เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 483-484
บทที่ 483 ความตายของปรมาจารย์หลิง
ปรมาจารย์หลิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและร่างกายของเขาถูกตรึงเอาไว้หากเจียงอี้ไม่ลงมือในโอกาสที่ดีเช่นนี้ เขาก็คงจะเป็นคนโง่เขลาแล้ว แม้ว่าม่านพลังนั้นจะเปล่งประกายและโลงศพโบราณได้เปล่งแสงประหลาดออกมาก็ตาม
ตามหลักแล้วเจียงอี้ควรจะรอก่อนและค่อยลงมือหลังจากที่ไม่มีอันตรายใดๆแล้ว แต่เขานั้นเกิดมาด้วยความอาจหาญและหากว่าโลงศพโบราณต้องการจะโจมตีเขาจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็คงไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ จะให้เขาแก่ตายไปกับการซ่อนอยู่ในราชวังจักรพรรดิน่ะหรือ?
ปรมาจารย์หลิงมีพลังมากเกินไปและหวายทะเลอาจรัดเขาไว้ในตอนนี้แต่หากเขามีเวลาพักฟื้นอาการบาดเจ็บของเขาแผลของเขาอาจฟื้นตัวอย่างรวดเร็วก็ได้ และเมื่อเจียงอี้ต้องการจะสังหารเขาหลังจากนี้ ปรมาจารย์หลิงอาจจะพยายามสังหารเจียงอี้ก่อนที่เขาจะตายก็ได้
เจียงอี้ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู!
ฟรึ่บ!
เจียงอี้กระแทกฝ่ามือบนลูกแก้วซึ่งมันเปล่งประกายและหดตัวลงอย่างรวดเร็วทันใดนั้นร่างของเจียงอี้ก็ปรากฏขึ้นนอกราชวังจักรพรรดิ
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ราชวังจักรพรรดิมีขนาดเล็กลงทันทีและถูกเก็บเอาไว้ในราชวังจักรวาลส่วนหวายทะเลที่ล้อมราชวังจักรพรรดิอยู่ได้สูญเสียเหยื่อไปกะทันหัน พวกมันจึงพุ่งไปทางเจียงอี้โดยปริยาย
เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์!เปลวเพลิงอเวจี!
เจียงอี้ไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามหากเขาถูกหวายทะเลรัด แก่นแท้พลังสีดำก็จะแปรปรวนและมันจะกลายเป็นเรื่องยากที่จะหมุนเวียนมันดังที่เขาเคยเจอกับตัวมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นทันทีที่เขาออกมาจากราชวัง ฝ่ามือของเขาก็เปล่งแสงสีเขียวเข้มทันทีขณะที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ออกมา ในเวลาเดียวกัน ไข่มุกวิญญาณเพลิงก็สว่างขึ้นและได้ปลดปล่อยเปลวเพลิงสีขาวออกมามากมาย
องค์ประกอบทั้งห้าได้เกื้อหนุนซึ่งกันและกันและคอยยับยั้งกันและกัน
อัคคีสามารถยับยั้งไม้และเหล่าพฤกษาได้และไม่ว่าจะเป็นหวายทะเลหรือเถาวัลย์ดารามารพวกมันก็ยังคงเป็นไม้ เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์และเปลวเพลิงอเวจีเป็นเปลวเพลิงที่ลึกลับ เมื่อไม้อาถรรพ์ปะทะกับเปลวเพลิงลึกลับ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว!
เถาวัลย์ดารามารหวาดกลัวเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์และในตอนนี้ที่หวายทะเลสีดำสัมผัสกับเปลวเพลิงอเวจีและเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ พวกมันก็ถูกเผาไหม้เป็นควันดำและถอยกรูดกลับลงสู่ก้นทะเลอย่างหวาดกลัวในทันใด
“ตาเฒ่าไปสู่ที่ชอบซะเถอะ ข้ารับประกันให้เลยว่าจักรวรรดิมังกรเวหาของเจ้าจะต้องมอดไหม้เป็นผุยผง!”
เจียงอี้ลงสู่พื้นผิวด้วยเท้าข้างเดียวร่างของเขาทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงอเวจีขณะที่เขาพุ่งไปยังปรมาจารย์หลิง ก่อนที่เจียงอี้จะเข้าไปใกล้ เหล่าหวายทะเลที่รัดปรมาจารย์หลิงอยู่ต่างก็พากันถอยลงสู่ก้นทะเลอย่างหวาดกลัว
“ไอ้เด็กชั่วบังอาจนัก!”
ปรมาจารย์หลิงยังคงสะท้านและจิตใจของเขาหมกมุ่นอยู่กับความเจ็บปวดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจียงอี้ เขาก็ลืมตาขึ้นมาทันทีขณะที่เปิดปากที่ไหม้เกรียมของเขาเพื่อระเบิดเสียงคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาอย่างดังและปลดปล่อยฝ่ามือออกไปฝ่ามือนั้นนำพาเปลวเพลิงอเวจีเข้าปกคลุมไปทั่วร่างปรมาจารย์หลิงทันที
“อ๊ากกกก!”
ดวงตาของปรมาจารย์หลิงเผยร่องรอยของความสิ้นหวังและส่งเสียงโหยหวนออกมาตอนที่เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกเผาอย่างรวดเร็วด้วยเปลวเพลิงอเวจี เขาก็กวาดสายตาที่ขุ่นเคืองไปยังโลงศพโบราณ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดหญิงสาวในโลงศพโบราณจึงได้เพ่งเล็งแค่เขา?
ฟึ่บ!ฟั่บ!
เปลวเพลิงอเวจีที่ถูกปรับแต่งแล้วนั้นรุนแรงเกินไปแม้ว่าร่างกายของปรมาจารย์หลิงจะเต็มไปด้วยสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์แต่เขาก็ยังคงถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณและสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็มีควันดำและกำลังจะถูกทำลายไป
ฟึ่บ!
แน่นอนว่าปรมาจารย์หลิงนั้นมีสิ่งประดิษฐ์มากมายและเจียงอี้ก็ไม่อยากให้มันสูญเปล่าเขากระพริบตาและหยุดปล่อยเปลวเพลิงอเวจีของเขาขณะที่ไข่มุกวิญญาณเพลิงของเขาดูดซับเปลวเพลิงอเวจีที่อยู่ด้านนอกกลับไปอย่างรวดเร็ว
“กลับมา!”
หลังจากที่เก็บแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณและสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ไว้ในราชวังจักรวาลแล้วเจียงอี้ก็มองไปยังม่านพลังด้านบนและเห็นสายฟ้าที่ยังคงถูกปล่อยออกมาเพื่อเพิ่มพลังแก่ม่านพลังอยู่ เขาจึงไม่ได้พยายามโจมตีมันเพื่อรีบหนีไปและยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้โลงศพโบราณนั่นอีก จะเป็นอย่างไรหากจู่ๆโลงศพโบราณโต้กลับเหมือนตอนที่ปรมาจารย์หลิงพยายามโจมตีมัน? มันก็จะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่ใช่น้อย
“ราชวังจักรพรรดิออกมา!”
เจียงอี้ตัดสินใจที่จะรออย่างสงบนิ่งและมันอาจจะต้องรอไปจนถึงรุ่งสางในตอนที่สายฟ้าหยุดฟาดลงมาม่านพลังก็จะกลับสู่สภาพเดิมและเขาก็จะออกไปจากที่นี่ได้ง่ายๆ
ฟรึ่บ!
ราชวังจักรพรรดิโผล่ออกมาจากฝ่ามือของเขาและพองตัวขึ้นก่อนที่มันจะลงสู่ก้นบึ้งทะเลจากนั้นเขาก็รีบเข้าไปในราชวังจักรพรรดิขณะที่หวายทะเลสีดำโผล่ออกมารัดราชวังจักรพรรดิเอาไว้
“ฮู่..ฮู่วว..”
หลังจากที่เข้าไปยังราชวังจักรพรรดิแล้วเจียงอี้ก็ตรวจสอบว่าไม่มีเหตุการณ์ประหลาดใดๆแล้วก่อนที่เขาจะนั่งลงบนพื้นและหายใจเสียงดัง เขาเอื้อมมือไปปาดหน้าผากและเช็ดเหงื่อที่เย็นเยียบของเขา ในตอนนี้เขารู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในความฝัน
เขาได้สังหารปรมาจารย์หลิงไปจริงๆหรือ?โลงศพโบราณนั่นไม่ได้ทำร้ายเขา? ทุกอย่างมันราบรื่นมากเหมือนกับว่า….สวรรค์กำลังช่วยเหลือเขา
เขามองออกไปผ่านลูกแก้วและผ่านเข้าไปยังโลงศพโบราณเขาอาจมองไม่เห็นหญิงสาวในโลงศพ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกว่า…นางยังไม่ตาย สถานการณ์ที่แปรผันไปอย่างกะทันหันนั่นก็เป็นเพราะนางช่วยเขาไว้
หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็มีคำถามอื่นๆอีกมากมาย
หากหญิงสาวผู้นั้นยังไม่ตายแล้วเหตุใดนางจึงไม่มีชีพจรอยู่ในร่างกายของนางเลย? ทำไมนางจึงอยู่ที่นี่? แล้วทำไมนางถึงได้นอนอยู่ในโลงศพโบราณ? เหตุใดสายฟ้าพวกนั้นยังคงฟาดลงมาในสถานที่แห่งนี้? เป็นไปได้หรือไม่ว่านางกำลังฝึกฝนศาสตร์ชั่วร้าย?
ในเมื่อโลงศพโบราณสามารถยิงสายฟ้าออกมาได้ทำไมมันไม่โจมตีตอนที่เจียงเสี่ยวนู๋ช่วยเขาไว้ก่อนหน้านี้? ทำไมโลงศพโบราณถึงไม่โจมตีเขาตอนที่เขาออกไปสังหารปรมาจารย์หลิง?
หญิงสาวที่สามารถฝึกฝนวิชาอันทรงพลังเช่นนี้ได้จะต้องมีภูมิหลังที่มีอิทธิพลมากเป็นแน่เจียงอี้เห็นร่างที่เปลือยเปล่าของนางอย่างสมบูรณ์แต่นางไม่โกรธด้วยความอับอาย? นางไม่ได้จะฆ่าปิดปากเขาใช่ไหม?
เหตุใดอักขระบนโลงศพโบราณจึงคล้ายกับลวดลายบนผนึกของเขากัน?มันคือความบังเอิญหรือเปล่า? หรือว่าเขาเกี่ยวข้องกับหญิงสาวผมสีม่วงผู้นี้?
ทุกสิ่งทำให้เจียงอี้สับสนและรู้สึกราวกับว่ามีมือขนาดใหญ่คอยควบคุมชะตากรรมและทุกสิ่งรอบตัวเขาอยู่
ในขณะที่จินตนาการของเขากำลังลอยไปไกลเวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วและสายฟ้าก็หยุดลงแล้ว ม่านพลังค่อยๆอ่อนลงและเมื่อเจียงอี้ตื่นจากภวังค์เขาก็อิ่มใจทันที
“ได้เวลาไปแล้ว…”
เขากัดฟันและตัดสินใจลองดูเพราะไม่อยากอยู่ที่นี่นานกว่านี้สิ่งที่ไม่รู้จักนั้นน่ากลัวและทุกอย่างที่นี่ก็แปลกเกินไป แม้ว่าเจียงอี้จะมีประสบการณ์โชกโชนแต่ใจของเขายังรู้สึกหวาดกลัว
ฟึ่บ!
เขาเก็บราชวังจักรพรรดิกลับไปและปลดปล่อยเปลวเพลิงอเวจีออกมาปกคลุมไปทั่วร่างของเขาจากนั้นเขาก็ย้ายร่างฉับพลันขึ้นไปและเมื่อขึ้นไปถึงม่านพลังเขาก็ยื่นมือออกไปทดสอบม่านพลังดู เมื่อมือของเขาผ่านม่านพลังไปได้ทันทีเขาก็รู้สึกปลาบปลื้มใจ เขามองไปยังหญิงสาวในโลงศพโบราณอีกครั้งและย้ายร่างฉับพลันออกไปขณะที่เขาค่อยๆขึ้นสู่ผิวทะเล
“ฮิฮิทวีปเทียนชิงเล็กๆนี่ได้สร้างผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถปรับแต่งเปลวเพลิงที่ทรงพลังเช่นนี้ได้? อย่างน้อยมันก็ไม่เสียแรงที่หญิงสาวผู้นี้ช่วยเจ้าเอาไว้ล่ะนะ”
หลังจากที่เจียงอี้จากไปแล้วขนตาของนางก็ค่อยๆขยับและดวงตาที่งดงามราวกับดวงดาวของนางได้เปิดขึ้นมาขณะที่นางเผยรอยยิ้มจางๆและทำให้โลงศพโบราณสว่างขึ้น
นางจ้องมองไปยังพื้นที่ท้องทะเลที่มืดสนิทครู่หนึ่งก่อนที่จะพึมพำ“ตันเทียนของเด็กนี่ผิดปกติจริงๆและแก่นแท้พลังของเขาก็ดูแปลกมากเช่นกัน น่าเสียดายนักที่เขาพิการไปหลังจากที่ปรับแต่งศิลาสวรรค์มากเกินไป ข้าควรจะพาเจ้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาดีไหมนะ? เฮ้อ….ลืมมันไปเถอะ เสด็จพ่อนั้นมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความพิเศษมากเกินไป หากเด็กนี่ไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาเขาจะไม่ถูกพิจารณาเท่าไหร่นัก ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนและศาสตร์อัสนีวิบากของข้าจะถึงขั้นบรรลุ เจ้าหนูน้อย หากว่าเจ้าสามารถไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ ข้าจะเป็นผู้มอบโอกาสให้แก่เจ้า….”
ขนตาของหญิงสาวผมสีม่วงสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาลงอย่างรวดเร็วและทะเลมรณะก็กลับคืนสู่ความสงบ
บทที่ 484 ผู้ไร้เทียมทานของทวีป
ฟรึ่บ!
ทันใดนั้นก็มีร่างปรากฏขึ้นเหนือทะเลมรณะมันเป็นเวลากลางวันและคนผู้นั้นก็ได้ตรวจพื้นที่รอบๆและสูดอากาศราวกับว่าเขาได้มีชีวิตอีกครั้ง เขาสูดลมทะเลบริสุทธิ์เข้าลึกๆแต่เขาก็ไม่กล้าจะอยู่ที่นี่ต่อและรีบย้ายร่างฉับพลันออกจากทะเลมรณะอย่างรวดเร็ว
“สัตว์อสูรหยาจื้อออกมา!”
หลังจากที่ออกจากทะเลมรณะมาแล้วราชวังจักรวาลก็สว่างวาบขึ้นพร้อมสัตว์อสูรหยาจื้อที่ปรากฏออกมา สัตว์อสูรหยาจื้อระแวดระวังตัวทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น แต่เมื่อมันเห็นเจียงอี้เพียงคนเดียวมันก็ยิ้มออกมาและเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าหนู แล้วผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดนั่นล่ะ? เจ้าหนีเขามาได้อย่างไร?”
“เลิกถามเซ้าซี้ได้ไหมออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ!” เจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันไปบนหลังของสัตว์อสูรหยาจื้อขณะที่มันก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรขึ้นมาอีกและบินไปทางตะวันตกอย่างรวดเร็ว
“อืม….ที่นี่ค่อนข้างใกล้เกาะดาวตกใช่ไหม?ข้าควรแวะเวียนไปหน่อยดีไหม?”
จู่ๆเจียงอี้ก็นึกขึ้นได้เขามีความเลื่อมใสในตัวสุ่ยโย่วหลานและนางก็ไม่ได้มาปรากฏตัวหลังจากที่เกิดความวุ่นวายนั้น เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเกาะดาวตกหรือเปล่า?
เมื่อเขานึกถึงเซียวหลงหวางและชาตี้ที่ยังคงอยู่ในทวีปนี้และความห่วงใยที่เขามีต่อเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆเขาก็เกิดลังเลขึ้นมา เขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ราชวังจักรวาลกระพริบและมีร่างสีดำปรากฏขึ้นบนสัตว์อสูรหยาจื้อ เขานำแม่เฒ่าบุปผาสีเงินออกมา
“หืม?”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินยังคงพักฟื้นอยู่ในราชวังจักรวาลและเมื่อนางถูกย้ายออกมานางก็ตกใจแต่เมื่อนางเห็นว่ามันปลอดภัยแล้วนางจึงคำนับเจียงอี้และป้องมือถามว่า “ท่านจอมพล สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง?”
“ไม่แย่”
เจียงอี้พยักหน้าและพูดออกมา“ปรมาจารย์หลิงตายแล้ว”
“อะไรนะ?”
ร่างของแม่เฒ่าบุปผาสีเงินสะท้านขณะที่ดวงตาของสัตว์อสูรหยาจื้อเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อขณะที่มันหยุดอยู่กลางอากาศแม่เฒ่าบุปผาสีเงินลอบกลืนน้ำลายและมองไปที่เจียงอี้เพื่อดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จากนั้นปากของนางก็กระตุกและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “จอมพลช่างน่าเกรงขามนัก จอมเวทย์ตัดสินใจไม่ผิดแล้ว พลังของท่านช่าง…น่ากลัวอะไรเช่นนี้?”
“อืม…เลิกพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า”
เจียงอี้ไม่ต้องการจะอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องของศพหญิงสาวและโลงศพโบราณที่ก้นทะเลเขาไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ และไม่ต้องการบอกแม่เฒ่าบุปผาสีเงินว่าอันที่จริงแล้วเขาถูกปรมาจารย์หลิงไล่ล่าเหมือนสุนัขด้วย
เขาหยุดชั่วขณะและถามว่า“แม่เฒ่าบุปผาสีเงิน ทำไมแม่หญิงสุ่ยจึงไม่ปรากฏตัวมาช่วยในครั้งนี้กัน? หรือเกิดอะไรขึ้นกับเกาะดาวตกและอารามเซนหรือเปล่า? เราควรแวะไปเกาะดาวตกหน่อยไหม?”
“คะ…คนแก่เช่นข้าก็ไม่ได้รู้อะไรนักหรอกแต่ด้วยความแข็งแกร่งของแม่หญิงสุ่ยแล้ว ข้าว่าคงไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนางหรอกเจ้าค่ะ”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินไม่รู้ว่าโถงวรยุทธกำลังคอยปรามเกาะดาวตกและอารามเซนเอาไว้นางหยุดชั่วขณะและชี้แนะว่า “จอมพล ข้าว่าเราควรกลับกันก่อนดีกว่าและทำให้สถานการณ์ในทวีปนี้คงที่เสียก่อน ท่านสามารถใช้โอกาสนี้กำจัดจักรวรรดิและอาณาจักรอื่นๆได้ แต่….ข้าคิดว่าครั้งนี้โถงวรยุทธอาจจะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้ จอมพล หากโถงวรยุทธไม่ได้กระทำสิ่งใดที่รุนแรง ข้าอยากชี้แนะให้ท่านอดทนและอย่าคิดเป็นศัตรูกับโถงวรยุทธเลยเจ้าค่ะ”
“โถงวรยุทธ?”
เจียงอี้ขมวดคิ้วขึ้นขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงก่อนที่จักรพรรดินีสัตว์อสูรจะจากไป นางก็กำชับเขาไว้ว่าอย่าไปรุกรานโถงวรยุทธ
เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า“แม่เฒ่า ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่อาณาจักรทั้งหกล้อมรอบเมืองเทียนชิง ไม่ใช่ว่าโถงวรยุทธยื่นมือเข้ามาหรอกหรือ? แล้วอีกอย่าง….โถงวรยุทธนี่ทรงพลังเช่นนั้นจริงๆหรือ?”
“ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกันเจ้าค่ะ”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินส่ายหัวและพูดว่า“จอมพล มันมีความลับบางอย่างในอดีตที่แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะรู้เรื่องนี้ ตอนที่ข้าไปยังเมืองเซวี่ยนเทียน องค์ราชาได้บอกข้าว่าหากเราสามารถเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้ โถงวรยุทธจะยื่นมือเข้ามาอย่างแน่นอนและเขาบอกให้ข้าชี้แนะท่านให้อดทนต่อไปตราบใดที่โถงวรยุทธไม่ได้ทำอะไรที่มากเกินไป”
“ค่อยคุยกันหลังจากที่เรากลับไปถึงเถอะ”
เจียงอี้ส่ายหัวเขาตัดสินใจที่จะกลับไปและตรวจสอบเรื่องราวก่อนที่จะทำการตัดสินใจอื่นใด หากโถงวรยุทธไม่ได้ทำอะไรมากเกินไป แล้วทำไมเขาต้องถอยกลับมาก้าวหนึ่งล่ะ?
ตอนนี้ปรมาจารย์หลิง,เซี่ยถิงเวย, ขันทีหลิน, จอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงและเจ้าสำนักทั้งสองของสำนักใหญ่ทั้งสองตกตายไปหมดแล้ว มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเหลือเพียงไม่กี่คนในทวีปนี้และจะไม่มีใครคุกคามชีวิตเขาได้อีกต่อไป เขาจะต้องกำจัดเซียวหลงหวางและชาตี้ หลังจากที่เขาทำลายจักรวรรดิมังกรเวหาแล้ว ทวีปนี้ก็จะสงบสุข
“ฮู่…ฮู่วว…”
สถานการณ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้วและชัยชนะก็เอนเอียงมาทางเขาเขาได้สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นอีกครั้งและชื่อของเขาได้ถูกกำหนดให้จารึกลงไปในประวัติศาสตร์ เขากลายเป็นหนึ่งในอัจฉริยะผู้ยอดเยี่ยมที่สุดของทวีปเทียนชิงและเขาอาจจะมีโอกาสที่จะพิชิตทวีปทั้งทวีปได้ เขาจะสามารถปกครองทวีปนี้และกลายเป็นองค์ราชาคนต่อไป!
แต่อย่างไรก็ตาม…
ตอนนี้ใจของเขาไม่มีความสุขเลยเขากลับรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งจิตวิญญาณของเขาจนไปถึงร่างกายของเขาซึ่งมันเป็นความเหนื่อยล้าที่หยั่งรากลึกลงไป
ชัยชนะนั้นเหมือนความยากลำบากสำหรับสามัญชน
แต่ความพ่ายแพ้นั้นเลวร้ายยิ่งกว่า
เมืองเซี่ยยวี่มีซากศพนับไม่ถ้วนและมันทำให้เจียงอี้เกิดความแค้นในสงครามทำไมมนุษย์จึงได้ชอบขัดแย้งกัน? แม้ว่ามันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เหตุใดพวกเขาจึงต้องลากผู้บริสุทธิ์ที่ไร้เดียงสาและแม้กระทั่งเด็กที่เพิ่งหัดเดินเข้ามาด้วย
โลกนี้เต็มไปด้วยทางเดินที่ไร้หนทางและความขัดแย้งเสมอหากไม่มีใครลุกขึ้นสู้ พวกเขาก็จะถูกกดขี่ข่มเหงและถูกสังหารไป หากมีใครต่อสู้กันก็จะมีคนอีกมากมายที่ต้องตกตายไป
เฮ้อข้าไม่สนแล้ว! โลกนี้ไม่ได้มีเพียงถูกหรือผิด ตราบใดที่คนอื่นไม่ทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้าก็จะไม่ไปยุ่งกับพวกเขา ข้าขอเพียงยังมีจิตสำนึกก็พอ!
เจียงอี้ถอนหายใจและไม่คิดมันอีกต่อไปเขานั่งขัดสมาธิอยู่บนสัตว์อสูรหยาจื้อและหลับตาเพื่อพักผ่อน หลายวันที่ผ่านมาเขาอาจจะอยู่ในราชวังจักรพรรดิ แต่เขาก็ไม่กล้าพักผ่อนเลยแม้แต่นิดเดียวและตอนนี้เขาก็เหนื่อยล้ามาก
โฮกก!โฮกกก!
สัตว์อสูรหยาจื้อส่งเสียงคำรามและบินต่อไปด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดใจของมันและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินเต้นรัวไปด้วยความตื่นเต้น โดยเฉพาะแม่เฒ่าบุปผาสีเงินที่มองไปยังเจียงอี้อย่างเลื่อมใส หากเจียงอี้สามารถสังหารปรมาจารย์หลิงได้ นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถสังหารสุ่ยโย่วหลานได้เช่นกัน นั่นก็หมายความว่า เขาคือผู้ไร้เทียมทานของทวีปนี้
ด้วยอายุสิบแปดปี!
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินจำได้อย่างขึ้นใจว่าเจียงอี้เพิ่งจะอายุสิบแปดปีมาได้ไม่นานเมื่อสามปีก่อน เจียงอี้ยังเป็นเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งและอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดอยู่เลย เพียงสามปีเขาก็ได้ขึ้นมาเป็นผู้ที่อยู่สูงที่สุดของทวีปนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเรียกว่าปาฏิหาริย์ได้
โชค?ชะตา? ความพยายาม? พรสวรรค์? ทักษะและสิ่งประดิษฐ์ที่อีเพียวเพียวทิ้งไว้ให้?
ไม่ว่าจะเป็นอะไรเจียงอี้ก็ทำมันสำเร็จแล้ว!
หากมีคนพูดว่าเจียงอี้พึ่งพาพ่อแม่ของเขาแล้วสุ่ยเชียนโหรว, เจียงนี่หลิว, องค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆ, ผู้สืบทอดตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายล่ะ….ไม่ใช่ว่าพวกเขามีภูมิหลังที่ดีหรอกหรือ? ไม่ต้องพูดถึงการก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่เช่นนี้หรอก ด้วยอายุเท่านี้ มีพวกเขาคนใดบ้างที่ไปถึงขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดแล้ว?
โชคและชะตา!
สิ่งเหล่านี้ยิ่งมีความน่าเชื่อน้อยกว่าด้วยซ้ำโชคของแต่ละคนมีขีดจำกัดเสมอ, และชะตานั้นก็จะถูกมอบให้กับผู้ที่เตรียมพร้อมรับมันเสมอ
แน่นอนว่า….เจียงอี้มีความประหลาดซึ่งแม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็ไม่อาจรู้ได้อันที่จริงแล้วจนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเจียงอี้สังหารปรมาจารย์หลิงได้ยังไงด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ความจริงก็คือเจียงอี้ได้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังนอกเมืองเซี่ยยวี่ไปและมันยังเป็นความจริงที่เจียงอี้สังหารปรมาจารย์หลิงด้วยน้ำมือของเขาเช่นกัน หากชาวนาคนนึงสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังได้ด้วยจอบได้ ชาวนาผู้นั้นก็จะถูกยกย่องเป็นนักสู้ของทวีปอยู่ดี
กระบวนการและวิธีการนั้นไม่สำคัญทุกคนมองที่ผลลัพธ์ มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจียงอี้ในตอนนี้เป็นผู้ไร้เทียมทานของทวีปนี้ อย่างน้อยๆแม่เฒ่าบุปผาก็คิดเช่นนั้นแล้ว
หลังจากเจียงอี้กลับไปแล้วเขาจะล้างทวีปนี้ด้วยเลือดไหม? เขาจะกำจัดจักรวรรดิและเอาชนะอาณาจักรอื่นๆหรือไม่? โถงวรยุทธจะยื่นมือเข้ามาไหมนะ?
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินมองไปยังท้องฟ้าทางตะวันตกแม้ว่านางจะมองไม่เห็นทวีป แต่นางก็รู้สึกได้ว่าเมื่อเจียงอี้กลับไป ทวีปแห่งนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงไป
…