เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 475-476
บทที่ 475 ฟ้ากำลังจะทลาย
โฮก!โฮกกก!
ราชันสัตว์อสูรตนนี้เป็นเสือสองหัวตาสีขาวขนาดของมันเล็กกว่าสัตว์อสูรหยาจื้อมากและเป็นเพียงราชันสัตว์อสูรระดับต่ำ มันพุ่งเข้าไปในเปลวเพลิงอเวจี
มันเพิ่งจะถูกปล่อยออกมาและยังไม่เข้าใจสถานการณ์แต่มันก็ถูกแผดเผาจนร่างทั้งร่างลุกเป็นไฟและโหยหวนอย่างน่าเวทนา มันมองไปที่เซียวหลงหวางที่กำลังวิ่งหนีไป ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความไม่เชื่อสายตาตัวเองปนเสียใจ
ในแง่หนึ่งสัตว์วิญญาณนั้นต้องเสียสละตัวเองเพื่อเจ้านายของพวกมันในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่แล้ว แต่โดยปกติแล้วสัตว์วิญญาณนั้นเต็มใจสละชีวิตด้วยความเต็มใจ แต่ตอนนี้เซียวหลงหวางส่งมันไปสู่ความตายด้วยความตั้งใจของเขาเองและเขายังทิ้งมันอย่างไร้เยื่อใย แล้วราชันสัตว์อสูรตนนี้จะรู้สึกเช่นไร?
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ก่อนที่เปลวเพลิงอเวจีจะเข้าถึงมันร่างยักษ์ของราชันสัตว์อสูรก็สว่างไสวไปด้วยไฟ มันสะบัดหัวทั้งสองของมันอย่างไม่หยุดหย่อนและร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง เมืองทั้งเมืองถูกล้อมไปด้วยกลิ่นอายที่รุนแรง ผู้คนมากมายตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นการตายที่น่าสลดของราชันสัตว์อสูรที่ถูกเผาทั้งเป็น
เปลวเพลิงอเวจีนั้นมีพลังมหาศาลเปลวเพลิงนั้นเข้าใกล้ราชันสัตว์อสูรได้ในไม่ช้าและเผาร่างของมันจนกลายเป็นเถ้าถ่านไป เหลือเพียงกลิ่นเหม็นไหม้กับความระอุที่พัดกระหน่ำและทำให้เหล่าพลเมืองเหงื่อท่วมตัว
ฟึ่บ!
ช่วงเวลาสั้นๆที่เสือสองหัวกำลังสกัดกั้นเปลวเพลิงร่างใหญ่ๆของมันได้ปิดกั้นความร้อนเอาไว้ เซียวหลงหวางจึงฉวยโอกาสนี้หนีไป เขาไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปและกลายเป็นลำแสงหนีไปทางทิศเหนือ ในเวลาสั้นๆเขาก็ได้กลายเป็นจุดสีดำและหายลับไปในท้องฟ้าอันห่างไกล
“ฮือฮา!”
ขณะที่เซียวหลงหวางหลบหนีไปเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวด้านล่างก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย ขวัญกำลังใจนั้นมันได้ตกต่ำไปหมดแล้ว พวกเขาถอยร่นออกจากทหารธรรมดาของอาณาจักรต้าเซี่ยไปเรื่อยๆ ในตอนนี้ พวกเขาไม่ได้ยึดอยู่กับการต่อสู้อีกต่อไปและวิ่งหนีไปเพื่อชีวิตของพวกเขาเองในทุกทิศทาง
เซี่ยถิงเวยตายไปแล้วจอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงกลายเป็นผุยผง, สตรีร้อยบุปผากำลังจะตายอยู่บนพื้นและเจ้าสำนักหยูเพิ่งถูกสังหารไป แม้ว่าชาตี้แห่งอาณาจักรเป่ยเหลียงจะยังอยู่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดคิดว่าเขาจะเอาชนะเจียงอี้ได้เพราะเซี่ยถิงเวยแข็งแกร่งกว่าชาตี้!
“จอมเวทย์เลือกคนไม่ผิดจริงๆ!”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินนั่งพิงกำแพงเมืองเพื่อพักฟื้นนางได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อยไปกว่าสตรีร้อยบุปผา แต่ถึงกระนั้นใบหน้าของนางก็ดูพึงพอใจมาก
ในตอนแรกนางไม่ต้องการมาที่นี่ แต่หยุนฉิงเทียนยืนกราน ในท้ายที่สุดนางจึงเลือกที่จะเชื่อมั่นในการเลือกของจอมเวทย์
ปรากฏว่าการเดิมพันของนางนั้นได้รับผลตอบแทนแล้วเมื่อเจียงอี้และสาวใช้คนนั้นรวมกำลังและสังหารปรมาจารย์ตระกูลหลิงนั่น เขาจะคงกระพันอยู่บนทวีปแห่งนี้ ตระกูลหยุนจะได้รับผลพลอยได้และความดีความชอบไปด้วย พวกเขารู้จักเจียงอี้เป็นอย่างดี เขามักจะใช้หนี้ของเขาเสมอ
ฟึ่บ!
เจียงอี้ไม่ได้ไล่ตามเซียวหลงหวางไปเขาช้าเกินไปที่จะไล่ตามเซียวหลงหวาง ทันใดนั้นเขาก็ขึ้นไปบนท้องฟ้า สัตว์อสูรหยาจื้อเต็มไปด้วยบาดแผล หากเขาไม่ขึ้นไปตอนนี้มันอาจจะถูกชาตี้สังหารได้
โฮก!โฮกกก!
เมื่อเขาย้ายร่างฉับพลันไปสามสิบสามกิโลเมตรสายตาของเขาก็กวาดมองไปรอบๆ เขาพบว่าสัตว์อสูรหยาจื้อกำลังไล่ตามคนผู้หนึ่งที่กำลังหนีอย่างหัวซุกหัวซุน เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นหวาดกลัวเขาและไม่กล้าสู้อีกต่อไป!
“ราชันอสูรกลับมา!”
ชาตี้อ่อนแอกว่าเซียวหลงหวางมากหากเจียงอี้ไล่ตามเขาด้วยกำลังทั้งหมด เขาอาจจะจับชาตี้ได้ภายในสองชั่วโมงจากนั้นก็สังหารเขา
แต่เขาไม่เห็นว่าซูรั่วเสวี่ยและคนอื่นๆอยู่ตรงนั้นและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ด้านล่างเมืองเซี่ยยวี่ก็นองไปด้วยเลือด ผู้คนมากมายเจ็บปวดทรมานและอีกมากมายกำลังจะตาย เขาจะทิ้งคนเหล่านั้นและตามชาตี้ไปได้อย่างไร?
โฮกก!โฮกกก!
สัตว์อสูรหยาจื้อส่งเสียงคำรามออกมาหลายครั้งหากมันอยู่ในช่วงรุ่งเรืองของมัน มันอาจจะยังไล่ตามชาตี้ได้ทัน แต่ตอนนี้มันต้องบินกลับมาอย่างไม่พอใจ
เจียงอี้เหลือบมองไปยังสัตว์อสูรหยาจื้อเขารู้สึกว่ามันจะไม่ตายดังนั้นเขาจึงปล่อยมันไว้ตามลำพัง ความสามารถในการรักษาตัวเองของสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นน่าเหลือเชื่อมาก เขาพุ่งลงไปด้านล่างและเห็นสตรีร้อยบุปผากำลังจะลุกขึ้นบินหนีไปอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อที่จะหนี เขาก็มีสายตาที่เย็นชาขึ้น เขาจะให้นางมีโอกาสหนีไปได้อย่างไร?
บรึฟ!
ดาบมังกรเพลิงปรากฏขึ้นและเปล่งประกายแสงสีแดงขึ้นเจียงอี้จับจ้องไปที่สตรีร้อยบุปผาและกำลังจะจู่โจม
“เจียงอี้โปรดเมตตาข้าด้วย!”
นางสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงและร้องออกมาเมื่อนางขยับริมฝีปากที่ไม้เกรียมของนาง นางก็ครวญคราง “เจียงอี้ หากเจ้าไว้ชีวิตข้า ภายหน้าข้าจะไม่ต่อต้านเจ้าอีกต่อไปและจะเป็นหนี้ชีวิตเจ้า เจ้าจะขอให้ข้าทำสิ่งใดก็ได้ทุกเมื่อ”
“ข้าไม่ต้องการ!”
เจียงอี้เหวี่ยงดาบในมือของเขามังกรเพลิงนับหมื่นตัวส่งเสียงออกมาและพุ่งไปทางสตรีร้อยบุปผา ใบหน้าของนางปกคลุมไปด้วยความรู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งหายนะและเริ่มบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ปึ้ง!ปึ้ง! ปั้ง!
“อ๊ากกกกกก!”
เสียงร้องและเสียงโหยหวนของสตรีร้อยบุปผาดังขึ้นขณะที่นางถูกระเบิดจนกลายเป็นเนื้อบดและได้เขย่าขวัญผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับไม่ถ้วนที่กำลังกระจัดกระจายกันออกไป
ผู้เชี่ยวชาญตายอีกคนแล้ว!
มีผู้เชี่ยวชาญประมาณสิบคนอยู่ในทวีปนี้และในวันนี้ก็มีสี่คนที่ตกตายไปในเมืองเซี่ยยวี่ เมื่อดูจากท่าทางของเจียงอี้ คนอื่นๆอีกมายมากก็จะตกตายไปเช่นกัน
ฟ้ากำลังจะทลาย!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายคนถอนหายใจเบาๆและเร่งฝีเท้าหากพวกเขาไม่หนีไปในตอนนี้ พวกเขาอาจไม่มีวันได้หนีไปอีกเลย
พวกเขาคิดถูกแล้ว!
หลังจากสังหารสตรีร้อยบุปผาไปแล้วเจียงอี้ก็ปลดปล่อยเจตจำนงสังหารของเขาออกมาอย่างรุนแรงซึ่งมันปกคลุมเมืองเซี่ยยวี่ทั้งหมดเอาไว้ และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวกว่าพันคนที่ยังไม่ทันได้หนีไปก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
“ตายยยย!”
ร่างของเจียงอี้ระอุขึ้นเขาเริ่มการสังหารหมู่แล้ว การสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังสามคนนั้นยังไม่เพียงพอที่จะบรรเทาความโกรธของเขาลงได้ ซึ่งการสังหารเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวของกองทัพพันธมิตรนั้นจะทำให้เขาสบายใจขึ้นเล็กน้อย
ฟึ่บฟุ่บ ฟั่บ ฟึ่บ!
ร่างของเขากระพริบอยู่ในเมืองเซี่ยยวี่ราวกับผีสางทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว จะมีหนึ่งคนหรือหลายคนตกตายไป การสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนั้นง่ายพอๆกับการเชือดไก่
ในเวลาไม่ถึงสองนาที!
กองทัพพันธมิตรทั้งหมดที่อยู่ในเมืองถูกสังหารไปแล้วและครั้งนี้ ในกองทัพพันธมิตรมีทหารเกือบหมื่นคน ทหารพันกว่าคนนั้นเฝ้าเมืองทางเหนือของอาณาจักรเซี่ยยวี่ ส่วนอีกแปดพันที่เหลือ นอกเหนือจากสองพันคนที่ตั้งใจจะหนีไปในตอนนี้ ทุกคนได้ตกตายไปในเมืองเซี่ยยวี่หมดแล้ว
“คารวะท่านอุปราช!”
หลังจากสังหารคนสุดท้ายไปแล้วเจียงอี้ก็ถอนเจตจำนงสังหารหลับ แม่ทัพหลูลากร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสอยู่เดินไปทางเจียงอี้พร้อมกับทหารของเขา พวกเขาทั้งหมดเลือกที่จะไปหาเจียงอี้และตะโกนออกมา
“แม่ทัพหลูและเจ้าคนนี้จะอยู่ที่นี่ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปรักษาตัวซะ ข้ามียารักษาติดตัวอยู่ พวกเจ้าใช้มันก่อนเถอะ”
เจียงอี้โบกมือและบอกให้ทุกคนลุกขึ้นเขาหยิบขวดยาหลายร้อยขวดโยนให้แม่ทัพทั้งหลาย และฝูงชนก็รีบเร่งกระจายไปทั่วเมืองเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บ
“ราชินีอยู่ไหน?”
ดวงตาของเจียงอี้เยือกเย็นราวกับสายลมฤดูหนาวเขามองไปยังแม่ทัพข้างๆแม่ทัพหลูที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม่ทัพหลูอาจรู้สึกว่ามันยากที่จะพูดในตอนนี้
แม่ทัพคนข้างๆเขาเช็ดเลือดออกจากใบหน้าและป้องมือพร้อมตอบว่า“เรียนท่านอุปราช แม่นางเจียงที่มากับท่านได้เปลี่ยนร่างอย่างกะทันหัน ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นเป้นอย่างมากและได้สังหารเซี่ยถิงเวยไปในทันที จากนั้นปรมาจารย์หลิงก็ได้ปรากฏตัวออกมา แม่นางเจียงคิดว่านางไม่สามารถเอาชนะได้แล้ว นางจึงนำราชินีเข้าไปไว้ในแจกันสีเขียวและวิ่งไปทางทิศใต้และปรมาจารย์หลิงก็ไล่ตามพวกเขาไปพะยะค่ะ”
“มิน่าล่ะ!”
เจียงอี้ตระหนักได้แล้วว่าทำไมเขาถึงไม่เห็นปรมาจารย์ตระกูลหลิงเขากำลังตามล่าเจียงเสี่ยวนู๋ไปนี่เอง
เขามองไปที่สัตว์อสูรหยาจื้อที่เพิ่งจะบินลงมาหลังจากที่ยืนยันข้อมูลแล้วเขาก็รีบสั่ง “หลังจากที่เจ้ารวบรวมผู้บาดเจ็บแล้วให้รีบถอยเข้าไปใน….ป่าอเวจีเสียและรอข้อความจากข้า ข้าจะไปช่วยราชินีและคนที่เหลือ”
หลังจากที่พูดจบประโยคเจียงอี้ก็รีบออกจากเมืองทันที เขาพาแม่เฒ่าบุปผาสีเงินและสัตว์อสูรหยาจื้อเข้าไปในพระราชวังจักรวาลเนื่องจากทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถสู้ได้อีกต่อไป เขาต้องให้เวลาพวกเขาได้พักฟื้นก่อน
ฟึ่บ!
หลังจากที่นำพวกเขาทั้งสองเข้าไปแล้วเขาก็เหินไปทางใต้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะดูสงบนิ่งแต่ลึกๆแล้วเขากังวลจนแทบใจจะขาดเจียงเสี่ยวนู๋มีพลังมากเมื่อนางเปลี่ยนร่าง แต่นางจะอ่อนแออย่างมากหลังจากที่เวลาเปลี่ยนร่างของนางถึงขีดสุดแล้ว ใครก็สามารถสังหารนางได้ง่ายๆ นางจะรอดจากเงื้อมมือของปรมาจารย์หลิงได้ไหมนะ?
…
บทที่ 476 ปรมาจารย์ตระกูลหลิง
ฟึ่บฟั่บ ฟึ่บ!
เจียงอี้ยังคงย้ายร่างฉับพลันไปเรื่อยๆเขาไปทางทิศใต้ราวกับดวงวิญญาณที่กระพริบอยู่บนท้องฟ้า เขาไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋มุ่งหน้าไปทางไหนหรือตอนนี้นางอยู่ที่ใด เขาไม่มีทางเลือกนอกจากรีบวิ่งไปทางทิศใต้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เขาเดาได้แค่เพียงว่าเจียงเสี่ยวนู๋น่าจะบินไปที่ทะเล นางจะสามารถรอดพ้นจากความตายได้ก็ต่อเมื่อนางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในเกาะก็เท่านั้น การที่กองทัพพันธมิตรทั้งห้ารวมกำลังกันและโจมตีอาณาจักรต้าเซี่ย ทวีปนี้ทั้งทวีปก็ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
เจียงอี้เหนื่อยล้ามากหลังจากที่เดินทางโดยไม่ได้หยุดหย่อนมาหลายวันและเกิดการต่อสู้อยู่หลายครั้งที่เมืองเซี่ยยวี่แต่เขาก็ยังต้องทนตามไปในตอนนี้ เขาไม่กล้าที่จะชักช้าแม้แต่น้อย เจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาคงยอมตายเสียดีกว่าที่จะหยุดพัก
“มีเมืองอยู่ข้างล่างนี่!”
หลังจากย้ายร่างฉับพลันไปชั่วขณะเจียงอี้ก็เห็นเมืองใหญ่ไกลๆ ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาเห็นคำว่า ‘เมืองเซี่ยเถียน’ ที่ประตูเมือง ทันใดนั้นเขาก็ร่อนลงไปที่พื้นและพุ่งไปที่เมือง
เมืองเซี่ยเถียนแห่งนี้เป็นเมืองสำคัญทางใต้ของอาณาจักรต้าเซี่ยและมีกองกำลังประจำการอยู่แสนนายมีหน่วยลับอยู่ในเมืองเล็กใกล้ๆนี้ หากเขาถามพวกเขาเกี่ยวกับเจียงเสี่ยวนู๋ เขาอาจจะเจออะไรที่เป็นประโยชน์ก็ได้
“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ!เมืองเซี่ยเถียนปิดประตูเมืองแล้ว รีบไปซะไม่เช่นนั้นพวกเราจะสังหารเจ้าโดยไม่มีปรานี!”
ทหารในเมืองรู้สึกกระวนกระวายเมื่อเห็นเจียงอี้ที่กำลังพุ่งมาเป็นเงาทางตอนเหนือของอาณาจักรต้าเซี่ยนั้นอยู่ระหว่างการต่อสู้ครั้งใหญ่ จะไม่ให้พวกเขากังวลได้อย่างไรเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญปรากฏตัวขึ้นมา?
“โอหังนัก!นั่นคือท่านอุปราช! คารวะท่านอุปราช!”
หนึ่งในแม่ทัพที่มีตาที่ดีกว่าเขาจำเจียงอี้ได้ ก่อนที่จะตบกะโหลกแม่ทัพที่พูดเมื่อครู่นี้ เขารีบวิ่งลงไปที่ประตูเมืองและคุกเข่าพร้อมตะโกนออกมา
ฟึ่บ!ฟั่บ!
แม่ทัพต่างๆที่อยู่บนกำแพงเมืองรีบกระโดดลงมาทีละคนทุกคนคุกเข่าพร้อมตะโกนออกมา “คารวะท่านอุปราช!”
“ลุกขึ้น!”
เจียงอี้ไม่มีเวลาที่จะมาเสียเวลากับพวกเขาเขาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน “พวกเจ้าเห็นเด็กผู้หญิงผมสีเขียวที่มีปีกสีเขียวหรือไม่? หรือไม่ก็ปรมาจารย์ตระกูลหลิงบินผ่านมาที่นี่บ้างหรือไม่?”
“อ๊ะ?พะยะค่ะ!”
แม่ทัพคนหนึ่งพูดอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม“เมื่อสิบห้านาทีก่อนมีหญิงสาวผมสีเขียวที่มีปีกบินผ่านไป นางมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งและรวดเร็วมาก ข้าเกรงว่าจะไม่มีผู้ใดเห็นยกเว้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว อืมม….เมื่อห้านาทีก่อนก็มีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังอีกคนผ่านมา เขามีความเร็วใกล้เคียงกับแม่นางผู้นั้นและข้าไม่รู้ว่าเขาคือปรมาจารย์ตระกูลหลิงที่ท่านอุปราชเอ่ยถึงหรือไม่พะยะค่ะ”
“สิบห้านาทีที่แล้ว?”
หัวใจของเจียงอี้ดิ่งลงแม้ว่าเวลาในการเปลี่ยนร่างของเจียงเสี่ยวนู๋จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ตอนนี้นางก็น่าจะถึงขีดสุดแล้ว ปรมาจารย์ตระกุลหลิงตามนางมาทันทีและน่าจะเจอนางได้ง่ายๆ ผลที่ตามมานั้นจะเป็นหายนะ
“ให้คนในเมืองคอยสังเกตุการณ์และรอคำสั่งข้า!”
เจียงอี้ตะโกนและย้ายร่างฉับพลันไปทางทิศใต้เขาเร็วกว่าเดิมในครั้งนี้ ในพริบตาเขาก็กลายเป็นจุดดำและหายไปทางใต้แล้ว
ฟึ่บ!ฟั่บ!
หลังจากย้ายร่างฉับพลันไปประมาณห้านาทีเจียงอี้ก็หยุดกะทันหันขณะที่ได้ยินเสียงแหลมๆจากความเร็วของการบิน นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังอยู่ด้านหน้า
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกัง!
จากระยะที่ไกลเช่นนี้มีเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเท่านั้นที่สามารถแผ่กลิ่นอายที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเกือบทั้งหมดในทวีปนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นและผู้ที่อยู่ข้างหน้าก็ถูกระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน
ฟึ่บ!
เจียงอี้นิ่งไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ย้ายร่างฉับพลันไปข้างหน้าทันทีและแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองคนพบกันและกัน ทั้งคู่ก็สั่นคลอนและปลดปล่อยจิตสังหารที่ไร้ขอบเขตออกมาทันที
ตามที่คาดไว้เขาคือปรมาจารย์ตระกูลหลิง!
ดวงตาของเจียงอี้สว่างขึ้นในขณะนี้ตอนนี้เขาเห็นว่าปรมาจารย์ตระกูลหลิงดูเหมือนจะ….กำลังหาอะไรบางอย่างแถวๆนี้ เขากำลังตามหาเจียงเสี่ยวนู๋แล้วทำไมเขาถึงได้หยุดและมองหารอบๆ?
เมื่อปรมาจารย์ตระกูลหลิงออกจากเมืองเซี่ยยวี่การต่อสู้นั้นก็อยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน หากเขาสามารถสังหารเจียงเสี่ยวนู๋ได้แล้ว เขาคงจะกลับไปที่เมืองเซี่ยยวี่ทันทีแทนที่จะมาเดินเล่นอยู่รอบๆ คำอธิบายเดียวก็คือ เขายังคงตามหาเจียงเสี่ยวนู๋อยู่! หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเจียงเสี่ยวนู๋ยังไม่ตาย!
หลังจากที่ได้ข้อสรุปเช่นนี้แล้วเจียงอี้ก็ค่อยผ่อนคลายลงหน่อยแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าเจียงเสี่ยวนู๋หลบหนีจากการตามล่าของปรมาจารย์หลิงได้อย่างไร แต่เขาก็ยังรู้สึกโล่งอกตราบใดที่พวกเขายังอยู่ดี
“เจียงอี้!”
ดวงตาของปรมาจารย์หลิงเป็นประกายด้วยแสงจ้าเขากำลังตามหาเจียงเสี่ยวนู๋อยู่จริงๆ เขาตรวจจับกลิ่นอายของนางได้ระหว่างทาง แต่จู่ๆนางก็หายไปแถวๆภูเขาที่อยู่ใกล้ๆนี้ และเมื่อเขาออกตามหามาไกลกว่าห้าพันกิโลเมตร เขาก็ยังไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของนางเลยดังนั้นเขาจึงรีบกลับไปสำรวจรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
แต่มันก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่เจียงอี้ปรากฏตัวมันจะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปเมื่อเขาสังหารเจียงอี้ เขาเห็นเจียงอี้มาจากทางทิศเหนือ ดังนั้นเขาจึงสำรวจทางเหนือด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างสงสัย เมื่อเขาไม่พบใครตามหลังเจียงอี้มา เขาจึงถามอย่างบึ้งตึงว่า “เจียงอี้ เจ้ามาจากที่ใด?”
“ข้ามาจากที่ใด?”
ร่องรอยของความเยือกเย็นปรากฏไปทั่วดวงตาของเจียงอี้เขารู้ดีถึงสิ่งที่ปรมาจารย์หลิงกังวลอยู่ เขาหันไปมองและยิ้มพร้อมพูดเบาๆว่า “แน่นอนว่าข้าจะต้องมาจากเมืองเซี่ยยวี่น่ะสิ ปรมาจารย์หลิง ข้ามีข่าวร้ายจะบอกเจ้า เซียวหลงหวาง, ชาตี้, สตรีร้อยบุปผา, จอมพลเฒ่า, เจ้าสำนักหยูและเซี่ยถิงเวยถูกสังหารไปหมดแล้วรวมไปถึงกองทัพพันธมิตรของเจ้าด้วย จักรพรรดินีสัตว์อสูรและแม่หญิงหอดาราสุ่ยเยว่มาที่นี่และพวกนางกำลังจู่โจมเมืองต่างๆอยู่ จักรพรรดินีสัตว์อสูรครองเมืองเทียนชิงแล้ว และในอีกไม่ช้า เจ้าจะเป็นเพียงคนเดียวของจักรวรรดิมังกรเวหาที่หลงเหลืออยู่! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“อะไรนะ?”
ปรมาจารย์หลิงมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปแต่ก็หัวเราะออกมาทันที “เจ้าหนู เจ้ากำลังโกหกข้า มันเห็นได้ชัดเจนว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจากทวีปนี้ไปแล้ว เช่นนั้นแล้ว ไหนสุ่ยโย่วหลานและนักบวชเฒ่าล่ะ? ทำไมเจ้าไม่ให้พวกเขาออกมา?”
“ฮ่าฮ่า!ปรมาจารย์ เจ้าน่ะไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ”
เจียงอี้นั้นรู้วิธีการเล่นสงครามประสาทเขาแสดงพระราชวังจักรวาลในมือของเขาออกมา แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาและสัตว์อสูรหยาจื้อและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินได้ปรากฏตัวขึ้นในอากาศ หลังจากที่ปล่อยทั้งสองคนออกมา เขาก็รีบนำพวกเขากลับเข้าไป จากนั้นเขาก็พูดเบาๆว่า “ข้าไม่อยากให้พวกเขาต้องมาจัดการกับคนระดับเจ้าหรอก แค่ข้าเพียงคนเดียวก็พอแล้ว ไอ้เฒ่า ตายซะ!”
“ห้ะ…”
หลังจากที่ได้เห็นสัตว์อสูรหยาจื้อและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินแล้วปรมาจารย์หลิงก็ตะลึงและลังเลเล็กน้อย เขาเห็นชัดเจนว่าก่อนที่เขาจะจากมา แม่เฒ่าบุปผาสีเงินและสัตว์อสูรหยาจื้อกำลังจะตาย แต่ในตอนนี้ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่! และพวกเขาก็ถูกเจียงอี้พามาที่นี่ นั่นมันหมายความว่าอย่างไร? มันก็หมายความว่าสงครามในเมืองเซี่ยยวี่สิ้นสุดลงแล้ว!
ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังอยู่ห้าคนในเมืองเซี่ยยวี่เจียงอี้จะสังหารพวกเขาทั้งหมดด้วยตัวเองได้ภายในเวลาอันสั้นได้อย่างไร? จักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่เคยได้ออกจากทวีปจริงๆหรือ? สุ่ยโย่วหลานและนักบวชเฒ่ามาช่วยจริงหรือ? หรือมันจะเป็น…..แผนการของโถงวรยุทธ?
ปรมาจารย์ตระกูลหลิงมีแต่ความไม่มั่นใจและตื่นตระหนกเล็กน้อยหากเจียงอี้พูดจริง จักรวรรดิมังกรเวหาก็ถูกโค่นอย่างแน่นอน และเขาก็เป็นคนตายแล้ว
ฟึ่บ!
เจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันมาที่เขาดาบมังกรเพลิงปรากฏในมือเขาและปล่อยมังกรเพลิงจิ๋วนับหมื่นออกมา ขณะเดียวกัน ร่างกายของเขาก็เปล่งประกายด้วยแสงสีขาวและกลายเป็นภาพสี่ภาพพุ่งเข้าหาปรมาจารย์ตระกูลหลิงเป็นขบวนแบบคล้ายพัด
“ตาย!”
ปรมาจารย์หลิงสัมผัสได้ถึงพลังงานจากมังกรเพลิงนับหมื่นตัวและเขาต้องคอยรวบรวมสมาธิของเขากลับมาดวงตาที่ไร้ปรานีนั้นส่องผ่านแววตาของเขา ไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เขาควรที่จะสังหารเจียงอี้เสียก่อน