอมพลเฒ่า, เจ้าสำนักหยู, และหญิงพราวเสน่ห์จากสำนักฮวาเหลี่ยงก็ได้กลายเป็นลำแสงสามสายและพุ่งเข้าใส่ราชันสัตว์อสูรทั้งสอง
บทที่ 468 ความตายของเซี่ยถิงเวย
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั้งสี่ต่อสู้กับราชันสัตว์อสูรทั้งสองตนแม้ว่าราชันสัตว์อสูรทั้งสองนี้จะถือว่าแข็งแกร่งกว่าบรรดาราชันสัตว์อสูรทั้งสิบแปดในหุบเขาสามหมื่นลี้และเซี่ยถิงเวยได้พิการไปซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างมาก แต่สถานการณ์การต่อสู้ก็ไม่สู้ดีเท่าใดนัก
โฮกกก!
ราชันสัตว์อสูรสีแดงโลหิตย่อลงบนพื้นจนทำให้เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ร่างกายที่ใหญ่โตของมันพุ่งไปทางเซี่ยถิงเวย เมื่อมันอยู่กลางอากาศ แขนขวาของมันก็สว่างขึ้นด้วยแสงสีแดงซึ่งทำให้ทุกคนตะลึงงันทันใด แขนขวาของมันขยายขึ้นในทันใดและกรงเล็บที่แหลมคมซึ่งเปล่งประกายด้วยแสงระเรื่อถูกตวัดใส่เซี่ยถิงเวย
การโจมตีของราชันสัตว์อสูรนั้นรวดเร็วและป่าเถื่อนมากหากกรงเล็บไปโดนเป้าหมายของมัน ร่างเล็กๆของเซี่ยถิงเวยก็อาจจะกลายเป็นเนื้อสับไปในทันที
ขาของเซี่ยถิงเวยถูกเจียงอี้ทำให้พิการไปซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงแต่ความสามารถในการต่อสู้ของเขายังถือว่าดีอยู่ เขาไม่มีความกลัวใดๆเมื่อต้องเผชิญกับอันตราย เขาใช้ฝ่ามือเพียงฝ่ามือเดียวฟาดลงไปซึ่งทำให้เกิดเสียงสะท้อนและลดความเร็วของกรงเล็บที่แหลมคมนั้น ในเวลาเดียวกันพื้นที่อากาศใกล้ๆกับร่างของเขาก็บิดเบือนซึ่งมันสร้างรอยแยกของอากาศเล็กน้อย จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นลำแสงและหายลับไปในรอยแยกนั้น
เซี่ยถิงเวยได้เข้าถึงรูปแบบเต๋ามิติระดับกลางซึ่งเขาสามารถเข้าไปในรอยแยกนั้นเพื่อย้ายร่างฉับพลันได้จากนั้นเขาก็จะปรากฏตัวขึ้นจากรอยแยกอีกแห่ง รูปแบบเต๋ามิติของเขานั้นแตกต่างจากศาสตร์แปรผันดวงจิตของเจียงอี้เล็กน้อย แต่มันก็ใช้งานคล้ายๆกัน ความแตกต่างก็คือการย้ายร่างฉับพลันของเขานั้นเป็นรูปแบบเต๋าขณะที่ของเจียงอี้นั้นเป็นความสามารถพิเศษ
ปัง!
เซี่ยถิงเวยหายตัวไปแต่รถเข็นของเขายังอยู่กลางอากาศซึ่งกรงเล็บของราชันสัตว์อสูรได้กลับกลายเป็นฝุ่นลมไป ราชันสัตว์อสูรไม่ทันได้มีเวลามองหาตัวเซี่ยถิงเวยก็ถูกจอมพลเฒ่าจากอาณาจักรเซิ่งหลิงโจมตีจากด้านหน้า
จอมพลเฒ่านั้นถือคทาซึ่งมันเป็นอาวุธที่พิเศษมากในตอนนี้ คทานั้นกลายเป็นมังกรวารีซึ่งกระแทกเข้ากับแขนยักษ์ของราชันสัตว์อสูรแดงโลหิต
“ย๊าห์!”
อีกด้านหนึ่งเจ้าสำนักหยูและหญิงพราวเสน่ห์ก็ได้ต่อสู้กับวานรขาว ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั้งสองนั้นได้เปรียบคู่ต่อสู้และพากันกดวานรขาวทันทีทำให้วานรขาวต้องกระเสือกกระสนเล็กน้อย
แขนยักษ์ของราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตปะทะกับคทาซึ่งทำให้อากาศนั้นเกิดคลื่นปะทะของทั้งสองทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านล่างกระจัดกระจายไปทหารขอบเขตเสินโหยวหลายคนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคลื่นปะทะและพากันลุกขึ้นหนีออกไป ราชันสัตว์อสูรทั้งสองและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั้งสี่กำลังต่อสู้อยู่ใกล้ๆกัน หากพวกเขาไม่หนี คลื่นปะทะหลายๆครั้งที่เกิดขึ้นนั้นก็เพียงพอที่จะสังหารพวกเขาได้แล้ว
บรึฟ!
มีรอยแยกปรากฏที่ด้านหลังราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตเซี่ยถิงเวยปรากฏออกมาและฟาดฝ่ามือไปที่หลังของราชันสัตว์อสูรแดงโลหิต
ลอบโจมตี?
ราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตเผยความแค้นในดวงตาของมันแต่มันก็สายเกินไปที่จะหลบการโจมตีนี้ได้ มันใช้แส้โลหะที่ด้านหลังของมันฟาดใส่เซี่ยถิงเวยอย่างไร้ปรานี หากเซี่ยถิงเวยโจมตีราชันสัตว์อสูร เขาก็จะต้องถูกแส้นี้โจมตีอย่างแน่นอน
“พี่หลู!”
ร่างของเซี่ยถิงเวยไม่ได้ถอยกลับไปแต่เขาเพียงแค่ตะโกนออกมาดวงตาของจอมพลเฒ่าเกิดประกายแวววับขณะที่คทาของเขาประกายแสงสีทอง จากนั้นก็สาดลงมายังราชันสัตว์อสูรแดงโลหิต
การโจมตีจากทั้งด้านหน้าทั้งด้านหลัง!
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยถิงเวยพร้อมที่จะรับการโจมตีนั้นแต่เขาต้องการสังหารราชันสัตว์อสูรตนนี้
ขาของเซี่ยถิงเวยถูกเจียงอี้ทำให้พิการและขันทีหลินก็ถูกสังหารไปแล้วและตอนนี้เจียงเปี๋ยหลีก็ขัดแย้งกับเขาเพราะเจียงอี้ อาณาจักรเสินหวู่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่แต่เดิมมีหวังที่จะได้ยึดครองทวีปได้จางหายไปเพราะเจียงอี้เพียงคนเดียว ตอนนี้พวกเขาสูญเสียความหวังในการยึดครองทวีปทั้งหมดไป มันสามารถจินตนาการได้เลยว่าเขาเกลียดชังเจียงอี้มากเพียงใดและเขาจะไม่ยอมรับความล้มเหลวใดๆในการต่อสู้วันนี้
ปัง!
ฝ่ามือของเขาปักลงที่หลังของราชันสัตว์อสูรขณะที่ร่างของเขาก็ถูกแส้ปัดออกไปเช่นกันหลังของราชันสัตว์อสูรเต็มไปด้วยเลือดแต่เห็นได้ชัดว่ามันยังมีชีวิตอยู่
โฮกโฮกกกก….
ฝ่ามือของเซี่ยถิงเวยได้ทำให้ราชันสัตว์อสูรส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดออกมาร่างของมันเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่การโจมตีของจอมพลเฒ่าก็กำลังกระชั้นชิดเข้ามาแล้ว มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทนกับความเจ็บปวดและพร้อมสำหรับการโจมตีอีกระลอก
ปัง!
คทาและกรงเล็บอันแหลมคมของราชันสัตว์อสูรปะทะกันซึ่งทำให้เกิดคลื่นพลังยักษ์ราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตบาดเจ็บสาหัสแล้วและตอนนี้อาการบาดเจ็บของมันก็รุนแรงขึ้น ร่างของมันระเบิดปลิวลงไปราวกับลูกปืนใหญ่และกระทบลงกับพื้นดินจนเกิดการสะเทือนอย่างรุนแรง
ปัง!
อีกด้านหนึ่งเซี่ยถิงเวยก็ชนเข้ากับกำแพงเมืองและทะลุเข้าไปด้านใน ซึ่งเห็นได้เลยว่าแส้ของราชันสัตว์อสูรนั้นทรงพลังเพียงใด
“แค่ก!”
ร่างของเซี่ยถิงเวยยังคงชนเข้ากับตัวอาคารจนพังลงมาเขาทรุดตัวลงบนพื้นและพยายามลุกขึ้นขณะที่กระอักเลือดสดๆออกมา ทหารรอบๆทั้งหมดของอาณาจักรต้าเซี่ยพุ่งเข้ามาที่เขาทันทีในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคนหนึ่งได้ปลดปล่อยแก่นแท้พลังโจมตีออกมา พวกเขาต้องการสังหารเขาในขณะที่เขากำลังอ่อนแอ
“ฮึ่ม!”
อูฐที่หิวโซยังตัวใหญ่กว่าม้าเซี่ยถิงเวยอาจได้รับบาดเจ็บก็จริงแต่ทหารธรรมดาพวกนี้จะทำอันตรายกับเขาได้หรือ? เขากระแทกฝ่ามือของเขาลงบนพื้นขณะที่มืออีกข้างก็ปลดปล่อยแก่นแท้พลังออกมาสังหารทหารทั้งหมดที่วิ่งกรูเข้ามา
ฟึ่บ!
ร่างของเขาพุ่งออกมาจากกำแพงเมืองและต้องการออกไปสู้กับราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตต่อแต่ในขณะที่เขาอยู่เหนือกำแพงเมืองนั้น ดวงตาของเขาก็หรี่ลงและเผยรอยยิ้มที่โหดร้ายและเต็มไปด้วยเลือดที่เขากระอักออกมา
เขาเห็น..ซูรั่วเสวี่ยและเจียงเสี่ยวนู๋ที่อยู่บนกำแพงเมือง
เขาอาจจำใบหน้าของพวกนางไม่ค่อยได้แต่ซูรั่วเสวี่ยสวมเสื้อคลุมฟีนิกส์และมงกุฏ นอกจากนี้นางยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวไม่กี่คนคอยพิทักษ์นางอยู่ ดังนั้นเมื่อมองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่านางคือองค์ราชินีแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย
“เจียงอี้เจ้าสังหารลูกชายข้า, ทำให้ขาข้าพิการ, และสังหารผู้ดูแลของข้า ในวันนี้ ข้าจะสังหารหญิงที่เจ้ารักที่สุดและแก้แค้นให้กับความเสียใจและความเกลียดชังที่สุมอยู่ในใจข้า!”
เซี่ยถิงเวยเย้ยหยันและเปลี่ยนเป้าหมายไปทางซูรั่วเสวี่ยเจียงอี้ยังไม่ปรากฏตัวออกมาและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยถิงเวยก็ไม่พบผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนอยู่เช่นกัน เขาจึงเคลื่อนไหวโดยไม่มีความกลัวใดๆ และหากเขาจะสังหารซูรั่วเสวี่ย เจียงอี้นั้นจะทนรับมันได้หรือไม่?
“ตายซะ!”
ฝ่ามือขนาดใหญ่ของเซี่ยถิงเวยกำลังจับจ้องไปทางซูรั่วเสวี่ยขณะที่เขาเปิดสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาจนถึงขีดสุดและสำรวจสถานที่รอบๆเขากลัวว่าเจียงอี้อาจจะปรากฏตัวออกมาและลอบโจมตีเขา เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ของเจียงอี้นั้นน่ากลัวเกินไปและเขายังคงมีความกลัวอยู่ในใจ
หนึ่งพันเมตร,หกร้อยเมตร, สามร้อยเมตร….ร้อยห้าสิบเมตร!
ซูรั่วเสวี่ยกำลังจะถูกสังหารโดยฝ่ามือของเขาแต่ก็ยังไม่มีพลังใดๆอยู่รอบๆซึ่งทำให้เซี่ยถิงเวยเกิดความสงสัยในใจ เป็นไปได้ไหมว่าเจียงอี้จะไม่ได้อยู่ที่เมืองเซี่ยยวี่? หรือบางทีนี่อาจจะไม่ใช่ซูรั่วเสวี่ย? แต่จากนั้น การที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเสี่ยงชีวิตเพื่อพุ่งมาที่นี่ก็ได้พิสูจน์แล้วว่านางคือซูรั่วเสวี่ย
ปึงปึง ปัง!
เซี่ยถิงเวยไม่สนใจอีกต่อไปมือของเขากลายเป็นภาพติดตา จากนั้นก็ผ่านร่างของผู้พิทักษ์ขอบเขตเสินโหยวทั้งหมด เขาสังหารทหารเหล่านั้นทั้งหมดได้อย่างง่ายดายก่อนที่จะยิงไปทางซูรั่วเสวี่ยราวกับดาบคม
“ฮึ่ม!”
ในขณะนั้นเองเสียงที่อ่อนช้อยของนางก็ดังก้องขึ้น และเจียงเสี่ยวนู๋ที่ยืนอยู่ข้างๆนางก็เคลื่อนไหว
เจียงเสี่ยวนู๋ก้าวไปข้างหน้าขณะที่ร่างของนางเปล่งประกายด้วยแสงสีเขียวจากนั้นดวงตาของนางก็เปล่งแสงสีเขียวจางๆขณะที่ผมสีดำของนางปลิวไสวและเปลี่ยนเป็นสีเขียว เสื้อผ้าที่หลังของนางแหวกออกและปีกยักษ์สองปีกยื่นออกมา นางกลายเป็นเงาสีเขียวขณะที่พุ่งไปยังเซี่ยถิงเวย
“นี่…”
เซี่ยถิงเวยรู้สึกหวาดกลัวกับการปรากฏตัวของเจียงเสี่ยวนู๋อย่างกะทันหันกลิ่นอายของนางน่าเกรงขามยิ่งว่าเซียวหลงหวาง ยิ่งไปกว่านั้น ความเร็วของนางก็ว่องไวเกินไปจนเขาเห็นเพียงภาพติดตาและกรงเล็บที่แหลมคมเท่านั้น ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ กรงเล็บสีเขียวก็ได้ฟาดฟันเข้ามาที่แขนของเขาแล้ว
“อ๊ากกกก!”
เขาตะโกนออกมาอย่างน่าสังเวชขณะที่แขนของเขาถูกกรงเล็บของเจียงเสี่ยวนู๋ฟันเข้าไปจากนั้นกรงเล็บของเจียงเสี่ยวนู๋ก็แหวกเข้าไปในร่างของเขาอย่างง่ายดายก่อนที่เขาจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ปัง!
ร่างของเซี่ยถิงเวยถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆและเสียงตะโกนที่น่าสังเวชของเขาได้ส่งเสียงเตือนให้จอมพลเฒ่า,เจ้าสำนักหยูและคนอื่นๆรู้ ทุกคนมองมาอย่างรวดเร็วและมีการแสดงออกที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เซี่ยถิงเวย….ถูกสังหารในทันทีที่สาวน้อยนี่ปรากฏออกมา!