เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 479-480
บทที่ 479 ทางเลือกสุดท้าย
“อะไรนะ?ปรมาจารย์หลิงและเจียงอี้หายตัวไป?”
เป็นเวลาห้าวันแล้วที่การต่อสู้ในเมืองเซี่ยยวี่จบลงหน่วยสอดแนมและหน่วยลับของอาณาจักรอื่นๆในอาณาจักรต้าเซี่ยได้ตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ข่าวที่พวกเขาส่งกลับมาก็ได้ทำให้ใจของหลิงเสวี่ย, เซียวหลงหวางและคนอื่นๆพากันตกไปถึงตาตุ่ม
ทางตอนใต้สุดของอาณาจักรต้าเซี่ยมีเทือกเขาขนาดใหญ่และมีร่องรอยของการต่อสู้ที่ดุเดือดภูเขาหลายลูกถูกทำลายด้วยพลังดัชนีและป่ามากมายก็ถูกเผาด้วยไฟ หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ได้ว่าปรมาจารย์หลิงและเจียงอี้เคยสู้กันที่นี่ แต่เหตุใดทั้งสองจึงหายไป?
เจียงอี้อยู่นอกเมืองเซี่ยยวี่เพียงลำพังและเขาได้ต่อสู้กับสี่จอมยุทธขอบเขตจินกังและสังหารไปได้สามคนและได้ทำให้เซียวหลงหวางและชาตี้หวาดกลัวพร้อมกับการทำให้พิภพปั่นป่วนกองกำลังทั้งห้าได้แต่ฝากความหวังไว้กับปรมาจารย์หลิงเท่านั้น
และท้ายสุดแล้ว…..
ปรมาจารย์หลิงและเจียงอี้ก็ได้สู้กันทางตอนใต้ของอาณาจักรต้าเซี่ยก่อนที่ทั้งสองจะหายตัวไปจะไม่ให้ฝูงชนกังวลได้อย่างไรกัน? ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์หลิงนั้นอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตจินกังแล้ว แต่การต่อสู้ยังคงใช้เวลายืดยาว? และยังไม่สามารถสังหารเจียงอี้ได้ พลังของเจียงอี้ทัดเทียมกับปรมาจารย์หลิง? หรือว่าเขาเผาปรมาจารย์หลิงไป? ตอนนี้เขากำลังซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักที่เพื่อวางแผนที่สังหารศัตรูทั้งหมดและรวมทวีปเข้าด้วยกันอยู่หรือเปล่า?
หากปรมาจารย์หลิงกุมชัยชนะได้ข่าวก็คงจะแพร่ไปทั่วพิภพเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ หากแม้ว่าปรมาจารย์หลิงจะบาดเจ็บสาหัสเขาก็ยังคงบอกให้คนส่งข่าวกลับมา แต่ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ข่าวคราวของเขาเลย จะไม่ให้ผู้คนตระหนกได้อย่างไร?
“สตรีศักดิ์สิทธิ์ท่านคิดว่าพวกเขาไปที่ใดกัน?”
ภายใต้หุบเหวอเวจี,ผู้อาวุโสหลู่มองไปที่จีทิงยวี่อย่างเคร่งขรึม เจียงอี้ทำให้พวกเขาตะลึงอีกครั้ง เขาเทียบเคียงปรมาจารย์หลิงได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะแผนการของจีทิงยวี่ที่ปล่อยให้จักรพรรดินีสัตว์อสูรออกจากทวีปไปและหยุดสุ่ยโย่วหลานและนักบวชเฒ่าเอาไว้ เขาเกรงว่าจะไม่มีผู้ใดในพิภพนี้ที่จะสามารถโค่นเจียงอี้ลงได้เมื่อกำหนดสัญญาสามปีมาถึง
“พวกเขาจะไปไหนได้ล่ะ?ไม่ทะเลทางใต้ก็ทะเลตะวันออก!”
จีทิงยวี่กำลังอ่านข้อมูลที่หน่วยสอดแนมส่งกลับมานางต้องวิเคราะห์ข้อมูลทุกสิ่งที่ได้มาอยู่นาน สีหน้าของนางนั้นสงบมากและเผยรอยยิ้มจางๆ นางสะบัดมือและพูดว่า “ผู้อาวุโสหลู่ ไม่ต้องกังวลไป เจียงอี้ไม่สามารถเอาชนะปรมาจารย์หลิงได้หรอก”
“โอ้?”
ผู้อาวุโสหลู่ตาสว่างเขาถามอย่างกังวลว่า “ทำไมสตรีศักดิ์สิทธิ์จึงกล่าวเช่นนี้? แล้ว…ท่านสรุปได้อย่างไรว่าพวกเขาออกไปทางทะเล? ทะเลนั้นเต็มไปด้วยปีศาจทะเลที่ทรงพลัง พวกเขาอยากตายกันหรือ?”
“ฮิฮิ!”
จีทิงยวี่ไม่ได้อธิบายอะไรนางเพียงหัวเราะเบาๆและวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป หลังจากนั้นไม่นานนางก็ถามขึ้นมาว่า “ผู้อาวุโสเจิงอยู่ไหน?”
ผู้อาวุโสหลู่ป้องมือแล้วตอบว่า“เขาอยู่ที่ที่ราบน้ำแข็งเวิ้งว้างแล้วและน่าจะกลับมาถึงในอีกหนึ่งวัน สตรีศักดิ์สิทธิ์คำนวณเวลาไว้ได้แม่นยำนัก ผู้อาวุโสเจิงทำงานที่มอบหมายเสร็จแล้ว”
“อื้ม”นางพยักหน้าอย่างแผ่วเบาและถามอีกครั้ง “ท่านประมุขจะกลับมาเมื่อไหร่กัน?”
ผู้อาวุโสนับเวลาและพูดว่า“อย่างมากที่สุดก็ครึ่งเดือนขอรับ”
“เข้าใจแล้ว”
จีทิงยวี่ยืนขึ้นมาและยิ้มจางๆ“เอาล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในกำมือข้า หากแม้ว่าเจียงอี้จะหนีจากปรมาจารย์หลิงได้ เขาก็ยังไม่หลุดพ้นแผนการของข้าอยู่ดี ผู้อาวุโสหลู่โปรดวางใจ”
…
ฟึ่บ!
บนท้องฟ้าเหนือทะเลตะวันออกสัตว์อสูรขนาดยักษ์ผ่านลอยไป แสงสีเหลืองแดงสองสายถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของมัน
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินนั่งอยู่บนสัตว์อสูรยักษ์นั่นผมสีแดงของเขาปลิวไสวไปตามสายลม ชายหนุ่มผู้นั้นนั่งขัดสมาธิและหลับตาอย่างผ่อนคลาย ส่วนสัตว์อสูรนั้นมีบาดแผลที่เห็นได้อย่างชัดเจนบนร่างกายของมัน แต่มันก็กลายเป็นเพียงแผลเป็นไปแล้ว ดังนั้นมันจึงมีร่างกายที่ดีขึ้นไม่มากก็น้อย
ฟึ่บ!
ทันใดนั้นก็มีจุดดำๆบินมาแต่ไกลซึ่งรวดเร็วกว่าสัตว์อสูรมาก พวกเขาเริ่มใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆและแรงกดดันอันมหาศาลก็กำลังแผ่ไปที่สัตว์อสูรตนนั้นจนความเร็วของมันลดลงมาก
จนในที่สุดเขาก็กำลังจะตามทัน!
ชายหนุ่มที่อยู่บนสัตว์อสูรลืมตาขึ้นและแสดงร่อยรอยแห่งความขมขื่นขึ้นบนริมฝีปากของเขาผ่านไปเพียงห้าวัน ปรมาจารย์หลิงก็พบเขาแล้ว
หลังจากที่เจียงอี้ตัดสินใจไปทะเลมรณะเขาก็พยายามถ่วงเวลาเช่น ย้ายร่างฉับพลันไปในทะเลเพื่อปิดบังกลิ่นอายของเขา และยังนำปีศาจทะเลออกมาจากราชวังจักรวาลและปล่อยให้พวกมันแล่นไปทั่วทุกสารทิศพร้อมกับเสื้อผ้า เส้นผม แม้กระทั่งเนื้อและเลือดของเขา
เขาพยายามอย่างสุดกำลังที่จะกำจัดปรมาจารย์หลิงแต่ก็ล้มเหลวอยู่ดี
แน่นอนว่า….เขาก็หวังไว้เช่นกันว่าปรมาจารย์หลิงจะตามเขามาทันไม่เช่นนั้นเจียงอี้คงจะไม่สามารถล่อเขาไปสู่ทะเลมรณะได้ แต่น่าเสียดายที่อีกไม่กี่วันแผนการนั้นก็จะสมบูรณ์แบบอยู่แล้วแต่ว่ามันยังเหลืออีกสี่ห้าวันกว่าจะถึงทะเลมรณะ!
“ฮ่าฮ่าฮ่าไอ้หนู เจ้าหลอกข้าด้วยกลลวงมากมาย? เตรียมตัวตายซะเถอะ!”
ปรมาจารย์หลิงรีบพุ่งออกไปนิ้วของเขากำลังชี้เล็งมาและปล่อยพลังดัชนีจักรพรรดิไปทางเจียงอี้ เขาปิดผนึกทางที่สัตว์อสูรอาจหนีไปทั้งหมด
โฮก!โฮกกก!
เมื่อสัตว์อสูรหยาจื้อสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงมันไม่ได้หนีไปไหนแต่มันหันไปและปล่อยพลังเวทย์ที่เขาของมันออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีของปรมาจารย์หลิงแทน
“ราชันสัตว์อสูรเจ้ากลับไปซะ! เจ้าเอาชนะเขาไม่ได้!”
เจียงอี้ผายมือของเขาและราชวังจักรวาลก็เปล่งประกายทันทีสัตว์อสูรหยาจื้อไม่มีทางเลือกและกลายเป็นภาพเลือนลางและหายเข้าไปในราชวังจักรวาล เจียงอี้ปลดปล่อยทะเลเพลิงออกมา ทันใดนั้นเขาก็ย้ายร่างฉับพลันอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นเขาอาจถูกบดขยี้เป็นผุยผงโดยพลังดัชนีจักรพรรดิเป็นแน่
“นี่เจ้ายังพยายามจะหนีอีกรึ?”
ปรมาจารย์หลิงไม่ได้เก็บพลังของเขาอีกต่อไปและเร่งความเร็วขึ้นหลังจากที่ปล่อยการโจมตีออกมาแล้ว เขาก็พุ่งไปที่ทะเลและเลี่ยงทะเลเพลิงในอากาศ ทันใดนั้นเขาก็โผล่ขึ้นมาจากทะเลและพุ่งเข้าหาเจียงอี้ที่อยู่ตรงหน้า
“เวรล่ะ!”
ปรมาจารย์หลิงกำลังพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วเต็มกำลังซึ่งทำให้เจียงอี้รู้สึกถึงแรงกดดันขึ้นในทันใด เขาต้องหาทางหนีทีไล่แต่ก็ต้องปล่อยทะเลเพลิงอีกลูกออกมาด้วย ในเวลาเดียวกันไข่มุกวิญญาณเพลิงก็เปล่งประกายและปล่อยเพลิงอเวจีออกมาหลายลูก
เพลิงอเวจีนั้นร้อนแรงกว่าเพลิงมังกรสวรรค์มากนักแม้ว่าพวกมันจะอยู่เหนือทะเลไปหลายร้อยเมตรแต่ทะเลด้านล่างนั้นก็เกิดไอระอุสีขาวขึ้นมา
“หืม?”
ปรมาจารย์หลิงไม่กล้าที่จะลดการป้องกันลงในครั้งนี้เขาถอยออกไปก่อนและข้ามผ่านทะเลเพลิงก่อนที่เขาจะไล่ล่าต่อ เขาไม่คิดว่าเจียงอี้จะมีเปลวเพลิงอเวจีไม่รู้จักจบจักสิ้น ตราบใดที่เขาสามารถเข้ามาใกล้อีกไม่กี่กิโลเมตรเขาก็มั่นใจว่าเขาจะสังหารเจียงอี้ได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
ทุกครั้งที่ปรมาจารย์หลิงพยายามลดระยะห่างระหว่างพวกเขาเขาถูกบังคับให้ต้องถอยไปเพราะเปลวเพลิงอเวจีของเจียงอี้ และยังคงอยู่เช่นนั้นมาครึ่งวัน ส่วนเจียงอี้นั้นรู้สึกกังวล แม้ว่าเขาจะมีเปลวเพลิงอเวจีอยู่ในไข่มุกวิญญาณ แต่มันก็คงจะมีไม่พอสำหรับการใช้งานอีกห้าวันแน่
“เหอะ!ไอ้เด็กสารเลว ตายซะเถอะ! มิติผันผวน!”
เจียงอี้ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นอีกต่อไปวินาทีต่อมา ปรมาจารย์หลิงก็ได้ตัดสินใจและเผยจิตสังหารออกมาหลังจากเฝ้าสังเกตการณ์มาครึ่งวัน หลังจากที่เขาหลบการโจมตีอัคคีของเจียงอี้แล้วเขาก็ปล่อยฝ่ามือออกมา แม้ว่ามันจะดูไม่มีพลังทำลายล้างและเจียงอี้ไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงใดๆ แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมากเมื่อเขาเห็นพื้นที่ด้านหลังเขา
บรุฟ!
ขณะที่สายฝนโปรยลงมาในทะเลอันเงียบสงบชั้นบรรยากาศก็เริ่มกระเพื่อมเช่นกัน คลื่นถูกซัดเข้าหากันก่อนที่มันจะเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็ว พื้นที่ทั้งหมดในหลายกิโลเมตรนี้แปรปรวนไปมา
เจียงอี้ตั้งใจจะย้ายร่างฉับพลันแต่เขาก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้หากเขาฝืนตัวเอง มันอาจจะทำให้เขากลายเป็นผุยผงได้
เจียงอี้ได้เห็นการโจมตีรูปแบบเต๋ามิติผันผวนนี้แล้วเซี่ยถิงเวยก็เคยใช้มันเช่นกัน! ปรมาจารย์หลิงไม่เคยใช้การโจมตีรูปแบบเต๋า ที่น่าตะลึงก็คือเขายังสามารถเข้าถึงการโจมตีรูปแบบเต๋ามิติซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบเต๋าฟ้าดินได้
ปรมาจารย์หลิงไม่เคยแสดงพลังที่แท้จริงของเขาเลยและเมื่อเขาแสดงมันออกมา มันช่างน่าอัศจรรย์นัก!
ปรมาจารย์หลิงเก่งมากเรื่องความอดทนเขาไม่เคยใช้ท่าไม้ตายหรือเปิดเผยทางเลือกสุดท้ายออกมาก่อนที่เขาจะรู้จักศัตรูเลย เมื่อเขาใช้มันแสดงว่าเขาตั้งใจที่จะสังหารคนผู้นั้น!
เฮ้ออ….มันไม่มีทางอื่นแล้ว!ข้าคงต้องใช้ทางเลือกสุดท้าย!
เจียงอี้กัดฟันแน่นทันใดนั้นราชวังจักรวาลก็สว่างขึ้นและราชวังหยกขาวก็พุ่งออกมาซึ่งมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและในไม่ช้ามันก็กลายเป็นพระราชวังขนาดใหญ่ มันคือพระราชวังจักรพรรดิของจักรพรรดินีสัตว์อสูร!
….
บทที่ 480 มาดูกันว่าข้าจะฆ่าเจ้ายังไง
เจียงอี้ได้ขัดเกลาราชวังจักรพรรดิของจักรพรรดินีสัตว์อสูรมานานแล้วแต่เขาไม่เคยใช้มันมาก่อน และมันก็เป็นทางเลือกสุดท้ายของเขา เห็นได้ชัดว่ามันไม่สามารถนำออกมาใช้แบบสุ่มๆได้ มันคือสิ่งที่เอาไว้ช่วยชีวิตของเขาในวันที่เขาหมดหนทางแล้ว
ในตอนนี้ที่เกิดมิติผันผวนเขาไม่สามารถย้ายร่างฉับพลันได้ คู่ต่อสู้ของเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดและเขาคงไม่มีโอกาสต่อต้านแน่นอน มันจึงเป็นปกติอยู่แล้วที่เขาจะต้องหันไปพึ่งทางเลือกสุดท้าย
ฟึ่บ!
ราชวังจักรพรรดิไม่ได้ใหญ่มากแต่มันก็ไม่ได้เล็กเช่นกัน มันมีรัศมีสามร้อยเมตรและในช่วงที่ราชวังจักรพรรดิได้ปรากฏขึ้น ห้วงมิติก็ทำให้พื้นที่แถบนั้นสนั่นอีกครั้ง เจียงอี้เข้าไปข้างในราชวังจักรพรรดิและเมื่อเขาเข้าไปแล้วเขาก็รีบปิดประตูทันที จากนั้นราชวังจักรพรรดิก็เปล่งประกายด้วยแสงสีขาวศักดิ์สิทธิ์ไปทั่ว
“เอ๊ะ?”
ปรมาจารย์หลิงที่กำลังพุ่งมาก็ถูกหยุดไว้โดยราชวังจักรพรรดิเขาเคลื่อนไปรอบๆราชวังจักรพรรดิก่อนที่จะปลดปล่อยพลังดัชนีออกมา และมันรุนแรงเป็นสองเท่าของพลังดัชนีก่อนหน้านี้และได้ทำลายพื้นที่ที่มันผ่านไป
ปัง!
เสียงที่เหมือนหินกระทบกับกำแพงหินดังสนั่นขึ้นอย่างชัดเจนและในตอนนั้นราชวังจักรพรรดิก็ได้ส่องสว่างอย่างงดงามและปลดปล่อยแรงกดดันอันมหาศาลออกมาซึ่งทำให้ปรมาจารย์หลิงอึดอัด เขาประหลาดใจเมื่อรู้ว่าราชวังจักรพรรดิไม่ได้รับความเสียหายเลย มันกลับคืนสู่ความปกติหลังจากที่ส่องสว่างขึ้นมา
“นี่มัน……คือสิ่งที่เรียกว่าสิ่งประดิษฐ์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์หรือ?ไม่ ไม่มีทาง! สิ่งประดิษฐ์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอยู่ในทวีปเทียนชิงได้อย่างไรกัน? มันน่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง”
ใบหน้าของปรมาจารย์หลิงนั้นดูเคร่งขรึมแต่ดวงตาของเขากลับเปล่งประกายและเกิดความโลภอย่างรวดเร็ว สมบัติแบบนี้นั้นมีน้อยมากในทวีปเทียนชิง หากเขาครอบครองสิ่งประดิษฐ์นี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้!
“ของดี!นี่มันไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน มันคือสมบัติสำคัญของทวีปจิ้งจอกสวรรค์หรือเปล่า?”
เจียงอี้ที่อยู่ในห้องภายในราชวังจักรพรรดิเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกันในห้องนั้นมีลูกแก้วขนาดเท่าหัวคนอยู่ มันกำลังฉายภาพที่แสดงให้เห็นว่าข้างนอกนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
มันคือเครื่องควบคุมราชวังจักรพรรดิเจียงอี้สามารถเห็นปรมาจารย์หลิงอย่างชัดเจนว่าเขายังคงโจมตีราชวังจักรพรรดิจากลูกแก้วนั้น แต่ไม่ว่าเขาจะโจมตีมากขนาดไหน ราชวังจักรพรรดิก็ไม่สั่นไหวเลยแม้แต่น้อยนอกจากจะเปล่งแสงเรืองรองออกมาเท่านั้น การป้องกันของมันช่างทรงพลังนัก
“จักรพรรดินีสัตว์อสูรเคยกล่าวไว้ว่าราชวังจักรพรรดิแห่งนี้สามารถต้านทานการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังได้สิบวันสิบคืนนางไม่ได้โกหกเลย!”
เจียงอี้ประหลาดใจมากแต่เขาก็ไม่กล้าให้ปรมาจารย์หลิงคอยโจมตีอยู่เช่นนี้เรื่อยๆ
เขาได้ขัดเกลาราชวังจักรพรรดิและคุ้นเคยกับสมบัตินี้แล้วมันมีอาคมยับยั้งอยู่ภายในและสามารถดูดซับพลังฟ้าดินได้ แต่ปริมาณที่สามารถกักเก็บได้นั้นก็มีขีดจำกัดของมันอยู่ ทุกครั้งที่มันกันการโจมตี พลังงานจำนวนหนึ่งก็จะถูกใช้ไป และเมื่อพลังงานนั้นถูกใช้ไปจนหมดแล้วราชวังจักรพรรดิก็จะพังทลายลง
ดังนั้นเขาจึงต้องตัดสินใจในตอนนี้มือข้างหนึ่งตบไปยังลูกแก้วนั้นและวังทั้งวังก็สั่นและเริ่มบินไปทางทิศเหนือ ราชวังจักรพรรดิได้เริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วปานกลางซึ่งมันใกล้เคียงกับความเร็วของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นแรก
“หึ…..ยังจะหนีอีกรึ?”
ปรมาจารย์หลิงหัวเราะเยาะและกลายเป็นแสงและตามราชวังไปเขายังคงยิงพลังดัชนีออกไปซึ่งมันเหมือนการโจมตีขั้นพื้นฐานของเขาเช่นเดียวกับดาบมังกรเพลิงของเจียงอี้ มันจะไม่ใช้แก่นแท้พลังหรือพลังจิตวิญญาณมากเกินไปและเขาก็ไม่เชื่อว่าราชวังจักรพรรดินี้จะทนทานเช่นนั้น
อย่างน้อยที่สุดแม้ว่าเขาจะไม่สามารถทำลายวังได้ในเวลาอันสั้น เจียงอี้จะหนีไปไหนได้อีก?
เขาจะกล้าไปยังทะเลส่วนลึกหรอ?ชนชั้นจักรพรรดิสัตว์อสูรนั้นสามารถทำลายราชวังจักรพรรดินี่ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แม้เขาจะเตร็ดเตร่ไปรอบทวีปเทียนชิง เจียงอี้จะไปไหนได้? ทวีปเทียนชิงนั้นก็ยังอยู่ภายใต้อาคมยับยั้งอยู่ แม้แต่สมบัติที่ทรงพลังที่สุดก็อาจถูกทำลายลงได้ด้วยการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งแม้ว่ามันจะเป็นราชวังจักรพรรดิแห่งนี้
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ที่ทะเลตะวันออกพระราชวังที่งดงามได้บินผ่านท้องฟ้าไปด้วยความเร็วสูงและตามมาด้วยชายชราในชุดคลุมมังกรที่คอยโจมตีพระราชวังอยู่เรื่อยๆ และพระราชวังก็ได้ส่องสว่างอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้เกิดอันตรายใดๆ
ผ่านไปหนึ่งวัน,สองวัน…..สามวัน!
แม้แต่ปรมาจารย์หลิงที่ทรงพลังก็ยังอ่อนล้าแก่นพลังสำคัญที่ถูกใช้ในการโจมตีสามวันสามคืนอย่างไม่หยุดหย่อนนั้นไม่ได้สำคัญอะไร แต่การทำบางสิ่งซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆโดยไม่หยุดหย่อนอาจจะทำให้เหนื่อยล้าได้อยู่ดี
“มันน่าจะพังทลายไปในอีกไม่ช้าใช่ไหม?”
เมื่อเกราะป้องกันของราชวังจักรพรรดินี้ถูกทำลายลงสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้จะตกเป็นของเขา เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ปรมาจารย์หลิงก็กัดฟันแน่นและรวบรวมสมาธิโจมตีต่อ! เขาต้องมีสมาธิเมื่อเจียงอี้ยังมีเปลวเพลิงอเวจีจำนวนมาก ด้วยความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวเขาอาจจะถูกจู่โจมและร่างกายและจิตวิญญาณของเขาอาจจะสูญสลายไปได้
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้ราชวังจักรพรรดิมากนักและยังคงเว้นระยะห่างจากมันสามกิโลเมตรในเวลาเดียวกันราชวังจักรพรรดิเริ่มเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ แทนที่มันจะบินเป็นเส้นตรง มันเริ่มเลื่อนไปทางซ้ายและขวา ขึ้นและลง ดังนั้นปรมาจารย์หลิงจึงต้องเพ่งสมาธิและกำหนดเส้นทางเพื่อให้แน่ใจว่าทุกครั้งที่เขาโจมตีเขาจะโจมตีโดนพระราชวังจักรพรรดิ
“ฮ่าๆไอ่เฒ่าชั่ว มาดูกันว่าข้าจะฆ่าเจ้ายังไง!”
เจียงอี้นั่งอย่างสบายใจอยู่ในราชวังจักรพรรดิเขารู้ดีว่าพลังงานในราชวังจักรพรรดินั้นเหลืออยู่เท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลว่าจะถูกปรมาจารย์หลิงบุกเข้ามาได้ในเวลาอันสั้น สองวันที่ผ่านมา เขาควบคุมราชวังจักรพรรดิให้บินขึ้นและลงเพื่อทำให้ปรมาจารย์หลิงเหน็ดเหนื่อย
ทะเลมรณะเริ่มอยู่ไม่ไกลโดยประมาณแล้วพวกเขาน่าจะไปถึงที่นั่นอย่างน้อยก็หนึ่งวันครึ่ง เจียงอี้จึงเริ่มลงมือในตอนนี้
ฟึ่บ!
ทันใดนั้นเองราชวังจักรพรรดิก็ตกลงไปในทะเลที่อยู่เบื้องล่าง ซึ่งทำให้ปรมาจารย์หลิงตื่นตัว เจียงอี้ไม่เคยให้ราชวังจักรพรรดิลงทะเลเลยจนกระทั่งวันนี้ หรือตอนนี้พลังของมันเริ่มจะหมดแล้ว?
สำหรับจอมยุทธระดับเขาแล้วการอยู่ใต้ทะเลก็ไม่ต่างไปจากการอยู่กลางอากาศ เขาสามารถกลั้นหายใจใต้ทะเลได้นานนับครึ่งเดือนและเขาก็รีบตามไปและชี้พลังดัชนีไปแบบสุ่มสี่สุ่มห้าและเขาก็ได้เพิ่มความเร็วในการโจมตีด้วย
ราชวังจักรพรรดิที่ตกลงไปในทะเลได้สร้างคลื่นนับพันขึ้นในไม่ช้ามันก็จะจมลงไปใต้ทะเลและตกลงไปอยู่ที่ก้นบึงของทะเล
สถานที่แห่งนี้ยังไม่ใช่ทะเลส่วนลึกแถมวิกฤติกาลอสูรก็เพิ่งจะสิ้นสุดลงไปทำให้มีปีศาจทะเลอยู่ที่นี่ไม่มากนัก ยังคงมีปีศาจทะเลอยู่ที่นี่ โดยธรรมชาติแล้วพวกมันต้องตกใจอยู่แล้วเมื่อเห็นวัตถุขนาดยักษ์จมลงมา และเมื่อพวกมันเห็นปรมาจารย์หลิงที่กำลังพุ่งลงมาพวกมันก็โกรธและเริ่มพุ่งไปหาปรมาจารย์หลิงอย่างบ้าคลั่ง
เผ่าพันธุ์มนุษย์และปีศาจนั้นขัดแย้งกันแต่กำเนิดอยู่แล้วสัตว์อสูรและปีศาจทะเลระดับต่ำนั้นแทบจะไม่มีสติปัญญาเลย เมื่อพวกมันพบมนุษย์ พวกมันจะเข้าโจมตีไปตรงๆไม่ว่าคู่ต่อสู้ของพวกมันจะทรงพลังเพียงใด
“ฮึ่ม!”
ปรมาจารย์หลิงแอบเหยียดเล็กน้อยปีศาจทะเลระดับต่ำเหล่านี้ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลย เขาปล่อยเจตจำนงจักรพรรดิและตรึงปีศาจทะเลได้อย่างง่ายดายจนพวกมันไม่กล้าเข้ามาใกล้
แต่ปัญหามันก็อยู่ตรงนั้นเอง!
เจตจำนงจักรพรรดิคล้ายกับเจตจำนงสังหารไม่มีผู้ใดรู้สึกถึงความแตกต่างของมันมากนักเมื่อถูกปลดปล่อยออกมา แต่มันจะทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณอ่อนแอลงหากปล่อยออกมาเป็นเวลานาน
ตอนแรกปรมาจารย์หลิงไม่ได้สังเกตเรื่องนี้แต่หลังจากที่ไล่ล่าราชวังจักรพรรดิไปใต้ทะเลและปลดปล่อยเจตจำนงจักรพรรดิออกมาได้ครึ่งวัน ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้วก็ได้อ่อนล้ามากขึ้น
มนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีพลังมากเพียงใด เขาก็ยังคงต้องพักผ่อนและดื่มกินเพื่อเติมเต็มพลัง เมื่อคนเรารู้สึกตึงเครียดมากๆเข้า ดวงจิตวิญญาณของพวกเขาก็จะยิ่งเหนื่อยล้าลงเท่านั้น ปรมาจารย์หลิงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่เขาก็มาไกลมากแล้ว เขาต้องอดทนโจมตีขณะที่กัดฟันแน่น และเขายังต้องปลดปล่อยเจตจำนงจักรพรรดิเพื่อคอยปรามปีศาจทะเล ไม่เช่นนั้นเขาคงจะลำบากกว่าเดิมหากปีศาจทะเลคอยล้อมเขาไว้
หนึ่งวัน,สองวัน…..สามวัน!
เจียงอี้ลงมาใต้ทะเลสามสิบสามกิโลเมตรนอกเหนือจากแสงของราชวังจักรพรรดิและแสงพลังดัชนีของปรมาจารย์หลิง ทุกที่ก็มืดมิดไปหมด
ปรมาจารย์หลิงนั้นหลงทิศทางแล้วเขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาเพียงไล่ตามราชวังจักรพรรดิมาและเคลื่อนที่อย่างมึนงงและเดินทางราวกับเครื่องจักร หากเจียงอี้นำทางเขาไปยังทะเลส่วนลึกเขาก็คงจะไม่ทันได้สังเกตมัน
“ฮ่าฮ่าเกือบถึงแล้ว! ขอให้โชคดีนะเจ้าปีศาจเฒ่า!”
เจียงอี้ไม่ได้พาปรมาจารย์หลิงไปยังทะเลส่วนลึกแต่อันที่จริงแล้ว!
เขามาถึงทะเลมรณะตั้งแต่หนึ่งวันครึ่งก่อนแล้วแต่เขากลัวว่าปรมาจารย์หลิงนั้นอาจจะสงสัย เขาจึงพาไปวนรอบทะเลมรณะอีกวันครึ่ง เมื่อจิตวิญญาณของเขาเริ่มอ่อนล้าจนถึงขีดสุด เจียงอี้ก็จะล่อเขาไปยังทะเลมรณะได้โดยไม่รู้ตัว
ฟึ่บ!ฟั่บ!
เมื่อพวกเขาเข้าสู่ทะเลมรณะเหล่าหวายดำพวกนั้นก็ไม่ทำให้เจียงอี้ผิดหวังจริงๆ พวกมันออกมานับสิบๆเส้น และส่วนใหญ่รีบพุ่งไปที่ราชวังจักรพรรดิ ส่วนอีกสามสี่เส้นที่เหลือก็พุ่งไปทางปรมาจารย์หลิง