เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 533-534
บทที่ 533 ทาสวิญญาณ
ทาสวิญญาณ!
ความหมายของมันชัดเจนตามคำกล่าวซึ่งทาสวิญญาณก็คงจะเป็นทาสแบบพิเศษ!
มันมีความแตกต่างกันระหว่างทาสวิญญาณและผนึกแห่งดวงจิต
หากผู้เชี่ยวชาญยอมแพ้และยกผนึกแห่งดวงจิตและกลายเป็นทาสของคนอื่นนอกจากผู้เป็นนายจะคืนผนึกแห่งดวงจิตให้คนผู้นั้น เขาก็จะไม่มีวันเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้อีกเลย….แม้กระทั่งยามที่เขากำลังจะตาย
แต่กับทาสวิญญาณมันแตกต่างกัน!
การให้ผนึกวิญญาณนั้นคือการที่ทาสมอบรากวิญญาณส่วนหนึ่งของเขาให้กับผู้เป็นนายซึ่งสามารถทำลายรากวิญญาณนี้ได้ตามที่เขาพอใจและปล่อยให้ทาสต่างๆตายไปแต่กลับกันกับทาสวิญญาณที่ผู้เป็นนายจะใช้เวทย์มนตร์อันทรงพลังเพื่อไปผนึกตราวิญญาณซึ่งมันจะกลายเป็นผนึกอยู่ในดวงจิตวิญญาณของทาสวิญญาณ ผู้เป็นนายจะสามารถควบคุมให้ทาสวิญญาณทำอะไรก็ได้ด้วยความคิดของพวกเขาและทำให้ดวงวิญญาณของทาสวิญญาณสลายไปได้และสังหารทาสผู้นั้นไปก็ได้
โดยปกติแล้วตราวิญญาณนี้จะถูกซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของดวงจิตวิญญาณของตนและทาสนั้นจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีมันอยู่และไม่สามารถตรวจจับได้เลยดังนั้นเมื่อใครก็ตามกลายเป็นทาสวิญญาณแล้ว พวกเขาก็จะสามารถบ่มเพาะพลังต่อไปได้ ความแตกต่างอย่างหนึ่งก็คือวิญญาณของพวกเขาจะมีความคิดที่ไม่ได้สมัครใจว่าพวกเขาจะไม่มีวันฝ่าฝืนผู้เป็นนายและต้องทำตามคำสั่งทั้งหมดรวมไปถึง….การสั่งให้ฆ่าตัวตายด้วย
ดังนั้นศาสตร์วิชาทาสวิญญาณนั้นจึงลึกซึ้งยิ่งกว่าผนึกแห่งดวงจิตอย่างเห็นได้ชัดหากผู้ใดที่ทำให้คนที่มีพรสวรรค์กลายเป็นทาสวิญญาณขึ้นมาได้ คนผู้นั้นก็จะมีนักสู้ที่ทรงพลังในภายภาคหน้า และหากนักสู้ผู้นั้นยังคงมีฝีมือก้าวหน้าและเหนือกว่าผู้เป็นนาย มันก็เป็นผลประโยชน์ที่ยอดเยี่ยมของผู้เป็นนาย
ดาวเก้าดวงในตันเทียนของเจียงอี้นั้นแปลกมากจักรพรรดินีก็คิดว่าเขามีศักยภาพที่ไม่จำกัดและตัดสินใจที่จะทำให้เขากลายเป็นทาสวิญญาณของนาง
แต่แน่นอนว่ามันค่อนข้างซับซ้อนเวลาปรับแต่งทาสวิญญาณและต้องใช้พลังบางส่วนของจิตวิญญาณด้วยนอกจากนี้ยังมีเพียงยอดฝีมือที่ทรงพลังเท่านั้นที่กล้าทำ ไม่เช่นนั้นหากว่าพลังนั้นไหลย้อนกลับ คนผู้นั้นก็จะตาย
แม่หญิงชิงหยีไม่กล้าที่จะปรับแต่งเจียงอี้เพราะนางรู้สึกว่าเจียงอี้แข็งแกร่งกว่านางหากมีสิ่งใดผิดพลาด นางอาจจะถูกเจียงอี้สังหารแทนก็ได้
แต่มันก็คงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับจักรพรรดินี!
แม้ว่าจักรพรรดินีจะพัฒนาพลังของนางโดยการปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณแต่นางก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนซึ่งมันคือความเป็นจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขอบเขตจินกังสามารถทำลายขอบเขตเสินโหยวได้อย่างง่ายดาย ส่วนขอบเขตเทียนจุนนั้นแกร่งกว่าขอบเขตจินกังมากนัก ตอนที่อยู่ใต้หุบเหวอเวจี จีทิงยวี่ได้ใช้ค่ายกลสวรรค์ลิขิตและตรึงเจียงอี้เอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นแม่หญิงชิงหยีจึงคิดว่าจักรพรรดินีน่าจะปรับแต่งเจียงอี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่การปรับแต่งทาสวิญญาณนั้นจำเป็นต้องใช้ความเงียบสงัดและเวลาและไม่ควรถูกรบกวนในระหว่างทำการปรับแต่งดวงจิตวิญญาณ หลังจากที่จักรพรรดินีออกคำสั่ง แม่หญิงชิงหยีก็เริ่มจัดการตามคำสั่งนางทันที ปราสาทถูกล้อมรอบไปด้วยองครักษ์และทหารมากมาย
บรึฟ!
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็เปิดอาคมยับยั้งในห้องโถงกลางจากนั้นนางก็เดินไปยังห้องโถงเล็กๆและพยักหน้าให้กับจักรพรรดินีและกระซิบว่า “จักรพรรดินี ท่านเริ่มได้เลยเพคะ!”
“อืม!”
จักรพรรดินีลุกขึ้นและปล่อยกลิ่นอายของนางออกมาอย่างช้าๆซึ่งปกคลุมไปทั่วห้องโถงเล็กๆทั้งหมดทันทีและใบหน้าที่พร่ามัวของนางก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น
ช่างเป็นความงามที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม!
แม้ว่าใจของเจียงอี้จะร่วงไปแล้วแต่ดวงตาของเขาก็ยังเปล่งประกายไปโดยสัญชาตญาณ
จักรพรรดินีแห่งเฟิ่งหมิงนั้นมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อนมากซึ่งงดงามกว่าซูรั่วเสวี่ยด้วยซ้ำ บางทีการที่นางชอบผู้หญิงและมีนิสัยไม่เหมือนใครมันก็สามารถทำให้ผู้อื่นรู้สึกเย้ายวน และการเป็นผู้ปกครองแห่งทวีปเฟิ่งหมิงก็ได้เพิ่มบุคลิกอื่นๆให้แก่นาง นางงดงามราวกับเทพธิดาบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าที่สามารถล่อลวงผู้ชายได้โดยที่พวกเขาไม่ได้สมัครใจ
ลองนึกภาพว่า…การมีจักรพรรดินีขอบเขตเทียนจุนอยู่ใต้ร่างของคนผู้หนึ่งและจ้องมองไปที่ใบหน้าที่น่ารักของนางและฟังเสียงครางของนาง….มันอาจจะทำให้ชายใดก็ตามต่างพากันคลั่งไคล้ได้
บุฟ!
แสงสีดำสว่างขึ้นบนมือของจักรพรรดินีซึ่งทำให้เจียงอี้ตื่นจากภวังค์และรู้สึกอับอายอยู่เงียบๆเขากำลังจะถูกเปลี่ยนเป็นทาสวิญญาณและสูญเสียอิสรภาพไปตลอดชีวิตแต่เขายังมีอารมณ์มาคิดเรื่องพวกนี้อีกหรอ?
ฟึ่บ!ฟั่บ!
แสงสีดำบนมือของนางพุ่งเข้าไปที่หัวของเจียงอี้ทันทีและเจียงอี้ก็ตาเหลือกและสลบไป
“ชิงหยีปลดโซ่ล่ามวิญญาณ”
จักรพรรดิยิ้มอย่างงดงามราวกับดอกไม้ที่เบ่งบานส่วนแม่หญิงชิงหยีก็มองเจียงอี้อย่างระมัดระวัง แต่นางก็คิดว่ายังไงก็มีจักรพรรดินีอยู่ที่นี่ แม้ว่าเจียงอี้จะตื่นขึ้นมา มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร
นางเดินไปไม่กี่ก้าวแล้วแสงสีขาวก็สว่างขึ้นในมือของนางและนางก็จับโซ่ล่ามวิญญาณไว้แน่นในขณะที่นางหมุนแก่นแท้พลังไปที่มือ โซ่ล่ามวิญญาณก็เปล่งประกายในไม่ช้าและหลุดออกไป ในที่สุดมันก็เล็กลงอย่างน่าอัศจรรย์และกลายเป็นสร้อยข้อมือที่พันรอบมือแม่หญิงชิงหยี
เมื่อแม่หญิงชิงหยีเห็นจักรพรรดินีตรงมาหานางนางก็ยกเจียงอี้ด้วยมือข้างเดียวเพื่อทำให้ลำตัวของเขาตั้งตรงและนั่งขัดสมาธิบนพื้น
“ชิงหยีเจ้ามีน้ำมีนวลขึ้นนะ!”
จักรพรรดินีเดินไปอย่างนุ่มนวลนางตบไปที่หน้าอกที่ยั่วยวนของชิงหยีและพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนอีกผ่ายก็เนื้อตัวสั่น นางมองกลับไปยังจักรพรรดินีที่มีเสน่ห์และพูดอย่างเขินอายว่า “จักรพรรดินี จัดการเรื่องสำคัญก่อนเถอะเพคะ…”
“ยัยตัวแสบ!”
จักรพรรดินีโบกมือให้นางและชิงหยีก็ก้าวถอยหลังไปสิบก้าวจากนั้นจักรพรรดินีก็เริ่มจริงจัง แสงสีดำกระพริบผ่านฝ่ามือนางและมีรูปแบบอักขระมัวๆส่องแสงอยู่ นางค่อยๆทำให้แสงสีดำนั้นปกคลุมไปที่หัวของเจียงอี้และเจียงอี้ก็อยู่ในอาการสิ้นสติไปแต่แรกแล้ว
บรึฟ!
เมื่อจักรพรรดินีกดฝ่ามือลงบนหัวของเจียงอี้ทั้งหัวของเขาและฝ่ามือของนางก็เปล่งแสงพร้อมกัน จักรพรรดินีปิดตาของนาง นางได้เริ่มปลดปล่อยวิชาเวทย์และปรับแต่งเจียงอี้แล้ว
ชิงหยีกลั้นหายใจและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นตอนนี้เป็นเวลาที่สำคัญที่สุด หากเกิดความผิดพลาดใดๆ แม้ว่าเจียงอี้จะตายไปก็ไม่สำคัญแต่จักรพรรดินีอาจถูกพ่วงไปด้วยเช่นกันซึ่งมันจะเป็นหายนะของทวีปนี้
พลังงานสีดำค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของเจียงอี้ผ่านหัวของเขาตอนนี้เจียงอี้ได้หมดสติไปแล้ว ไข่มุกวิญญาณเพลิงของเขาก็ถูกชิงหยียึดไปและไม่สามารถปกป้องเขาได้โดยอัตโนมัติ
ดังนั้นพลังสีดำจึงพุ่งเข้ามาในหัวของเขาได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆและในที่สุดมันก็เข้าไปในจิตวิญญาณของเขาและด้านนอกดวงจิตวิญญาณรูปทรงดาบสีแดง
จิตวิญญาณของเจียงอี้นั้นไปถึงระดับสองหลังจากที่เขาขัดเกลาใบว่านน้ำและควบรวมเป็นรูปทรงวิญญาณรูปดาบซึ่งดูคล้ายดาบมังกรเพลิงแต่มันเล็กกว่านับร้อยเท่า หลังจากที่เขาขัดเกลาใบว่านน้ำอีกสองใบ รูปร่างดวงจิตวิญญาณที่คล้ายดาบนี้ก็เติบโตขึ้นมากแต่มันก็ยังไม่มีวี่แววจะวิวัฒนาการ
“รูปร่างดวงจิตของสายลับนี่พิลึกนัก!”ไอรีนโนเวล
พลังงานสีดำนั้นเป็นสายพลังส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของจักรพรรดินีดังนั้นนางจึงรู้ว่าภายในดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร นางถอนหายใจและควบคุมผนึกเพื่อให้เข้าไปยังดวงจิตวิญญาณรูปดาบของเจียงอี้อย่างช้าๆ
การปรับแต่งทาสวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมากๆ
นางจะต้องควบคุมผนึกตราวิญญาณของนางให้เข้าสู่ร่างดวงจิตวิญญาณหลัก,ค้นหาตราวิญญาณของเขา, และจากนั้นก็ประทับตราดวงจิตวิญญาณของผู้เป็นนายลงบนตราวิญญาณของอีกฝ่าย ด้วยวิธีนี้ ดวงจิตวิญญาณของทาสจะสร้างจิตสำนึกที่ยอมแพ้ต่อผู้เป็นนายโดยปริยายและไม่กล้าที่จะต่อต้านผู้เป็นนาย
ยิ่งดวงจิตวิญญาณของคนผู้นั้นมีความแข็งแกร่งมากเท่าใดก็จะยิ่งมีตราวิญญาณมากเท่านั้น และจิตวิญญาณของเจียงอี้ก็ถือว่าใช้ได้และมีตราวิญญาณอยู่เก้าแห่ง ดังนั้นจักรพรรดินีจึงต้องค้นหาตราวิญญาณทั้งเก้าภายในรูปร่างวิญญาณของเขาและประทับผนึกด้วยตราวิญญาณของนาง
“เจอแล้ว!”
ไม่นานนักสายพลังจิตวิญญาณสีดำของจักรพรรดินีก็พบตราวิญญาณเล็กๆเท่าฝุ่น จากนั้นนางก็ประทับผนึกลงไปบนนั้นอย่างง่ายดาย
หนึ่งสอง สาม สี่ ห้า!
เวลาค่อยผ่านไปอย่างช้าๆเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆก็เริ่มผุดขึ้นมาบนหน้าผากอันเรียบเนียนของนาง มันเป็นเรื่องที่น่าหน่ายนักที่จะคอยควบคุมดวงจิตวิญญาณของนางและคอยค้นหาตราวิญญาณเล็กๆภายในรูปร่างวิญญาณอันกว้างใหญ่ นางจะต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจและไม่สามารถผิดพลาดได้ ไม่เช่นนั้นสายพลังของตนเองอาจถูกกลืนกินแทนและนางก็จะจบเห่ได้
แต่แน่นอนว่า….
ดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้อ่อนแอกว่ามากเมื่อเทียบกับนางและตอนนี้เขาก็ยังอยู่ในสภาพที่ไร้สติ
แต่แม้ว่าเขาจะตื่นมามันก็ไม่ได้สำคัญนักเพราะอย่างมากจักรพรรดินีก็จะปล่อยดวงจิตวิญญาณของนางออกมา ก่อนที่จะสลายดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้และสังหารเขาอย่างง่ายดาย
หกเจ็ด แปด!
เมื่อจักรพรรดินีพบตราวิญญาณดวงที่แปดจิตวิญญาณของเจียงอี้ก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันใด เขาฟื้นแล้ว!
บทที่ 534 สู้กลับอย่างไร้ประโยชน์
“แย่ล่ะ!”
จักรพรรดินีร้องออกมาเงียบๆในตอนที่เจียงอี้ตื่นขึ้นมามันเป็นเวลาเดียวกับที่นางเพิ่งพบตราวิญญาณดวงที่แปดของเขาและกำลังจะประทับรอยวิญญาณของนางลงไป ในตอนนี้จิตวิญญาณของนางอ่อนแอมาก หากเจียงอี้เป็นผู้ที่กลืนกินนางแทน ความพยายามทั้งหมดของนางก็จะสูญเปล่า
ฟึ่บ!
จิตวิญญาณของเจียงอี้เปล่งประกายและเริ่มสะเทือนอย่างรุนแรงการแข็งข้อที่รุนแรงได้พุ่งพล่านออกมาจากส่วนลึกของดวงจิตวิญญาณของเขา จักรพรรดินีก็ตื่นตระหนกอีกครั้ง ดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้นั้นเริ่มต่อสู้กลับและมันมีความแข็งแกร่งที่ดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ดวงจิตของเด็กนี่มีพลังมากเช่นนี้เชียวหรือ?
คลื่นพลังดวงจิตวิญญาณที่มองไม่เห็นได้พุ่งเข้าไปยังตราวิญญาณของจักรพรรดินีราวกับกระแสน้ำเชี่ยวซึ่งทำให้นางทุกข์ทรมานแสนสาหัสเจียงอี้ยังเด็กแต่จิตใจของเขาแข็งแกร่งมาก ตราวิญญาณทั้งเจ็ดตราถูกตราวิญญาณของนางตรึงเอาไว้แล้วและไม่สามารถสู้กลับได้อีกต่อไป แต่นางก็แทบจะไม่สามารถต้านทานการแข็งข้อจากตราวิญญาณอีกสองตราที่เหลือได้
ลองนึกภาพว่าถ้าหากเจียงอี้ตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีพลังโต้กลับของเขานั้นจะรุนแรงขนาดไหน? แต่แน่นอนว่า…หากเขาตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้ จิตวิญญาณของจักรพรรดินีก็จะไม่ถูกเผาผลาญไปมากนักและนางก็จะไม่อ่อนแอเช่นกัน
“เจ้าหนูอย่าบีบข้า! ไม่งั้น….ข้าจะทำลายวิญญาณของเจ้าและทำให้เจ้ากลายเป็นศพเดินได้ซะ!”
จักรพรรดินีเกลียดการง้ออีกฝ่ายที่สุดนางส่งต่อความคิดของนางผ่านตราวิญญาณเพื่อพยายามรบกวนจิตวิญญาณของเจียงอี้เพื่อที่จะได้ปรับแต่งเขาให้สำเร็จ
นางได้ประทับตราวิญญาณไปเจ็ดดวงแล้วและเหลืออีกเพียงสองดวงนางจึงไม่มีวันยอมแพ้เอาตอนนี้อยู่แล้ว ยิ่งจิตใจของเจียงอี้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้นในภายหน้า และการนำเจียงอี้มาอยู่ใต้การควบคุมของนางนั้นก็เท่ากับนางได้มีนักรบผู้กล้าที่มีศักยภาพยอดเยี่ยมเพิ่มมาอีกคน
“ข้ายอมตายดีกว่าที่จะตกเป็นทาส!”
ความคิดที่ชัดเจนนั้นมาจากจิตวิญญาณของเจียงอี้หลังจากนั้นการโต้กลับก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น จักรพรรดินีได้ตกอยู่ในความลำบากอย่างหนักจนเหงื่อบนหน้าผากนางเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อยๆและร่างเล็กๆของนางก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
แปะเปาะ แปะ!
เม็ดเหงื่อหยดจากใบหน้าของนางลงสู่แผ่นหินปูนที่พื้นจนมีเสียงเบาๆดังขึ้นมา
แม้ว่าเสียงจะไม่ดังมากแต่แม่หญิงชิงหยีที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็ได้ยิน นางเหลือบมองไปอย่างรวดเร็วและดวงตาที่งดงามของนางก็หดลงและริมฝีปากของนางก็เผยออกมาเล็กน้อย ใบหน้าของนางนั้นเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
จักรพรรดินีผู้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนก็ยังยากที่จะปรับแต่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกัง? ดูเหมือนว่านางยังทนทุกข์ทรมานจากการโต้กลับด้วย?
“เจ้าหนู!หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
จักรพรรดินีแทบจะไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปจิตวิญญาณของเจียงอี้พุ่งเข้ามาที่สายจิตวิญญาณของนางอย่างรุนแรง แม้ว่าการโจมตีในแต่ละครั้งนั้นจะไม่แรงมาก แต่มันก็จะมีคลื่นพลังโต้มาอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนว่าเจียงอี้จะยอมตายมากกว่าที่จะตกเป็นทาสของจักรพรรดินี
“เช่นนั้นก็ตายซะ!”
จักรพรรดินีโกรธแค้นมากแสงสีดำสว่างวาบไปตามร่างกายและจิตวิญญาณของนาง ซึ่งมันแข็งแกร่งกว่าเดิมสิบเท่าและกำลังจะพุ่งจากจิตวิญญาณของนางไปสู่รูปวิญญาณดาบของเจียงอี้ จิตวิญญาณของเขาจะพังทลายลงไปและนางก็จะสามารถเรียกคืนตราวิญญาณของนางกลับมาได้!
ตราวิญญาณนั้นมีความสำคัญมาก!
ผนึกแห่งดวงจิตถูกสร้างขึ้นมาจากส่วนหนึ่งของตราวิญญาณหากเจียงอี้ทำลายตราวิญญาณของนาง ดวงจิตวิญญาณของนางก็จะเสียหายอย่างหนัก จักรพรรดิอสูรชือยังคอยเฝ้าดูนางอยู่ในเมืองรอบนอก และเมื่อนางบาดเจ็บสาหัส ผลที่ตามมามันคงจะเกินบรรยาย
ที่แย่กว่านั้นคือถ้าหากว่าเจียงอี้สามารถปรับแต่งตราวิญญาณของนางได้มันจะกลายเป็นว่านางจะถูกเจียงอี้ควบคุมแทน นั่นก็เท่ากับว่านางยอมจำนน ชีวิตของนางนั้นขึ้นอยู่กับการกำจัดเขา ขณะที่ตราวิญญาณของนางอยู่ในมือเจียงอี้ นางจะไม่มีทางคิดที่จะขัดขืนเจียงอี้ได้เลย
แต่แน่นอน….
เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเพราะจิตวิญญาณของเจียงอี้อ่อนแอเกินกว่าที่จะปรับแต่งตราวิญญาณของนางได้ ยิ่งไปกว่านั้นนางได้เพิ่มพลังเข้าไปในหัวของเจียงอี้เป็นสิบเท่าแล้วและมันกำลังจะไหลเวียนไปถึงร่างดาบวิญญาณ และจิตวิญญาณที่ทรงพลังเช่นนี้ก็จะสลายร่างวิญญาณของเจียงอี้ในทันที
“ตายยย!”
จักรพรรดินีตะโกนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจของนางและควบคุมจิตวิญญาณให้พุ่งเข้าไปในร่างวิญญาณรูปดาบของเจียงอี้
ตูม!
จิตวิญญาณของจักรพรรดินีพุ่งเข้าไปราวกับกระแสน้ำหลากซึ่งทำให้จิตวิญญาณภายในร่างดาบวิญญาณของเจียงอี้ท่วมท้นไปด้วยความปั่นป่วนร่างวิญญาณของเขาอาจพังทลายลงได้ทุกเมื่อเพราะแรงกดดันมหาศาล เมื่อเป็นเช่นนั้น ดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้ก็จะตายและเขาจะกลายเป็นศพไปด้วย
บรึฟ!
แต่ในตอนนั้นเองร่างดาบวิญญาณภายในตัวของเจียงอี้ก็สว่างขึ้นและสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!
ร่างดาบวิญญาณของเขาเปล่งประกายไปด้วยแสงสีดำและนี่ไม่ใช่แสงสีดำธรรมดา!และแสงสีดำนั่นไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างวิญญาณของเจียงอี้….แต่มันมาจากอักขระสีดำที่อยู่บนพื้นผิวของร่างดาบวิญญาณนั้น
หากเจียงอี้กระจ่างและสามารถอ่านอักขระเหล่านี้ออกได้เขาจะต้องประหลาดใจแน่ๆ!
“การท่องไปในที่กว้างใหญ่ของสวรรค์และพิภพมีเพียงหนทางเดียวคือเป็นนิจนิรันดร์ เพื่อจะฝ่าด่านสวรรค์ ผู้นั้นจะต้องฝึกฝนพลังของตนก่อน……”
อักขระที่ปรากฏในจิตวิญญาณของเจียงอี้อันที่จริงแล้วมันคือศาสตร์นิรนาม ตัวอักษรและอักขระที่ถูกเขียนเป็นอักษรวิจิตรได้ปรากฏอยู่บนพื้นผิวจิตวิญญาณของเขาอยู่เงียบๆ
อักขระสีดำเหล่านี้หมุนเวียนอยู่รอบนอกร่างดาบวิญญาณและปล่อยแสงสีดำที่อ่อนละมุนออกมาซึ่งมันส่องสว่างไปทั่วดวงจิตวิญญาณกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์และทรงพลังได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากอักขระเหล่านั้น
“อะ….นี่มันอะไรกัน?” จักรพรรดินีหน้าซีดไปด้วยความตกใจนางสัมผัสได้ถึงอันตรายจากอักขระสีดำเหล่านี้ และพวกมันยังมีพลังงานที่นางไม่รู้จักซึ่งทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังด้วย
ฟึ่บ!ฟั่บ!
อักขระสีดำนั้นวนอยู่รอบนอกหนึ่งรอบก่อนที่จะพุ่งเข้าไปในร่างวิญญาณต่อมา สิ่งที่ทำให้จักรพรรดินีหวาดกลัวก็เกิดขึ้น ดวงจิตวิญญาณทั้งสิบสายที่นางนำเข้ามาได้สลายไปในทันทีด้วยการโจมตีของอักขระสีดำที่พุ่งเข้าสู่ดวงจิตวิญญาณราวกับดาบอันแหลมคม!
“ไม่ไม่นะ!”
จักรพรรดินีเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นว่าถ้าหากตราวิญญาณของนางเข้าใกล้อักขระสีดำเหล่านี้พวกมันจะต้องถูกกดทับไปอย่างแน่นอนและจากนั้นนางก็….จะถูกทำให้เชื่อง!
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือนางอาจถูกเจียงอี้ปรับแต่งและกลายเป็นทาสวิญญาณของเขาแทน!
ร่างของนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรงมากขึ้นหน้าผากของนางชุ่มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ นางหมุนเวียนจิตวิญญาณของนางเข้าไปในหัวของเจียงอี้อย่างบ้าคลั่งเพื่อต่อต้านอักขระสีดำเหล่านั้นและปกป้องตราวิญญาณของนาง
“แย่ล่ะ!”
แม่หญิงชิงหยีที่คอยจับตาดูสถานการณ์อยู่ก็หน้าซีดไปด้วยความหวาดกลัวนางสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่ออกมาจากร่างของจักรพรรดินี แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่นางก็มั่นใจได้ว่านางไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นจะต้องมีเรื่องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ฟึ่บ!
เจียงอี้นั้นอยู่ข้างๆจักรพรรดินีดังนั้นนางจึงไม่สามารถปลดปล่อยรูปแบบเต๋าหรือโจมตีด้วยแก่นแท้พลังได้ แหวนในมือของนางเรืองแสงและกริชก็ปรากฏขึ้นมาและนางกำลังจะแทงมันไปที่เจียงอี้
หากเจียงอี้ตายจักรพรรดินีก็จะปลอดภัยเพราะคนตายจะไม่สามารถทำอะไรได้ กริชนั้นได้ส่องแสงอันเย็นเยียบออกมาและเล็งพุ่งไปที่หัวของเจียงอี้ จากนั้นแม่หญิงชิงหยีก็ตะโกนออกมาว่า “ไอสารเลว ตายซะเถอะ!”
สามเมตร,สองเมตร, หนึ่งเมตร….ครึ่งเมตร!
กริชนั้นกำลังพุ่งตรงไปยังหว่างคิ้วของเจียงอี้!
บรึฟ!
แต่ในตอนนั้นเองดวงตาของเจียงอี้ก็เปิดขึ้น ดวงตาที่ดำสนิทของเขากระพริบพร้อมกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เขายกริมฝีปากขึ้นและพูดออกมาอย่างสบายๆ “ชิงหยี เจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ? ข้าบอกเจ้าเป็นล้านรอบแล้ว ทำตัวให้เหมือนผู้หญิงหน่อย อย่าป่าเถื่อนขนาดนั้นสิ เขาไม่ต่อสู้และสังหารคนอื่นกันทุกวันหรอก….”