เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 527-528
บทที่ 527 สัตว์ในกรง
เจียงอี้ตื่นขึ้นมาจากสภาพนั้นทันทีที่เขาฟื้นสติ เขาก็ไม่ขยับหรือแม้แต่ลืมตา เขานิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งขณะที่รอให้สติของตัวเองกลับมาอย่างเต็มที่ก่อนที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้
อย่างแรกเลยคือเขายังไม่ตาย
การที่ยังไม่ตายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้วไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในสภาพเช่นไรก็ตาม ตราบใดที่เขายังไม่ตายมันก็ยังมีความหวังสำหรับเขาเสมอและตราบใดที่เขายังมีความหวัง เขาก็จะไม่ยอมแพ้
เขาล้มเหลวอย่างใหญ่หลวงเพราะความประมาท!
เขาหมดสติไปเพราะดูถูกทุกคนในทวีปนี้และมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมากเกินไปมันจึงทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ในตอนนี้เขาได้รับบทเรียนแล้วและเขาจะค่อยๆเรียนรู้มันอย่างรอบคอบ
หลังจากที่เขาสงบลงเขาก็เริ่มตรวจดูร่างกายของตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น ตัวเขาทั้งตัวถูกพันด้วยโซ่เย็นเยียบจนกลายเป็นเกี๊ยวเนื้อ นอกจากนี้เขายังพบว่าแก่นพลังของเขาไม่สามารถหมุนเวียนได้ โซ่เหล็กนี่คล้ายกับเถาวัลย์โบราณที่เถาเฟยใช้มัดเขาเอาไว้
เขาไม่ขยับหรือแม้แต่จะแสดงอาการใดๆออกมาเลยว่าเขาฟื้นแล้วและใช้หูฟังการเคลื่อนไหวรอบๆบริเวณนั้นเท่านั้นหลังจากที่ยืนยันว่าไม่มีผู้ใดอยู่รอบๆแล้ว เขาก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมา แต่แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างเงียบๆ
ซ่าซ่า….
เมื่อเขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปความเจ็บปวดก็แล่นผ่านเข้ามาในดวงจิตวิญญาณของเขา ทำให้ร่างกายของเขากระตุกด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขณะที่ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวไปด้วย
ไข่มุกวิญญาณเพลิงไม่ได้ส่งพลังงานใดๆออกมาเพื่อรักษาจิตวิญญาณของเขาดังนั้นเขาจึงต้องทนทุกข์ทรมานกว่าสิบห้านาทีก่อนที่จะพักฟื้น ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบและหลังของเขาก็เปียกโชกไปหมด
ในตอนนี้เขาก็ทนต่อความเจ็บปวดอย่างหนักและห้ามตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมา ความเจ็บปวดทำให้เขาแทบจะเป็นลมไปอีกครั้ง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและบังคับตัวเองให้สงบลง ในขณะเดียวกันเขาก็ลืมตาขึ้นมา
เขาถูกขังอยู่ในห้องเล็กๆที่ไม่มีอะไรอยู่รอบๆเลยห้องนั้นมืดสนิท เขาถูกโซ่เหล็กรัดติดกับผนังและทางออกก็เงียบสงัดโดยไม่มีองครักษ์คอยจับตามองอยู่ที่นั่น
“ไข่มุกวิญญาณเพลิง!แหวนแก่นแท้ศํกดิ์สิทธิ์โบราณ!”
เจียงอี้สำรวจเสื้อของเขาอย่างเงียบๆและตระหนักได้ว่าไข่มุกวิญญาณเพลิงและแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขาหายไปใบหน้าของเขาก็แสดงถึงความตื่นตระหนกทันใด หากไม่มีไข่มุกวิญญาณเพลิงแล้ว เขาก็จะไม่มีเปลวเพลิงอเวจีอีกต่อไปและจะสูญเสียการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาไปด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือ….ราชวังจักรพรรดิอยู่ในไข่มุกวิญญาณเพลิง!
เนื่องจากเขาไม่สามารถใช้งานสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้เขาจึงคิดว่าเขาน่าจะไม่สามารถปลดปล่อยเจตจำนงสังหารของเขาออกมาได้ด้วยเช่นกัน เจตจำนงสังหารจำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณและโซ่เหล็กเหล่านี้ได้ปิดผนึกแก่นแท้พลังของเขาไปแล้ว หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ…..ตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนพิการและทำอะไรไม่ได้เลย
“เจตจำนงสังหาร!”
เขากัดฟันและเตรียมปลดปล่อยเจตจำนงสังหารแต่ก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ ขณะที่เขากำลังจะปล่อยมันออกมา สมองของเขาก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าขณะที่ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา ครั้งนี้เขาไม่ได้อดทนแล้วและคร่ำครวญออกมาอย่างเจ็บปวดขณะที่เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
“โซ่ตรวนนี่มันอะไรกัน?มันไม่เพียงแต่จะปิดกั้นแก่นแท้พลังข้าแต่มันยังปิดกั้นจิตวิญญาณข้าด้วยได้ยังไงกัน?”
หลังจากนั้นเจียงอี้ก็หันไปมองโซ่เหล็กเส้นเล็กที่รัดเขาเอาไว้ราวกับเกี๊ยวเนื้อก่อนหน้านี้ที่เขาเตรียมจะหมุนเวียนเจตจำนงสังหาร เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานแปลกๆจากโซ่ได้วิ่งเข้าสู่จิตวิญญาณของเขาอย่างรวดเร็วและทำให้จิตวิญญาณของเขาบาดเจ็บ
“เย็นไว้เย็นก่อน!”
เจียงอี้สะบัดหัวของเขาเพื่อให้เหงื่อที่หน้าผากถูกสลัดออกไปในตอนนี้เขาไม่สามารถตื่นตระหนกหรือส่งเสียงได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นหากเขาทำให้คนของชิงหยีได้ยิน เขาจะไม่มีเวลาคิดและหาทางแก้ปัญหาได้อีกต่อไป
ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะนึกถึงอันตรายที่เจียงเสี่ยวนู๋,จ้านอู๋ซวงและคนอื่นๆกำลังเผชิญอยู่ได้เลย เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ หัวใจของเขาก็จะว้าวุ่นและสถานการณ์ของเขาก็จะเลวร้ายยิ่งขึ้น
“เจตจำนงสังหารและแก่นแท้พลังของข้าไม่สามารถหมุนเวียนได้และไข่มุกวิญญาณก็หายไปหากไม่มีแก่นแท้พลัง ข้าก็จะไม่สามารถใช้ศาสตร์เวทย์สวรรค์สยบเพลิงอเวจีและไม่สามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ได้ แล้วข้าจะใช้วิธีไหนได้อีกนะ?”
เจียงอี้ครุ่นคิดอย่างรอบคอบอยู่พักหนึ่งและตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถใช้ความสามารถใดๆได้เลยและเขาจะไม่สามารถแหกโซ่ที่ล่ามเขาไว้ได้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรงและได้แต่รอชิงหยีมาจัดการกับเขาก็เท่านั้น
“ไม่ได้ข้าจะต้องไม่ยอมแพ้! เสี่ยวนู๋และคนอื่นๆยังอยู่ในราชวังจักรพรรดิ ในเมื่อข้ายังไม่ตาย แม่หญิงชิงหยีอะไรนั่นก็ไม่มีทางปรับแต่งไข่มุกวิญญาณเพลิงและราชวังจักรพรรดิได้ในเวลาสั้นๆหรอก แต่หากมันยังเป็นเช่นนี้ มันจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ คิดสิ คิด ข้าต้องคิดให้ออกสิ!”
เจียงอี้กัดฟันแน่นและคร่ำครวญอยู่หลายครั้งก่อนที่จะหลับตาและบังคับให้จิตใจสงบลงเพื่อที่จะหาทางให้ได้
หลังจากที่พักไปสิบห้านาทีเจียงอี้ก็สงบลง เขาเริ่มจัดส่วนความสามารถทั้งหมดของเขาอย่างรวดเร็วและหาว่ามีความสามารถใดที่จะช่วยให้เขาเป็นอิสระจากสถานการณ์นี้ได้บ้างหรือไม่
เวลาเดินผ่านไปเรื่อยๆขณะที่เจียงอี้ยังคงจมอยู่กับความคิดของเขา หลังจากที่ผ่านไปสามสิบนาที ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น ในที่สุดเขาก็นึกอะไรแปลกๆได้
เขาถูกตามล่าโดยจักรพรรดิอสูรชือในทะเลบูรพาเวิ้งว้างในตอนที่เขาเข้าไปยังทะเลอัสนีเขาก็เข้าสู่สภาวะประหลาด ในช่วงเวลานั้น มันเหมือนกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลก เขาสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเขา
สภาวะนั้นอาจดูคล้ายกับการใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์แต่เบื้องหลังนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เขาไม่สามารถใช้พลังจิตวิญญาณของเขาได้หากเขาเข้าสู่สภาวะนั้นได้และตรวจสภาพแวดล้อม มันอาจจะทำให้เขาหาทางช่วยตัวเองได้!
แต่อย่างไรก็ตาม!
เขาจะเข้าสู่สภาวะนั้นได้อย่างไร?
เจียงอี้ไม่ได้เข้าใจสภาวะที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเลยและไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร
เจียงอี้หลับตาลงอีกครั้งและปล่อยให้จิตใจของเขาเข้าสู่สภาวะที่สงบที่สุดในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เขาสั่งให้ตัวเองลืมสถานการณ์ในตอนนี้และจมดิ่งลงไปในความทรงจำว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น
คงต้องยอมรับ!
จิตใจของเจียงอี้น่ากลัวอย่างแท้จริงขณะนี้เขากำลังเผชิญกับวิกฤตและไม่สามารถใช้ความสามารถใดๆของเขาได้เลย สมบัติทั้งหมดก็ถูกขโมยไปในขณะที่ไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋และคนอื่นๆเป็นอย่างไรบ้าง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาก็ยังสามารถลืมทุกสิ่งได้จริงๆและแม้แต่สถานที่ที่เขาอยู่เช่นกัน แต่จิตใจของเขาก็จมดิ่งอยู่ในห้วงความทรงจำในวันที่เขาอยู่ที่ทะเลอัสนีอย่างสมบูรณ์
เมฆดำปกคลุมท้องฟ้าขณะที่มังกรอัสนีคำรามพายุฝนกระหน่ำอย่างรุนแรงพร้อมคลื่นทะเลที่ซัดอย่างกระหน่ำ!
เขากลับไปอยู่ในวันที่ท้องทะเลกำลังแปรปรวนในทันใดจิตวิญญาณและจิตสำนึกทั้งหมดของเขาถูกดึงไปที่ฉากในวันนั้นอีกครั้งและได้เข้าสู่สภาวะนั้น
บรึฟ!
ร่างของเขาเปล่งประกายออกมาขณะที่เขาเข้าสู่สภาวะประหลาดอีกครั้งในขณะนี้เขารู้สึกได้ว่าเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และโลก เขายังรู้สึกว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับสถานที่แห่งนี้ด้วย ในขณะเดียวกันก็มีภาพมากมายที่ปรากฏขึ้นในใจของเขา
นี่ไม่ใช่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์…..แต่เป็นสภาวะประหลาดโซ่ไม่ได้เกิดความผิดปกติใดๆขึ้นมาและวิญญาณของเขาไม่ถูกโจมตี มันเห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์มาก
เขาไม่จำเป็นต้องใช้สายตาเพื่อมองดูหรือใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกไปสำรวจข้างนอกแต่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงทุกสิ่งในวังนี้เขาสัมผัสได้ว่ามีองครักษ์ยืนอยู่นอกประตูสองคนอย่างเงียบๆและสัมผัสได้ว่ามีคนมากมายอยู่นอกห้องนี้ เขาสัมผัสได้ถึงแสงจันทรา แสงดารา สายลมอ่อนๆและทะเลสาบ เขายังได้กลิ่นหอมของดอกแอปริคอทจากสวนแอปริคอทด้วย
ในตอนนี้มันเหมือนกับว่าร่างของเขาหายไปจากสวรรค์และโลกขณะที่เขาผสานตัวเองเข้ากับสวนแอปริคอทเขาสามารถเป็นได้ทั้งสายลม, ก้อนอิฐของสถานที่นี้หรือแม้แต่ปลาในทะเลสาบ
บทที่ 528 ฝังไปพร้อมกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นสายลมและกำลังวนเวียนไปรอบๆสวนแอปริคอทภาพในจิตใจของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขามาปรากฏอยู่ในห้อง เขาเริ่มสำรวจสวนแอปริคอททั้งหมดและหาว่ามีทางที่เขาจะรอดไปได้บ้างหรือไม่
ในยามนั้นเริ่มดึกแล้วผู้คนส่วนใหญ่หลับอยู่ในห้องต่างๆ แต่ก็มีองครักษ์มากมายที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ เจียงอี้ต้องยอมรับว่าตระกูลชิงนั้นเข้มงวดมาก เพราะถึงแม้มันจะดึกดื่นมากแล้วแต่ก็ไม่มีองครักษ์คนใดที่นิ่งนอนใจเลย ทุกๆคนคอยลาดตระเวนด้วยสายตาที่สอดส่องอยู่ตลอด
หลังจากหันไปรอบๆภาพสถานที่อันหรูหราก็ได้ปรากฏขึ้นในความคิดของเจียงอี้ ตำหนักแห่งนี้ใหญ่กว่าวังที่เขาเคยอยู่เสียอีก ทั่วทั้งตำหนักถูกปูไปด้วยพรมขาวและมีเตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง มีเตาผิงที่ลุกโชนอยู่ที่มุมห้อง นี่อาจจะเป็นห้องชั้นในของคนใหญ่คนโตของที่นี่
“หือ?”
เมื่อภาพของห้องนั้นปรากฏขึ้นในใจของเจียงอี้จิตวิญญาณของเขาก็สั่นสะท้านขณะที่ร่างกายของเขาก็สั่นเทาเช่นกัน ภาพนั้นหายไปจากความคิดของเขาอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาพยายามจะออกมาจากสภาวะประหลาดนี่
อึก!
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่กลืนน้ำลายลงคอและการหายใจของเขาก็ถี่ขึ้นเขาเพิ่งเห็นฉากที่ร่างอันเปลือยเปล่าของแม่หญิงชิงหยีกำลังเล้าโลมกับคนอีกคนหนึ่งอยู่ แต่คนผู้นั้นเป็นผู้หญิงจริงๆ
“เหอะๆ!”
เขาหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อก่อนหน้านี้เขาคิดว่านางชอบเขามากแต่ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนเรื่องน่าขันเพราะนางไม่ได้ชอบผู้ชาย นางหลงใหลในตัวผู้หญิง
“ข้าจะลองเข้าสู่สภาวะนั่นอีกครั้งและลองหาข้อมูลของแม่หญิงชิงหยีอีกที!”
บางทีเขาอาจจะอยากไปดูฉากเร้าอารมณ์นั้นหรือบางทีเขาอาจจะต้องการข้อมูลการสนทนาระหว่างแม่หญิงชิงหยีกับคู่รักของนาง
แต่น่าเสียดาย…
คราวนี้เขาไม่สามารถสงบจิตใจได้เพราะภาพเหล่านั้นที่เขาเพิ่งเห็นได้ปรากฏขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
สามสิบนาทีต่อมาเจียงอี้ก็ยังไม่สามารถสงบใจลงได้ เขาต้องกัดลิ้นตัวเองและใช้ความเจ็บปวดคอยดึงสติเขากลับคืนมา เขาสาปแช่งตัวเอง “นี่มันเวลาแบบไหน? เจียงอี้ ตัวเจ้าคิดอะไรอยู่? เสี่ยวนู๋และคนอื่นๆกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตนะ!”
บางทีอาจเป็นเพราะความกดดันของสถานการณ์ในตอนนี้ เจียงอี้จึงสงบจิตสงบใจลงได้ เขาค่อยๆรวบรวมสมาธิไปยังฉากของทะเลอัสนีอีกครั้ง และเขาก็ได้ตระหนักถึงการเข้าสู่สภาวะนี้ได้ ตราบใดที่เขาจดจ่อกับบางสิ่งอย่างเต็มที่มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะเข้าสู่สภาวะประหลาดนั้นได้
สำเร็จ….!
เขาเข้าสู่สภาวะได้สำเร็จอีกครั้งและเขาก็รีบเข้าสู่ห้องของแม่หญิงชิงหยีอย่างรวดเร็ว
เขาปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเล็กน้อยแต่ก็ผิดหวังเล็กน้อยทั้งสองคนนั้นได้หยุดเรื่องบนเตียงกันแล้วและกำลังกอดกันอยู่บนเตียง บริเวณจุดสำคัญของร่างกายพวกนางถูกปกคลุมด้วยผ้าอันบางเบาเอาไว้ มีเพียงไหล่ที่ขาวราวหิมะและแผ่นหลังของพวกนางและยังมีขาอันเรียวงามสี่ข้างเท่านั้นที่เผยให้เห็น
นางเหมือนแมวน้อยที่นอนตะแคงอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวอีกคนร่างกายที่บอบบางของนางยังคงสั่นและแก้มของนางยังชมพูระเรื่อ หน้าผากของนางยังคงมีเหงื่อที่แทบจะมองไม่เห็นแล้วแต่ก็ยังทำให้ไรผมของนางติดอยู่บนใบหน้าทำให้นางดูมีเสน่ห์อย่างมาก
นางหลับตาขณะที่ริมฝีปากของนางยังเปิดกว้างและหายใจถี่รวนตอนที่ร่างของนางสั่นเทา ขนตาของนางก็สั่นไปด้วยราวกับว่านางยังคงเพลิดเพลินกับช่วงเวลาอันดื่มด่ำก่อนหน้านี้อยู่ ขาของนางพัวพันอยู่กับขาอีกคู่
ซึ่งหญิงผู้นั้นก็ค่อนข้างดูดีเช่นกันแต่นางก็เป็นเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆในทวีปนี้ที่มีความกล้าหาญและเต็มไปด้วยพลังขณะที่ขาดความเป็นหญิง ดวงตาที่อ่นโยนของนางกำลังจ้องมองไปที่แม่หญิงชิงหยีที่อยู่ในอ้อมกอดนาง มือข้างหนึ่งของนางคอยปัดผมที่ยุ่งเหยิงของแม่หญิงชิงหยีขณะที่มืออีกข้างกำลังลูบไล้ไปที่หลังที่นวลชมพู
“อื้อออออ!”
ดูเหมือนว่าแม่หญิงชิงหยีจะมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้งขณะที่นางเงยหน้าขึ้นและจุมพิตกันอย่างดูดดื่มลิ้นของพวกนางพัวพันกันและปล่อยเสียงจุมพิตออกมาซึ่งมันเกือบทำให้เจียงอี้หลุดออกจากสภาวะประหลาด
โชคดีที่ครั้งนี้เจียงอี้หนักแน่นขึ้นมากและจิตใจของเขาไม่ได้หลุดลอยไปมากนักเขามาที่นี่เพื่อค้นหาข้อมูลที่จะช่วยให้ตัวเองหลุดพ้นจากสถานการณ์ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะมาดูการแสดงวาบหวิวนี้
เจียงอี้ไม่รู้เลยว่าสภาวะประหลาดนี่มันลึกลับเกินไปหรือว่าแม่หญิงชิงหยีกำลังจมอยู่ในช่วงเวลาที่ยอมเยี่ยมของนางนางจึงไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกนางกำลังทำอยู่นั้นมีคนอื่นสอดส่องอยู่
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน…!
ในที่สุดพวกนางทั้งสองก็เริ่มสงบลงจากนั้นแม่หญิงชิงหยีก็ถามว่า “พี่ใหญ่ จักรพรรดินีไม่ส่งข้อความใดกลับมาเลยหรือ”
“ไม่!”
ผู้หญิงอีกคนส่ายหัวและพูดว่า“จักรพรรดินีน่าจะเข้าสู่สันโดษ ไม่อย่างนั้นนางก็คงจะตอบกลับมาแล้ว เจ้าก็น่าจะรู้ว่าจักรพรรดินีไม่ได้เริงสำราญในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานี้เลย นางน่าจะกำลังปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณอยู่…”
“บ้าเอ้ย!”
เจียงอี้ตกใจและพูดไม่ออกเช่นกันจักรพรรดินีของทวีปเฟิ่งหมิงนี้ก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย?
เมื่อเขานึกถึงความจริงที่ว่าผู้หญิงในทวีปนี้ส่วนใหญ่แล้วจะดูถูกผู้ชายบางทีก็เกลียดพวกเขาเข้าไส้ มันคงจะเป็นเรื่องปกติที่พวกนางไม่มีความสนใจผู้ชาย!
“เราควรจัดการสายลับนั่นยังไงดี?”
แม่หญิงชิงหยีถอนหายใจเล็กน้อยซึ่งมันก็ได้ดึงความสนใจของเจียงอี้กลับคืนมานางหยุดชั่วขณะและพูดต่อว่า “เราควรจะแค่สังหารเขาหรือ? เดิมทีข้าอยากให้จักรพรรดินีทำให้เขากลายเป็นทาสวิญญาณ คนๆนี้มีพลังที่น่ากลัวมากและไม่มีผู้ใดทำอะไรเขาได้ ก่อนหน้านี้หากว่าข้าไม่วางกลอุบาย พวกเราทุกคนคงจะตายไปแล้ว เฮ้อ…เป็นเรื่องน่าเสียดายที่จะต้องสูญเสียแม่ทัพมือดีไป ปีศาจทะเลจากทะเลบูรพาเวิ้งว้างกำลังจะก่อสงคราม ในครั้งนี้ทวีปเฟิ่งหมิงของเราก็คงกลายเป็นแม่น้ำเลือดอีกครั้ง ท่านจักรพรรดินีก็คงจะหงุดหงิดมากเลยใช่ไหม?”
“แค่สังหารมันซะ!”
ดวงตาของผู้หญิงอีกคนเป็นประกายไปด้วยความเย็นชาขณะที่นางพูดว่า“คนๆนั้นน่ากลัวเกินไป การปล่อยให้เขารอดชีวิตมันก็คงจะอันตรายไปหน่อย จะเกิดอะไรขึ้นกันถ้าเขาเป็นสายลับจากทวีปสุริยันสว่างหรือทวีปมังกรซ่อนเร้น?”
“ก็ได้ข้าจะลงมือเดี๋ยวนี้แหละ!”
ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นและร่างกายที่ไร้ที่ติของนางก็ถูกเผยออกมาจิตวิญญาณของเจียงอี้สั่นสะท้านและไม่สามารถสงบใจได้อีกต่อไป เขาออกจากสภาวะประหลาดนั้นทันที
เขาบ่นอยู่ในใจตอนนี้แม่หญิงคงต้องกำลังสวมเสื้อผ้าและเตรียมตัวมาที่นี่แน่ๆ ตำหนักที่นางอยู่นั้นไม่ไกลจากที่นี่มากนักและนางคงใช้เวลามาที่นี่ไม่นาน
“ไม่ได้การล่ะ!”
เจียงอี้อาจเข้าสู่สภาวะประหลาดได้แต่เขาก็ไม่มีวิธีปล่อยความสามารถอื่นๆทั้งหมดของเขาได้ และเมื่อแม่หญิงชิงหยีมาที่นี่ เขาก็คงไม่มีความคิดอื่นใดนอกเสียจากเขาจะต้องตาย!
เขาก้มหัวลงดวงตาของเขาวาบไปด้วยแสงอันเย็นเยียบขณะที่จิตใจของเขาคิดอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปครู่หนึ่งและต่อมา อาคมยับยั้งที่หน้าประตูก็สว่างขึ้น แม่หญิงชิงหยีได้นำองครักษ์สองคนเข้ามาที่นี่ด้วย
“เจ้าสายลับต่างแดนเตรียมตัวตายซะ!”
เมื่อนางเข้ามานางก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีก นางตะโกนออกมาอย่างเย็นชาขณะที่พุ่งเข้าหาเจียงอี้อย่างรวดเร็ว ฝ่ามือของนางนั้นกลายเป็นเหมือนกรงเล็บภูติอเวจีที่กำลังจะเฉาะมาที่หัวของเจียงอี้ กลิ่นอายของฝ่ามือนั้นน่ากลัวมากและหากเขาถูกโจมตี หัวของเขาก็คงจะระเบิดออกมาเหมือนลูกแตงโม
และในที่สุดเจียงอี้ก็เงยหน้าขึ้นสีหน้าของเขาไม่มีความตระหนกใดๆแต่กลับมีรอยยิ้มที่มั่นใจและพูดว่า “แม่หญิง เอาสิ ฆ่าข้าเลย แค่คนของทวีปพวกเจ้าทั้งทวีปถูกฝังไปพร้อมกันกับข้า ข้าก็พอใจแล้ว!”