เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 545 -546
บทที่ 545 ตายอย่างสมบูรณ์
ฟึ่บ!
เจียงอี้ถอนหายใจและบินไปขณะที่ร่างของเขากลายเป็นภาพหลังจักรพรรดิเงือกอาจตายไปแล้ว แต่ยังเหลือราชันปีศาจที่ยังอยู่ข้างล่างอีกหลายสิบตน ในเมื่อเขาจะช่วยเฟิ่งหลวนและคนของนาง เขาก็จะทำจนสุดทาง เขาจะสังหารราชันปีศาจเหล่านี้ให้สิ้นซาก เพราะอย่างน้อยมันก็รับประกันได้ว่าทวีปเฟิ่งหมิงจะสงบสุขไปอีกหลายร้อยปี
แน่นอนว่าเขาได้คำนวณไว้แล้วศพของเหล่าราชันปีศาจพวกนี้จะคุ้มค่าและหากเขาไม่เอาพวกมันไป อย่างน้อยเขาก็แค่ปล่อยให้ทวีปเฟิ่งหมิงได้ประโยชน์จากเขา
หลังจากปล่อยเจตจำนงสังหารราชันปีศาจที่เหลือก็ถูกตรึงเอาไว้ เจียงอี้ค่อยๆเข้าไปใกล้ๆพวกนั้นอย่างช้าๆและโยนมนุษย์ที่อยู่ใกล้ออกไปและปล่อยเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์เพื่อแผดเผาราชันปีศาจอย่างสบายๆ
หลังจากกำจัดราชันปีศาจแล้วเขาก็จะเก็บศพราชันปีศาจได้ง่ายๆ เมื่อเขาผ่านศพของจักรพรรดิเงือก เขาก็เก็บศพจักรพรรดิได้โดยที่ไม่ต้องไปจับจอง มันทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังของทวีปเฟิ่งหมิงโกรธเคืองอยู่บ้างแต่ในเมื่อเฟิ่งหลวนไม่ได้พูดอะไร พวกนั้นก็ไม่กล้าที่จะแสดงความไม่พอใจออกมาเช่นกัน ยังไงเสียถ้าหากไม่ใช่เพราะเจียงอี้ พวกนางทั้งหมดอาจจะต้องตาย
สามสิบนาทีต่อมา!
ราชันปีศาจทั้งหมดถูกสังหารไปจนสิ้นและศพราชันปีศาจมากกว่าร้อยศพก็ถูกเจียงอี้เก็บเอาไว้จากนั้นเขาก็ถอนเจตจำนงสังหารและมองไปที่เฟิ่งหลวนที่หลับตาพักฟื้นอยู่กลางอากาศ
“สังหารเผ่าพันธุ์เงือกทั้งหมดอย่าให้เหลือรอดไปได้!”
ด้วยคำสั่งของเฟิ่งหลวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังสามสิบคนก็พุ่งไปยังกองทัพเงือกเหมือนเสือที่ดุร้าย เจียงอี้ไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้อีกต่อไปและเขาก็กลับไปในเมืองชิงเฟิ่งอย่างเงียบๆ
ฟึ่บ!
เฟิ่งหลวนไม่ได้กังวลกับเงือกระดับต่ำเหล่านี้เลยด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั้งสามสิบคนและกองทัพนับล้านก็มีเพียงความตายที่รอพวกมันอยู่เท่านั้น นางรีบตามเจียงอี้ไปขณะที่ร่างของนางค่อยๆลอยลงมาจากฟ้า
พรึบ!
เลือดที่เกิดจากอาการบาดเจ็บของเฟิ่งหลวนหยุดไหลแล้วแต่ใบหน้าของนางยังคงซีดและอ่อนแอเมื่อนางลงมา นางก็ไม่ได้พูดอะไรมากและคุกเข่าลงต่อหน้าเจียงอี้ทันที ดวงตาของนางคลอไปด้วยน้ำตาขณะที่นางคำนับเจียงอี้อย่างจริงใจ นางพูดว่า “เฟิ่งเอ๋อร์ขอบคุณนายน้อยในนามของพลเมืองนับล้านในทวีปเฟิ่งหมิงเจ้าค่ะ!”
เจียงอี้ไม่ได้หยุดการคำนับของนางและยอมรับมันเมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของนาง เขาก็ค่อยๆเอามือมาเช็ดน้ำตาของนางเบาๆและพูดว่า “หากเจ้าอยากขอบคุณข้าจริงๆก็ล้างตัวให้สะอาดแล้วมาที่ห้องข้าทีหลัง ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาพูดอะไรไร้สาระ หากเจ้ายังสามารถสู้ต่อได้ก็จงไปยังสนามรบอื่นๆและสังหารราชันปีศาจเงือกให้ได้มากที่สุด ด้วยวิธีนี้ เมื่อเจ้าไปกับข้าแล้ว มันจะไม่ทำให้ทวีปต้องมาติดพันไปด้วย”
“เจ้าค่ะ..”
ใบหน้าที่ซีดเซียวและมีเสน่ห์ของนางเผยแก้มสีแดงระเรื่อออกมานางกัดฟันแน่นเพื่อยืนขึ้นและบินไปส่งเจียงอี้ที่เมืองชิงเฟิ่ง นางค่อนข้างบาดเจ็บสาหัสแต่ตราบใดที่นางยังหายใจนางก็จะเข้าร่วมต่อสู้ทันที เวลานี้เป็นเวลาที่ดีในการกำจัดราชันปีศาจเผ่าพันธุ์เงือก เจียงอี้พูดถูกแล้ว ยิ่งนางสังหารราชันปีศาจได้มากเท่าใด มันก็จะมีผลกระทบน้อยลงเมื่อนางจากที่นี่ไปพร้อมกับเจียงอี้
หลังจากส่งเจียงอี้กลับไปยังราชวังแล้วเฟิ่งหลวนก็ออกไปทันที เจียงอี้ไม่กลัวว่านางจะหนีไปไหนเพราะเขากุมชีวิตและความตายของนางได้และนางก็ไม่กล้าที่จะฝืนความต้องการของเขาเช่นกัน
“เฮ้ออ..”
หลังจากกลับมาที่ราชวังเจียงอี้ก็ไม่ได้มีความสุขที่ได้รับชัยชนะแต่กลับรู้สึกกังวลแทน การมีส่วนร่วมต่อสู้นั่นหมายความว่าเขาเปิดเผยตัวตนของเขา ด้วยความสามารถของโถงวรยุทธ พวกนั้นจะสามารถชี้เป้าเขาได้อย่างแน่นอน หากโถงวรยุทธซ่อนผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ขอบเขตเทียนจุนไว้ที่ทวีปเฟิ่งหมิง พวกนั้นก็จะบุกมาหาเจียงอี้อย่างรวดเร็ว และแม้ว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่การเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาของเขาก็จะไม่สงบสุขอีกต่อไป
ไหนจะมีจักรพรรดิอสูรชืออีกมันจะกลับมายังทวีปเฟิ่งหมิงไหม? แล้วมันจะตามเขาต่อหรือเปล่า?
เจียงอี้หยิบแผนที่ที่ได้มาจากเฟิ่งหลวนออกมาการเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพานั้นยาวไกลมากและอนาคตก็ดูมืดมนหนทาง ซูรั่วเสวี่ยจะเป็นเช่นไรบ้างก็ไม่รู้ ส่วนอีเพียวเพียว เขาก็ยังคงไม่มีข้อมูลใดๆ ยังคงมีการเดินทางที่แสนยาวไกลรอเขาอยู่ข้างหน้า
…
การต่อสู้ที่ทวีปเฟิ่งหมิงดำเนินไปตลอดทั้งคืนปีศาจระดับต่ำทั้งหมดกว่าห้าแสนตนถูกสังหารไป
ในตอนเช้าชิงหยีก็กลับมา หลังจากที่ต่อสู้มาตลอดทั้งวันทั้งคืน นางกลับไม่ได้มีร่องรอยของความเหนื่อยล้าเลยและดวงตาของนางก็ยังกระพริบไปด้วยความสดใสขณะที่นางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
นางอาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่เอี่ยมสีชมพูเมื่อนางเข้าไปในห้องของเจียงอี้ นางก็ไม่กล้าปลุกเขาเพราะเขายังคงหลับสนิท นางได้แต่รอคอยอยู่ข้างๆและใช้ดวงตากวาดไปทั่วใบหน้าของเจียงอี้ตลอดเวลาขณะที่เผยอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมา
ฟรึ่บ!
ทันใดนั้นมือของเจียงอี้ก็คว้าแขนชิงหยีเอาไว้และดึงนางไปที่เตียงขณะที่มืออีกข้างของเขาสวมกอดไปที่เอวอันบอบบางของนาง
“อ๊า!”
ชิงหยีอุทานออกมาและต้องการหนีไปโดยสัญชาตญาณแต่เมื่อนางเห็นดวงตาของเจียงอี้นางก็ไม่กล้าขยับตัวอย่างประมาท หากนางทำให้เจียงอี้โกรธ ผลที่ตามมาคงร้ายแรงเป็นแน่
ฉากที่เจียงอี้ฝ่าฟันกับฝ่ามือยักษ์นั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจของนางความต่อต้านที่มีต่อเจียงอี้ก็ได้ลดน้อยลงไปเช่นกันเพราะยอดฝีมือมักจะทำให้ผู้อื่นมีความกลัวเข้ามาในใจได้
“ชิงหยีน้อยทำไมเจ้ามองข้าด้วยสายตาลับๆล่อๆแบบนี้ล่ะ? หรือเจ้าพยายามจะแอบลวนลามข้า?”
เสียงของเจียงอี้สะท้อนออกมาขณะที่เขายิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายซึ่งมันทำให้ชิงหยีดึงสติกลับมาได้นางรีบตะโกนออกมาอย่างรวดเร็วแล้วเบือนสายตาหนี นางไม่กล้ามองไปในดวงตาของเจียงอี้และพูดว่า “นะ นายน้อย ชิงหยีไม่กล้าคิดอะไรเช่นนั้นเจ้าค่ะ ยกโทษให้ข้าด้วยที่ข้าทำให้ท่านตื่น”
“ฮึฮึหากคำขอโทษมันใช้ได้ เช่นนั้นโลกนี้ก็คงไม่วุ่นวายเช่นนี้หรอก”
เจียงอี้ใช้กำลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและกดร่างของชิงหยีมาแนบร่างของเขาเขาใช้มืออีกข้างเลื่อนลงไปและลูบไปที่ก้นกลมๆของนางซึ่งมันทำให้ร่างของนางสั่นสะท้าน
“นายน้อยอย่า อย่านะเจ้าคะ…”
แม้ว่าความรู้สึกของนางที่มีต่อเจียงอี้จะเปลี่ยนไปมากหลังการต่อสู้ที่ผ่านมาและนางรู้สึกขอบคุณเขาอย่างมากแต่มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่นางจะยอมรับเขาอย่างเต็มที่ เจียงอี้เป็นผู้ชายและนางก็เกลียดผู้ชายจริงๆ
เจียงอี้ไม่ยอมปล่อยมือเขาไม่ได้สั่งให้ชิงหยีหยุดต่อต้านแต่เพียงแค่มองนางด้วยสายตาที่อึดอัดใจและรู้สึกได้ถึงหน้าอกที่กำลังดิ้นตามการขยับตัวของนาง รอยยิ้มของเขาชั่วร้ายมากขึ้นขณะที่มือของเขายังคงลูบไล้ไปที่บั้นท้ายและต้นขาของนาง เขามองไปที่ชิงหยีตรงๆและทำให้นางรู้สึกเขินอายและไม่พอใจและยังมีอารมณ์ที่ซับซ้อนอีกมากมาย
ใช่แล้ว!
ชิงหยีกระดุกกระดิกเพราะท่าทางของเจียงอี้นั้นรุนแรงเกินไปมันควบคู่กับความจริงที่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกผู้ชายกอดรัดเอาไว้ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่พิเศษและน่าตื่นเต้นมาก เมื่อความคิดพวกนั้นปรากฏขึ้นในใจของนางมันยิ่งทำให้นางอายและขุ่นเคืองมากขึ้น
เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายที่บอบบางของชิงหยีเริ่มสั่นและแผ่ไอร้อนออกมาและใบหน้าของนางก็แดงแจ๋เจียงอี้ก็ลุกขึ้นนั่งและปล่อยนางไป เขาพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “เจ้าขี้โมโหตัวน้อย ปากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่ต้องการมันแต่ร่างกายเจ้าน่ะซื่อตรงมากเลยนะ หื๊ม….”
“อ๊ะ?”
ชิงหยียืนขึ้นมาและตัวสั่นเทาอีกครั้งนางแทบจะล้มลงไปกองกับพื้นขณะที่หูและคอของนางแดงไปหมด นางใช้มือปกปิดใบหน้าและกำลังจะวิ่งหนีไปแต่จู่ๆเจียงอี้ก็ตะโกนออกมาว่า “เจ้าจะหนีไปเพื่ออะไร? นี่เจ้ากลัวว่าข้าจะทำเรื่องป่าเถื่อนรึไง? หากข้าอยากจะทำเช่นนั้น ข้าจะรอจนถึงป่านนี้หรอ?”
“เอ?”
ชิงหยีนิ่งไปชั่วขณะและรู้สึกว่ามันมีเหตุผลหากเจียงอี้ต้องการทำเช่นนั้นกับนาง เขาก็คงสั่งให้นางเปลื้องผ้าและเสนอร่างของนางให้เขาแล้ว หากเป็นเช่นนั้นนางก็จะไม่สามารถขัดขืนได้แม้ว่านางจะอยากขัดขืนก็ตาม
ในไม่ช้าเจียงอี้ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมและพูดอย่างเรียบเฉยว่า“บอกเฟิ่งหลวนที ข้าจะให้เวลานางสิบวัน มันก็ขึ้นอยู่ที่นางแล้วว่านางจะสังหารราชันปีศาจได้กี่ตนภายในสิบวันนี้ จากนั้นเราจะออกเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาทันที”
“อ๊ะ?”
สีหน้าของชิงหยีเปลี่ยนไปนางรู้ว่าวันนี้จะมาถึง แต่เมื่อมันเป็นความจริง นางก็ยังคงรู้สึกเป็นทุกข์ หากนางจะออกจากทวีปเฟิ่งหมิงและตามเจียงอี้ไปยังที่ที่ห่างไกล นางอาจไม่ได้กลับมาอีกตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเขาก็คงรู้สึกเศร้ามากเป็นธรรมดา
“ไม่ต้องหมดอาลัยตายอยากขนาดนั้นหรอก”
เจียงอี้ไม่สามารถทนกับใบหน้าของนางได้เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า“อีกสิบปีข้าจะคืนอิสรภาพให้พวกเจ้า หากข้า เจียงอี้ได้กลายเป็นคนสำคัญในภายภาคหน้า ข้าจะทำให้ตระกูลของเจ้าประสบความสำเร็จและรุ่งโรจน์ไปชั่วลูกชั่วหลาน นี่คือคำมั่นสัญญาจากข้า เจียงอี้ผู้นี้….”
บทที่ 546 โถงการค้ามาที่นี่
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
เวลาสิบวันนั้นไม่ได้สั้นแต่มันก็ไม่ได้ยาวนานเช่นกัน สำหรับเฟิ่งหลวนที่ยังคงไล่ล่าเผ่าพันธุ์เงือกอย่างร้อนรนนั้น เห็นได้ชัดเลยว่ามันสั้นเกินไป
หลังจากมีข่าวเรื่องจักรพรรดิอสูรเงือกถูกสังหารไปแล้วแนวรบทั้งสิบทัพทางตะวันตกของทวีปก็ถูกขับออกไปเรื่อยๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เฟิ่งหลวนเคลื่อนไหวจะมีราชันปีศาจถูกสังหารไป หากเฟิ่งหลวนมาปรากฏตัวที่นี่ มันก็เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับจักรพรรดิเงือก ไม่เช่นนั้นเฟิ่งหลวนก็คงจะไม่ออกมาจากเมืองชิงเฟิ่ง
เดิมทีเฟิ่งหลวนต้องการที่จะสังหารกองทัพเงือกไปพร้อมกันและกำจัดทหารเผ่าพันธุ์เงือกให้สิ้นซากและทำให้พวกมันไม่สามารถมาโจมตีทวีปนี้ได้เป็นหมื่นปีแต่หลังจากที่ได้รับคำสั่งของเจียงอี้ นางต้องบินด้วยความเร็วสูงที่สุดไปยังกองทัพต่างๆ นางจะเลือกเฉพาะราชันปีศาจและไม่ว่านางจะพบราชันปีศาจตนใดก็ตาม นางจะต้องสังหารพวกมันอย่างแน่นอน
ในช่วงสิบวันนี้เฟิ่งหลวนไม่ได้พักผ่อนรวมกันมากกว่าสองชั่วโมงเลย แม้ว่าอาการบาดเจ็บของนางจะค่อยๆฟื้นตัว แต่แก่นพลังและพลังงานของนางก็อ่อนล้าเป็นอย่างมาก หลังจากที่นางกลับไปยังราชวังเมืองชิงเฟิ่งแล้ว นางก็เหนื่อยมากจนทรุดลงไปทันที
เมื่อชิงหยีทราบข่าวนางจึงออกไปหาเฟิ่งหลวนที่หมดสติอยู่นางกัดฟันแน่นและขอร้องเจียงอี้ว่า “นายน้อย รออีกสองวันเราค่อยไปจากที่นี่ได้ไหมเจ้าคะ? จักรพรรดินีเหนื่อยล้ามากเกินไปนะเจ้าคะ”
“รออีกสองวัน?”
เจียงอี้พึมพำกับตัวเองยิ่งรอนานก็จะมีปัญหาผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เฟิ่งหลวนหมดสติและเขาคงไม่สามารถบังคับนางให้ไปได้ใช่ไหม? นางยังคงเป็นจักรพรรดินีของทวีปเฟิ่งหมิงและนางก็ต้องมีเวลาเตรียมการณ์เช่นกัน
เขาพยักหน้าและตอบว่า“เราจะอยู่ต่ออีกสองวัน ให้เฟิ่งเอ๋อร์นอนไปสักสองสามชั่วโมงก่อนแล้วค่อยปลุกนางให้นางไปจัดการไม่ให้ทวีปของพวกเจ้าเกิดความวุ่นวายซะ”
“ขอบคุณนายน้อยมากเจ้าค่ะ!”
ชิงหยียิ้มอย่างพอใจและพาเฟิ่งหลวนเข้าไปในห้องด้านในอย่างรวดเร็วนางสั่งให้สาวใช้อาบน้ำให้เฟิ่งหลวนและป้อนยาบำรุงให้แก่นาง หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้วนางก็เดินออกไปรายงานเจียงอี้
“รายงาน!”
แต่ก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอกและแม่ทัพก็คุกเข่าอยู่ข้างนอกประตูพร้อมกับรายงานว่า“ผู้อาวุโสกู่จากสมาคมโถงการค้ายุทธต้องการพบจักรพรรดินีเพคะ”
“สมาคมโถงการค้ายุทธ?”
เจียงอี้ที่นั่งอยู่ในห้องด้านข้างมีแววตาที่เป็นประกายตามการคาดเดาของเขาคือสมาคมโถงการค้ายุทธน่าจะเป็นโถงวรยุทธ พวกมันมาเคาะประตูบ้านเขาตามที่เขาคาดเอาไว้เลย
ชิงหยีไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการพูดคุยเรื่องภายในและทำหน้าตาถมึงทึงจากนั้นนางก็ตอบไปอย่างหนักแน่นว่า “จักรพรรดินีเพิ่งจะหลับไป นางจะไม่พบใครทั้งนั้น”
“เดี๋ยวก่อน!”
เจียงอี้กวักมือเรียกชิงหยีในขณะที่นางก็รีบไปหาเขาเจียงอี้นิ่งไปชั่วขณะและสั่งว่า “เจ้าไปพบผู้อาวุโสจากโถงการค้าและพยายามถามว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร จำไว้นะ หากว่าพวกเขาถามเกี่ยวกับข้า ก็แค่บอกว่าข้าแอบเข้ามาจากโลกภายนอกและถูกจับในฐานะสายลับ จากนั้นจักรพรรดินีก็ชื่นชอบในตัวข้าและทำให้ข้ากลายเป็นสัตว์เลี้ยงของนาง บอกไปว่าข้าได้มอบผนึกแห่งดวงจิตของข้าไปและในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ข้าถูกสังหารด้วยพิษของจักรพรรดิอสูรเงือกไปแล้ว…”
“อ๊ะ?”
ชิงหยีรู้สึกสับสนเล็กน้อยขณะที่นางถามกลับว่า“ทำไมกัน? ไม่ใช่ว่านายน้อยปกติดีหรือเจ้าคะ? ทำไมท่านต้องแช่งตัวเองด้วย?”
“ไปซะ!”
เจียงอี้ยกมือขึ้นไปตบบั้นท้ายของชิงหยีจากนั้นเขาก็จ้องและพูดว่า “ทำไมเจ้าต้องถามอะไรมากมายด้วย? จำไว้ว่าอย่าทำตัวมีพิรุธและพูดเรื่องอย่างอื่นของข้าออกไปอีก เรื่องที่ข้าตาย เจ้าต้องพูดด้วยน้ำเสียงตึงๆด้วยนะ”
“โอ…”
ชิงหยีพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกับคิ้วที่ถักทอมารวมกันส่วนเจียงอี้ก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปเงียบๆและตามประกบหลังชิงหยีไป
“หืม?”
ความแข็งแกร่งของชิงหยีนั้นถือว่ามีความสามารถอยู่และเมื่อเจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกมานางก็สังเกตได้ทันที และเมื่อนางสัมผัสได้ว่ามันเป็นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้ นางก็ไม่ได้กังวลอะไรเพราะหน่วยลาดตระเวนถูกไล่ออกไปข้างนอกแล้ว
ชิงหยีไปที่ห้องด้านข้างเพื่อพบกับผู้อาวุโสกู่จากโถงการค้าผู้อาวุโสกู่ผู้นี้ก็เป็นผู้หญิงเช่นกันและนางก็ค่อนข้างมีอายุแล้ว นางมีผมยาวสีเงิน แต่ผิวของนางค่อนข้างแดงก่ำ ใบหน้าและรอยยิ้มของนางที่ดูเป็นมิตรทำให้นางดูใสซื่อบริสุทธิ์
“หืม?”
เจียงอี้ถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาอย่างรวดเร็วและตกตะลึงเล็กน้อยนางแข็งแกร่งและไม่ได้ด้อยไปกว่าชิงหยีเลย ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่านางจะฝึกฝนมันด้วยตัวเอง ไม่ใช่จากการปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณเสียด้วย
แน่นอนว่าเขาสัมผัสมันได้แต่ไกลและเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้กว่านี้ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะถูกผู้อาวุโสกู่ผู้นี้พบเข้า
สมาชิกของโถงการค้ารีบมาหาเฟิ่งหลวนอย่างรวดเร็วซึ่งสิ่งนี้ทำให้ใจของเจียงอี้หนักอึ้งมาก
แต่ในเมื่อพวกนี้มาหาเฟิ่งหลวนมันก็ยังมีทางที่จะแก้ไขสิ่งนี้ได้เพราะอย่างน้อยโถงการค้าก็ยังไม่รู้ว่าเฟิ่งหลวนเป็นทาสวิญญาณของเขา เหตุผลที่เขาให้ชิงหยีบอกว่าเขาตายมันเป็นเพราะเขาจะดูว่ามันจะหลอกโถงการค้าได้หรือไม่ หากโถงการค้าเชื่อว่าเขาตายแล้ว การเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาจะปลอดภัยกว่าเดิมมาก
ตึกตึก ตึก!
หนึ่งชั่วโมงต่อมาในตอนที่ความคิดของเจียงอี้กำลังฟุ้งซ่าน ชิงหยีก็กลับเข้ามา นางปิดประตูและเปิดใช้งานอาคมยับยั้ง จากนั้นนางก็รายงานว่า “นายน้อย คนของโถงการค้ากลับไปแล้วเจ้าค่ะ พวกนั้นมาที่นี่เพื่อถามเกี่ยวกับข้อมูลของท่าน นายน้อย…..ท่านไปเกี่ยวข้องกับโถงการค้าได้อย่างไรกัน? จากที่ข้ารู้ ท่านไม่ได้ติดต่อกับคนของโถงการค้าเลยนี่เจ้าคะ”
“เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ”
ดวงตาของเจียงอี้หดลงเขามั่นใจเกินสิบส่วนเลยว่าสมาคมการค้าโถงยุทธเป็นสาขาของโถงวรยุทธ เขาไม่เคยติดต่อกับโถงการค้านี่เลยและถ้าหากเฟิ่งหลวนไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันอยู่ในทวีปเฟิ่งหมิงด้วย
“บอกข้าทุกคำพูดทุกบทสนทนาแม้แต่การแสดงออกของผู้อาวุโสโถงการค้านั่น บอกข้ามาให้หมด!”
เจียงอี้หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและถามอย่างใจจดใจจ่อชิงหยีก็ไม่กล้าที่จะประมาทและเล่าทุกสิ่งทุกอย่างขณะที่การแสดงออกของเจียงอี้นั้นรุนแรงมากขึ้น
เขาอาจโกนผมสีแดงของเขา,สวมต่างหูและสวมชุดหนังสัตว์แล้ว แต่เจตจำนงสังหาร, ดาบมังกรเพลิงและเปลวเพลิงของเขานั้นโดดเด่นเกินไป ซึ่งมันทำให้โถงการค้าใช้เวลาเพียงปราดเดียวก็ระบุตัวเขาได้แล้ว
ผู้อาวุโสจากโถงการค้าไม่ได้ถามนางโดยตรงแต่ทุกคำถามนั้นเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ทะเลสาบชิงเฟิ่ง นางจะยกย่องความกล้าหาญและพลังของเฟิ่งหลวนอย่างต่อเนื่องและไม่ลืมที่จะขอบคุณผู้ที่ปรากฏตัวออกมานั่นคือเจียงอี้ นางพูดไปเรื่อยๆและพยายามจะหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเจียงอี้
แต่โชคดีที่ชิงหยีเชื่อฟังมากนางยืนยันว่าเจียงอี้ตายแล้วและศพของเขาก็เน่าไปแล้วโดยที่นางบอกไปว่านางไม่ต้องการพูดถึงเจียงอี้อีกต่อไป จากนั้นนางก็เปลี่ยนหัวข้อไปยังเผ่าพันธุ์เงือกและถึงกับบอกเป็นนัยว่าโถงการค้าไม่ได้ให้ความช่วยเหลือมากนัก
หลังจากได้ยินคำพูดของชิงหยีแล้วผู้อาวุโสจากโถงการค้าดูเหมือนจะไม่เชื่อว่าเจียงอี้ตายแล้ว และหลังจากที่ชิงหยีพูดว่านางไม่ต้องการพูดถึงเจียงอี้อีกแล้ว นางก็กลับถามคำถามอื่นๆอย่างคลุมเครือ อย่าง หากว่าเจียงอี้มีพลังมากขนาดนั้นแล้วทำไมเขาถึงตายด้วยพิษได้?
“ซวยแล้ว!”
เจียงอี้หลับตาและนวดขมับของเขาโถงวรยุทธได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองไปทั่วทั้งเมืองเทียนชิง แต่ในทวีปเฟิ่งหมิงพวกเขากลับถูกปกปิดเอาไว้เป็นอย่างดี พวกนั้นจะต้องมีกองกำลังลับมากมายและสาวใช้บางคนในราชวังอาจเป็นคนของพวกนั้นก็ได้
“ไปเถอะเราต้องไปกันแล้ว!”
เจียงอี้พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและรีบลุกขึ้นเพื่อออกคำสั่ง“ไปปลุกเฟิ่งหลวนเดี๋ยวนี้ บอกให้นางรีบไปจัดการงานของนางและเราต้องออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ยิ่งช้ายิ่งจะมีปัญหาตามมาอีกเยอะ”
“อ๊ะ?”
การแสดงออกของชิงหยีเปลี่ยนไปเมื่อเจียงอี้พูดเสร็จ นางจึงต้องกัดฟันเดินเข้าไปในห้องด้านใน
บรึฟ!
ในตอนนั้นเองอาคมยับยั้งก็สว่างขึ้นที่ประตูขณะที่ชิงหยีหยุดชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นข้อความฉุกเฉินจากภายนอก นางมองไปยังเจียงอี้และเปิดดูข้อความพร้อมกับถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อคนข้างนอกได้ยินว่าเป็นเสียงของชิงหยีหนึ่งในนั้นก็ตะโกนออกมาอย่างร้อนรน “แม่หญิงชิงหยี มีบางอย่างเกิดขึ้นเจ้าค่ะ! มีข้อความจากทะเลทางตะวันตกกลับมาว่าจักรพรรดิอสูรชือกำลังกลับมาและกำลังบินตรงมายังทวีป ในตอนนี้เขาน่าจะใกล้ถึงเมืองดอกท้อแล้วเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ?”
ชิงหยีอุทานออกมาขณะที่สีหน้าของเจียงอี้ย่ำแย่ลงไปอีกด้านหนึ่งก็คือโถงวรยุทธมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน ส่วนอีกด้านหนึ่งคือจักรพรรดิอสูรชือกำลังจะกลับมาเนี่ยนะ?
ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิอสูรชือนั้นไม่ได้เหมือนของจักรพรรดิอสูรเงือกมันติดหนึ่งในห้าอันดับในทะเลบูรพาเวิ้งว้าง หากมันกำลังมุ่งตรงมายังเมืองชิงเฟิ่ง เช่นนั้น เขา, เฟิ่งหลวนและชิงหยีอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่
…