เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 485-486
บทที่ 485 การกลับมาของมือสังหารเทพ
ทวีปเทียนชิงนั้นสงบสุขมากมากเสียจนน่ากลัว!
ก่อนที่จะเจอตัวปรมาจารย์หลิงและเจียงอี้ไม่มีผู้ใดกล้าเคลื่อนไหวอย่างประมาท จะเป็นเช่นไรหากเจียงอี้ซุ่มโจมตีและรอเหล่าผู้มีอิทธิพลเคลื่อนไหว?
แน่นอนว่ามันสงบเกินไปเพียงแค่ผิวเผินแต่ภายใต้ความสงบนั้นต่างกำลังปั่นป่วนและอาณาจักรเสินหวู่ก็อยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างที่สุด
เซี่ยถิงเวยสิ้นลมแล้วและทั้งอาณาจักรก็ตกอยู่ในความวุ่นวายเมื่อตอนก่อนหน้านี้ที่เซี่ยถิงเวยหายตัวไป เจียงเปี๋ยหลีก็คอยดูแลเมืองหวังเอาไว้ มันจึงไม่ค่อยเกิดความวุ่นวายนัก
แต่ครั้งนี้เขาตายแล้วเขาตายด้วยน้ำมือของตัวซวยแห่งอาณาจักรเสินหวู่ เจียงอี้….และที่แย่ที่สุดคือ เจียงเปี๋ยหลีหายตัวไป!
ไม่เพียงแต่เจียงเปี๋ยหลีเท่านั้นแต่ตระกูลเจียงทั้งหมดในเมืองเจียงอีหายไปอย่างลึกลับเช่นกัน ในศึกนี้เซี่ยถิงเวยเคลือบแคลงใจในตัวเจียงเปี๋ยหลีเขาจึงไม่ได้เรียกเจียงเปี๋ยหลีให้ไปร่วมต่อสู้ด้วย เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น ทุกสายตาจากตระกูลต่างๆในอาณาจักรเสินหวู่ต่างก็จดจ่อไปที่เมืองเซี่ยยวี่จึงไม่มีผู้ใดสนใจเจียงเปี๋ยหลี
และเมื่อข่าวเซี่ยถิงเวยกลับมาถึงทั่วทั้งเมืองหวังก็พากันตื่นตระหนก จากนั้นทุกคนจึงนึกถึงเจียงเปี๋ยหลีและหากพวกเขาให้เจียงเปี๋ยหลีรักษาการณ์เมืองก่อน เจียงอี้ก็คงจะไม่มาทำลายเมืองหวังใช่ไหม?
แต่เมื่อพวกเขาส่งคนไปยังเมืองเจียงอีพวกเขาก็พบว่าตระกูลเจียงได้หายไปหมด เจียงเปี๋ยหลีได้รวมพลสมาชิกตระกูลของเขาและหายไปเมื่อหลายวันก่อน
ข่าวนี้เป็นเหมือนหายนะอาณาจักรเสินหวู่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังอีกต่อไปและองค์ราชาก็สิ้นพระชนม์ควบคู่กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่กลับมาน้อยกว่าสองร้อยคนจากสองพันคนที่ไปยังอาณาจักรต้าเซี่ยอีก
หากไร้ผู้ปกครองอาณาจักรเสินหวู่ก็จะอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง แต่ตระกูลเฉียนและตระกูลจ้านต่างพากันดีใจเป็นอย่างมากเพราะหากเจียงอี้กวาดต้อนทั่วทั้งทวีปหรือเขายึดครองทวีป ตระกูลของพวกเขาจะเติบโตขึ้นมาและรุ่งโรจน์ไปอีกนับหมื่นปี
ส่วนด้านอาณาจักรเซิ่งหลิงก็อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ไม่แพ้กันเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเพียงคนเดียวของพวกเขาตกตายไปแล้วและตอนนี้อาณาจักรพวกเขาก็เป็นเหมือนสาวงามที่ไร้การป้องกันเจียงอี้อาจจะสามารถกวาดล้างอาณาจักรของพวกเขาได้และอาณาจักรเซิ่งหลิงต่างก็สวดวิงวอนขออย่าให้เจียงอี้และปรมาจารย์หลิงกลับมา
ทางด้านหลิงเสวี่ยเองก็นอนไม่หลับในช่วงเดือนที่ผ่านมาและนางก็ซูบเสียยิ่งกว่าดอกไม้ที่โรยราหากปรมาจารย์หลิงได้ชัยชนะในครั้งนี้จักรวรรดิมังกรเวหาก็จะหวนคืนสู่ยุทธภพได้ แต่หากปรมาจารย์หลิงพินาศ จักรวรรดิก็จะต้องพินาศเช่นกัน
“รายงาน…”
หลิงเสวี่ยสวมเสื้อคลุมและมงกุฏอยู่ในห้องเล็กๆขณะที่กำลังจินตนาการไปต่างๆนาๆจู่ๆก็มีแม่ทัพผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับรายงานข้อมูลด้วยสีหน้าที่หนักใจ “ฝ่าพระบาท เจียงอี้ปรากฏตัวและ… และเขาอยู่ทางตะวันออกของอาณาจักรเสินหวู่ ขณะนี้เขากำลังบินไปยังอาณาจักรต้าเซี่ยพะยะค่ะ”
แปะ!
ตำราที่หลิงเสวี่ยกำลังถืออยู่หล่นลงไปที่โต๊ะแม้แต่คนที่สุขุมเช่นนางก็ไม่สามารถสงบอารมณ์ได้ ใบหน้าของนางซีดลงทันใด
นางจ้องมองอย่างว่างเปล่าก่อนที่จะดึงสติกลับมาได้ขณะที่เผยความเจ็บปวดรวดร้าวออกจากมุมปากของนางนางโบกมือไล่แม่ทัพผู้นั้นให้ออกไป จากนั้นนางก็เอนกายลงบนบัลลังก์ทองม่วงและหลับตาลงขณะที่เรี่ยวแรงของนางทั้งหมดหายไปจากร่างของนาง
เจียงอี้ปรากฏตัวแล้ว!
นั่นก็หมายความว่าปรมาจารย์หลิงสิ้นลมแล้วไม่เช่นนั้น ด้วยนิสัยของปรมาจารย์หลิงก็คงจะไม่ปล่อยให้เจียงอี้กลับมาเช่นนี้
หากปรมาจารย์หลิงสิ้นลมแล้วนั่นก็หมายความว่ากองทัพพันธมิตรพ่ายแพ้อย่างยับเยิน!
โดยปกติแล้วความพ่ายแพ้นั้นจะหมายถึงความตายหลิงเสวี่ยเองไม่เกรงต่อความตาย แต่สิ่งที่สำคัญคือจักรวรรดิมังกรเวหาซึ่งก่อตั้งมาเกือบสองหมื่นปีอาจถูกล้างจากประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างสมบูรณ์
“รายงาน!เซียวหลงหวางและชาตี้มาที่นี่ พวกเขาต้องการเข้าเฝ้าฝ่าพระบาทพะยะค่ะ”
ในขณะที่หลิงเสวี่ยกำลังรู้สึกสูญเสียขันทีเฒ่าผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา นางจึงทำให้ตัวเองร่าเริงและกล่าวว่า “ให้พวกเขาเข้ามา”
ตึกตึก ตึก!
เซียวหลงหวางและชาตี้เข้ามาอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัดว่าพวกเขามาที่นี่ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายทันทีที่ได้รับข่าวนี้พวกเขาทั้งสองคนมีสีหน้าที่เศร้าหมองและเมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน พวกเขาก็โค้งคำนับและนั่งลงก่อนที่หลิงเสวี่ยจะทันได้พูดอะไร เซียวหลงหวางรีบพูดออกมา “องค์หญิง เจียงอี้กลับมาแล้ว ข้าว่าท่านก็คงได้ยินเรื่องนี้แล้วใช่ไหม? เราทั้งสองมาที่นี่เพื่อที่จะถามว่าท่านมีความคิดดีๆหรือไม่ ด้วยธรรมชาติของเด็กนั่น เขาจะต้องเคลื่อนขบวนไปทางเหนือในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเป็นแน่…”
ชาตี้ยังคงเงียบและมองไปที่หลิงเสวี่ยอาณาจักรเป่ยหมาง, อาณาจักรเป่ยเหลียงและจักรวรรดิมังกรเวหานั้นเหมือนตั๊กแตนบนเชือก หากเจียงอี้เดินทัพไปทางเหนือ จะไม่มีผู้ใดรอด
“ข้าจะไปมีอะไรอีก?”
หลิงเสวี่ยหัวเราะอย่างขมขื่นและกล่าวว่า“ปรมาจารย์หายไปและยังไม่พบแม้แต่ศพของเขา ความแข็งแกร่งของเจียงอี้นั้นพัฒนาเร็วเกินไป หากพวกท่านไม่มีแม้แต่ความมั่นใจที่จะสังหารเขา จักรวรรดิเองก็หมดหนทางเช่นกัน พวกท่านน่าจะรู้ว่าเจียงอี้มีเจตจำนงสังหาร นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังแล้ว การส่งทหารไปกำราบเขาก็ไร้ประโยชน์ เขานั้นมีพื้นฐานที่ไม่กลัวถูกล้อมอยู่แล้ว…”
เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงไม่มีแผนการหรือกับดักใดที่จะมีผล หลิงเสวี่ยอาจจะมีแผนการและกับดักมากมาย แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
“ไม่กลัวถูกล้อม….”
เซียวหลงหวางและชาตี้มองหน้ากันและหัวเราะอย่างขมขื่นอย่าว่าแต่ขอบเขตเสินโหยวเลย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังที่พุ่งไปที่เขา พวกเขาก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งเช่นกัน
หลิงเสวี่ยพึมพำอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า“ทำไมไม่ไปขอความช่วยเหลือจากโถงวรยุทธล่ะ? ครั้งนี้โถงวรยุทธได้ลวงพวกเราและพวกเขาคงจะไม่ปล่อยให้พวกเราตายใช่ไหม? ในเมื่อโถงวรยุทธเป็นคนปล่อยข้อมูลให้เราและคอยปรามสุ่ยโย่วหลานและนักบวชเฒ่าไว้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาก็ต้องการให้เจียงอี้ตายเช่นกัน อาจจะมีโอกาสที่จะให้พวกเขาจับมือกับเราก็ได้”
“โถงวรยุทธ!”
ดวงตาของเซียวหลงหวางและชาตี้สว่างขึ้นพวกเขาลุกขึ้นยืนและพยักหน้าพร้อมกัน “องค์หญิงหลิงเสวี่ยรู้ไหมว่าสำนักใหญ่ของโถงวรยุทธอยู่ที่ใดกัน? พวกเราจะได้ไปพบประมุขใหญ่แห่งโถงวรยุทธเพื่อวางแผนการด้วยกัน”
“ฮิฮิ!”
หลิงเสวี่ยหัวเราะอย่างขมขื่นและกล่าวว่า“ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นอกจากประมุขสาขาของโถงวรยุทธที่จะรู้ที่ตั้งหรอกใช่ไหม? ข้าคิดว่าแม้แต่สุ่ยโย่วหลานเองก็ไม่น่าจะรู้ พวกท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนไป ข้าจะให้คนของข้าส่งข้อความไปยังประมุขสาขาโถงวรยุทธในเมืองเทียนชิง ตราบใดที่โถงวรยุทธยินดีที่จะลงมือ มันก็ยังคงมีหวังในเรื่องนี้อยู่”
“เข้าใจแล้ว!”
เซียวหลงหวางพยักหน้าและพูดอย่างรวดเร็ว“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะส่งข้อความไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิงและอาณาจักรเสินหวู่ มันคงจะมีประโยชน์มากขึ้นหากพวกเราทั้งห้านั้นพูดคุยกับโถงวรยุทธ”
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น”
ดวงตาของหลิงเสวี่ยกำลังลุกโชนไปด้วยความหวังอีกครั้งหากโถงวรยุทธยินดีที่จะยื่นมือเข้ามา จักรวรรดิมังกรเวหาอาจไม่ถูกกำจัดไป หมื่นปีก่อน หากไม่ใช่เพราะโถงวรยุทธ จักรวรรดิก็คงจะถูกทำลายไปแล้ว และคราวนี้พวกเขาก็คงจะไม่นั่งมองจักรวรรดิสลายไปหรอกใช่ไหม?
…
“เจียงอี้กลับมาแล้วตอนนี้เขาอยู่ที่อาณาจักรเสินหวู่!”
ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรเสินหวู่ราวกับลมฤดูใบไม้ผลิเมืองหวังทั้งเมืองตกอยู่ในความอลหม่านและกองทัพทั้งหลายต่างส่งลูกหลานออกไปแล้วและย้ายทรัพย์สินของพวกเขาแล้ว หากเจียงอี้ตรงไปยังเมืองหวัง เมืองหวังทั้งเมืองก็จะกลายเป็นแม่น้ำเลือดอีกครั้ง
ตระกูลเซี่ยต่างพากันตระหนกเซี่ยเถียนและองค์ชายคนอื่นๆต่างต้องการขึ้นครองบัลลังก์เพื่อเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป แต่ตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าแย่งชิงมันอีกต่อไป แถมองค์ชายบางพระองค์กลับหนีไปอย่างลับๆด้วยซ้ำ หากเจียงอี้ผู้ที่เป็นมือสังหารเทพผู้นี้กำลังมา ตระกูลเซี่ยก็คงจะถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้นเป็นแน่
แต่ก็โชคดีที่ข่าวนั้นมาถึงอย่างรวดเร็วและเจียงอี้ไม่ได้คอยอยู่ที่อาณาจักรเสินหวู่ขณะที่เขาบินตรงกลับไปยังอาณาจักรต้าเซี่ยสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นเร็วเกินไปและใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการบินข้ามอาณาจักรเสินหวู่ไปครึ่งทางแล้ว ทุกที่ที่เจียงอี้ผ่านไป เมืองด้านล่างที่พบเห็นเขาต่างพากันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัวเนื่องจากเจียงอี้นั้นมีชื่อเรียกว่าปีศาจจอมกระหายเลือด
ตกกลางคืนเจียงอี้ก็ไม่ได้หยุดหัวใจของเขาถูกผูกติดอยู่ที่บ้านและไม่มีอารมณ์ที่จะก่อปัญหากับอาณาจักรเสินหวู่ในตอนนี้ เขาต้องการมั่นใจว่าเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆปลอดภัยก่อนที่เขาจะตัดสินใจว่าจะไปที่ใดต่อในภายหน้า
ฟึ่บ!
มีร่างร่างหนึ่งโผล่ออกมาจากป่าข้างล่างและโบกมือตลอดเวลาคนผู้นั้นตะโกนมาแต่ไกล “นายน้อยอี้ นายน้อยอี้ นี่ข้าเอง!”
“นายน้อยอี้?”
มีกลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่พูดกับเขาเช่นนี้โดยปกติแล้วนั้นมีเพียงสมาชิกตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนเท่านั้นที่เรียกเขาเช่นนี้ เจียงอี้จึงเหลือบมองไปและเผยรอยยิ้มออกมาทันทีเพราะนั่นคือบุคคลที่เขาคุ้นเคย เขาคือองครักษ์ลับของเฉียนว่านก้วน ผู้อาวุโสหลิว
ฟึ่บ!
เจียงอี้ให้สัตว์อสูรหยาจื้อลอยอยู่กลางอากาศขณะที่เขากระโดดลงมาผู้อาวุโสหลิวคุกเข่าข้างหนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “นายน้อยอี้ ท่านประมุขให้ข้านำข้อมูลมาให้ท่านทราบสองเรื่อง ประการแรก เจียงเปี๋ยหลีได้หายไปพร้อมกับตระกูลเจียง ประการที่สอง แม่นางน้อยเสี่ยวนู๋นำองค์ราชินีรั่วเสวี่ย, ท่านประมุขน้อยและนายน้อยอู๋ซวงหนีไปด้วยตอนที่ปรมาจารย์หลิงไล่ล่านาง ในระหว่างช่วงเวลานี้ ทั้งสองตระกูลของเราได้ส่งหน่วยสอดแนมทั้งหมดออกไปค้นหาพวกเขา…แต่ก็ยังไม่พบพวกเขาขอรับ”
“อะไรนะ?”
การแสดงออกของเจียงอี้เปลี่ยนไปอย่างมากเขาไม่สนใจว่าเจียงเปี๋ยหลีจะหายไปหรือไม่ แต่ปัญหาคือมันผ่านมาหลายวันแล้วและมีหน่วยสอดแนมมากมายที่คอยหานาง แต่พวกเขาก็ยังไม่พบเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆ?
…
บทที่ 486 จับดาบเซ่นสังเวย
เจียงอี้ใช้เวลากว่าสิบวันในการเดินทางไปทะเลมรณะจากทางตอนใต้ของอาณาจักรต้าเซี่ยและเขาก็ใช้เวลาสี่ถึงห้าวันจากทะเลมรณะกลับเข้ามายังทวีป ในตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณยี่สิบวันแล้วและแม้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋จะหมดสติไปเพราะความเหนื่อยล้าและซ่อนตัวอยู่เงียบๆ แต่ตอนนี้นางก็น่าจะตื่นขึ้นแล้ว
เจียงเสี่ยวนู๋นั้นใสซื่อบริสุทธิ์แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางโง่เขลา มันถูกพิสูจน์แล้วเมื่อนางรับรู้ได้ว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูได้ นั่นก็หมายความว่าก่อนที่เวลาการเปลี่ยนร่างของนางจะหมดลง นางจะปล่อยจ้านอู๋ซวงและคนอื่นๆออกมาจากแจกันเขียวพิสุทธิ์ก่อนอย่างแน่นอนเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง
ก่อนหน้านี้ปรมาจารย์หลิงได้ค้นหาบริเวณแดนใต้ของอาณาจักรต้าเซี่ย มันก็หมายความว่าเขายังไม่ได้สังหารเจียงเสี่ยวนู๋ เช่นนั้นแล้ว….พวกเขาไปอยู่ที่ใดกัน?
หน่วยสอดแนมของตระกูลจ้านนั้นไม่ค่อยมีความสามารถเท่าใดนักแต่ตระกูลเฉียนมีการค้าขายไปทั่วทั้งทวีปและตระกูลเล็กๆส่วนใหญ่นั้นก็เป็นหุ่นเชิดของตระกูลเฉียน ตระกูลเฉียนได้กุมอำนาจไปทั่วทวีปแล้วและหากตระกูลเฉียนยังไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆ นั่นก็หมายความว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว
เจียงอี้มีสีหน้าที่เศร้าหมองและดวงตาของเขาเผยความรู้สึกสูญเสียออกมาเขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาถามว่า “ลุงเฉียนมีความเห็นอย่างไร?”
ผู้อาวุโสหลิวเผยการแสดงออกที่อึมครึมออกมาเพราะเฉียนว่านก้วนก็หายไปเช่นกันเขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ท่านประมุขไม่ได้กล่าวอะไร เขากล่าวว่าทุกอย่างนั้นควรปล่อยให้นายน้อยอี้เป็นคนตัดสินใจ ส่วนตระกูลเฉียนและตระกูลจ้านนั้นจะร่วมมือด้วยขอรับ”
“งั้นข้าจะกลับไปก่อนและจะนำกองทัพออกค้นหาช่วยข้าส่งข้อความถึงลุงเฉียนและลุงจ้านว่าให้พวกเขาออกค้นหาต่อไป”
หลังจากที่เจียงอี้ออกคำสั่งเสร็จเขาก็เหินไปยังสัตว์อสูรหยาจื้อและบินไปทางใต้ ในเวลาเดียวกันเขาก็ย้ายแม่เฒ่าบุปผาสีเงินออกจากราชวังจักรวาลและสั่งว่า “ท่านย่า เสี่ยวนู๋, รั่วเสวี่ยและคนอื่นๆหายตัวไป ท่านหาทางส่งข้อความถึงองค์ราชาและขอให้เขาส่งคนไปออกตามหาพวกเขาที หากเป็นไปได้ก็ขอยืมกองทหารของเขามาด้วย”
“เจ้าค่ะ!”
เมื่อแม่เฒ่าบุปผาสีเงินเห็นว่าเจียงอี้หม่นหมองเพียงใดนางก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก นางบินออกไปเพื่อหาจุดลับที่อาณาจักรเทียนเซวี่ยนตั้งไว้ในอาณาจักรเสินหวู่
“สัตว์อสูรหยาจื้อเพิ่มความเร็วเต็มกำลัง!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาขณะที่กลิ่นอายสังหารของเขาพุ่งออกจากร่างของเขาอีกครั้งเดิมทีเขาไม่ต้องการที่จะสังหารใครหลังจากที่เขากลับมา แต่เจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆนั้นหายไปซึ่งมันทำให้กลิ่นอายสังหารพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง
คนพวกนี้จะไม่ยอมหยุด?พวกเขาต้องการจะลักพาตัวเจียงเสี่ยวนู๋เพื่อข่มขู่เขา? เจียงอี้เกลียดมากในตอนที่ครอบครัวของเขาถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย หากเขาเจอตัวผู้ที่จับเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆไป เขามั่นใจว่าลูกหลานตระกูลนั้นต้องถูกกำจัดไปจนสิ้นแน่นอน
ที่เจียงอี้สันนิษฐานเอาไว้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆถูกจับไปนั้นเป็นไปตามสัญชาตญาณของเขาแต่แน่นอนว่าใจจริงแล้วเขาเพียงขอให้เจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆแค่ซ่อนตัวอยู่และกำลังรอเขากลับมา
ในระหว่างเดินทาง,แม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็กลับมาถึงในอีกสองวันถัดมา ระหว่างนั้นทางหน่วยสอดแนมของตระกูลเฉียนและตระกูลจ้านก็จะคอยนำข้อมูลกลับมารายงาน ยิ่งเจียงอี้ใกล้ถึงอาณาจักรต้าเซี่ยเท่าไหร่ ใจของเขาก็ยิ่งเย็นชามากขึ้นเท่านั้น เขาบินมาเป็นเวลาสี่วันสี่คืนแล้ว การกลับมาของเขานั้นน่าจะเป็นที่รู้กันไปทั่วทวีปแต่ก็ยังไม่มีผู้ใดพบเห็นเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆเลย
ในวันที่ห้าเขาเข้าสู่ดินแดนอาณาจักรต้าเซี่ย กองทัพพันธมิตรได้ล่าถอยออกไปแล้วและเมืองที่ถูกยึดครองทั้งหมดได้กลับมาอยู่ในมือของทหารต้าเซี่ยแล้ว แม่ทัพหลูที่ได้รับข่าวนี้ก็นำเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่ยังรอดชีวิตอยู่เกือบร้อยคนไปยังเมืองทางด้านเหนือสุดในอาณาจักรต้าเซี่ยเพื่อต้อนรับเจียงอี้ที่กลับมาพร้อมชัยชนะ
เมื่อเจียงอี้มาถึงเมืองเขาก็ให้ผู้เชี่ยวชาญที่กำลังคุกเข่าลุกขึ้นทันทีและถามอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าเจอองค์ราชานีและคนอื่นๆแล้วหรือยัง?”
“ยังพะยะค่ะ”
แม่ทัพหลูในตอนนี้นั้นกลายเป็นคนที่มีแขนข้างเดียวเขามีสีหน้าที่เจ็บปวดและขณะที่เขากำลังจะอธิบายอะไร เจียงอี้ก็ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “แล้วพวกเจ้าจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่ออะไร? ส่งกองกำลังออกไปค้นหาเดี๋ยวนี้! อาณาจักรต้าเซี่ยมีกองกำลังเหลือเท่าไหร่? ส่งพวกเขาออกไปตามหาให้หมดแม้ว่าจะต้องขุดหาใต้ดินหรือใต้โคลนให้ทั่วอาณาจักรต้าเซี่ยซะ!”
“พะยะค่ะ!”
แม่ทัพหลูไม่กล้าพูดอะไรออกมาในขณะที่เขารีบหันไปเตรียมการเขารีบมอบหมายงานต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวรวบรวมกองกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ในทุกๆเมืองเพื่อตามหาพวกเขา
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วแม่ทัพหลูก็ถามด้วยน้ำเสียงประหม่า “ท่านอุปราช ท่านได้…สังหารปรมาจารย์ไปแล้วหรือพะยะค่ะ?”
“ปรมาจารย์หลิงตายแล้วแต่ไม่ต้องไปประกาศข้อมูลนี้ออกไปนะ”
เจียงอี้ตอบกลับและบินขึ้นไปยังสัตว์อสูรหยาจื้อเขาหันกลับมาและออกคำสั่ง “แม่ทัพเฒ่าหลู เจ้ากลับไปยังเมืองเซี่ยยวี่เดี๋ยวนี้ ข้าจะไปยังอาณาจักรเทียนเซวี่ยนเพื่อรวบรวมกำลังพลออกค้นหา ปล่อยทุกสิ่งไปก่อนแล้วออกตามหาองค์ราชินีและคนอื่นๆก่อน”
“พะยะค่ะ”
ร่างของแม่ทัพเฒ่าหลูสั่นเทาและเขาก็เผยความสุขออกมาอย่างฝืนไม่ได้ปรมาจารย์หลิงสิ้นลมแล้ว แล้วใครกันที่จะเป็นคู่ปรับของเจียงอี้? ตราบใดที่พวกเขาพบตัวซูรั่วเสวี่ย อาณาจักรต้าเซี่ยก็จะมีโอกาสครองทวีปได้
ฟึ่บ!
แม่ทัพฒ่าหลูขี่ม้าเร็วและพุ่งไปยังเมืองเซี่ยยวี่พร้อมกับลูกน้องสองคนเจียงอี้นั้นทรงพลังก็จริงแต่เขาไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องภายในอาณาจักร ในการระดมกำลังทหารเพื่อออกตามหาซูรั่วเสวี่ยนั้น แม่ทัพเฒ่าหลูจะต้องวางแผนการทุกอย่างในฐานะคนกลาง
…
อาณาจักรต้าเซี่ยระดมกองทัพที่เหลืออยู่จากเมืองต่างๆและกองทหารอาสาสมัครมาได้ประมาณสามแสนคนพวกเขาเริ่มออกค้นหาทุกซอกทุกมุมและมุ่งเน้นไปทางตอนใต้ของอาณาจักร
สามวันต่อมาอาณาจักรเทียนเซวี่ยนก็ได้ส่งกองกำลังชั้นยอดกว่าสามแสนคนไปยังอาณาจักรต้าเซี่ยและเข้าร่วมกับกองกำลังต้าเซี่ย ผู้คนราวหกแสนคนออกค้นไปทั่วดินแดนของอาณาจักรต้าเซี่ยแห่งนี้
เจียงอี้นั้นตกอยู่ในความสิ้นหวังเพราะหลังจากที่คนเหล่านี้ค้นหาวันแล้ววันเล่าก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนเองก็ส่งข้อความมาว่ายังไม่พบข้อมูลใดในทวีปเลย
ในวันที่สิบหลังจากที่เขากลับมาเมืองเซี่ยยวี่แล้วเจียงอี้ก็ไม่สามารถนิ่งดูดายได้อีกต่อไป!
ตลอดสิบวันมานี้เขานั่งตรึงอยู่บนเบาะเก้าอี้ เขาอยู่ในเมืองเซี่ยยวี่ที่ถูกถล่มและมองดูถนน สิ่งก่อสร้างและกำแพงที่ถูกทำลาย กลิ่นอากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นศพ, เลือด ซึ่งปลุกให้ความชั่วร้ายในใจเขาลุกโชนขึ้น
เขามีใบหน้าที่เศร้าหมองขณะที่เดินออกมาจากลานตำหนักและบอกให้แม่ทัพหลูป่าวประกาศออกไปว่า….หากไม่พบซูรั่วเสวี่ย,เจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆภายในสามวัน เขาจะออกล้างทวีปนี้ด้วยเลือด!
ในเมื่อไม่พบศพของเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆพวกเขาจึงต้องยังมีชีวิตอยู่ นี่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้วและถ้าหากเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆซ่อนตัวอยู่ พวกเขาก็คงจะรู้แล้วว่าเจียงอี้ได้กลับมาแล้ว มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือพวกเขาถูกจับไป!
เจียงอี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจับพวกเขาไปดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร หากผู้บงการไม่เผยตัวออกมา ทางเดียวก็คือ……จะต้องบังคับให้พวกเขาเผยตัวออกมา เขากำลังจะล้างทวีปไปด้วยเลือดและสังหารศัตรูทั้งหมดที่ต่อต้านเขา มันจะบังคับให้ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังออกมาจากที่ซ่อนจริงๆใช่ไหม?
เมื่อข่าวได้ถูกประกาศออกไปแล้วทั้งทวีปต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล ในที่สุดเจียงอี้ก็กำลังจะจับดาบเซ่นสังเวย?
พลเมืองของอาณาจักรต่างๆล้วนพากันตกอยู่ในความหวาดกลัวแต่เหล่าราชวงศ์ต่างๆและจักรวรรดิมังกรเวหาก็ยังไม่ได้เปิดเผยสิ่งใด มิหนำซ้ำยังไม่มีการประกาศใดๆด้วยซ้ำ…มันสงบมาก มากเสียจนน่ากลัว
เจียงอี้เดือดดาลอย่างสมบูรณ์!
สามวันต่อมาเขาสั่งให้กองทัพทหารสามแสนนายออกเดินทัพ และเขาก็ได้รวมทหารอีกสามแสนนายจากอาณาจักรเทียนเซวี่ยนไปด้วย พวกเขาเดินทัพไปยังอาณาจักรเสินหวู่และเขาเป็นผู้นำทัพเองและอยู่ใจกลางเหล่าทหาร ส่วนแม่เฒ่าบุปผาสีเงินอยู่แนวหน้าของทัพและสัตว์อสูรหยาจื้อก็ตื่นตัวตลอดเวลาอยู่บนท้องฟ้า
กองทัพที่แข็งแกร่งกว่าหกแสนนายที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามได้เดินขบวนไปยังอาณาจักรเสินหวู่!
นอกเหนือจากทหารไม่กี่คนที่คอยอยู่ที่อาณาจักรต้าเซี่ยเพื่อรักษาความเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีกองทัพอื่นใดเหลืออยู่ที่อาณาจักรเลย เนื่องจากเจียงอี้กำลังจะโจมตีทั้งทวีปและกำจัดกองกำลังของฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะคอยป้องกันอาณาจักร? แม้ว่าอาณาจักรต่างๆต้องการที่จะเอาชนะอาณาจักรต้าเซี่ย พวกเขาก็จะต้องกำจัดกองทัพที่แข็งแกร่งทั้งหกแสนนายของเขาก่อน
เจ็ดวันต่อมากองทัพได้เดินทัพมาถึงตอนใต้ของอาณาจักรเสินหวู่แล้ว พวกเขาใช้เวลาเพียงครึ่งวันในการยึดครองห้าเมืองทางตอนใต้ของอาณาจักรเสินหวู่ไปแล้ว เหล่าทหารในเมืองต่างๆไม่กล้าแม้แต่จะต่อต้าน มีสามเมืองที่เปิดประตูเมืองและยอมจำนนในทันที
ศึกครั้งยิ่งใหญ่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว