เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 505-506
บทที่ 505 อันที่จริงแล้วโถงวรยุทธหลักเป็นเพียงสาขา
“ฐานที่แท้จริง!”
ในขณะที่เจียงอี้กำลังฟาดดาบลงมาจากกลางอากาศเขาก็นึกถึงคำพูดเหล่านั้นในขณะที่ดวงตาของเขาเผยความเคร่งเครียดออกมาจีทิงยวี่ไม่ได้โกหกเขาและตู๋กูฉิวก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน โถงวรยุทธและหุบเหวอเวจีแห่งนี้ต่างหากที่เป็นปัญหา!
ฟึ่บ!ฟั่บ!
พื้นผิวของหุบเหวอเวจีสว่างจ้าจนมองแทบไม่เห็นขณะที่แสงจากสวรรค์พุ่งลงมาจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้ามันพุ่งลงมายังภาพฉายของจีทิงยวี่ที่อยู่กลางอากาศ
หลังจากนั้นภาพฉายของจีทิงยวี่ก็ขยายออกมาอย่างรวดเร็วในทันใดและภาพฉายนั้นก็ปรากฏเป็นรูปร่างขึ้นจีทิงยวี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมสิบเท่าปรากฏขึ้นกลางอากาศขณะที่กลิ่นอายของนางสร้างแรงกดดันแก่เจียงอี้ที่อยู่เหนือขึ้นไปกลางอากาศ
ปัง!
เจียงอี้ล้มลงบนพื้นทันทีและทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขณะที่พื้นปูนได้แตกเป็นรอยแยกไปทั่วกลิ่นอายนั้นเหมือนกับภูเขาขนาดใหญ่ที่ทำให้เจียงอี้ไม่สามารถยืนตรงๆได้และได้ทำให้เขาต้องคุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง
เขาใช้ดาบมังกรเพลิงยันเอาไว้ในขณะที่ดวงตาสีแดงเลือดของเขามองไปที่ตู๋กูฉิวเขารู้สึกตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามังกรเพลิงทั้งสองและเปลวเพลิงอเวจีของเขาถูกดับลงไปอย่างง่ายดาย
“นี่…”
เขาพยายามที่จะเงยหน้าขึ้นไปและเมื่อเขาเห็นจีทิงยวี่บนท้องฟ้าดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ การปรากฏตัวของจีทิงยวี่นั้นมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งอย่างมากและมันมากกว่าตู๋กูฉิวหลายเท่าจนเกือบจะเหมือนกับจักรพรรดินีสัตว์อสูร!
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเมื่อค่ายกลขนาดยักษ์ของหุบเหวอเวจีถูกเปิดใช้งานแสงศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็ได้ทำให้จีทิงยวี่กลายเป็นราชินีแห่งสวรรค์(ผู้อยู่ในขอบเขตเทียนจุน)ทันที
นักสู้ที่แทบไม่ได้ยกระดับการฝึกฝนเช่นนางที่ไปสู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยวโดยพึ่งพาศิลาสวรรค์ได้เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมาเป็นขอบเขตเทียนจุนเพียงแค่เปิดใช้งานค่ายกล?เจียงอี้รู้สึกราวกับว่าเขาเห็นผีกลางวันแสกๆ ไม่ว่าค่ายกลนั้นจะน่าเหลือเชื่อเพียงใดแต่มันก็คงไม่น่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งของคนผู้หนึ่งได้มากจนดูขัดต่อกฏแห่งเต๋าเช่นนี้
ขอบเขตเทียนจุนหรือราชันสวรรค์นั้นนับเป็นจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์!
ปรมาจารย์หลิงได้ไปถึงขั้นสูงสุดของขอบเขตจินกังเมื่อร้อยปีก่อนเขาแยกตัวบำเพ็ญเป็นเวลาร้อยปีและยังไม่สามารถทะลวงขั้นสุดท้ายได้ แม้แต่สุ่ยโย่วหลานผู้ซึ่งเป็นอัจฉริยะจากสวรรค์เองก็ยังไม่สามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตเทียนจุนได้
ผู้ที่อยู่ขอบเขตเทียนจุนคือผู้ที่ผสมผสานรูปแบบเต๋าระดับกลางที่ต่างกันสามแบบได้
หากไม่เข้าใจรูปแบบเต๋าสวรรค์และโลกาก็จะไม่ให้หยิบยืมพลังฟ้าดินใดๆแก่บุคคลนั้นๆ นับประสาอะไรกับการมอบพลังดาราเก้าสวรรค์ให้กับบุคคลเหล่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นค่ายกลยักษ์ในหุบเหวอเวจีนี้ได้รับพลังจากดาราเก้าสวรรค์จริงๆมันทำให้จีทิงยวี่แข็งแกร่งขึ้นมาในทันทีและแข็งแกร่งมากจนเจียงอี้ไม่สามารถต่อกรได้ แล้วจะไม่ให้เจียงอี้ตกตะลึงได้อย่างไร?
“ฮึฮึเจียงอี้ เจ้าไม่เข้าใจมันใช่ไหมล่ะ?”
จีทิงยวี่ยืนอยู่ข้างบนร่างกายของนางนั้นเป็นรูปร่างจริงๆและดูไม่เหมือนเป็นภาพฉายแม้ว่าจะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมสิบเท่า แต่นางก็ยังคงยิ้มอย่างร่าเริง
มันเป็นเวลากว่าสองปีแล้ว!
นางเฝ้ารอวันนี้มาโดยตลอดนางต้องการที่จะให้เจียงอี้คุกเข่าต่อหน้านาง ชื่นชมนางและขอความเมตตาจากนาง
สองปีที่ผ่านมานางใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของเจียงอี้และการพัฒนาที่รวดเร็วของเจียงอี้นั้นทำให้นางหายใจไม่ออกราวกับมีภูเขาทับนางเอาไว้
นางเป็นเพียงเด็กสาวที่อ่อนแออย่างน่าสงสารเมื่อนางเข้ามาที่โถงวรยุทธด้วยตัวเอง นางก็เกือบถูกลวนลามและถูกกลั่นแกล้ง และเกือบถูกสังหารไปถึงสองหน
นางไม่มีผู้ใดให้พึ่งพาและไม่กล้าแม้แต่จะติดต่อกับจีเทียนเพราะนางกลัวว่านางอาจจะเปิดเผยตัวตนของนางจนถึงตอนนี้จีเทียนเองก็ยังคงคิดว่านางได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว
ตลอดสองปีที่ผ่านมานางมีแรงจูงใจเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือการแก้แค้นและสังหารเจียงอี้
ดังนั้นนางจึงยืนหยัดอยู่ในโถงวรยุทธและวางแผนต่างๆนาๆเพื่อสังหารเจียงอี้
ระหว่างการต่อสู้ที่เมืองเทียนชิงจีทิงยวี่คิดว่าเจียงอี้จะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นแม้ว่ามันจะอันตรายเพียงใดแต่นางก็ยืนกรานที่จะไปเมืองเทียนชิงกับตู๋กูฉิว แต่นางไม่ได้คาดเอาไว้ว่าเจตจำนงสังหารของเจียงอี้จะไปถึงขั้นที่ห้าและทำให้พวกเขาล้มเหลวในนาทีสุดท้าย
หลังจากที่นางกลับมานางก็ได้วางแผนและคิดหาวิธีที่จะสังหารเจียงอี้ใหม่ และนางก็ไม่ได้คาดคิดอีกว่าเขาจะพบหุบเหวอเวจีและรีบเข้ามาที่นี่ราวกับคนโง่เขลา
“เจียงอี้!”
จีทิงยวี่คืนสติกลับมาจากความคิดของนางและยิ้มเบาๆ“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมจักรพรรดินีสัตว์อสูรจึงไม่กล้าต่อกรกับโถงวรยุทธ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมราชอาณาจักรทั้งหกถึงไม่กล้าบุกเข้าเมืองเทียนชิงเมื่อหมื่นปีก่อนแต่กลับเชื่อฟังและเข้าร่วมสงครามอาณาจักร? เจ้ารู้ไหมว่าทำไมโถงวรยุทธจึงอยู่ที่นี่ตั้งแต่ทวีปนี้เริ่มต้นขึ้น แม้ว่าเหล่าจักรวรรดิจะถูกแทนที่ไปเรื่อยๆแต่โถงวรยุทธยังคงอยู่ที่นี่? เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดจึงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนในทวีปนี้มากมายในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แต่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะต่อต้านโถงวรยุทธ?”
หัวของเจียงอี้สั่นสะเทือนไปหมดคำถามเหล่านี้ทำให้เขาหนักใจมานานแต่ไม่มีผู้ใดอธิบายให้เขาฟังได้สักคน แต่เมื่อจีทิงยวี่ต้องการจะอธิบายมันออกมาจึงทำให้เขาต้องอยากรู้เป็นธรรมดา แม้ว่าเขาจะต้องตาย เขาก็อยากตายโดยรู้สาเหตุ นอกจากนั้นคือเขาพยายามเชื่อมโยงและคิดเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด!
ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะยิ้มและพูดว่า“ข้าแซ่เจียงผู้นี้จะฟังเจ้าด้วยหูทั้งสองข้าง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้นั้นถูกแรงกดดันและเจตจำนงสังหารของเขาก็หายไปจึงทำให้ตอนนี้ตู๋กูฉิวสามารถเคลื่อนไหวได้ตามที่ต้องการ เขาหัวเราะด้วยสีหน้าที่เย่อหยิ่งและขัดจังหวะขึ้นมา “โถงวรยุทธของเราน่าเกรงขาม เราไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ควบคุมทวีปเทียนิงแห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้นแต่เราเป็นผู้ควบคุมแดนเทียนชิงทั้งหมด! โถงวรยุทธของเรามีโถงสาขาอยู่ในทุกทวีปของดินแดนเทียนชิง และข้าผู้นี้อาจเป็นประมุขโถงวรยุทธหลักของเมืองเทียนชิงนี้ แต่ข้านั้นก็เป็นเพียงแค่ประมุขสาขาในแดนเทียนชิงเช่นกัน!”
“เจียงอี้!”
ตู๋กูฉิวเดินไปช้าๆและพูดว่า“เจ้านั้นอ่อนโยนเกินไป เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่เพียงใด ข้าจะพูดอย่างนี้แล้วกัน หากแดนเทียนชิงเป็นกระดานหมากรุก ทวีปเทียนชิงแห่งนี้คงจะเป็นหมากที่เล็กที่สุด มีทวีปมากมายในโลกภายนอกนั้นซึ่งมันอาจจะใหญ่กว่านี้ไม่กี่เท่า, สิบเท่าหรือใหญ่กว่านับร้อยเท่า! มีผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนอยู่ในโลกภายนอกนั่นและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเองก็ไม่ได้ถือว่าจะเป็นอะไรที่เก่งกาจเท่าไหร่ ในขณะที่..เราเหล่าโถงวรยุทธที่ไม่ได้อยู่ในทวีปแห่งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนหลายร้อยคน เราได้ส่งข้อความไปยังโถงใหญ่แล้วและขอให้พวกเขานำทูตขอบเขตเทียนจุนมาที่นี่สองคนเพื่อสังหารเจ้า แต่ข้าไม่ได้คาดคิดว่าเจ้ากลับจะมาตกหลุมพรางด้วยตัวเองเช่นนี้! หุบเหวอเวจีนี้มีค่ายกลลิขิตสวรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญของโถงวรยุทธของเรา อย่าว่าแต่เจ้าเลย…แม้ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรมาที่นี่ นางเองก็ยังต้องตาย!”
ฮูววว….
เจียงอี้หายใจอย่างเย็นเยียบขณะที่เขามีสีหน้าที่ซีดเซียวความสงสัยมากมายในใจเขาถูกคลี่คลายไปแล้ว แต่แน่นอนว่ามันก็ยังมีข้อสงสัยเล็กๆอีกมากมายในใจของเขา เหตุใดทวีปเทียนชิงจึงมีขนาดเล็กแต่ทั่วพิภพนี้ถูกขนานนามว่าแดนเทียนชิง? แล้วในเมื่อโถงวรยุทธยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ทำไมพวกเขาไม่เพียงแค่พิชิตทวีปเทียนชิงทั้งหมดอย่างเปิดเผย? ทำไมพวกเขาจึงต้องการทำสงครามอาณาจักร? และ….พวกเขามีความเกี่ยวข้องกับพิภพใต้ดินยังไง?
แต่อย่างไรก็ตาม….
ทุกสิ่งนี้มันไม่สำคัญแล้วตู๋กูฉิวกำลังพูดความจริงทั้งหมด มันเห็นได้ชัดจากการที่จักรพรรดินีสัตว์อสูรหวั่นเกรงโถงวรยุทธ
เจียงอี้เผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมาขณะที่เขาไม่ได้คิดว่าโถงวรยุทธที่เขาพบนั้นจะเป็นเพียงโถงสาขาเล็กๆอำนาจที่แท้จริงของโถงวรยุทธนั้นทรงพลังมากถึงขนาดที่แม้แต่จอมเวทย์ก็คงกลายเป็นขี้เถ้าหากเขาไปต่อกรกับโถงวรยุทธใช่ไหม?
แล้วจะเป็นเช่นไรหากว่าหุบเหวอเวจีไม่มีค่ายกลลิขิตสวรรค์?แล้วหากเขาสามารถสังหารจีทิงยวี่และตู๋กูฉิวได้ล่ะ? โถงวรยุทธก็คงจะส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสองคนมากวาดล้างทวีปและกำจัดทวีปนี้ไป
มดแมลงจะไปเขย่าฟ้าได้อย่างไรกัน?
เดิมทีคำพูดนี้เป็นเพียงเรื่องน่าขันแต่ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นความจริงโดยสมบูรณ์
บทที่ 506 แสร้งยอมจำนน
ท้อแท้,สิ้นหวัง, หมดหนทาง, และจบสิ้นทุกสิ่ง!
นี่คือสิ่งที่เจียงอี้รู้สึกในตอนนี้เส้นทางที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและความหวังที่ริบหรี่แต่เขาพยายามดิ้นรนเพื่อไต่ขึ้นมาและสังหารศัตรูไปนับไม่ถ้วน หลังจากที่สังหารผู้เชี่ยวชาญนอกเมืองเซี่ยยวี่ไปและสังหารราชันสัตว์อสูรในเมืองเทียนชิงไป เขาคิดว่าเขาจะอยู่คงกะพันในทวีปนี้ แต่ตอนนี้เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเป็นเพียงกบที่อยู่ก้นบ่อ
“เจียงอี้ข้านั้นเห็นว่าเจ้ามีพรสวรรค์ไม่เช่นนั้นคงไม่เปลืองแรงบอกเรื่องนี้แก่เจ้า และยิ่งไปกว่านั้นก็คงไม่บอกความลับทั้งหมดเหล่านี้แก่เจ้า ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า เข้าร่วมกับโถงวรยุทธซะไม่เช่นนั้นก็ตาย!”
ตู๋กูฉิวตะโกนออกมาอีกครั้งดูเหมือนว่าเขาจะเลื่อมใสเจียงอี้มากจากที่พยายามโน้มน้าวเจียงอี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้กำลังหมดสิ้นทุกสิ่งเขาก็พูดต่อว่า“ข้ารู้ว่าเจ้าได้ทำลายร่างกายตัวเองไปแล้วเพราะเจ้าขัดเกลาศิลาสวรรค์ แต่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป มีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าหญ้ามังกรยาจกอยู่ในแดนเทียนชิง มันสามารถชะล้างเส้นปราณของเจ้า, ฟื้นฟูร่างกายของเจ้าได้ตราบใดที่เจ้าร่วมกบโถงวรยุทธของเรา ข้าจะส่งเจ้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและขอให้โถงใหญ่ช่วยเจ้าตามหาหญ้ามังกรยาจกนี้”
หญ้ามังกรยาจก!
เจียงอี้เริ่มเอนเอียงจักรพรรดินีสัตว์อสูรเคยกล่าวไว้ว่าหญ้ามังกรยาจกสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของเขาและฟื้นฟูร่างกายที่พังทลายของเขาได้ ผู้คนนั้นอาจเพิ่มความแข็งแกร่งในเวลาอันสั้นโดยการขัดเกลาศิลาสวรรค์ได้ แต่อนาคตของพวกเขาก็จะพังทลายไปอย่างสิ้นเชิง
เจียงอี้มีทักษะในการบ่มเพาะพลังไม่เหมือนผู้ใดและดาวเก้าดวงในร่างกายของเขานั้นก็แปลกประหลาดยิ่งกว่าหากเขาสามารถฟื้นร่างกายได้ เขาจะเป็นผู้ไร้ขีดจำกัดในภายภาคหน้า
สิ่งล่อลวงนี้น่าสนใจมากและเจียงอี้ก็เผยความลังเลออกมาดูเหมือนว่าเขาจะคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังขณะที่ดวงตาของเขากระพริบก่อนที่เขาจะหัวเราะเย้ยหยันออกมา “จักรพรรดินีสัตว์อสูรกล่าวว่าหญ้ามังกรยาจกนี้เป็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ มันแทบจะไม่ปรากฏขึ้นมาแม้แต่ครั้งเดียวในรอบหมื่นปี ท่านประมุข ท่านคงไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ตู๋กูฉิวหัวเราะออกมาจนหน้าของเขากลายเป็นสีแดงขณะที่หัวใจของเขาดูตื่นเต้น
เมื่อฟังจากน้ำเสียง….
ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะถูกล่อลวงด้วยสิ่งนี้?
เขาหัวเราะอยู่ครู่หนึ่งและพูดอย่างเฉียบขาด“เจียงอี้ หญ้ามังกรยาจกอาจจะหายาก แต่โถงวรยุทธของเรามีอยู่ในทุกทวีป หากมีผู้ใดที่สามารถตามหาหญ้ามังกรยาจกได้ มันจะเป็นโถงวรยุทธของเราแน่ๆ บางที….โถงวรยุทธใหญ่อาจจะมีหญ้ามังกรยาจกอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่มีมัน ตราบใดที่เจ้าไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและได้รับการยอมรับจากผู้มีอิทธิพลในโถงวรยุทธใหญ่ พวกเขาจะทำทุกวิธีเพื่อหาหญ้ามังกรยาจกมาให้เจ้า”
“เป็นเช่นนี้เอง…”
เจียงอี้พึมพำอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตอบว่า“แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านกำลังพูดความจริง? นี่มันเป็นเพียงเรื่องจากท่านฝั่งเดียว”
“เรื่องนี้….”
เมื่อตู๋กูฉิวเห็นว่าน้ำเสียงของเจียงอี้อ่อนลงเพียงใดเขาก็รู้สึกดียิ่งขึ้นเขาต้องการที่จะรับเจียงอี้เข้าโถงวรยุทธอย่างแท้จริงเพราะดาวเก้าดวงในตันเทียนของเขานั้นลึกลับมาก ที่สำคัญที่สุดคือเจียงอี้มีความสามารถในการควบคุมเปลวเพลิง
พิภพแห่งนี้มีเปลวเพลิงที่ลึกลับมากและยังเป็นเปลวเพลิงที่น่ากลัวซึ่งสามารถแผดเผาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนได้อย่างง่ายดายหากเขารับเจียงอี้เข้ามาและส่งไปยังโถงวรยุทธหลักเพื่อคอยบ่มเพาะพลังเขา เขาอาจจะพัฒนาเป็นผู้ท้าทายสวรรค์ของโถงวรยุทธซึ่งมันจะช่วยเขาได้อย่างมาก
หลังจากที่คิดเรื่องนี้มันก็ไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่าเขาพูดความจริง ดวงตาของตู๋กูฉิวสว่างขึ้นในขณะที่กล่าวว่า “ไม่กี่วันก่อน เราได้ส่งข้อความไปยังโถงวรยุทธหลักแล้ว ข้าคิดว่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสองจะมาถึงในเดือนหน้า หาก…เจียงอี้ เจ้าจะยอมเข้าร่วมกับโถงวรยุทธจริงๆ ข้าจะปล่อยเจ้าชั่วคราว เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าจะได้เห็นว่าข้ากำลังพูดความจริง”
ซูรั่วเสวี่ยและคนอื่นๆยังอยู่ในมือของเขาและเจียงอี้ก็ยังคงอ่อนไหวหากเขาไม่ช่วยพวกนั้น เขาจะไม่มีวันหนีออกจากทวีปนี้แน่นอน หุบเหวอเวจีนี้มีค่ายกลลิขิตสวรรค์และตู๋กูฉิวไม่ได้กลัวเจียงอี้เลย ดังนั้นหลังจากที่ตู๋กูฉิวได้ให้ข้อเสนอบางอย่างแล้ว เขาจึงตัดสินใจอย่างกล้าหาญ
“ไม่ได้!”
ทันใดนั้นจีทิงยวี่ก็พูดขึ้นมาดวงตาที่สวยงามของนางมองไปที่เจียงอี้ขณะที่ส่งข้อความถึงตู๋กูฉิว “ท่านประมุข ท่านกำลังปล่อยเสือกลับเข้าป่า แล้วหากว่าเจียงอี้ยอมถอยไปแต่กลับไปวางแผนการอื่นล่ะ? กว่าทูตจากโถงหลักจะมาถึงก็เป็นเวลานับเดือน แล้วหากมีเคราะห์ร้ายขึ้นล่ะ? เช่นนั้นเราจะถูกสาปแช่งไปจนชั่วนิรันดร์เลยนะเจ้าคะ”
ตู๋กูฉิวมองไปที่จีทิงยวี่และตอบกลับด้วยข้อความว่า“จะผิดแผนอะไรได้อีก? หากเจียงอี้เข้ามายังหุบเหวอเวจีแล้วเขาก็เหมือนปลาบนเขียงที่รอความตายอยู่ ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าเขาเป็นคนอ่อนไหวง่ายหรอกหรือ? ครอบครัวของเขาอยู่ในกำมือเราแล้วเขาจะหนีไปที่ไหนได้อีก?”
อ่อนไหวง่าย?มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล….
คิ้วของจีทิงยวี่เลิกขึ้นมาขณะที่นึกบางสิ่งได้ทันใดนั้นดวงตาของนางก็หดลงและกวาดมองไปยังเจียงอี้และการแสดงออกของนางก็เปลี่ยนไปในทันใด นางอุทานออกมาว่า “ท่านประมุข เจียงอี้กำลังแสร้งยอมจำนน! ด้วยนิสัยของเขา เขาจะไม่มีวันยอมผู้ใด!”
จีทิงยวี่รู้จักเจียงอี้ดีเขาเป็นคนอ่อนไหวง่ายก็จริงแต่เขาก็มีนิสัยที่ไม่ยอมใครและเป็นหมาป่าเดียวดายที่ไม่มีวันยอมก้มหัวให้ผู้ใด ก่อนหน้านี้จีทิงยวี่ไม่ได้นึกถึงมันมาก่อน แต่หลังจากที่ตู๋กูฉิวพูดเรื่องความอ่อนไหวของเจียงอี้ นางก็ฟื้นคืนสติทันที
หากมีบางสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นมันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ท่าทีของเจียงอี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันกลายเป็นคนที่มีทีท่าครุ่นคิดที่จะยอมจำนนจริงๆ?ในเมื่อเขาไม่เคยที่จะยอมทำเช่นนั้นแล้วเหตุใดวันนี้มันจึงดูเหมือนว่าเขาพร้อมที่จะยอมจำนนเช่นนี้?
วัตถุประสงค์ของเขาชัดเจนมากเขากำลัง….ถ่วงเวลาและคิดหาวิธีหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้!
ในขณะนั้นเองจีทิงยวี่สังเกตเห็นบางสิ่งแปลกๆในร่างกายของเขา กลิ่นอายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากและร่างของเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นมาขณะที่ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด เจตจำนงสังหารที่ถูกระงับเอาไว้กำลังหลั่งไหลออกมาอีกครั้ง
“มันเป็นไปได้ยังไง?”
ดวงตาของตู๋กูฉิวเต็มไปด้วยความสับสนด้วยพลังที่ได้รับจากค่ายกลลิขิตสวรรค์ทำให้จีทิงยวี่ได้พลังบางส่วนของดาราเก้าสวรรค์มาชั่วขณะและมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตเทียนจุน
กลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนนั้นทรงพลังมากหากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมันก็เหมือนกับลูกแกะที่เผชิญหน้ากับสิงโต เจียงอี้น่าจะต้องถูกตรึงเอาไว้สิ แต่เขากลับยืนขึ้นมาและปลดปล่อยเจตจำนงสังหารได้จริงๆ? และดูเหมือนว่ากลิ่นอายของเจียงอี้นั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย
เจียงอี้กำลังกลั่นพลังของดาราเก้าสวรรค์!เขาได้พลังดาราเก้าสวรรค์มาจากไหนกัน? ถึงแม้ว่าเขาจะได้พลังนั้นมาแต่เขาทำเช่นไร?
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตู๋กูฉิวแผ่ไปยังร่างของเจียงอี้และเขาก็ยิ่งสับสนเขาตอบสนองอย่างรวดเร็วและรีบตะโกนออกมา “จีทิงยวี่ รีบสังหารเขาซะ เขากำลังรวมพลังของดาราเก้าสวรรค์ หากเขาเอามันออกมาทั้งหมด ทั้งเจ้าและข้าจะต้องตายแน่ๆ!”
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ตู๋กูฉิวไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งมือของจีทิงยวี่ก็เปล่งประกายไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์หลากสีแล้ว นางสร้างฝ่ามือยักษ์ซึ่งทุบมันลงไปพร้อมกลับกลิ่นอายที่ทำลายล้างอย่างรวดเร็ว
อีกนิด!ข้าขอมากกว่านี้อีกนิด!
เจียงอี้คำรามอยู่ในใจก่อนหน้านี้เขาถ่วงเวลาและเสแสร้งมาโดยตลอด เขาและโถงวรยุทธนั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันและไม่สามารถลงรอยกันได้อย่างแน่นอน เช่นนั้นแล้วเขาจะยอมเข้าร่วมได้อย่างไร?
เขาสัมผัสได้ถึงร่องรอยของกลิ่นอายของจีทิงยวี่ซึ่งมันคือพลังของดาราเก้าสวรรค์ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเขาเองก็มีพลังของดาราเก้าสวรรค์เช่นกัน
เขาได้รับพลังจากสวรรค์มารวมๆแล้วก็สี่ครั้งแต่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าจะใช้พลังงานนั้นอย่างไร แต่พลังจากที่ได้เห็นภาพฉายของจีทิงยวี่เขาก็สังเกตมันได้และสามารถเข้าถึงพลังนั้นได้
เขาจึงถ่วงเวลาให้ตัวเองเพราะต้องการหมุนเวียนพลังของดาราเก้าสวรรค์ทั้งหมดจากตันเทียนของเขาแต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะถูกจีทิงยวี่จับได้ เมื่อมองไปยังฝ่ามือยักษ์ที่กำลังฟาดลงมาเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่นและกัดฟันปล่อยพลังดาราเก้าสวรรค์ออกมาจากฝ่ามือ
บรึฟ!
ฝ่ามือของเจียงอี้ก็เปล่งประกายด้วยแสงหลากสีขณะที่เขาปล่อยลายฝ่ามือขนาดเล็กออกมาพื้นที่รอบๆศีรษะของเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่กลิ่นอายและการปรากฏตัวถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือเล็กๆนั่น มันพุง่ออกไปสู่ฝ่ามือขนาดยักษ์บนอากาศอย่างไม่เกรงกลัว
“ช่างฉิวเฉียดอะไรเช่นนี้!”
ตู๋กูฉิวพ่นลมหายใจออกมาเขาเกือบถูกหลอกแล้วและถ้าหากว่าเจียงอี้สามารถรวบรวมพลังดาราเก้าสวรรค์ได้มากพอ เขาและจีทิงยวี่ก็คงจะต้องตายอยู่ที่นี่ในวันนี้แล้ว
แต่ในตอนนี้….
แม้แต่คนโง่เขลาก็ยังรู้ว่าเจียงอี้กำลังจะตายอย่างแน่นอนพลังดาราเก้าสวรรค์ของเขามีน้อยเกินไปและจีทิงยวี่สามารถบดขยี้มันได้อย่างง่ายดาย