เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 487 -488
บทที่ 487 การกบฏของกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตก
อาณาจักรเสินหวู่กำลังตกอยู่ในความโกลาหล!
ตอนนี้เซี่ยถิงเวยก็สิ้นไปแล้วและไม่มีองค์ราชาองค์ใดที่ครองบัลลังก์อยู่ส่วนตระกูลใหญ่ทั้งเจ็ดตระกูลและผู้เชี่ยวชาญของตระกูลจ่างซุนก็เกือบจะถูกเจียงอี้สังหารไปจนหมดแล้วขณะที่ตระกูลเจียงก็หายไปหมด ขณะเดียวกัน ตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนก็ยังคงนิ่งเงียบและสงบสุขแต่พวกเขาก็ยังคงสนับสนุนเจียงอี้อยู่อย่างลับๆ ส่วนตระกูลอิงนั้น ประมุขน้อยของตระกูลเขาค่อนข้างสนิทสนมกับเจียงอี้แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขานั้นคิดอะไรอยู่ ณ ตอนนี้
ส่วนตระกูลหลงและตระกูลไท่สื่อนั้นไม่เป็นมิตรกับเจียงอี้อยู่แล้วทั้งสองตระกูลคุมกองทัพประมาณหนึ่งในสามส่วนของอาณาจักรเสินหวู่ไว้ ในช่วงที่เจียงอี้ถูกไล่ล่า แม่ทัพทั้งสองตระกูลก็ได้เข้าร่วมการไล่ล่าด้วยเช่นกัน
ด้านองค์ชายและองค์หญิงตระกูลเซี่ยไม่กี่คนได้หลบหนีไปแต่เซี่ยเถียนและเซี่ยเฟยหยูยังคงอยู่ เนื่องจากเซี่ยเถียนและเจียงอี้นั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจ แม้ว่าเขาจะหนีไปที่ใด เจียงอี้ก็จะยังส่งคนมาไล่ล่าเขาอยู่ดี
ดังนั้นเซี่ยเถียนนั้นมีเวลาคิดเรื่องนี้เพียงวันเดียวก่อนที่จะสร้างพันธมิตรกับจ่างซุนเหยียน,ตระกูลไท่สื่อและตระกูลหลง หลังจากที่ได้หารือกับเหล่าประมุขตระกูลต่างๆแล้วเขาก็ตัดสินใจขึ้นครองบัลลังก์และกลายเป็นผู้ปกครองอาณาจักรเสินหวู่องค์ต่อไป
หลังจากที่ขึ้นครองบัลลังก์เซี่ยเถียนก็ได้ประกาศราชโองการพร้อมประณามเจียงอี้ว่าเป็นผู้ทรยศและเขาจะระดมกำลังทหารของอาณาจักรเพื่อต่อต้านและจับตัวผู้ทรยศ ในเวลาเดียวกันเขาก็ใช้สถานะกษัตริย์ขอความช่วยเหลือไปยังอาณาจักรอื่นๆรวมไปถึงจักรวรรดิมังกรเวหาและโถงวรยุทธ
พลเมือง,กองทัพ และตระกูลต่างๆที่อยู่ในอาณาจักรเสินหวู่ก็ค่อยๆสงบลง จ่างซุนเหยียนและคนอื่นๆรวมกำลังพลกันอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดเจียงอี้ พวกเขาเชื่อว่าอาณาจักรอื่นๆ, จักรวรรดิมังกรเวหาและโถงวรยุทธจะไม่นิ่งดูดายและปล่อยให้เจียงอี้ทำลายอาณาจักรเสินหวู่ เพราะหลังจากสิ้นสุดการสู้รบที่อาณาจักรเสินหวู่แล้ว พวกเขาก็จะเป็นรายต่อไป
แม้ว่าเจียงเปี๋ยหลีจะหายไปแต่กองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกที่แข็งแกร่งทั้งห้าแสนนายยังคงอยู่ กองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเสินหวู่ ในวันแรกที่เซี่ยเถียนขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็ออกคำสั่งให้แม่ทัพคนหนึ่งในตระกูลไท่สื่อยึดครองกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตก ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องรวบรวมกองทัพเพื่อโจมตีทัพของเจียงอี้
เซี่ยเถียนนั้นเหมือนเซี่ยถิงเวยมากทั้งสองคนสงสัยในตัวเจียงเปี๋ยหลีและตระกูลเจียงมาก กองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกนั้นเป็นผู้ภักดีของตระกูลเจียงมาโดยตลอด ซึ่งมันทำให้เซี่ยเถียนไม่ค่อยสบายใจนัก ดังนั้นเขาจึงรวบรวมกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกเพื่อเข้าปะทะกับเจียงอี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ชัยชนะแต่การบาดเจ็บล้มตายจากทั้งสองฝ่ายก็จะเป็นประโยชน์ต่อเขา
กองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกทั้งห้าแสนนายนั้นไม่ขัดขืนและปล่อยให้แม่ทัพไท่สื่อเหิงสั่งพวกเขาอย่างว่าง่ายแถมเขายังปลดผู้บัญชาการจำนวนมากออกไปเพื่อที่เขาจะได้ให้ตระกูลไท่สื่อเข้ามารับตำแหน่งเหล่านั้น หลังจากที่จัดกองทัพใหม่ได้หนึ่งวัน แม่ทัพไท่สื่อเหิงก็นำทัพมุ่งไปทางใต้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่จะสังหารกองทัพเจียงอี้
ภายในไม่กี่วันมานี้เจียงอี้และทัพของเขาได้พิชิตเมืองมากกว่ายี่สิบเมืองแล้ว เมืองเหล่านั้นแทบจะไม่ได้ต่อต้านอะไรมากนัก ถึงแม้ว่าจะมีบ้าง แต่เมื่อแม่เฒ่าบุปผาสีเงินปรากฏตัวขึ้น นางจะกำจัดเจ้าเมืองและผู้เชี่ยวชาญในเมืองจนหมดในกระบวนท่าเดียว จากนั้นเหล่ากองทหารที่เหลือก็จะยอมจำนนแต่โดยดี ในสายตาของเหล่าทหารเหล่านั้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเปรียบดั่งผู้ไร้พ่ายสำหรับพวกเขา
เจียงอี้นั้นถ่ายทอดคำสั่งปลิดชีวิตลงมาเมื่อพวกเขาปิดล้อมเมืองต่างๆ หากมีผู้ใดขัดขืน เหล่าทหารนั้นสามารถสังหารศัตรูได้เลย แต่พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้สังหารเหล่าคนธรรมดาหรือทหารที่ยอมจำนน
ชื่อเสียงของเจียงอี้ในตอนนี้อยู่ในจุดสูงสุดแล้วเขาได้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังสามคนที่นอกเมืองเซี่ยยวี่และทำให้เซียวหลงหวางและชาตี้หวาดกลัว และสุดท้ายก็ไล่ตามปรมาจารย์หลิงไป ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาสังหารปรมาจารย์หลิงไปหรือไม่ แต่เขาก็กลับมาในขณะที่ยังไม่มีผู้ใดพบปรมาจารย์หลิง นี่เป็นความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้นแม้ว่ากองทัพอาณาจักรต้าเซี่ยต้องการที่จะล้างอาณาจักรเสินหวู่ด้วยเลือดหรือสังหารกองกำลังทั้งหมดของอาณาจักรเสินหวู่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร กองทัพต้องปฏิบัติตามคำสั่งและคำสั่งของเจียงอี้ก็เหมือนกับคำสั่งของพระเจ้า ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านมัน
กองทัพเหล่านั้นก้าวไปราวกับฝูงตั๊กแตนพวกเขาสามารถพิชิตหนึ่งในสามส่วนของดินแดนอาณาจักรต้าเซี่ยได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเหล่ากองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกกว่าห้าแสนนายก็มาถึงที่หมายแล้ว พวกเขาเข้ารักษาการณ์ในเมืองอันดับหนึ่งของอาณาจักรเสินหวู่ เมืองเสินเยี่ย พวกเขานั้นพร้อมที่จะสู้กับกองทัพเจียงอี้จนตาย
“เมืองเสินเยี่ย?แม่ทัพหลู ป้องกันด้านหลัง ข้าจะนำทัพแสนนายเข้าพิชิตเมืองเสินเยี่ย”
ฝ่ายตรงข้ามมีทหารห้าแสนนายหากพวกเขาต้องใช้เหล่ากองทัพสู้กับพวกนั้น อาณาจักรต้าเซี่ยก็จะมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนแม้ว่าจะมีแม่เฒ่าบุปผาสีเงินคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตาม แต่เนื่องจากเจียงอี้ตัดสินใจนำทัพเอง กองกำลังห้าแสนนายเหล่านั้นก็เหมือนกับแกะห้าแสนตัวที่สามารถปราบได้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่แม่ทัพหลูได้รับคำสั่งแล้วเจียงอี้ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและร่อนลงบนหลังสัตว์อสูรหยาจื้อ เขาโบกมือแล้วพูดว่า “แม่ทัพซู นำทัพทหารแสนนายตามข้าไปยังเมืองเสินเยี่ย”
“ข้าน้อยรับคำสั่งพะยะค่ะ!”
แม่ทัพขอบเขตเสินโหยวป้องกำปั้นของเขาหลังจากนั้นเขาก็โบกมือและสั่งว่า “ทัพเซี่ยหู่, ทัพเซี่ยหลง, ทัพเซี่ยซือ เดินทัพและตามท่านอุปราชไปพิชิตเมืองเสินเยี่ย!”
กองทหารทั้งแสนนายรีบแยกทัพออกมาอย่างเป็นระเบียบและตามหลังแม่ทัพซูไปทางเหนือแม้ว่าจะมีเพียงแสนนาย แต่พวกเขาก็ยังสามารถปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาได้ราวกับมีกองทัพนับล้าน ในขณะนี้พวกเขาไม่มีความเกรงกลัวใดๆ แม้ว่าพวกเขาจะไปยังภูเขาที่เต็มไปด้วยคมดาบหรือทะเลเพลิงก็ตาม เพราะราชาของพวกเขา….อยู่เหนือพวกเขา ณ ตอนนี้!
ครึ่งวันต่อมาเมืองเสินเยี่ยที่อยู่ห่างไกลเริ่มใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้เป็นเวลาพระอาทิตย์ตกดินและทางตะวันตกก็เต็มไปด้วยแสงเรืองรองสีแดงเลือดของดวงอาทิตย์ แสงสีแดงสะท้อนออกมาจากใบมีดของกองกำลังทั้งแสนนายเหล่านี้ มันสะท้อนกลิ่นอายที่เย็นเยียบที่ทำให้ผู้คนรู้สึกใจสั่น เมื่อเหล่ากองกำลังทั้งแสนนายพุ่งมาอย่างบ้าคลั่งมันก็ทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นตลบและดูราวกับว่ามีสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์นับแสนกำลังคำรามอยู่ในความเงียบสงัด
เมืองเสินเยี่ยแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากกำแพงเมืองได้ทอดยาวไปกว่าสามกิโลเมตรและมันเต็มไปด้วยกองทหาร กองกำลังเหล่านี้สวมชุดเกราะสีดำขณะที่ถือดาบสีดำ แม้ว่าพวกเขาจะเห็นสัตว์อสูรหยาจื้อบินมาแต่ไกล แต่พวกเขาก็ไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย พวกเขาสมควรได้รับขนานนามว่าเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเสินหวู่แล้ว
ไท่สื่อเหิงยืนอยู่หน้ากำแพงเมืองด้วยสีหน้าที่รู้ว่ากำลังจะต้องตายเหล่าสมาชิกตระกูลไท่สื่อที่เพิ่งได้รับตำแหน่งมาควบคุมกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน ภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้มันคือการสละชีวิต!
แน่นอนว่า!
ก่อนที่พวกเขาจะสละชีวิตพวกเขาต้องกำจัดกองกำลังของอาณาจักรต้าเซี่ยให้ได้มากที่สุด ตราบใดที่ทหารหกแสนนายจากอาณาจักรต้าเซี่ยถูกกำจัดไป เจียงอี้ก็จะไม่สามารถยึดอาณาจักรเสินหวู่ได้แม้ว่าเขาจะจัดการมันได้ด้วยตัวคนเดียวก็ตาม
“ทหารแห่งเสินหวู่ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องแสดงความภักดีต่ออาณาจักรเพื่อความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรเสินหวู่และเพื่อพลเมืองของเรา แปรทัพค่ายกลมังกร! ฆ่ามัน!”
เมื่อไท่สื่อเหิงเห็นกองทัพใกล้เข้ามาเขาก็ชูดาบในมือขึ้นและคำรามก่อนที่จะพุ่งออกไปข้างหน้า ตระกูลไท่สื่อทุกคนต่างก็คำรามออกมาเช่นกัน
“ฆ่ามัน!”
ทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกทั้งหมดหยิบอาวุธออกมาและคำรามขณะที่พวกเขาตามหลังไท่สื่อเหิงและพุ่งออกจากเมืองทหารมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากกำแพงเมืองและอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้ยืนอยู่บนหลังของสัตว์อสูรหยาจื้อและเห็นกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกพุ่งมาในไม่ช้า พวกเขาก็จะปะทะเข้ากับกองกำลังอาณาจักรต้าเซี่ย ในขณะเดียวกัน ดวงตาของเจียงอี้ก็ค่อยๆกลายเป็นสีแดงและปลดปล่อยเจตจำนงสังหารออกมาข่มเหล่าศัตรู
ในขณะนั้นเองก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“โจมตี!”
คนที่อยู่ในกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกคำรามออกมาทันใดนั้นเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับร้อยก็ปลดปล่อยแก่นแท้พลังและรูปแบบเต๋าออกมา แต่มันไม่ได้โจมตีไปยังเหล่ากองทัพอาณาจักรต้าเซี่ยแต่กลับไปทางไท่สื่อเหิงและแม่ทัพของตระกูลไท่สื่อแทน
“พวกเจ้าเป็นบ้ากันไปแล้วรึ?”
ไท่สื่อเหิงสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงที่คืบคลานเข้ามาเมื่อเขาหันกลับไป แก่นแท้พลังก็ปกคลุมอยู่ทุกที่ที่เขาสามารถมองเห็น เขาตัวแข็งทื่อในทันใดและคำรามออกมา ด้วยการโจมตีจากแก่นแท้พลังมากมายเช่นนี้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดเองก็ยังต้องตาย นับประสาอะไรกับเขาที่อยู่เพียงขอบเขตเสินโหยวขั้นที่แปด
“เป็นเจ้านั่นเอง….”
ในช่วงที่เขากำลังสิ้นลมเขาเห็นใบหน้าที่น่าเกลียดแสยะยิ้มให้เขาอยู่กลางกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตก เมื่อเขาเห็นแผลเป็นที่มุมปากของคนผู้นั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้สามารถควบคุมกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกได้ง่ายดายเช่นนี้และรู้แล้วว่าทำไมกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกถึงเชื่อฟังเขา
ปั้ง!ปึ้ง! ปั้ง!
การโจมตีด้วยแก่นแท้พลังหลายร้อยสายทำให้ร่างของเหล่าสมาชิกตระกูลไท่สื่อกว่าสิบคนแหลกเป็นชิ้นๆและการระเบิดนั้นก็เกิดฝุ่นตลบอบอวลลอยขึ้นจากพื้นดินไปทั่ว
“นี่…”
เจียงอี้และกองทหารอาณาจักรต้าเซี่ยกว่าแสนนายต่างพากันตกตะลึงเหตุใดกองทัพข้าศึกจึงขัดแย้งกันเองก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น? เจียงอี้ขมวดคิ้วขบคิดขณะที่วิสัยทัศน์ของเขามองทะลุผ่านฝุ่นควันเหล่านั้นและได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยอยู่กลางกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตก
ฟึ่บ!
คนผู้นั้นเคลื่อนไหวและกลายเป็นภาพหลังเขาเมินเฉยต่อกองทหารอาณาจักรต้าเซี่ยและคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นก่อนที่จะตะโกนออกมา “ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตก เจียงเหรินถูขอคารวะท่านอุปราช แม่ทัพผู้นี้เป็นตัวแทนของกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกทั้งห้าแสนนายและขอปฏิญาณว่าจะภักดีต่ออาณาจักรต้าเซี่ยพะยะค่ะ!”
บทที่ 488 ผู้มีชะตาลิขิต
“ฮือฮา!”
กองทัพอาณาจักรต้าเซี่ยพากันตื่นเต้นกองทหารรักษาการณ์ตะวันตกทั้งห้าแสนนายยอมจำนน? นี่เป็นกองทัพเกือบครึ่งของอาณาจักรเสินหวู่และเป็นที่รู้กันดีว่ากองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกนั้นมีความกล้าหาญเพียงใด
เจียงเหรินถู!
แม่ทัพซูและคนอื่นที่เหลือมองหน้ากันและจากนั้นก็ตระหนักบางสิ่งได้
แต่อย่างไรเสียเจียงอี้เองก็ยังลังเล เจียงเหรินถูไม่ได้เรียกตำแหน่งทางทหารของเขาหรือเรียกเขาว่านายน้อยเจียงอี้ แต่กลับเรียกเขาว่า อุปราชแทน ประโยคนั้นมันดูเหมือนกับว่าเขากำลังยอมจำนนต่ออาณาจักรต้าเซี่ยแต่ไม่ใช่ต่อเจียงอี้
ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาสังหารแม่ทัพที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวและเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลใหญ่ในอาณาจักรเสินหวู่พวกเขาเป็นคนจากตระกูลไท่สื่อหรือไม่ก็ตระกูลหลง การจำนนของเขานั้นเป็นไปอย่างรอบคอบโดยที่เขาจะไม่ตกเป็นเป้าต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย
หากเป็นคนอื่นหรือกองทัพอื่นเจียงอี้อาจจะไม่ได้กังวลมากนักแต่ปัญหาก็คือ…นี่เป็นกองทัพของเจียงเปี๋ยหลี!
เจียงเปี๋ยหลีหายตัวไปอย่างลึกลับพร้อมกับตระกูลเจียงเขาเป็นผู้ที่มีปัญญาที่น่าทึ่ง แล้วหากว่าเขาวางแผนการบางอย่างล่ะ? เจียงอี้อาจจะถูกเขาสังหารได้เลยนะ
“นายน้อย!”
จู่ๆเจียงเหรินถูก็พูดขึ้นมาในทันใด“เมื่อท่านจอมพลจากไป เขาได้ทิ้งคำพูดเอาไว้ เขากล่าวว่าเขาทำผิดต่อท่านและแม่ของท่านและเขาจะไม่ตำหนิท่านไม่ว่าท่านจะเกลียดชังหรือแม้แต่ต้องการสังหารเขา เขาได้ทำผิดพลาดมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและ….เขาต้องการที่จะชดใช้มัน เขาได้พาตระกูลเจียงหลบหนีไป ส่วนกองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกทั้งห้าแสนนายนี้เป็นสิ่งที่เขาอยากจะมอบให้ท่าน”
เจียงอี้นิ่งงันไปกับคำพูดเหล่านี้เมื่อมองย้อนกลับไปในระหว่างการต่อสู้ที่เมืองหวัง ในตอนที่เซี่ยถิงเวยกำลังจะสังหารเขา เจียงเปี๋ยหลีก็รีบออกมาจากวังหลวงและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน เมื่อเจียงอี้สังหารขันทีหลิน เจียงเปี๋ยหลีเองก็ไม่ได้ลงมือใดๆ แต่สุดท้ายก็สร้างบาดแผลให้กับตัวเอง เจียงอี้จึงเชื่อว่าเจียงเปี๋ยหลีจะไม่ทำร้ายเขาในครั้งนี้โดยไม่มีเหตุผลใดๆ
“ก็ได้!”
เขาตัดสินใจที่จะไว้ใจเจียงเปี๋ยหลีเขาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งลึก “ข้า เป็นตัวแทนอาณาจักรต้าเซี่ย ยอมรับการจำนนของแม่ทัพเหรินถู!”
เจียงอี้เข้ายึดครองเมืองเสินเยี่ยโดยไม่มีการหลั่งเลือดเจียงอี้บอกให้เหล่ากองกำลังทั้งแสนนายตั้งค่ายอยู่นอกเมือง ส่วนเขาก็เข้าไปในเมืองและค้างคืนที่นั่นเพียงคนเดียว ในวันรุ่งขึ้น กองกำลังของทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกทั้งห้าแสนนายก็เดินทัพไปทางตะวันออกของเมืองจากทั่วทุกทิศทาง กองกำลังทั้งหกแสนของเจียงอี้ก็ได้ถูกแบ่งออกเป็นห้าทัพและทั้งหมดก็ตรงไปทางเหนือราวกับมังกรคลั่ง
อาณาจักรเสินหวู่ต่างสะเทือนกับข่าวที่ได้รับมาและยังเกิดความสั่นไหวขึ้นในเมืองหวัง
เซี่ยเถียนพ่นคำสาปแช่งออกมามากมายและหมดหวังเป็นอย่างมากเขาขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรอื่นๆ, จักรวรรดิมังกรเวหาและโถงวรยุทธไปแต่ก็ไม่มีผู้ใดตอบกลับมาเลย
ดูเหมือนว่ากองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกนั้นจะยอมจำนนต่อเจียงอี้ด้วยใจจริงพวกเขายึดเมืองและดินแดนมาตลอดทาง ในเวลาเพียงสิบวัน พวกเขาก็กวาดเมืองได้เกือบร้อยเมืองทางตะวันออกของอาณาจักรเสินหวู่ หากเมืองใดไม่ยอมจำนน พวกเขาก็จะสังหารทุกคนโดยไม่มีการต่อรองใดๆ
เพียงสิบเก้าวัน…!
เพียงแค่สิบเก้าวันทางด้านตะวันออก, ใต้, และตอนกลางของอาณาจักรเสินหวู่ตกอยู่ในมือของเจียงอี้แล้ว มีเมืองน้อยมากที่จะสู้กลับ ส่วนใหญ่พวกเขาจะยอมจำนนในเวลาที่กองทัพมาถึง และกองกำลังจากหกแสนนายของเจียงอี้ก็ได้เพิ่มเป็นหนึ่งล้านสามแสนนาย
เซี่ยเถียนสั่งให้กองทัพเล็กๆที่อาณาจักรเสินหวู่เหลืออยู่กลับมารวมกันที่เมืองหวังเพื่อรอการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ในวันที่ยี่สิบห้าทัพทั้งสิบได้เข้ายึดครองเมืองทั้งหมดของอาณาจักรเสินหวู่และมารวมอยู่ที่เมืองหวัง
เจียงอี้กำลังขี่สัตว์อสูรหยาจื้อและมองไปยังกองทัพด้านล่างแม้ว่าเขาจะดูเฉยเมยและสงบ แต่อันที่จริงแล้วลึกลงไปข้างในใจนั้นเขาต้องประสบกับอารมณ์มากมาย
ย้อนไปเมื่อตอนที่เมืองเซี่ยยวี่ถูกล้อมโดยทัพทหารล้านนายเขายืนหยัดต่อสู้กับคนเหล่านั้นด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว ในวันนี้ เขาเป็นผู้นำกองกำลังนับล้านมายังเมืองหวังแทน
“เจียงอี้ไอ้คนทรยศ! แม้ว่าข้าจะต้องเสี่ยงชีวิตด้วยคนของข้าทั้งหมด ข้าก็จะสู้กับเจ้าให้ถึงที่สุด! ฆ่ามัน!”
เซี่ยเถียนยังคงมีศักดิ์ศรีและไม่ได้หนีไปไหนเขากลับไปยังประตูทางใต้พร้อมกับจ่างซุนเหยียน, สมาชิกตระกูลไท่สื่อ, และสมาชิกตระกูลหลงแทน เขาอยู่ในชุดคลุมมังกรและถือดาบจักรพรรดิเอาไว้ในมือซึ่งเต็มไปด้วยจิตใจที่กล้าหาญ
“ฆ่าฆ่า ฆ่า!”
เหล่าผู้คนที่อยู่ในเมืองหวังนั้นต่างภักดีต่ออาณาจักรเสินหวู่และอยู่ใต้บัญชาตระกูลเซี่ย,ตระกูลไท่สื่อและตระกูลหลง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมจำนนอยู่แล้ว และในตอนนี้พวกเขาก็คำรามออกมาพร้อมความมุ่งมั่น
“จู่โจม!”
เจียงอี้ไม่ได้เกลี้ยกล่อมให้พวกเขายอมจำนนเขาไม่แม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมาอีก เขาโบกมือส่งสัญญาณให้แม่เฒ่าบุปผาสีเงินที่อยู่กลางอากาศ จากนั้นนางก็ตามกองทัพและบินเข้าไปในเมืองหวัง ในเมื่อมีเจียงอี้อยู่ข้างหลัง นางก็ไม่มีความกลัวใดๆ
“โจมตี!”
เจียงเหรินถูตะโกนออกมาเหล่ากองทัพทหารรักษาการณ์ตะวันตกก็พุ่งไปข้างหน้าราวกับฝูงตั๊กแตน ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ปล่อยการโจมตีด้วยแก่นแท้พลังใดๆและเลือกที่จะต่อสู้แบบประชิด
ในไม่ช้ากองทัพทั้งสองก็ปะทะกัน อาวุธทั้งหลายเริ่มก่อการนองเลือดและเมืองหวังก็ได้กลับกลายเป็นดั่งโรงเชือด
“ฆ่า!”
ในขณะนั้นเสียงกรีดร้องภายในเมืองก็ดังออกมา กองกำลังนับพันพุ่งออกมาจากลานหลายแห่ง พวกเขาเดินทัพไปอยู่ด้านหลังเซี่ยเถียนและกลุ่มของเขา
เจียงอี้ไม่แปลกใจใดๆเลยเขาเพียงพยักหน้าให้แม่เฒ่าบุปผาสีเงิน จากนั้นกลิ่นอายของนางก็พุ่งพล่านออกมาในทันทีและพุ่งไปที่เซี่ยเถียน
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่อยู่ในเมืองเหล่านั้นเป็นคนตระกูลจ้าน,ตระกูลเฉียนและตระกูลอิง เจียงอี้ได้รับข้อมูลมาแล้วว่าทันทีที่เกิดการต่อสู้ขึ้น ทั้งสามตระกูลจะแปรพักตร์และกองกำลังชั้นยอดที่ซ่อนอยู่จะหลั่งไหลออกมา
ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ!
เมื่อแม่เฒ่าบุปผาสีเงินเข้าจู่โจมเซี่ยเถียนก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากรอความตาย จ่างซุนเหยียน, ประมุขตระกูลไท่สื่อและประมุขตระกูลหลงไม่ได้หนีไป พวกเขาเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้กับทายาทของพวกเขาได้หลบหนีแล้ว เจียงอี้จะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปและแทนที่จะหนีไปราวกับสุนัข พวกเขาก็จะขอสู้จนถึงวินาทีสุดท้ายอย่างภาคภูมิและมีศักดิ์ศรี
“เจียงอี้ข้าจะคอยตามล่าเจ้าแม้ว่าข้าจะต้องกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายก็ตาม!”
เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวของเซี่ยเถียนในขณะที่เขาตายได้ดังก้องอยู่ในสนามส่วนเจียงอี้นั้นดูไม่ได้แยแสราวกับว่าเขาไม่เคยได้ยินมัน หลังจากที่เซี่ยเถียนตายไป กองกำลังที่เหลืออีกสี่แสนนายก็เริ่มหวาดกลัวและในที่สุดแม่ทัพคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาว่า “พอเถอะ! พวกเรายอมแพ้แล้ว!”
เจียงอี้ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเลยแม้แต่คำเดียวส่วนเจียงเหรินถูก็ยิ้มออกมาพร้อมกับรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาที่ขยับราวกับตะขาบ เขาตะโกนออกมาว่า “ฆ่าพวกมัน! อย่าให้เหลือ!”
ฟึ่บ!
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินยังคงปล่อยฝ่ามืออยู่กลางอากาศและจะมีคนนับร้อยตกตายไปในทุกๆครั้งหากเจียงอี้ยังไม่เอ่ยอะไร กองทหารทั้งหมดเหล่านี้จะต้องตาย
การต่อสู้ดำเนินไปเป็นเวลาหกชั่วโมง
เหล่ากองทหารสี่แสนนายที่อยู่ในเมืองหวังของอาณาจักรเสินหวู่ถูกสังหารไปจนสิ้นโดยไม่มีข้อยกเว้นเจียงอี้ไม่ได้ลงมือหรือพูดอะไรตลอดเวลานี้ เขายืนอยู่บนสัตว์อสูรหยาจื้อบนท้องฟ้าราวกับรูปปั้น
เขาไม่ใช่คนที่สำราญไปกับการสังหารผู้คน
แต่ครั้งนี้เขาโหดเหี้ยมมากกองทัพอาณาจักรเสินหวู่ได้ร้องขอความเมตตาอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ยังไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา จึงทำให้เจียงเหรินถูและคนอื่นๆไม่มีทางเลือกนอกจากสังหารหมู่ต่อไป
เจียงเหรินถู,แม่เฒ่าบุปผาสีเงินและแม่ทัพหลายคนเข้าใจดี เจียงอี้ต้องการจะป่าวประกาศให้โลกได้รับรู้ว่าหัวทั้งสี่แสนหัวเหล่านี้แสดงถึงความโกรธเกรี้ยวของเขา
เช่นเดียวกับการที่มังกรนั้นมีเกล็ดมังกรย้อนกลับหากผู้ใดบังเอิญไปสัมผัสมันเข้า คนผู้นั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ซูรั่วเสวี่ย,เจียงเสี่ยวนู๋และเจียงหยุนไฮ่เป็นดั่งเกล็ดย้อนกลับของเขา หากคนเหล่านั้นยังไม่ถูกปล่อยตัวออกมา เจียงอี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับการปล่อยให้คนอีกมากมายต้องตกตายไปและทำให้ทวีปทั้งทวีปถูกชโลมไปด้วยเลือด
เมืองหวังถูกยึดแล้วและตระกูลเซี่ยทั้งหมดที่ยังอยู่ในเมืองถูกสังหารไปจนสิ้นยังคงมีทายาทตระกูลเซี่ยอีกหลายคนหายไป รวมไปถึงเซี่ยเฟยหยู
สมาชิกตระกูลไท่สื่อ,สมาชิกตระกูลหลงและสมาชิกตระกูลจ่างซุนที่ยังคงอยู่ในเมืองถูกสังหารไปทั้งหมด อาณาจักรเสินหวู่ในตอนนี้ได้ถูกล้มล้างและหายไปจากประวัติศาสตร์แล้ว
เจียงอี้ประกาศว่าอาณาจักรเซิ่งหลิงคือเป้าหมายต่อไปของเขาหากยังไม่มีข่าวคราวของเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆ เขาจะส่งกองทหารไปโจมตีอาณาจักรเซิ่งหลิง คราวนี้ เขาจะไม่รับการจำนนใดๆ เขาจะไม่สังหารพลเมืองคนใด แต่เขาจะสังหารกองทัพของอาณาจักรเซิ่งหลิงทั้งหมดโดยไม่มีการซักถามใดๆ!
เจ้าอาวาสผู้ก่อตั้งอารามเซนเคยกล่าวไว้ว่าบาตรของเขาผนึกพุทธเก้าหยางเอาไว้ผู้ใดที่สามารถทำลายบาตรนี้ได้อาจเป็นผู้มีชะตาลิขิต(ผู้นำพาลางร้าย)หรือไม่ก็เป็นผู้ทรงคุณธรรม
ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าเจียงอี้คืออย่างแรก!
…