เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 471-472
บทที่ 471 ต่อสู้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญ
หุบเขาชิงวิญญาณอยู่ห่างจากเมืองเซี่ยยวี่นับหมื่นกิโลเมตรหากเดินทางด้วยม้าอาจใช้เวลากว่าสองเดือนกว่าจะถึง แต่เจียงอี้เองก็ต้องใช้เวลากว่าสิบวันโดยไม่ได้พัก แต่เขาสามารถมาถึงที่นี่ได้ภายในสี่วัน มันเป็นเรื่องที่จินตนาการได้เลยว่าเขานั้นสิ้นหวังเพียงใด
หลังจากที่รู้ว่ากองทัพพันธมิตรกำลังมาโจมตีอาณาจักรต้าเซี่ยเจียงอี้ก็ไม่ได้พักกินอาหารและตรงมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุด หากไม่ใช่เพราะใบว่านน้ำสองใบที่เขาได้ขัดเกลามันและได้เพิ่มพลังให้จิตวิญญาณของเขา เขาก็คงจะไม่สามารถทนต่อความเหนื่อยล้าและคงจะเป็นลมไปแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่าเขามาช้าไปอยู่ดีเขามองไปรอบๆเมืองเซี่ยยวี่ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ซึ่งทำให้หัวใจของเขาดิ่งลงไป
เขาเห็นว่าซูรั่วเสวี่ยและคนอื่นๆหายไปแล้วขณะที่เมืองเซี่ยยวี่ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งแล้วพระราชวังพังทลายลง เมืองนี้เต็มไปด้วยซากศพและเลือดนองไปลงไปในแม่น้ำ เขาเห็นว่ามีผู้หญิง เด็กและผู้สูงอายุจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสังหารไป ผู้คนมากมายต่างพากันกอดคนที่ตนรักและร่ำไห้ คนจำนวนมากที่ถูกตัดแขนขา บาดเจ็บสาหัสและกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
มันคือขุมนรกบนโลกมนุษย์ชัดๆ!
เมืองเซี่ยยวี่ที่งดงามนั้นเป็นเพียงประวัติศาสตร์ไปแล้ววังหิมะเลื่อนลอยที่เจียงอี้คิดว่าเป็นบ้านของเขาก็ได้กลายเป็นซากปรักหักพังไป ราชันสัตว์อสูรทั้งสองที่อยู่นอกเมืองก็ถูกอาบไปด้วยเลือด โดยเฉพาะดวงตาของวานรขาวที่ยังคงลืมอยู่ มันเผยให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวและไม่เต็มใจที่จะรับชะตากรรม ส่วนแม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็โชกไปด้วยเลือดและกำลังจะตาย และบนท้องฟ้า สัตว์อสูรหยาจื้อก็มีแต่บาดแผลไปทั่วร่างและลึกจนเห็นกระดูกของมัน
ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นทำให้เจียงอี้โกรธมาก
บุคคลที่ยิ่งใหญ่พวกนี้พูดถึงคุณธรรมและความดีงามของมนุษยชาติเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและการกำจัดศัตรูพวกเขาไม่ลังเลที่จะสังหารคนธรรมดาหลายล้านคนในเมืองเซี่ยยวี่ ผู้หญิงและคนแก่ที่ไม่ได้เป็นอันตรายเหล่านั้น แถมพวกเขายังฆ่าแม้แต่เด็กที่เพิ่งหัดเดินไปด้วย!
“ตาย!ตาย! ทุกคนจะต้องตาย!”
ผมสีแดงของเจียงอี้ปลิวไสวอยู่กลางอากาศดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเลือดขณะที่เจตจำนงสังหารพุ่งออกมาจากร่างของเขา เขาไม่ได้ปลดปล่อยเจตจำนงออกมา แต่ครั้งนี้มันถูกปลดปล่อยออกมาด้วยตัวเองเองเพราะความเจ็บปวดและความโกรธที่รุนแรงภายในใจของเขา ดาบมังกรเพลิงปรากฏขึ้นในมือเขาขณะที่เขาเล็งไปยังสตรีร้อยบุปผาที่กำลังโจมตีแม่เฒ่าบุปผาสีเงิน ร่างของเขาย้ายอย่างฉับพลันไปที่นางในทันใด
“เจียงอี้!”
เจ้าสำนักหยูที่เพิ่งสังหารวานรขาว,สตรีร้อยบุปผา, เซียวหลงหวางและชาตี้ที่อยู่กลางอากาศและจอมพลเฒ่าพิการที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นในตอนนี้ ทุกคนต่างพากันตกตะลึง!
หลังจากการต่อสู้ที่เมืองหวังทุกคนต่างก็หวาดกลัวเจียงอี้ ตามปกติแล้วมันเป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังคนอื่นๆด้วยกัน
แต่เจียงอี้นั้นสามารถสังหารขันทีหลินได้จริงๆในเวลานั้นผู้คนมากมายเห็นเจียงอี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าและกลับลงมาอย่างรวดเร็ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ….เขาใช้เวลาเพียงสั้นๆในการสังหารขันทีหลินและเซี่ยถิงเวยก็เกือบจะถูกเจียงอี้สังหารไปต่อหน้าต่อตาทุกคน!
ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาทั้งหมดตัดสินใจร่วมมือกันสังหารเจียงอี้อย่างสุดกำลัง และการมีปรมาจารย์หลิงอยู่ใกล้ๆ พวกเขาต่างก็มั่นใจมาก แต่ในตอนนี้ ปรมาจารย์หลิงได้ออกไปตามล่าเจียงเสี่ยวนู๋ พวกเขาจึงไม่เหลือความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย
ฟึ่บ!
เมื่อสตรีร้อยบุปผาเห็นเจียงอี้ลงมือและย้ายร่างฉับพลันมาที่นางนางก็ตื่นตระหนกและล้มเลิกการสังหารแม่เฒ่าบุปผาสีเงินอย่างรวดเร็วและถอยกลับไปหาเจ้าสำนักหยู
“หลงหวางหยุดสังหารสัตว์อสูรหยาจื้อแล้วมาสังหารเจียงอี้ก่อนเร็ว!”
เจ้าสำนักหยูเองก็ไม่มีความมั่นใจและส่งข้อความขึ้นไปบนท้องฟ้าสีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นเมื่อเห็นเจียงอี้กำลังใกล้เข้ามา มีพัดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนมือของเขาขณะที่เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังและทำให้พัดปลดปล่อยแสงสีทองออกมา
ฟึ่บ!
เซียวหลงหวางลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็วเขารู้ว่าเจ้าสำนักหยูและสตรีร้อยบุปผาจะไม่สามารถหยุดเจียงอี้ได้หากเขาไม่ลงมาและถ้าหากเจียงอี้ทำลายกำลังสำคัญของพวกเขาไป ในวันนี้พวกเขาก็อาจพินาศได้เช่นกัน
“เจียงอี้รับความตายของเจ้าซะ!”
จอมพลเฒ่าที่นั่งอยู่อาจสูญเสียมือทั้งสองข้างไปแต่เขารู้ว่ามันเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุดแล้วที่พวกเขาทั้งสี่คนจะมีโอกาสสูงที่จะสังหารเจียงอี้ได้หากพวกเขาร่วมมือกัน แก่นแท้พลังของเขาอาจจะหมดแล้ว แต่อย่างน้อยเขาก็ยังต้องโจมตีด้วยแรงเฮือกสุดท้ายออกไป
บรึฟบุฟ!
ดวงตาของเจียงอี้เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับว่าเขาคลั่งไปแล้วเขาไม่ได้สนใจเซียวหลงหวางและจอมพลเฒ่า ดวงตาของเขาเพ่งไปยังสตรีร้อยบุปผาในขณะที่กลิ่นอายสังหารของเขาปกคลุมไปทั่วในระยะหลายกิโลเมตรทำให้ผู้เชี่ยวชาญของกองทัพพันธมิตรรู้สึกหายใจไม่ออก
“ตายซะ!”
ง้าวของเซียวหลงหวางสว่างขึ้นในขณะที่เขาพร้อมที่จะโจมตีขาของจอมพลเฒ่าก็กลายเป็นภาพหลายภาพทำให้รู้สึกเหมือนว่าขวานยักษ์สองด้ามกำลังฟันไปที่เจียงอี้และแม้ว่าแขนของเขาจะเลือดไหลออกมาอย่างมากแต่เขาก็ยังเสี่ยงชีวิตที่จะสังหารเจียงอี้
อีกด้านหนึ่งเสื้อคลุมยาวสีแดงสดของสตรีร้อยบุปผากำลังกระพืออยู่ขณะที่นางสร้างผนึกประหลาดขึ้นมา นางร่ายรำไปรอบๆขณะที่แก่นแท้พลังฟ้าดินมารวมตัวกันเป็นดอกไม้ที่งดงามในมือนางอย่างรวดเร็ว ดอกไม้เหล่านั้นมีกลิ่นอายที่น่ากลัวแผ่ออกมาและเห็นได้ชัดว่ามันคือการโจมตีรูปแบบเต๋าที่ทรงพลัง
“ฮึ่ม!”
เจ้าสำนักหยูก็เคลื่อนไหวเช่นกันเขาสะบัดพัดสองสามครั้งกลางอากาศขณะที่แสงสีทองมาบรรจบกันที่ปลายพัดและกลายเป็นใบมีดครึ่งวงกลมที่กำลังจะถูกปล่อยออกไป
บรึฟ!
ในตอนนั้นเองเจียงอี้ก็มีการเคลื่อนไหวที่ผิดไป!
ร่างของเขาเปล่งแสงสีขาวขณะที่อากาศรอบๆรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและสร้างร่างแยกออกมาสามร่างที่ดูเหมือนเขาและแต่ละร่างก็พุ่งเข้าหาเซียวหลงหวาง,สตรีร้อยบุปผาและเจ้าสำนักหยูตามลำดับ
“เอ๊ะ?”
ทุกคนตกตะลึงแต่พวกเขาก็สงบนิ่งอย่างรวดเร็วและปลดปล่อยการโจมตีออกมา ในความคิดของพวกเขา มันไม่สำคัญว่าร่างไหนจะเป็นร่างจริงของเจียงอี้ เพราะในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะต้องสังหารร่างแยกทั้งหมดและจากนั้นเจียงอี้ก็จะตาย ใช่ไหม?
“ย๊าห์!”
เซียวหลงหวางระเบิดแสงสีทองออกมาซึ่งมันกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่พุ่งเข้าใส่ร่างแยกของเจียงอี้
ด้านเจ้าสำนักหยูก็โบกพัดของเขาตลอดเวลาและปลดปล่อยใบมีดรูปจันทร์เสี้ยวสีทองออกมา
ทางด้านสตรีร้อยบุปผาเองก็รวมดอกไม้ทั้งหมดขึ้นมาราวกับโคมไฟดอกบัวที่งดงามและปล่อยพวกมันไปข้างหน้าขาของจอมพลเฒ่านั้นเปรียบเสมือนขวานยักษ์ที่มีแสงสีดำซึ่งติดตามร่างแยกของเจียงอี้ไปด้วยกลิ่นอายที่เย็นเยียบ
“พวกโง่!”
ร่างที่แท้จริงของเจียงอี้กำลังวิ่งไปหาเจ้าสำนักหยูและทันใดนั้นเขาก็หยุดและยิ้มออกมาจากนั้นเขาก็หายไปจากกลางอากาศซึ่งทำให้เขาสูญเสียการควบคุมร่างแยกและทำให้พวกมันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“แย่แล้ว!”
เซียวหลงหวางและคนอื่นๆตระหนักถึงบางสิ่งได้ในทันทีและการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากการโจมตีของพวกเขามุ่งไปที่ร่างแยกของเจียงอี้และหลงลืมบางสิ่งไป หากร่างแยกของเจียงอี้หายไป การโจมตีของพวกเขาทั้งหมดก็จะมาปะทะกันเอง
ตูมมม!
การโจมตีของพวกเขาถูกปลดปล่อยออกไปแล้วแล้วพวกเขาจะเรียกมันกลับคืนมาได้อย่างไร?
สัตว์ประหลาดของเซียวหลงหวาง,ดอกไม้ของสตรีร้อยบุปผาและใบมีดสีทองของเจ้าสำนักหยูกำลังจะพุ่งชนกัน มันเกิดระเบิดที่น่ากลัวและท่าเตะของจอมพลเฒ่าก็กำลังจะพุ่งเข้าสู่ศูนย์กลางของการระเบิดนั้น
บทที่ 472 ราชาของพวกเขากลับมาแล้ว
ตูม!ตูม! บึ้มม!
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมาหลายครั้งแม้แต่ทางตอนเหนือของเมืองเซี่ยยวี่ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงระเบิดนี้ มันน่ากลัวราวกับว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมา ทุกคนในเมืองรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดต่างก็แสบแก้วหูและสูญเสียการได้ยินไปชั่วขณะ
ฟึ่บ!
เซียวหลงหวางและคนอื่นๆอยู่ห่างจากจุดระเบิดค่อนข้างมากและเป็นพวกแรกที่ตอบสนองพวกเขาหนีไปอย่างไม่ลังเลในทันใด ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ใช้วิธีการต่างๆเพื่อป้องกันตัวเองจากคลื่นพลังอันรุนแรงเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บด้วย
พวกเขาหนีไปได้แต่จอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงนั้นต้องเผชิญกับเคราะห์กรรม
เพราะว่ามือทั้งสองข้างของเขาพิการไปและไม่สามารถใช้กระบวนท่าทั้งหลายได้เขาใช้ขาทั้งสองข้างปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าออกมา แต่การโจมตีนี้ไม่ใช่การโจมตีระยะไกล และในตอนนี้เมื่อพวกเขาทั้งสี่กำลังปิดล้อมเจียงอี้ เขาคิดว่าแม้ว่าเจียงอี้จะลงมือจู่โจมเขา เซียวหลงหวางและคนอื่นๆก็จะมาช่วยเขาแน่ๆและไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพวกเขาจะไม่ช่วย!
ผิวของเขากลับกลายเป็นสีขาวซีดอย่างน่ากลัวแต่ด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ เขาก็ได้ปล่อยเกราะปฐพีออกมาทันที ในขณะเดียวกันเขาก็พุ่งออกไปเพื่อที่จะหนี
แต่น่าเสียดาย….
เขาไม่มีมืออีกต่อไปแล้วและแก่นแท้พลังของเขาก็ย่ำแย่มากๆมันทำให้ความเร็วในการตอบสนองของเขาช้าลงมาก ก่อนที่เขาจะหนีไปได้ แรงระเบิดก็ได้กวาดล้างเขาไปแล้ว ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยเกราะปฐพีออกมา เขาก็ถูกบิดเป็นชิ้นๆจากการบิดเบือนของอากาศ จากนั้นร่างกายของเขาก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่จะกลายเป็นกองเนื้อและทรุดลงไปกับพื้น
จอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงสิ้นลมแล้ว!
“อั๊ก….”
อีกด้านหนึ่งสตรีร้อยบุปผาและเจ้าสำนักหยูก็ถูกโจมตีด้วยคลื่นพลังระเบิดและกระอักเลือดออกมากลางอากาศ ความแข็งแกร่งของทั้งคู่เทียบเท่ากับเซียวหลงหวางแต่อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของสตรีร้อยบุปผานั้นอ่อนแอกว่าแม่เฒ่าบุปผาสีเงิน แม้ว่านางจะไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง แต่นางก็รู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในของนางได้รับความเสียหายหลังถูกคลื่นพลังสาดเข้ามา เลือดในลำคอของนางไม่สามารถอัดอั้นไว้ได้อีกต่อไปมันถูกพ่นออกมา
“สตรีร้อยบุปผาระวัง!”
เสียงคำรามดังก้องอยู่ในหูของสตรีร้อยบุปผาทันใดนั้นนางก็ตื่นจากภวังค์ ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบๆโดยทันที ขณะที่นางใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์มองพื้นที่ว่างเปล่ารอบๆตัวนาง
บรึฟ!
พื้นที่ด้านล่างนางเริ่มแปรปรวนและจู่ๆก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขณะที่นางร้องออกมาว่า “มันคือเจียงอี้! ตาเฒ่าหยู โจมตีเดี๋ยวนี้!”
เจ้าสำนักหยูผวาสายตาของเขามองเห็นดาบมังกรเพลิงของเจียงอี้ที่ปลดปล่อยมังกรเพลิงจิ๋วออกมานับไม่ถ้วน เขากัดฟันแน่นขณะที่พยายามประคองตัวอยู่กลางอากาศ ขณะเดียวกันเขาก็โบกพัดในมือและปลดปล่อยคลื่นสีทองออกมาอย่างรวดเร็ว
“หมื่นบุปผาร่วงโรย!”
สตรีร้อยบุปผาร้องโหยหวนออกมาอย่างสาหัสแต่นางก็ไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมมือที่งดงามของนางเริ่มร่ายรำไปรอบๆ แก่นพลังรอบๆรวมตัวกันรอบมือของนางขณะที่มันแปรเปลี่ยนเป็นดอกไม้สีเหลืองซึ่งลอยลงไปอย่างไม่จบสิ้น ฉากนั้นงดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้
ปึ้งปั้ง ปั้ง ปึ้ง!
ดอกไม้สีเหลืองปะทะเข้ากับมังกรเพลิงจิ๋วนับหมื่นและทำให้เกิดระเบิดหลายครั้งราวกับประทัดที่ระเบิดอยู่กลางอากาศหลังจากที่แก่นพลังของเจ้าสำนักหยูเข้ามาร่วมด้วย การระเบิดก็รุนแรงยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจียงอี้และสตรีร้อยบุปผาต่างคนต่างกระเด็นออกไป
ฮู่ฮู่!
สตรีร้อยบุปผาเห็นเซียวหลงหวางกลายเป็นมังกรวารีและพุ่งออกมาขณะที่เจ้าสำนักหยูก็ตรงมาทางนางนางถอนหายใจอย่างโล่งอกราวกับว่านางปลดเปลื้องภาระออกไปแล้ว ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะไม่ได้ทรงพลังอย่างที่ข่าวลือกล่าวไว้ การโจมตีนั้นอาจรุนแรงมาก แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะสังหารนางได้
บรึฟ!
ในตอนที่นางรู้สึกโล่งอกไปเพียงครู่เดียวนางก็รู้สึกได้ถึงอันตรายครั้งใหญ่ที่ผุดขึ้นมาในใจนาง ในตอนที่นางมองลงไปและพบว่าเจียงอี้ได้หายไปจากจุดที่เขาเคยอยู่แล้ว การแสดงออกของนางก็เปลี่ยนไปทันใด
นางแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปและเห็นพื้นที่ด้านหลังของนางกำลังบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็วเจียงอี้ปรากฏอยู่ข้างหลังนางและห่างกันเพียงสิบเมตร!
“เจียงอี้ในเมื่อเจ้าต้องการสังหารข้า เช่นนั้นเราก็พินาศไปด้วยกันนี่แหละ! ร้อยผกาเบ่งบาน!”
ความตายนั้นได้ผุดขึ้นในใจของสตรีร้อยบุปผานางตัดสินใจที่จะไม่หนีขณะที่ร่างของนางปล่อยม่านพลังหลากสีออกมา นางได้ปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของนางออกมา ดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งประกายและหมุนวนเป็นเกลียวอยู่รอบตัวนาง ตราบใดที่เจียงอี้เข้าใกล้นาง มันจะสร้างการระเบิดครั้งใหญ่ออกมา และตอนนี้เจียงอี้อยู่ใกล้กับนางมาก เขาจะต้องถูกระเบิดอย่างไปแน่นอน
“โง่เขลาสิ้นดี!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาอย่างเย็นชาขณะที่มือของเขาสว่างวาบด้วยแสงสีเขียวเข้มทันใดนั้นเขาก็ปลดปล่อยฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงออกไป ในเปลวเพลิงทุกก้อนมีมังกรศักดิ์สิทธิ์ว่ายอยู่ในนั้น ความร้อนของเปลวเพลิงนั้นสูงมากและในตอนที่มันปรากฏขึ้นมันก็ทำให้สตรีร้อยบุปผารู้สึกว่าร่างของนางกำลังจะมอดไหม้
เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์!
“อ๊ากกกกกก!”
สตรีร้อยบุปผารู้แล้วว่านางผิดพลาดอย่างมหันต์หากเจียงอี้ปลดปล่อยมังกรเพลิงออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ มันจะเกิดการระเบิดทันที แต่เปลวเพลิงนี้นั้นเป็นไฟจริงๆ แม้ว่ามันจะปะทะเข้ากับการโจมตีรูปแบบเต๋าของนางแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เกิดการระเบิดขึ้น
นางตระหนักได้ว่ามันสายเกินไปแล้วเมื่อเปลวเพลิงถูกปล่อยออกมา เจียงอี้ก็หายลับไปจากที่ของเขา ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปที่นางจะสร้างบาดแผลแก่เจียงอี้แม้ว่านางจะอยากทำมันมากก็ตาม เมื่อนางสัมผัสได้ถึงความร้อนของเปลวเพลิง นางก็ร้องออกมาอย่างตกใจขณะที่พยายามหนีไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
ฟึ่บ!ฟั่บ!
น่าเสียดาย…
เปลวเพลิงนั้นอยู่ใกล้เกินไปความร้อนของเปลวเพลิงได้ปกคลุมทั่วร่างของนางทำให้ร่างของนางเริ่มลุกเป็นไฟ เสื้อคลุมและผมเผ้าของนางก็ลุกเป็นไฟเช่นกัน นางหนีไปอย่างหัวซุกหัวซุนขณะกรีดร้องอยู่กลางอากาศ
“สตรีร้อยบุปผาไม่ต้องกังวลไป ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!”
เจ้าสำนักหยูอยู่ใกล้ๆกับสตรีร้อยบุปผาเมื่อเจียงอี้ปรากฏตัวอยู่ข้างๆสตรีร้อยบุปผา เขาก็โต้กลับในทันที มือของเขาสว่างขึ้นด้วยแสงสีฟ้า หลังจากนั้นเขาก็สาดคลื่นยักษ์ไปยังสตรีร้อยบุปผา
คลื่นน้ำทะเลนี้ดุเดือดมากและหากมันถูกสาดไปยังสตรีร้อยบุปผามันจะทำให้นางบาดเจ็บสาหัสแน่นอน แต่หากว่าเขาไม่ทำเช่นนั้น นางก็จะถูกเผาทั้งเป็น
โละหะ,ไม้, วารี, อัคคี, ธรณี แต่ละองค์ประกอบของธาตุเหล่านี้ได้เกื้อหนุนกันและกันและต่อต้านกันและกันได้!
เจ้าสำนักหยูเข้าใจรูปแบบเต๋าวารีและน้ำนั้นสามารถดับไฟได้ คลื่นน้ำของเขาได้กลืนร่างของสตรีร้อยบุปผาจนทำให้เปลวเพลิงบนร่างของนางดับลง
เปลวเพลิงและคลื่นน้ำได้ปะทะกันและเนื่องจากน้ำและไฟนั้นก็ต่อต้านกันและกัน เปลวเพลิงและคลื่นน้ำจึงขัดขืนกันจนในที่สุดเปลวเพลิงก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรเสีย สตรีร้อยบุปผาก็กระเด็นออกไปเพราะคลื่นน้ำที่ซัดเข้ามาอย่างรุนแรง
“อ๊ากอ๊า อ๊ากกก!”
สตรีร้อยบุปผารอดพ้นจากความตายอย่างบังเอิญแต่ผิวทั้งหมดของนางถูกไฟคลอกและผิวกลายเป็นสีดำ ผมสีดำสนิทของนาง รวมไปถึงเสื้อคลุมของนางก็ถูกไฟไหม้ไปจนหมด ใบหน้าที่งดงามของนางเต็มไปด้วยบาดแผลและยังคงมีควันสีดำลอยออกมา สำหรับผู้ที่รักความงามมากกว่าชีวิต การมีรูปลักษณ์ที่น่าเกลียดนี้ยังเลวร้ายกว่าการสังหารนางไปเลยเสียอีก
ตูม!
นางตกลงไปบนพื้นอย่างแรงความเจ็บปวดได้กัดกินไปทั่วผิวหนังของนาง นางทุรนทุรายอยู่บนพื้นขณะที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องนั้นดังก้องไปทั่วทั้งเมืองเซี่ยยวี่และทำให้ทุกคนตัวสั่นเทา
“ท่านอุปราชกลับมาแล้ว!ฆ่ามันน!”
แม่ทัพเฒ่าหลูที่อยู่เหนือกำแพงเมืองเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเขาควงดาบด้วยแขนที่ยังคงใช้งานได้อยู่ขณะที่เขาคำรามออกมาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
เจียงอี้กลับมาแล้วในช่วงเวลาที่ทอดต่อกัน เขาสามารถกำจัดจอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงและสร้างบาดแผลร้ายแรงให้กับสตรีร้อยบุปผาได้ สิ่งนี้ทำให้สถานการณ์พลิกผันกลับคืนสู่การได้เปรียบและทำให้ทหารที่รอดชีวิตเริ่มมองเห็นความหวัง
“อุปราช!อุปราช!”
“ฆ่า!ฆ่า! ฆ่า….!”
“รุก!”
เสียงคำรามของแม่ทัพหลูได้ปลุกกองทัพและผู้เชี่ยวชาญแห่งต้าเซี่ยที่เหลือพวกเขาทั้งหมดกำอาวุธอย่างตื่นเต้นและตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องจนเสียงนั้นดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
ในตอนนี้แม้แต่สามัญชนธรรมดาก็ยังเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น เมืองเซี่ยยวี่อาจถูกทำลายไป แต่อาณาจักรต้าเซี่ยก็อาจไม่พินาศไป
ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะ…….ราชาของพวกเขากลับมาแล้ว!